สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 380 โชคลาภลอยมา
บทที่ 380 โชคลาภลอยมา
ต้วนเจ๋อหมิงไม่ใช่คนทั่วไป เขาเป็นถึงนายกเทศมนตรีที่เมียนมาร์ จึงอาจกล่าวได้ว่าเขาได้รับเกียรติยศมามากมายนับไม่ถ้วน ประเทศเมียนมาร์ถูกกล่าวขานว่าเป็นบ้านพักคนชราของโลก ซึ่งธุรกิจของต้วนเจ๋อหมิงก็เกี่ยวกับสถานพยาบาลด้วยเช่นกัน
ว่ากันว่าทุกเมืองในประเทศเมียนมาร์จะมีบ้านพักคนชราและศูนย์การแพทย์ของครอบครัวต้วน นับเป็นเรื่องน่าสะพรึงเลยทีเดียว
เทียบกับต้วนเจ๋อหมิงแล้ว ไป๋เยี่ยอาจจะเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น
ทว่าวันรุ่งขึ้น ต้วนเจ๋อหมิงก็มาหาไป๋เยี่ยด้วยตนเอง
ทั้งสองคนมาที่โรงน้ำชาสไตล์จีน ภายในโรงน้ำชาไม่มีใครนอกจากพวกเขาสองคน ต้วนเจ๋อหมิงช่ำชองการชงชาถึงขั้นที่ไป๋เยี่ยมองว่าเขาเป็นมืออาชีพได้เลย
ต้วนเจ๋อหมิงนำพาสิ่งสวยงามมาให้ไป๋เยี่ยได้เชยชมจริงๆ
เขามองท่าทีตะลึงของไป๋เยี่ยพลางคลี่ยิ้มออกมา “คนเราแก่ตัวลงก็ต้องมีงานอดิเรกอยู่แล้ว”
ไป๋เยี่ยกล่าวชื่นชมอย่างจริงใจ “ลุงต้วนชงชาได้เป็นมืออาชีพมากเลยครับ รู้สึกเหมือนกำลังดูงานศิลปะเลย”
ต้วนเจ๋อหมิงเองก็พึงพอใจกับการชงชา เขาพยักหน้า “การทำอะไรให้สุดทางคือศิลปะอย่างหนึ่ง การดื่มชาก็เช่นกัน จริงๆ แล้วนี่คือแก่นแท้ของชาวจีนแบบพวกคุณ คนดื่มชาไม่ได้มีแค่คนเดียวเท่านั้น ที่วัฒนธรรมการชงชาถูกสืบทอดต่อมาจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะว่ามันเป็นสื่อกลางในการใช้ชีวิตของผู้คนและเป็นวิถีชีวิตในการดื่มชาเพื่อบำรุงร่างกายยังไงล่ะ”
“เห็นไหม ไม่ว่าจะเป็นการชง การชม การดม หรือการดื่มชา ก็ล้วนเป็นวิธีการสร้างมิตรภาพ ปลูกฝังคุณธรรมและเรียนรู้มารยาททั้งนั้น”
ต้วนเจ๋อหมิงพูดเรื่องนี้แล้วก็หลุบยิ้ม “ไว้ครั้งหน้าคุณมาที่บ้านผม ผมจะให้คุณลองชิมชาที่ภรรยาผมปลูกเอง อร่อยมากเลยนะ”
“วันนี้ผมมาหาคุณเพราะอยากจะคุยเรื่องที่ผมเคยบอกคุณไว้ก่อนหน้านี้” หลังจากที่พรรณนาเรื่องชาแล้ว ต้วนเจ๋อหมิงก็เกริ่นเข้าประเด็นด้วยรอยยิ้มสบายใจ
“วันนี้ผมอยากจะมาร่วมมือสร้างเครือโรงพยาบาลกับคุณ เสี่ยวเยี่ย คุณอยากรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
“โรงพยาบาลนี้มีแค่สองแผนก คือแผนกกระดูกและข้อกับแผนกฉุกเฉิน จุดประสงค์หลักของผมคือการสร้างโรงพยาบาลกระดูกและข้อและศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก”
“สิ่งที่ตระกูลต้วนทำได้มากที่สุดคือการสร้างเครือโรงพยาบาล พวกเรามีประสบการณ์ เงินทุนและช่องทางต่างๆ ส่วนคุณมีทักษะ ถ้าพวกเราร่วมมือกัน มันจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!”
ไป๋เยี่ยกำลังจะปฏิเสธ ทว่าต้วนเจ๋อหมิงกลับโบกมือไปมา “ผมรู้ว่าคุณกำลังกังวลเรื่องอะไร คุณกำลังกังวลว่าความร่วมมือจะเป็นไปอย่างไม่เท่าเทียมและกังวลว่าต่อไปคุณจะรักษาหุ้นส่วนไว้ไม่ได้ และจะถูกตระกูลต้วนยึดครองไปในที่สุด”
“ผมมีข้อเสนอให้คุณ คุณต้องรับผิดชอบการบ่มเพาะบุคลากร ตอนที่เซ็นสัญญาคุณจะต้องใช้ชื่อของสถาบันวิจัย ถึงตอนนั้นคุณจะเป็นคนรับผิดชอบด้านบุคลากร ส่วนผมจะรับผิดชอบส่วนที่เหลือเอง”
“ยังไงคุณก็มีจุดแข็งในเรื่องการปลูกฝังบุคลากรอยู่แล้ว อีกทั้งทักษะที่คุณมียังเป็นสิ่งที่บุคลากรต้องพึ่งพาด้วย…”
ต้วนเจ๋อหมิงพูดต่อ “ในเมื่อเราจะทำแบบนี้ เราก็ต้องทำออกมาให้ดีที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุด คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุนเลย ส่วนเรื่องแบ่งหุ้นส่วน ตอนนี้ผมคิดไว้ว่าเราจะแบ่งกันครึ่งต่อครึ่ง ยังไงโรงพยาบาลก็ไม่ใช่ห้างสรรพสินค้า ประเด็นหลักๆ ที่ใช้แข่งขันกันคือศักยภาพของบุคลากรและเทคโนโลยีทางการแพทย์”
ไป๋เยี่ยได้ฟังสิ่งที่ต้วนเจ๋อหมิงพูดมามากมายก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
เพราะสุดท้ายแล้วโรงพยาบาลก็คือธุรกิจอย่างหนึ่ง โรงพยาลไม่ใช่พระเจ้าหรือนักบุญแต่อย่างใด พวกเขาก็ต้องการเงินเหมือนกัน สถาบันวิจัยอาจจะไม่จำเป็นต้องหาเงิน เพราะมีหน้าที่แค่ทำวิจัย แต่โรงพยาบาลไม่ใช่แบบนั้น อย่างที่ต้วนเจ๋อหมิงพูดไว้ การสร้างเครือโรงพยาบาลขึ้นมาจะต้องสร้างรายได้มหาศาลอย่างแน่นอน
เช่นเดียวกับเมโยคลินิกซึ่งเป็นเครือโรงพยาบาลชั้นนำของโลก รูปแบบการดำเนินธุรกิจของที่นั่นคือการสนับสนุนงานวิจัยไปพร้อมกับให้บริการทางการแพทย์ อย่างไรเสียการทำวิจัยก็ไม่ใช่การผลาญเงินไปโดยสิ้นเปลือง
นอกจากนี้สภาพการเงินของไป๋เยี่ยในตอนนี้ก็ยังไม่ดีนัก หากต่อไปเขายังไม่มีแหล่งเงินทุนที่มั่นคง ก็คงจะทำอะไรต่อได้ยาก
ต้วนเจ๋อหมิงมองไป๋เยี่ยด้วยสีหน้าตื่นเต้นก่อนจะพูดต่อ “เสี่ยวเยี่ย คุณสร้างคนมามากมายขนาดนั้น แถมยังสร้างสถาบันวิจัยด้วย คุณทำไปเพื่ออะไรเหรอ ผมเชื่อว่าคงไม่ใช่เพื่อทำวิจัยอย่างเดียวหรอกใช่ไหม คนจีนมักจะพูดว่า ‘เรียนไปเพื่อใช้’ มีความรู้อย่างเดียวไม่ใช่เรื่องที่ดี สิ่งที่พวกเราต้องทำคือนำความรู้พวกนี้มาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์”
“อีกอย่างคนบนโลกส่วนใหญ่ไม่ได้ขาดเงิน แต่พวกเขาขาดบริการทางการแพทย์ที่ดี เราจะเผยแพร่และใช้งานเทคโนโลยีระดับแนวหน้าเหล่านี้เพื่อที่จะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้มากขึ้น นี่เทียบเท่ากับก่ารรับใช้ประชาชนเลยนะ”
ไป๋เยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ได้พยักหน้า แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
หลังจากดื่มชาไปสักพักแล้ว ไป๋เยี่ยก็เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “เรามาร่วมมือกันเถอะครับ!”
ต้วนเจ๋อหมิงเห็นว่าไป๋เยี่ยตอบตกลงก็เผยรอยยิ้มออกมา “เยี่ยม!”
หลังจากที่ไป๋เยี่ยและต้วนเจ๋อหมิงตกลงกันแล้ว ทุกอย่างก็ถูกจัดการอย่างง่ายดาย ขั้นต่อไปคือการให้เจ้าหน้าที่จากทั้งสองฝ่ายเข้ามาเจรจากัน
การก่อสร้างโรงพยาบาลต้องมีขั้นตอน และช่วงเวลานี้ก็เหมาะสำหรับการฝึกอบรมแพทย์เหล่านี้ที่สถาบันวิจัยของไป๋เยี่ย
พูดตามตรง นี่ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับไป๋เยี่ย เพราะมันไม่เพียงแต่จะเทียบเท่ากับการเพิ่มฐานการทดลองทางการแพทย์ แต่ยังช่วยสร้างผลกำไรนับไม่ถ้วนได้อีกด้วย
ต้องรู้ว่าธุรกิจโรงพยาบาลเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรได้อย่างมหาศาลในต่างประเทศ เพราะว่าโรงพยาบาลและคลินิกระดับประเทศจะต้องมีระบบนัดคิวพบแพทย์ และยังมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งก็ต้องใช้เงินอีกตามเคย
อีกทั้งการออกใบสั่งยาก็ยังมีค่าใช้จ่ายมากกว่าในประเทศจีนด้วย เพราะว่าผู้เชี่ยวชาญจะต้องใช้เงินจำนวนมากในการกำหนดแผนการรักษาให้กับคุณ
หลังจากที่ทั้งสองดื่มชาแล้ว ต้วนเจ๋อหมิงก็ยื่นเช็คให้ไป๋เยี่ยด้วยท่าทีมีลับลมคมในก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ “ช่วงนี้ผมจะส่งกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์มืออาชีพไปฝึกที่สถาบันวิจัยของคุณเป็นเวลาสามเดือนถึงครึ่งปี พวกเขาจะกลายเป็นกำลังสำคัญของสาขาวิชาชีพนี้ พอดีกับช่วงที่เรากำลังสร้างโรงพยาบาลด้วย ชุดแรกอาจจะมีประมาณสามร้อยถึงห้าร้อยคนนะ เงินนี่เป็นของบริษัทผมเอง ต่อไปมันจะถูกหักลบกับบัญชีรายรับรายจ่ายของบริษัทด้วย ผมก็แค่จ่ายเงินให้ก่อนเท่านั้น”
ต้วนเจ๋อหมิงพูดจบก็ขยิบตาและเดินจากไป
ไป๋เยี่ยนั่งเงียบพร้อมกับมองเช็คมูลค่าห้าสิบล้านดอลลาร์ตรงหน้า
เขาส่ายหัวไปมา
ต้วนเจ๋อหมิงสืบสถานการณ์ปัจจุบันของสถาบันวิจัยมาแล้วแน่นอน จึงเลือกมาหาไป๋เยี่ยตอนนี้ เพราะเขารู้ว่าไป๋เยี่ยจะไม่ปฏิเสธ
และถ้าพูดตามตรง เงินห้าสิบล้านดอลลาร์นี่ก็ช่วยชีวิตเขาไว้จริงๆ
ห้าสิบล้านดอลลาร์เยอะไหม
มันก็เยอะ แต่ก็น้อยมากเช่นกัน!
บางทีการสร้างอาคารโรงพยาบาลขนาดใหญ่ระดับไฮเอนด์อาจจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่านี้ แต่สำหรับไป๋เยี่ยในตอนนี้ เงินนี่ช่วยให้เขาทำงานวิจัยได้สำเร็จ
ถึงแม้ต้วนเจ๋อหมิงจะบอกว่านี่เป็นเงินของบริษัท ที่ต่อไปมันจะถูกหักลบกับรายได้ของบริษัทเป็นค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม แต่ว่า…นี่ก็ถือเป็นเงินก้อนโตที่เขาให้ไป๋เยี่ยยืมไปใช้ก่อน
เขากังวลว่าไป๋เยี่ยจะไม่ตอบตกลงจึงพูดแบบนั้น
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็ยิ้ม ช่างเป็นคนที่ทรงพลังจริงๆ
แต่ถึงกระนั้นเมื่อเห็นเช็คในมือ ไป๋เยี่ยก็อยากรีบไปหาโมนิกาทันที เขาจะวางเช็คใบนั้นลงบนโต๊ะและให้เธอรินกาแฟพร้อมกับนวดไหล่ให้
นี่คงเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง