สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 382 เซอร์ไพร์สยิ่งใหญ่ (2)
บทที่ 382 เซอร์ไพร์สยิ่งใหญ่ (2)
ไป๋เยี่ยนิ่งมาก
ในแววตาของเขาไม่มีประกายใดๆ
ผ่านไปไม่นาน ไป๋เยี่ยก็หลุดหัวเราะออกมาดังลั่น “ฮ่าๆ ท่านอย่าล้อเล่นเลยครับ”
เฉินเจิ้นปั่งรู้อยู่แล้วว่าไป๋เยี่ยจะพูดอะไรก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดปากเสียอีก
เขาจึงไม่ผิดหวังเท่าไหร่และได้แต่หัวเราะเบาๆ “ฮ่าๆ เจ้าเด็กนี่รู้จักคิดชะมัด”
พูดจบเขาก็จิบชาแล้วลุกขึ้นเดินไปหาไป๋เยี่ย
เมื่อเดินมาตรงหน้าไป๋เยี่ยเขาก็เอ่ยปาก “จริงสิ ตอนนี้การฝึกเป็นไงบ้างแล้ว ทุกคนมีพัฒนาการไหม ผมได้ยินมาว่าทุกคนประเมินคุณไว้สูงมากเลยนะ”
“แล้วก็พูดตามตรงนะ ตอนนี้คุณดูจะมีเกียรติมากกว่าผมในสายตาทีมกู้ภัยซะอีก”
ไป๋เยี่ยจึงตอบไปตามตรง “ทุกคนทำงานหนักและเก่งมากครับ พวกเขาพัฒนาไวมาก ผมคิดว่าการฝึกคงกินเวลาไม่นานมาก”
“และยังมีอีกหลายคนที่มีพรสวรรค์ ผมคิดว่าเราแต่งตั้งคนพวกนี้เป็นหัวหน้าทีมได้นะครับ”
เฉินเจิ้นปั่งยกยิ้ม “ไม่เลวนี่ แต่ว่าเรื่องนี้คุณน่าจะเชี่ยวชาญดี เรื่องคัดเลือกบุคลากรในวิชาชีพนั้นผมสู้คุณไม่ได้จริงๆ เอาอย่างนี้แล้วกัน ในเมื่อคุณไม่อยากเป็นหัวหน้าทีม งั้นคุณก็เลือกสักคนที่เหมาะสมจากกลุ่มคนพวกนี้แล้วกัน คิดว่าไง”
ไป๋เยี่ยถึงกับช็อก!
ปากพาซวยหรือเปล่าวะเนี่ย
ถ้าเขาพูดแบบนั้น แสดงว่าเขากำลังหาเรื่องให้เราอยู่หรือเปล่า
ทว่าเมื่อไป๋เยี่ยเหลือบมองใบหน้ายิ้มแย้มของเฉินเจิ้นปั่ง เขากลับรู้สึกว่าตนนั้นเด็กและอ่อนต่อโลกเกินไปจริงๆ
แต่ถึงอย่างไรเฉินเจิ้นปั่งก็ไว้หน้าเขาแล้ว
ไป๋เยี่ยจึงพยักหน้า “ครับท่าน ถ้าอย่างนั้นผมจะเลือกมาสักสองสามคนให้ท่านดูว่าใครเหมาะสม”
เฉินเจิ้นปั่งปรบมือ “ได้! ผมอนุมัติ”
วันที่ 23 กรกฎาคม การฝึกอบรมสิ้นสุดลงแล้ว!
ทันใดนั้นเสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้น
[ติ๊ง! คุณฝึกฝนบุคลากรหายากสำเร็จแล้ว!]
ไป๋เยี่ยกำลังปิดหนังสือ ทว่ากลับต้องตกใจกับข้อความแจ้งเตือนนี้
บุคลากรหายาก?
มีพรสวรรค์ระดับหกดาวงั้นเหรอ
เราสร้างบุคลากรระดับหกดาวขึ้นมาเหรอ
ตอนนี้ไป๋เยี่ยยังคงยืนอยู่บนโพเดียม คลาสในวันนี้จบลงแล้ว แต่ทุกคนก็ยังต้องการเวลาทำความเข้าใจกับเนื้อหา
เดิมทีไป๋เยี่ยคิดว่าทุกคนคงจะต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้
ทว่าข้อความแจ้งเตือนนั้นกลับทำให้ไป๋เยี่ยตะลึง
ทันใดนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ “อาจารย์ไป๋ครับ ผมมีคำถาม”
ไป๋เยี่ยที่กำลังช็อกอยู่นั้นจึงเงยหน้าขึ้นมา และพบกับชายคนหนึ่งกำลังยืนถือหนังสือและสมุดโน้ตเล่มหนาในมือ
ไป๋เยี่ยเห็นว่าบนสมุดโน้ตเล่มนั้นมีแผนภาพและข้อสันนิษฐานมากมายเขียนอยู่ คล้ายกับว่ากำลังหาคำตอบให้กับคำถามนั้น
“ว่ามาเลยครับ” ไป๋เยี่ยเองก็อยากรู้เช่นกัน
เมื่อชายคนนั้นได้ยินก็พลันรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “อาจารย์ไป๋ คำถามสุดท้ายที่คุณถามคือเมื่อมีกระสุนยิงทะลุบริเวณเส้นเลือดแดงที่ต้นขาก็อาจจะเกิดอาการหลายแบบ สิ่งแรกที่เราควรทำคือ…”
ไป๋เยี่ยพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วค่อยๆ อธิบาย เขาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการอธิบายคำถามนี้ให้ชัดเจน
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องเรียนเลย ผู้คนรอบๆ เห็นว่าไป๋เยี่ยกำลังสอนอยู่ก็ค่อยๆ แยกย้ายกันไป
ทว่าไป๋เยี่ยก็ดันไปนึกถึงเสียงแจ้งเตือนจากระบบ
[ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณพบบุคลากรหายากแล้ว]
ทันใดนั้นไป๋เยี่ยก็ตระหนักได้ว่าคนตรงหน้าคือบุคลากรหายากที่เขาอบรมมากับมือ
ตั้งแต่มาบรรยายที่นี่เขาก็ไม่ได้พบกับบุคลากรหายากเลย
แต่ตอนนี้เขาเจอแล้ว!
ต้องเป็นคนคนนี้แน่ๆ
ไป๋เยี่ยจึงเงยหน้าขึ้นและถามฝ่ายตรงข้าม “คุณชื่ออะไรครับ”
ชายคนนั้นได้ยินไป๋เยี่ยถามชื่อของตนก็ประหลาดใจขึ้นมาในทันที
เพราะพ่อของเขาเคยบอกไว้ว่าจะมีการเลือกหัวหน้าทีมใหม่
และไป๋เยี่ยก็คือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับการคัดเลือกนี้
ดังนั้นเมื่อได้ยินไป๋เยี่ยถามชื่อของตน ก็หมายความว่าตนเข้าตาไป๋เยี่ยแล้ว
ไป๋เยี่ยคือใคร
เขาคือตัวเต็งในสายตาของทุกคน!
และคนพวกนี้ก็ไม่ใช่คนธรรมดาแต่อย่างใด ต่างคนก็ต่างมีภูมิหลังและรู้เรื่องราวของไป๋เยี่ยดี
นักวิชาการฉางเจียงที่มีอายุน้อยกว่าพวกเขา ไป๋เยี่ยเป็นนักวิชาการที่มีตำแหน่งเป็นรองแค่ผู้อำนวยการสถาบันต่างๆ เท่านั้น และในอนาคตเขาอาจจะกลายเป็นผู้ชนะรางวัลโนเบลด้วยซ้ำ
นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่จะต้องรับมือกับบุคลากรตำแหน่งสูงๆ และผู้นำอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เยี่ยก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยมด้วย
ในขณะที่พวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย อาจจะมีทิฐิบ้าง ทว่าสำหรับพวกเขาแล้ว ไป๋เยี่ยเปรียบดั่งภูเขาจริงๆ
เป็นภูเขาที่ไม่มีใครข้ามผ่านไปได้
ดังนั้น เมื่อชายคนนั้นได้ยินไป๋เยี่ยถามเช่นนี้แล้ว เขาก็เข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร จึงตอบด้วยท่าทีตื่นเต้น “อู๋เย่ว์ครับ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าก่อนจะเปิดโหมดดวงตารอบรู้
[อู๋เย่ว์ เลเวลทักษะการแพทย์ฉุกเฉิน: เลเวล 4, พรสวรรค์ด้านการแพทย์ฉุกเฉิน: 6 ดาว]
ไป๋เยี่ยรู้สึกพอใจมาก อย่างไรเสียในทีมนี้ก็มีเพียงไม่กี่คนที่มีทักษะเลเวลสาม เพราะว่าแค่เลเวลสามก็เทียบเท่ากับแพทย์อาวุโสที่มาเข้าร่วมแล้ว
พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มนักศึกษาจากวิทยาลัยแพทย์ทหารที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาหรือไม่ก็แพทย์ที่เพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นอน
ดังนั้นกว่าจะมายืนตรงนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ทว่าการปรากฏตัวของอู๋เย่ว์กลับกลายเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
ไป๋เยี่ยพึมพำพร้อมกับผงกศีรษะลง เขาจำชื่อนี้ไว้แล้ว
เขาจึงตัดสินใจพูดคุยกับเฉินเจิ้นปั่งเกี่ยวกับคนที่มีทักษะถึงเลเวลสี่ในภายหลัง เพราะว่าคนพวกนี้ล้วนถูกเลือกผ่านมุมมองของมืออาชีพทั้งนั้น
ส่วนคุณสมบัติอื่นๆ ก็ให้ผู้อื่นมาพิจารณาด้วย
[ติ๊ง! ฝึกฝนบุคลากรหายากสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 5000 แต้ม]
ไป๋เยี่ยนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ เผยยิ้ม ก็ยังถือว่าใจดีอยู่ ฝึกบุคลากรหายากก็ยังให้ค่าประสบการณ์ตั้งห้าพันแต้ม
แต่ถึงกระนั้น การจะค้นพบบุคลากรหายากสักหนึ่งคนจากสองร้อยคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดูเหมือนว่าฉายานักวิชาการฉางเจียงนี่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการฝึกฝนบุคลากรหายากด้วย นี่ไม่ใช่เรื่องตลกเอาเสียเลย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไป๋เยี่ยก็ต้องการค่าประสบการณ์อีกเพียงหนึ่งหมื่นแต้มเท่านั้นถึงจะอัปเลเวลทักษะเป็นเลเวลเจ็ดได้
เขากำลังรอคอยมันอยู่
ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่กวนใจไป๋เยี่ยจนนอนไม่หลับ
นั่นก็คือข้อความแจ้งเตือนจากระบบที่ดังขึ้นมาในหัวเรื่อยๆ
[ติ๊ง! ฝึกฝนบุคลากรเลเวล 3 สำเร็จและได้รับแพ็คของขวัญฝึกสอน]
[ติ๊ง! ฝึกฝนบุคลากรเลเวล 3 สำเร็จและได้รับแพ็คของขวัญฝึกสอน]
ไป๋เยี่ยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปิดเสียงระบบไป