สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 395 โครงการหกร้อยดอลลาร์สหรัฐ
บทที่ 395 โครงการหกร้อยดอลลาร์สหรัฐ
หลังจากที่ไป๋เยี่ยออกมาแล้ว เขาก็อดคิดถึงสิ่งที่มิเชลพูดไม่ได้ จะเรียกมันว่าเป็นความลับทางการค้าก็ยังได้!
หมายความว่าอย่างไร
อุปกรณ์ทางการแพทย์ทั้งหมดในตลาด โดยเฉพาะกายอุปกรณ์ล้วนก่อให้เกิดผลข้างเคียงทั้งนั้น และอาจจะมีบางชิ้นที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงชัดเจน ทว่าทุกๆ ปีก็จะมีการปรับปรุงคุณภาพของอุปกรณ์เหล่านี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันยังไม่มีแนวคิดในการพัฒนาที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันสักที
โดยเฉพาะกับข้อต่อเทียม!
หัวข้อหลักที่จะถูกนำมาประมูลคือการวิจัยข้อต่อเทียม
เมื่อไม่นานมานี้ มีข่าวใหญ่ว่าบริษัทยายักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่างจอห์นสันแอนด์จอห์นสันถูกปรับเงินสี่พันพันเจ็ดร้อยล้านดอลลาร์ ที่จริงแล้วมีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังค่าปรับที่สูงลิ่วนี้หรือไม่
จอห์นสันแอนด์จอห์นสันผลิตแป้งฝุ่นและผลิตภัณฑ์เสริมความงามอื่นๆ ที่มีสารก่อมะเร็งรังไข่ ผู้หญิงที่ใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจำนวนยี่สิบสองคนจึงเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทเป็นจำนวนเงินสี่พันหกร้อยเก้าสิบล้านดอลลาร์!
นี่ถือเป็นการชดใช้ครั้งใหญ่ที่สุดของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเลยก็ว่าได้ บริษัทต้องเผชิญหน้ากับการฟ้องร้องข้อหาใช้สารก่อมะเร็งในผลิตภัณฑ์ ซึ่งหากจะต้องจ่ายค่าเสียหายก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ในปี 2009 บริษัทเภสัชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่างไฟเซอร์ถูกปรับเงินสองพันสามร้อยล้านดอลลาร์ เนื่องจากฝ่ายการตลาดและฝ่ายขายของบริษัทจงใจทดลองตัวยาเกินขอบเขตที่ควรจะเป็น ทั้งที่ยังอยู่ในขั้นตอนการรออนุมัติวางจำหน่าย
ในปี 2012 บริษัทยาระดับโลกอย่างแกล็กโซสมิธไคลน์ (จีเอสเค) ถูกปรับเงินสามพันล้านดอลลาร์ข้อหาลักลอบขายยาที่ไม่ได้รับการรับรอง
ซึ่งองค์กรด้านสุขภาพของสหรัฐอเมริกาและองค์การอนามัยโลกก็ได้ออกประกาศต่อสาธารณะว่าบริษัทที่ทำกิจการด้านการแพทย์จะต้องรับผิดชอบต่อพฤติกรรมอันขาดความรับผิดชอบที่ได้ก่อไว้
ข้อมูลที่มิเชลเปิดเผยให้ไป๋เยี่ยทราบก็คือตอนนี้เอสพีโอเอ็มหรือบริษัทผลิตกายอุปกรณ์ทั้งหมดกำลังประสบปัญหาบางอย่าง มันคงจะดีมากถ้าใครสักคนค้นพบต้นตอของปัญหาเรื่องผลข้างเคียงของการใช้อุปกรณ์ที่ซ่อนอยู่!
ไป๋เยี่ยเดินไปรอบๆ พลางคิดเรื่องนี้ไปด้วย บางทีสิ่งที่เอสพีโอเอ็มต้องทำในตอนนี้อาจจะไม่ใช่การแก้ปัญหาเรื่องผลข้างเคียงเท่านั้น แต่ยังต้องแก้ไขปัญหาอื่นๆ อย่างเรื่องคู่แข่งด้วย!
ทำไมถึงพูดแบบนี้
เพราะว่ากฎหมายของสหรัฐอเมริกากำหนดบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับการทำผิดจรรยาบรรณด้านการวางจำหน่ายอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ เอสพีโอเอ็มยังไม่ใช่บริษัทที่อยู่แนวหน้าที่สุด ยังมีอีกหลายบริษัทที่นำหน้าเอสพีโอเอ็ม ซึ่งไป๋เยี่ยคิดว่าถ้าเขาค้นพบผลข้างเคียงของการใช้กายอุปกรณ์ มันจะไม่ได้กลายเป็นแค่โอกาสในการพัฒนาตนเองของเอสพีโอเอ็ม แต่ยังเป็นโอกาสที่ดีในการโจมตีคู่แข่งด้วย
ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ต้องรีบเร่งทำเรื่องนี้ เพราะว่าในมือของเขายังไม่มีข้อมูลมากขนาดนั้น การจะเริ่มต้นตั้งแต่แรกก็ดูจะเป็นเรื่องยากเกินไป
แต่เพราะมิเชลเป็นคนยื่นโอกาสมาให้เขาเอง บางทีเขาก็น่าจะลองเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ ดู
เตรียมตัวเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่าความลับทางการค้าไงล่ะ
ไป๋เยี่ยไม่เชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง ผู้คนจำนวนมากต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งคนที่รู้เรื่องมากที่สุดก็คือหน่วยงานวิจัยต่างๆ ทั้งนั้น!
ดังนั้นสิ่งที่ไป๋เยี่ยต้องทำคือต้องเตรียมพร้อมสำหรับการประมูล ถ้าเขาประมูลสำเร็จก็ลองค้นคว้าดูได้ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นโครงการใหญ่ที่มีมูลค่ากว่าหกร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ!
ไป๋เยี่ยเริ่มอยากรู้อยากเห็นเรื่องกายอุปกรณ์มากขึ้น ก็เหมือนกับที่มิเชลบอก ใครจะไม่อยากได้กำไรจากตลาดใหญ่ที่มีมูลค่านับแสนล้านดอลลาร์
ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนกับการผูกขาดหรือ
เป็นไปไม่ได้ ขอแค่เรามีแบรนด์เป็นของตนเอง การผูกขาดก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็คือผลิตภัณฑ์ในโลกอนาคต ข้อกฎหมายย่อมมีวิธีแก้ไขปัญหาการผูกขาดทางเทคโนโลยีหลายวิธี ทว่าไป๋เยี่ยก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องนั้นมากเท่าไหร่
สิ่งที่ไป๋เยี่ยจะทำคือการหาบริษัทมาร่วมมือด้วยและขายสิทธิบัตรให้กับอีกฝ่าย บางทีเอสพีโอเอ็มก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดี!
ไป๋เยี่ยมั่นใจว่าตะปูของเขาจะต้องมีมูลค่าหลายพันล้านแน่นอน!
เพราะตะปูชิ้นนั้นอาจจะเปลี่ยนอนาคตของโลกใบนี้ไปเลยก็ได้
ช่วงบ่ายของวันนั้น ไป๋เยี่ยปฏิเสธทุกอย่างและกลับไปที่หอพักทันที รูมเมททั้งสามคนกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
เพราะว่ามะรืนนี้ก็เป็นวันสอบแล้ว ไป๋เยี่ยคงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก…
หยางเผิงเหว่ยเห็นไป๋เยี่ยกลับมาก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย “ยังดีที่รู้ว่ามีสอบ! นึกว่านายจะลืมไปแล้ว… ”
ไป๋เยี่ยยิ้มแห้ง “ไม่ได้ลืม ฉันจะลืมได้ไง ว่าแต่นายมีเนื้อหาที่ออกสอบไหม ขอยืมหน่อยสิ ฉันจะได้อ่านหนังสือ…”
หยางเผิงเว่ยเบิกตากว้าง “มาอ่านอะไรตอนนี้ นี่นายล้อฉันเล่นหรือเปล่าเนี่ย เนื้อหามันหนาตั้งหลายร้อยหน้าเลยนะ มาอ่านอันนี้ดีกว่า นี่เป็นคู่มือการสอบ นายเอาไปอ่านสิ”
หยางเผิงเหว่ยพูดจบก็ยื่นคู่มือให้ไป๋เยี่ย
“มะรืนนี้จะเป็นการสอบปฏิบัติ ไม่ต้องอ่านเนื้อหาหรอก แค่ทำดีๆ ก็พอแล้ว มันใช้เวลาไม่นานหรอก หลักๆ ก็แค่…”
หยางเผิงเหว่ยแนะนำประเด็นสำคัญที่ควรรู้ให้กับไป๋เยี่ย ไป๋เยี่ยจึงได้แต่พยักหน้ายิ้มๆ “ไม่เป็นไร ฉันแค่จะดูหัวข้อน่ะ”
หยางเผิงเหว่ยเห็นดังนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
แน่นอน เขาไม่รู้ว่าไป๋เยี่ยมีความสามารถพิเศษสองอย่าง นั่นคือความสามารถในการอ่านเร็วและการเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำ
ความสามารถทั้งสองอย่างนี้ทำให้ไป๋เยี่ยคิดว่าการอ่านหนังสือภายในหนึ่งคืนไม่ใช่ปัญหาอะไร
คืนนั้นไป๋เยี่ยจึงนั่งอ่านหนังสือจนถึงตีสี่
วันรุ่งขึ้น ไป๋เยี่ยตื่นแต่เช้าเพราะเขาต้องเข้าร่วมพิธีมอบรางวัล
ครั้งนี้เป็นแค่การจัดพิธีมอบรางวัลให้กับนักวิชาการฉางเจียงภายในวิทยาเขตมหาวิทยาลัยก่อน จากนั้นจึงค่อยขยับเป็นพิธีมอบรางวัลระดับประเทศ เพราะจะต้องมีการตกลงกับหน่วยงานต่างๆ ก่อน
ไป๋เยี่ยเคยเข้าร่วมงานมอบรางวัลมามากหลายครั้งแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นนัก
แต่ไม่ว่าคุณจะเข้าร่วมหรือไม่ คุณก็ต้องลงนามในสัญญา นี่คือเรื่องที่จำเป็นต้องทำ
อันที่จริงไป๋เยี่ยเองก็คาดหวังกับมหาวิทยาลัยชิงหวามาก เพราะว่านี่คือมหาวิทยาลัยในฝันของชาวจีนจำนวนมาก การเป็นอาจารย์ของที่นี่จึงถือเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล
ตัดภาพมาที่เกาเย่ว์หยาง เขาดูจะตื่นเต้นกว่าไป๋เยี่ยเสียอีก!
“เสี่ยวเยี่ย ยังถือว่าผมมีบุญนะที่ได้เจอคุณน่ะ ฮ่าๆ คุณรู้อะไรไหม”
“ก่อนหน้านี้คนเฒ่าคนแก่พวกนั้นเคยบอกว่าผมตาบอด คิดยังไงถึงจ้างเด็กอายุยี่สิบมาเป็นอาจารย์ที่ยูเนียน พวกเขาเอาแต่บอกว่าผมยิ่งแก่ก็ยิ่งเลอะเลือน ฮ่าๆ!”
“วันนี้ผมจะแสดงให้พวกเขาเห็นเองว่าใครกันแน่ที่ตาบอด ตาเฒ่าพวกนั้นก็เป็นนักวิชาการทั้งนั้น ยังจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแค่นี้อีก โลกจะแคบไปไหน ถ้าให้ผมพูด ตอนนี้มีคนรุ่นใหม่ที่มีหัวคิดตั้งเยอะแยะ!”
เหล่าเกาได้แต่ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย “เฮ้อ…ผมเองก็แก่แล้วสิ สุดท้ายอนาคตก็ขึ้นอยู่กับพวกคุณนั่นแหละ…”