หนทางรอดของนักบุญหญิงตัวปลอม - ตอนที่ 11.4 คาถา (4)
ขณะที่ปากกำลังจะประกบลงบนริมฝีปากของเลออนที่เข้ามาใกล้ ฉันก็ได้สติกลับมาเพราะเสียงของราธบัน
“อา…”
ฉับพลัน ฉันก็ตระหนักได้ทันทีว่าตนเองกำลังทำเรื่องอะไรอยู่ ฉันรวบรวมแรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดและดันเลออนที่กำลังทำตัวไม่ถูกไปสุดแรง ค่อยยังชั่วที่มือของเขาที่จับฉันไว้ออกห่างไปแล้ว ฉันจับที่วางแขนโซฟาแล้วซ่อนร่างกายที่ซวนเซอยู่ด้านหลัง ฉันตะโกนใส่เลออนและราธบันที่กำลังจะเดินเข้ามาใกล้สุดแรง
“อย่าเข้ามาใกล้!”
“…ลีน่า?”
“เข้ามาใกล้ไม่… ฮึก!”
ชั่วขณะ ฉันทรุดลงไปตรงนั้นเพราะความรู้สึกร้อนที่ราวกับสมองกำลังละลาย ปลายนิ้วมือคลำหาจุดที่เริ่มต้นของความรู้สึก ด้านในต้นขา รอยที่อยู่ในที่ลับราวกับตราประทับ ประหนึ่งว่านี่คือคำตอบ ความรู้สึกที่กระตุ้นร่างกายทะลักไปทั่วทั้งร่างทันทีที่กดลงไปรอยนั่นราวกับระเบิดออก
ความรู้สึกรุนแรงนั่นแผ่ซ่านไปทั่วเอว ปากที่สะกดกลั้นเสียงครางเปิดออก คางกระทบกัน
‘เพราะอะไร’
แล้วทำไมต้อง ทำไมต้องตอนนี้
ฉันเงยหน้าขึ้นอย่างลำบาก สีหน้าที่ดูสับสนไม่น้อยของเลออนและราธบันปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง เลออนกำลังไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้น ส่วนราธบันก็กำลังทำตัวไม่ถูกเพราะเขารู้ดีที่สุดว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
ฉันย้อนนึกถึงวันที่พบเจอกับความรู้สึกนี้เป็นครั้งแรก วันนั้นฉันเกาะติดและเบียดเสียดราธบันเข้าไปราวกับคนบ้า เป็นท่าทางที่ไม่มีคำไหนมาอธิบายได้นอกจากคำว่าติดสัด
ทันทีที่คิดถึงเรื่องตอนนั้น ความอับอายที่มากพอจะทำให้ลืมกระทั่งความใคร่ที่มีอยู่ก็ถาโถมเข้ามา นี่ฉันต้องแสดงท่าทางแบบนั้นให้คนสองคนนี้เห็นอีกครั้งเหรอ
“ท่านนักบุญหญิง”
ราธบันเดินเข้ามาตรงหน้าฉัน เขาคงรู้อยู่แล้วว่าฉันกลายเป็นสภาพแบบไหนไปแล้ว หลังจากลังเลที่จะยื่นมือมาหาอยู่หลายครั้ง เขาก็จับไหล่ของฉันที่หมอบอยู่อย่างระมัดระวัง ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะอดทนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ในวินาทีที่ราธบันสัมผัส การเตรียมใจของฉันก็ถูกกวาดลงอย่างไร้ค่าเหมือนปราสาททรายที่อยู่หน้าคลื่น
“ฮา อา ฮึ…!”
ลมหายใจหนักหน่วงยังคงพ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง เสียงนั้นเริ่มผสมผสานไปด้วยเสียงครางกระเส่า ฉันได้ยินเสียงของราธบันที่ราวกับทอดถอนใจดังขึ้น
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้อีกแล้ว…!”
“อีกแล้ว?”
เลออนไม่พลาดคำพูดพึมพำของราธบัน
“หมายความว่าเมื่อก่อนลีน่าก็เคยเป็นแบบนี้อย่างนั้นหรือ?”
สีหน้าของเลออนเคร่งเครียดจนน่ากลัว ราธบันหลบสายตาเลออนโดยไม่ตอบอะไรกลับไป การกระทำแบบนั้นของราธบันหมายความว่าอย่างไรกัน มือของเลออนคว้าเข้าที่คอเสื้อของราธบันทันที
“เจ้าอธิบายมาให้ชัดเจนจะดีกว่าว่าทำไมลีน่าถึงได้กลายเป็นแบบนี้ ราธบัน นี่ใครเห็นก็คิดว่า…”
เลออนกลืนคำพูดสุดท้ายลงไปพลางกัดริมฝีปาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดูแคลนที่มีต่อราธบัน แค่สีหน้าแบบนั้นก็ทำให้ฉันรู้ว่าเลออนกำลังคิดอะไรอยู่ เขาคงกำลังคิดว่าราธบันทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้
ฉันคลานไปจับกางเกงของเลออนเมื่อตระหนักได้ถึงการเข้าใจผิดของเขา ทันใดนั้น เลออนก็ก้มตัวลงมาหาฉันและปล่อยมือที่จับราธบันไว้ ฉันจับแขนเลออน
“ไม่ได้เป็น…เพราะราธบัน…เรื่องนี้…”
ควรต้องอธิบายอย่างไรดี ภายในหัวเรียบเรียงออกมาได้ไม่ง่าย ถ้าอธิบายด้วยคำพูดไม่ได้ งั้นเอาให้ดูแล้วกัน ฉันจับมือของเขาสอดเข้าไปใต้ล่างของชุดเครื่องแบบที่เป็นกระโปรง มือใหญ่และกว้างหายเข้าไปใต้กระโปรงนั้น
“…!”
สีหน้าของเลออนพลันเปลี่ยนเป็นไม่อยากจะเชื่อ แต่เขาก็ไม่ได้ดึงมือออกไป ท่าทางแบบนั้นของเขาทำให้ฉันยิ่งแนบมือของเขากับขาและลากเข้าไปลึกกว่าเดิม
“อ๊ะ อ๊ะ อึก…!”
ยิ่งมือของเขาเข้าใกล้รอยมากเท่าไร เอวของฉันยิ่งอยู่ไม่สุขมากเท่านั้น ไม่นานหลังจากนั้นมือเขาก็สัมผัสเข้ากันส่วนลึกที่อยู่ระหว่างต้นขา ขาของฉันเผยออกมาอย่างชัดเจนอยู่ใต้กระโปรงที่ถูกถกขึ้นเพราะแขนของเขา ราธบันที่กำลังมองฉันอยู่หันหน้าหนีอย่างเร่งรีบ ตรงกันข้ามกับเลออน เขาไม่ละสายตาไปจากขาของฉันเลย สายตาของเขากำลังมองรอยที่อยู่ในขา
“นี่คือ…”
“เป็นเพราะมัน มัน… ทำให้ข้า… แบบนี้… ดังนั้นคราวก่อนแอสรันถึงได้กอดข้าไว้ทั้งคืน…จนมันสงบลง…อ๊ อึก!”
ขณะที่กำลังพูดต่อไปอย่างยากลำบาก เลออนก็ออกแรงที่มือที่กำลังจับขาฉันอยู่ทันทีที่ได้ยินชื่อของแอสรัน มือของเขาแนบลงบนรอยนั่น เบื้องหน้าก็พลันเปลี่ยนเป็นขาวโพลน ร่างกายกระตุกราวกับถูกสายฟ้าแล่นผ่าน ความรู้สึกเสียวซ่านเหมือนสูบพลังออกไปจากร่างฉันจนหมด ร่างกายที่ยืนไม่ไหวอีกต่อไปกำลังจะล้มลงบนพื้น แต่โชคดีที่เลออนจับฉันไว้ เลยทำให้ประคองเอาไว้ได้
“ราธบัน…ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยจริงๆ…”
ดวงตาของเลออนดำดิ่งจนมืดมิดเมื่อได้ยินดังนั้น จากนั้นถามขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำและแหบแห้ง
“ตอนนี้ท่านกำลังเป็นห่วงเขาอยู่หรือ?”
เลออนดึงฉันเข้าไปกอด ส่วนลึกในดวงตาที่มืดลงของเขาราวกำลังวูบไหวจนน่ากลัว เลออนถามขึ้นอีกครั้ง
“วิธีที่จะทำให้ท่านดีขึ้นตอนนี้…มีเพียงต้องโอบกอดท่านเท่านั้นหรือ?”
ฉันพยักหน้าให้อย่างอ่อนแรงเมื่อได้ยินคำถาม บางทีมันอาจจะมีวิธีอื่นก็เป็นได้ แต่ตอนนี้ต่อให้รู้ว่ามีวิธีอื่น ฉันก็ยังคงพยักหน้าให้อยู่ดี ใครก็ได้ ได้โปรด ใครก็ได้มาโอบกอดฉันที
สติของฉันกำลังถึงขีดจำกัดอีกครั้ง การกระทำของเลออนที่ไม่ทำอะไรไปมากกว่าการดึงเข้าไปกอดทำให้ฉันเริ่มเกิดอาการร้อนใจ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าราธบันกำลังยืนมองฉันอยู่ด้านหลังเลออนตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
ขณะที่สัมผัสได้ถึงสายตาของเขา ฉันก็กัดริมฝีปากอย่างแรง ความเจ็บแสบทำให้ฉันได้สติกลับมาเล็กน้อย
“ข้าขอร้อง…ทั้งสองคน…ได้โปรดออกไปจากที่นี่…ไม่ว่าอย่างไร…ข้าจะลองอดทนดู…”
ทว่าการต้านทานความปรารถนาที่ถาโถมเข้ามาทำได้เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ความใคร่ที่เริ่มขึ้นจากรอยนั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างอีกครั้ง เปลวเพลิงกำลังลุกลามจากด้านใน ท้องน้อยบีบรัดตัวอย่างรุนแรงขณะที่มือเลื่อนลงไปด้านล่างอย่างเอาแต่ใจ เล็บเท้าที่มองไม่เห็นกำลังขีดข่วนผิวหนัง ร่างกายเริ่มปั่นป่วนอีกครั้ง
ถ้าไม่ขอความช่วยเหลือจากใครสักคน ฉันคงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องจัดการความกำหนัดนี้ด้วยตัวเอง
‘ไม่เอา’
ไม่มีทาง ฉันจะไม่มีทางแสดงสภาพแบบนั้นต่อหน้าพวกเขาเด็ดขาด
แต่ต่อให้สมองคิดว่าห้ามทำ มือก็ยังขยับไปตามใจ เสื้อผ้าทำให้รู้สึกอึดอัดประหนึ่งโซ่ที่พันรอบร่างกาย ต้องถอดพวกมันออกไปให้หมดเดี๋ยวนี้ ฉันไม่ลังเลอีกต่อไป
ฉันขยับมือ ชุดเครื่องแบบที่ใกล้จะหลุดอยู่แล้วไหลลงไปด้านล่าง มือของฉันคลำบนเสื้อในที่ไม่กล้าถอดออก จากนั้นก็เริ่มบีบขยำทรวงอกด้วยตัวเอง
“อ๊ะ…อึก…”
แม้ความอับอายที่ใกล้เคียงกับความสิ้นหวังจะถาโถมเข้ามาแต่ฉันก็หยุดไม่ได้เลย หากไม่ทำแบบนี้ ฉันรู้สึกเหมือนจะตาย ยอดอกที่ถูกปัดผ่านร่มผ้าบางเริ่มชูชัน
แค่นี้มันยังไม่พอ ร่างกายของฉันต้องการแรงกระตุ้นที่มากกว่านี้ มือที่ไม่รู้จะทำอย่างไรและบีบขยำทรวงอกเมื่อครู่จับเข้าที่หัวนมที่กำลังตั้งชัน จากนั้นก็บิดมันด้วยตัวเอง
“ฮ อึก!”
ฉับพลัน เบื้องหน้าพลันเปลี่ยนเป็นขาวโพลนขณะที่ปากกำลังพ่นลมหายใจร้อนรุ่ม
อีก ต้องการอีก แค่นี้มันไม่พอ ไม่ใช่ฉันแต่เป็นคนอื่น เป็นผู้ชายคนอื่น
ตอนนั้นเอง ด้านนอกพลันมีเสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยของคนหลายคนดังขึ้น เสียงนั่นกำลังมุ่งหน้ามาทางห้องที่พวกเราอยู่อย่างรวดเร็ว
“ห้องรับรองนี้เหมือนจะมีใครใช้อยู่นะ?”
“อย่างนั้นหรือ? งั้นก็ช่วยไม่ได้ เราไปใช้ห้องด้านข้างเถิด”
เสียงของเหล่านักบวชที่เข้ามาใกล้ดังขึ้นจากอีกด้านของประตู ฉันอุดปากเมื่อได้ยินเสียงของพวกเขา ฉันตั้งใจจะอดทนหลังจากราธบันกับเลออนออกไป ดังนั้นฉันจึงขอบรรเทาความใคร่นี้คนเดียวแม้เพียงสักนิด จากนั้นก็จะกลับออกไปเงียบๆ แต่ด้านนอกกลับมีคนอื่นอยู่ ทันทีที่ฉันตระหนักได้ว่าตอนนี้มันยากที่จะออกไปข้างนอกแล้ว ในหัวก็มีความคิดที่เลวร้ายกว่าเดิมขึ้นมาพร้อมกัน
หากฉันไม่สามารถเอาชนะมันได้ และต้องตามหาคนที่จะมาร่วมรัก จนไปพานักบวชมาล่ะก็…
“ไม่เอา…”
ทั้งสองคนเดินเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงของฉัน
“ข้าไม่ชอบแบบนี้เลย…ทำไมต้อง…”
ความเศร้าโศกถาโถมเข้ามาในคราวเดียว หยดน้ำตาที่ผสมผสานจากความรันทดและความอับอายบดบังการมองเห็นอย่างไม่หยุดยั้ง ความคิดมากมายแทรกผ่านเข้ามาในหัว
ทำไมกัน ทำไมอีเบลลีน่าถึงยอมรับของแบบนี้มาไว้บนร่าง สภาพแบบนี้เป็นสิ่งที่นางต้องการเหรอ? สภาพที่หายใจถี่กระชั้น บดเบียดร่างกายและต้องการเพียงแต่ส่วนนั้นของอีกฝ่ายราวกับสัตว์เดรัจฉาน ไร้ซึ่งสติปัญญาแบบมนุษย์แบบนี้?
‘เป็นไปไม่ได้’
ไม่มีทาง ไม่มีทางที่ฉันจะสมัครใจยอมรับความอับอายแบบนี้
ฉันหยิบชุดเครื่องแบบที่ถอดทิ้งไว้ขึ้นมายัดปาก มันช่างน่าขยะแขยงและสมเพช ร่างกายที่กำลังสั่นไปด้วยความใคร่ ฉันเอาชนะมันไม่ได้และถึงกับช่วยตัวเอง และตอนนี้ฉันต้องกลั้นหายใจและทำไม่ได้กระทั่งส่งเสียง เหนือสิ่งอื่นใด…การที่เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าคนทั้งสองเป็นเรื่องที่ฉันทนไม่ได้มากที่สุด
เสียงสะอึกสะอื้นดังออกมาจากปากที่ถูกอุดแน่น ฉันยื่นมือไปบนรอยนั่นอีกครั้ง เป็นเพราะมัน ขอแค่ไม่มีมันล่ะก็…
ฉันจิกเล็บเข้าไปในเนื้อด้านในต้นขา แม้การดึงเนื้อออกมาจะทำให้รู้สึกเจ็บแต่ฉันก็ไม่หยุด หากสามารถดึงมันออกไปได้ ไม่ว่าอะไรฉันก็อดทนได้ทั้งหมด
ปึก
มีมือยื่นเข้ามาจับมือของฉัน ราธบันและเลออนเข้ามาจับมือแต่ละข้างพร้อมกัน ฉันสะบัดหน้าให้พวกเขาอย่างแรงคล้ายจะสั่งให้ปล่อยมือ ชุดเครื่องแบบที่กัดไว้ในปากร่วงหล่นลงพื้น
เลออนเปิดปากพูดก่อน
“ได้โปรด ใจเย็นก่อน ลีน่า”
เขาเข้ามาอุ้มฉันขึ้น เสียงสบถดังออกมาจากปากเขา
“ให้ตาย ข้าต้องการท่านก็จริง แต่ไม่ได้หวังในสภาพแบบนี้”
ราธบันจับไหล่เลออนเมื่อได้ยินดังนั้น
“เจ้าคิดจะทำอะไร ปล่อยท่านนักบุญหญิง”
เสียงต่ำที่เอ่ยเตือนทำให้เลออนจ้องราธบันเขม็ง
“เช่นนั้น ราธบัน เจ้าจะเป็นคนทำหรือ?”