หนทางรอดของนักบุญหญิงตัวปลอม - ตอนที่ 11.5 คาถา (5)
‘ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ จะซัดหน้าให้สักหมัด’
เลออนกัดฟันพลางมองราธบันที่ตัวแข็งไปเมื่อได้ยินคำถามของเขา ภายในหัวของเขากำลังเรียบเรียงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรีบเร่ง
นักบุญหญิงบอกว่านางเกิดความใคร่เพราะรอยแปลกประหลาดที่อยู่บนร่าง ร่างกายของนางต้องการชายหนุ่มมาเสพสุขโดยไม่ได้เกิดขึ้นจากความตั้งใจ
เลออนย้อนนึกถึงวันที่ตนได้โอบกอดนักบุญหญิงครั้งแรก ภาพที่นางเดินอยู่คนเดียวบนทางเดินที่ไม่มีใคร ตอนนั้นดูเหมือนนางจะไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะต่างจากสถานการณ์ตอนนี้ ทว่าตอนนั้นนางก็ร้องไห้อยู่เช่นกัน
หากตอนนั้นเขาเอ่ยถามนางสักครั้งว่าร้องไห้ทำไม เขาจะสามารถหยุดยั้งสิ่งที่นางเจอต้องเผชิญมาจนถึงตอนนี้ได้สักหน่อยหรือไม่ ชั่วขณะที่คิดได้แบบนั้น ความโกรธที่มีต่อตนเองก็พลันพลุ่งพล่านขึ้นมา
ตอนนั้นเขาเพียงแค่รู้สึกสนุกสนานที่มีหญิงสาวน่าสนใจมายั่วยวนตนเองเท่านั้น เขาคิดว่ามันสนุกดีที่ได้เห็นนางแสร้งทำเป็นเงอะงะและตัวสั่นด้วยความประหม่าทั้งที่เคยผ่านสัมพันธ์กับชายมากมาย เขาจงใจขยับตัวอย่างรุนแรงมาก พร้อมกับคาดเดาไปว่าบางทีนักบุญหญิงเองก็คงต้องการเช่นนี้
ทว่าพอเห็นสภาพตอนนี้เขาก็ได้รู้ นางเงอะงะไม่ใช่ว่าแสร้งทำเป็นเงอะงะ นางทรมานไม่ใช่แสร้งทำเป็นทรมาน พอย้อนนึกถึงตนที่ตระหนักถึงมันไม่ได้แล้วยังสอดใส่เข้าไปอย่างตื่นเต้น เลออนก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมา เหนือสิ่งอื่นใดคือ ในหัวของเลออนมีความจริงที่น่าปวดหัวอีกอย่าง
นักบุญหญิงไม่ได้ทำเพราะต้องการเขา
เขารู้สึกเหมือนถูกต่อยเข้าที่หัวในวินาทีที่รับรู้ถึงเรื่องนั้น
เลออนมองนักบุญหญิง ตอนนี้นางกำลังเบียดเสียดร่างของตนเข้ากับเขา และดึงมือของเขาไปยังส่วนที่ลึกกว่านั้นไปพร้อมกัน ผ้าที่เปียกชื้นสัมผัสเข้ากับปลายนิ้ว เลออนรู้สึกได้ว่าส่วนล่างของตนกำลังแข็งขึ้นโดยไม่มีเวลาให้คิดหาสาเหตุ เพราะเขาจำได้ดีว่าส่วนนั้นใต้ร่มผ้ามันทั้งอุ่นและน่าหลงใหลเพียงใด เลออนสบถเสียงต่ำพลางก้มหัวลงไปมองทางที่มือกำลังมุ่งไป
“…!”
เรียวขาขาวกำลังแหกอ้าจนน่าหวาดเสียวอยู่ใต้กระโปรงชุดเครื่องแบบที่เลิกขึ้นไปจนสุด บนขานั่นมีรอยที่ให้ความรู้สึกไม่ดีซึ่งไม่ทราบที่มาของมันอยู่ เลือดที่เกาะตัวเป็นหยดๆ ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้เหนือรอยนั่นกำลังไหลลงมาด้านล่าง เป็นร่องรอยที่นักบุญหญิงใช้เล็บตนเองฉีกทึ้งเมื่อครู่ก่อน
ต่างจากการใช้ฟันกัด การจะสร้างบาดแผลลึกขนาดนั้นจากมือของคนไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ทว่านักบุญหญิงเกลียดรอยนั่นจากใจจริงจนถึงกับทิ้งร่องรอยเช่นนั้นไว้
เลออนพิจารณาดูนางอีกครั้ง นางขบกัดปากจนเลือดออกอีกครั้งและกำลังตัวสั่น ดูเหมือนตอนนี้นางจะไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของเขาแล้ว สิ่งที่นางพยายามทำจนถึงที่สุดก่อนที่จะกลายเป็นแบบนี้ก็คือ…
เลออนดึงนักบุญหญิงเข้ามากอด จากนั้นก็หันศีรษะไป ราธบันยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้น ท่าทางแบบนั้นของเขาทำให้เลออนตระหนักได้ว่าจนถึงตอนนี้ราธบันยังไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายใดๆ กับนักบุญหญิงต่างจากเขา ความจริงนั้นทำให้เขาเกิดความรู้สึกสองอย่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงขึ้น
ความจริงที่ว่าราธบันยังไม่ได้มีอะไรกับนักบุญหญิงทำให้เขารู้สึกดีใจ แต่นั่นก็เหมือนกับหมายความว่าราธบันเป็นคนเดียวที่พิเศษสำหรับนาง นักบุญหญิงเดินมาหาตนและขอให้โอบกอด แต่กลับไม่เอ่ยร้องขอแบบนั้นกับราธบัน
เขาคิดถึงความเป็นไปได้ที่ราธบันจะปฏิเสธด้วยเช่นกัน แต่เมื่อสังเกตดูราธบันที่ยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น เขาก็รู้ว่ามันไม่มีความเป็นไปได้แบบนั้น เพราะส่วนล่างของราธบันไม่ได้ต่างไปจากเขาเลย ราธบันเองก็ต้องการนางเหมือนที่เขาต้องการนักบุญหญิง ทว่าราธบันไม่ได้ทำมัน นักบุญหญิงคิดกับราธบันพิเศษกว่าผู้ชายคนอื่น
ความใจแคบที่ไม่อาจแยกแยะเวลาและสถานที่กลายเป็นความโกรธที่ใหญ่ขึ้น เลออนหันหัวธนูของความโกรธไปที่ราธบัน
“ปิดตา ปิดหู แล้วหันหลังไปเสีย”
ใบหน้าของราธบันดุร้ายขึ้นเมื่อได้ยินน้ำเสียงข่มขู่ของเลออน
“เจ้าว่าอย่างไรนะ”
“อย่าให้พูดเป็นครั้งที่สอง เจ้าเองก็รู้อยู่นี่ว่าตอนนี้ควรต้องทำอย่างไร?”
เลออนขยับมือที่กอดนักบุญหญิง นิ้วยาวปลดกระดุมด้านหลังชุดเครื่องแบบอย่างรวดเร็ว มือที่สอดเข้าไปด้านในอย่างไม่ลังเล ลูบไล้แผ่นหลังเนียนอย่างไม่หยุดชะงัก
“อ๊ะ อ อึก!”
การเคลื่อนไหวของเลออนทำให้นักบุญหญิงส่ายหน้าไปมาพร้อมกับพ่นลมหายใจร้อนรุ่ม ตอนนี้เลออนไม่จำเป็นต้องกอดนางไว้อีกต่อไป เพราะนักบุญหญิงดึงคอของเลออนและเกาะติดไว้สุดแรงเสมือนว่าเจอของที่ตนต้องการ เลออนตบหลังของนักบุญหญิงราวกับปลอบเด็กน้อย จากนั้นก็จ้องราธบันเขม็ง
“เป็นวิธีที่เจ้าไม่อาจทำได้ และไม่ควรทำ ในเมื่อหน้าที่ยังทำไม่ได้”
เลออนนึกถึงหน้าที่ของราธบัน ผู้บัญชาการหน่วยอัศวินแห่งวิหาร ไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่ปกครองเหล่าอัศวินเท่านั้น หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของเขาคือการอารักขานักบุญหญิง อัศวินผู้แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงโดดเด่นผู้นั้นไม่อาจรับผิดชอบหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของตนได้ เขาไม่อาจฝากนักบุญหญิงไว้กับคนแบบนั้นได้
“ถ้ามีสมองก็คงรู้ใช่หรือไม่ว่าจะออกไปแบบนี้ไม่ได้?”
ด้านนอกมีนักบวชอยู่กันอย่างคับคั่ง พวกเขาไม่ใช่คนที่มาที่นี่โดยบังเอิญ เหมือนกับที่คาร์ลส่งเขามา นักบวชเหล่านั้นก็ต้องเป็นคนที่คาร์ลจงใจส่งมาที่นี่ไม่ผิดแน่
“มันเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยม แต่ก็ช่างสังเกตด้วยเช่นกัน เขาถึงรู้ดีว่าเจ้ากับข้าต้องการอะไร”
เลออนสงสัยตั้งแต่ตอนที่คาร์ลแสร้งทำเป็นบังเอิญเจอกันแล้วนัดมาพบกันที่นี่แล้ว ว่าอีกฝ่ายกำลังวางแผนอะไร ดูเหมือนคาร์ลจะหวังให้เหล่านักบวชได้มาชมพฤติกรรมสกปรกที่เขาและราธบันทำกับนักบุญหญิง
“แล้วก็…ดูเหมือนมันจะเป็นคนที่ทำให้นักบุญหญิงเป็นแบบนี้แน่ เรื่องทั้งหมดไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญ”
“…”
ราธบันยังคงเงียบเมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของเลออนที่จ้องราธบันอยู่ยิ่งคมกริบมากขึ้น ราธบันไม่แสดงสีหน้าตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของตนเลย นั่นหมายความว่าราธบันเองก็คาดเดาได้ระดับหนึ่งเช่นกัน
‘แต่ว่าปิดบังมันมาตลอดจนถึงตอนนี้ สินะ’
ฟังจากคำพูดของนักบุญหญิงแสดงว่าแอสรันเองก็รู้อยู่เหมือนกัน เลออนยิ่งโกรธมากขึ้น พวกคนที่รู้อยู่แล้วก็ยังป้องกันไม่ได้อย่างนั้นหรือ?
ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยคำพูดเหน็บแนบราธบันอีกครั้ง นักบุญหญิงก็เงยหน้าขึ้นมาจุมพิตเขาคล้ายจะห้ามไม่ให้ทำแบบนั้น คำพูดที่กำลังจะพ่นออกมาละลายหายไปไม่เหลือร่องรอยเพราะลิ้นเล็กอ่อนนุ่มที่สอดเข้ามาในปาก สัมผัสที่เข้ามาสำรวจด้านในของตน ทำให้เลออนหลงลืมสถานการณ์ตอนนี้ไปชั่วครู่และทำตามสัญชาตญาณ
มือของเขารองด้านหลังศีรษะนักบุญหญิงเพื่อไม่ให้นางถอยหนี เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันจนน้ำลายไหล หากได้ทำแบบนี้ต่อไปจะดีสักเพียงไหนกัน
จู่ๆ เขาก็นึกถึงที่แอสรันเรียกเขากับราธบันว่าไอ้ลูกหมา เขาคงไม่อาจปฏิเสธคำเรียกที่เจ้าจอมเวทอับโชคนั่นเรียกได้เท่าตอนนี้อีกแล้ว
ร่างเล็กที่เกาะติดเขาอย่างไร้สติหยุดการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน ใบหน้าของนักบุญหญิงที่เหนียวเหนอะไปด้วยน้ำตาพลันเข้ามาในสายตาของเลออน นางคงได้สติกลับมาชั่วครู่ขณะที่สัมผัสกับเขา
เขาควรโอบกอดนักบุญหญิงที่ตกอยู่ในความใคร่ ทว่าเขาไม่อยากกอดนางที่กำลังร้องไห้แบบนี้เลย แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยิ่งไม่มีความคิดที่จะฝากฝังให้ราธบัน
เลออนกุมแก้มของนาง จากนั้นก็เช็ดใบหน้าอีกเปรอะเปื้อนให้ครั้งหนึ่ง นักบุญหญิงมองเขาด้วยแววตาที่ราวกับยอมแพ้ทุกอย่าง
“เลออน เลออน… ได้โปรด… อึก…”
ภาพที่นักบุญหญิงเอ่ยคำที่ตนไม่ต้องการฟังที่สุดทำให้เลออนรู้สึกขัดแย้ง
‘ทำอย่างไรดี’
นี่คือโอกาส หากเขาเอ่ยกระซิบถ้อยคำที่จำเป็นและให้สิ่งที่ต้องการแก่คนที่สติเลือนรางแบบนี้ เขาก็จะได้รับอนาคตจากนักบุญหญิงได้ง่ายดายยิ่งนัก บางทีคงไม่ใช่แค่นั้น เขายังสามารถจัดการราธบันที่ทำไม่ได้แม้แต่ยื่นมือมาแตะต้องนักบุญหญิง และยืนด้วยสีหน้าสิ้นหวังอยู่ตรงนั้นได้ เขาเพียงแค่โยนคำพูดที่เป็นดั่งท่อนเหล็กลงไปในใจของนักบุญหญิงและราธบันก็พอ นั่นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
หากเป็นเวลาปกติ เลออนจะเลือกวิธีนั้นโดยไม่จำเป็นต้องกังวลเลยสักนิด เพราะเขาจะต้องนำสิ่งที่ตนต้องการมาอยู่ในมือให้ได้ ทว่า
“ลีน่า”
เลออนจงใจเรียกนางด้วยน้ำเสียงสดใส
“ข้ารู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ท่านต้องการ แต่มันก็ไม่มีทางเลือก”
นักบุญหญิงน้ำตาคลออีกครั้ง เลออนที่เข้าใจความรู้สึกผิดได้จากสีหน้าของนาง ก้มศีรษะลงจุมพิตบนหน้าผาก
“สิ่งที่ข้าทำได้ คือการไม่ทำให้ช่วงเวลานี้กลายเป็นความทรงจำอันน่าขยะแขยงสำหรับท่าน”
เลออนอุ้มนักบุญหญิงขึ้นและกวาดตามองในห้องรับรอง โชคดีที่ห้องนี้หรูหรากว่าห้องอื่นในวิหารหลวง ใต้หน้าต่างฝั่งหนึ่งมีเก้าอี้ตัวยาวที่ดูนุ่มนวลวางอยู่ เลออนวางนักบุญหญิงลงบนนั้นก่อนจะหันศีรษะกลับ
“ท่านนักบุญหญิงน่าจะไม่ต้องการให้เจ้ามายืนดูอยู่แบบนี้นะ”
เลออนลังเลว่าควรเอ่ยเยาะเย้ยมากกว่านี้ไหมแต่ก็ตัดสินใจหยุดลงแค่เท่านี้ เพราะเขารู้ว่านักบุญหญิงก็จะยิ่งเก็บคำพูดนั้นไปคิดเมื่อเขาเอ่ยโจมตีราธบัน และสุดท้ายนางก็ได้รับบาดเจ็บเอง
ที่นี่เป็นห้องที่ไม่มีของอย่างเช่นกำแพงใช้กั้นระหว่างกัน ฉะนั้นราธบันจะต้องยืนอยู่ตรงนั้นและดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
เขาสามารถหันหน้าไป และปิดหูได้ ทว่าเลออนรู้ว่าราธบันจะไม่ทำแบบนั้น
เลออนจับเก้าอี้แล้วหมุนด้วยแรงทั้งหมดที่มี อย่างน้อยพนักพิงก็ช่วยบดบังสภาพของนางได้ ไม่รู้เพราะได้ยินเสียงลากเก้าอี้หรือไม่ เสียงพูดคุยของนักบวชที่อยู่ด้านนอกประตูถึงได้เงียบลงไปครู่หนึ่ง
เมื่อได้ยินเสียงนักบวชดังขึ้นอีกครั้ง เลออนก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของตนออก ไม่นานหลังจากถอดเสื้อเชิ้ตออกแล้ว เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะยกร่างของนักบุญหญิงที่นอนอยู่ขึ้นมา
“อะ อือ อื้อออ…”
ระหว่างที่ดิ้น เสื้อผ้าของนักบุญหญิงก็อยู่ในสภาพที่ยุ่งเหยิงและแทบจะหลุดออกจนหมดแล้ว เลออนคลายเสื้อพวกนั้นออกอย่างระมัดระวัง นักบุญหญิงแนบร่างกายของตนเข้ามากับเนื้อเปลือยเปล่าของเขาทันที หน้าอกนุ่มเบียดเสียดกับเนื้อของเขาจนไม่เป็นทรง เลออนข่มความปรารถนาที่จะบีบขยำหน้าอกนั่นและค่อยๆ ขยับตัว เขาลูบไล้อย่างรักใคร่ไปทั่วตัว
เหงื่อผุดขึ้นบนผิวอุ่นร้อนที่สัมผัสเข้ากับร่างกายของเขาจนเหนอะหนะ
“อ๊ะ อื้อ!”
นักบุญหญิงกัดปากของตนเองอีกครั้งเพราะตกใจเสียงครางที่หลุดออกมา ริมฝีปากแดงเริ่มมีเลือดซึม เลออนถอนหายใจเบาๆ พลางเอาฝ่ามือรองด้านหลังศีรษะของนักบุญหญิง จากนั้นออกแรงดันใบหน้าของนางให้ฝังลงบนไหล่ของตนอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่สัมผัสได้ว่าริมฝีปากของนางสัมผัสกับไหล่ตน เลออนก็กล่าวขึ้นอย่างรักใคร่
“หากท่านข่มเสียงร้องไม่ได้ งั้นก็กัดข้าเอาแล้วกัน”
เลออนค่อยๆ ลดมือลงหลังจากกล่าวเช่นนั้น ผิวนุ่มที่ร้อนผ่าวด้วยความรุ่มร้อนกำลังแนบกับผิวของเขาอย่างชิดใกล้ เขาเคยเจออะไรที่ร้อนมากกว่านี้ในชีวิตไหมนะ คล้ายกับว่าทุกที่ที่ถูกสัมผัสจะหลอมละลายลงไปอย่างไรอย่างนั้น
มือที่เลื่อนลงไปด้านล่างสัมผัสเข้ากับส่วนล่างของนักบุญหญิง น้ำกามที่ไหลจากด้านในของนางกำลังไหลลงมาตามซอกขาผ่านผ้าชิ้นบางที่ช่วยปกป้องนางไว้เป็นชิ้นสุดท้ายจนเปียกชื้น เลออนกัดฟันและคลายเชือกที่มัดอยู่ด้านข้าง มันตกลงพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
มือของเลออนคลำเข้าไปในต้นขาของนักบุญหญิงอีกครั้ง ทันใดนั้น ความเจ็บแสบรุนแรงพลันแล่นขึ้นมาจากไหล่
“…!”
เส้นผมของนักบุญหญิงที่กัดไหล่ของตนอย่างแรงสั่นไปมา นี่นางอ่อนไหวถึงขนาดไหนกันแน่ เขาเพียงแค่สัมผัสเท่านั้น แต่นักบุญหญิงกลับกำลังทรมานอย่างมาก
เลออนลังเล
คำตอบมีเพียงวิธีเดียว ทั้งราธบันและนักบุญหญิงเองก็ยอมรับแล้วมิใช่หรือว่าวิธีกำจัดความใคร่ที่เกิดขึ้นจากรอยนี้มีเพียงการมีสัมพันธ์กันเท่านั้น ดังนั้นเขาถึงได้เลือกทำโดยไม่ลังเล ทว่าตัวเขาเองกลับรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การทำเพื่อนักบุญหญิงเท่านั้น
เลออนหันไปมองราธบัน เลออนนึกว่าราธบันจะหันศีรษะหลบไป หญิงที่ตนเองชื่นชอบกำลังถูกโอบกอดจากชายคนอื่นต่อหน้าตน แถมยังทำอะไรไม่ได้
ความจริงข้อนั้นจะทำคนเป็นบ้าขนาดไหน ต่อให้ไม่ได้ประสบด้วยตัวเองแต่เลออนก็เข้าใจ คงรู้สึกเหมือนดวงตาแผดเผา แขนและขาถูกตัดออก ในอกมีก้อนไฟที่ไม่อาจข่มได้กำลังลุกโชน
‘เป็นสิ่งที่เจ้าเลือกเอง’
เขาคิดว่าวิกฤตของนักบุญหญิงคือโอกาสของตน การไม่พลาดโอกาสและคว้าเอาไว้เป็นเรื่องที่หลักแหลม ซึ่งคนที่คว้าโอกาสนั้นได้คือเขาไม่ใช่ราธบัน เขาคิดเช่นนั้น ดวงตาของเลออนมองไปยังราธบันที่ยืนอยู่นิ่งๆ
คนโง่ คนที่พลาดโอกาสที่จะได้ตัวนาง ไอ้อัศวินกระจอกที่ทำไม่ได้แม้แต่การเข้ามาใกล้ ยังยืนโง่เง่าอยู่ตรงนั้นอีกหรือ ใบหน้าของราธบันที่เข้ามาในสายตาเลออนย้อมไปด้วยความตรอมตรมที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
เลออนหันหน้ากลับ กางเกงของเขาร่วงลงไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ส่วนนั้นของเขาแข็งขืนอย่างเต็มที่ตั้งแต่เมื่อครู่ก่อนแล้ว น้ำลายหยดไหลจากส่วนล่างของเขาราวกับจดจำสัมผัสที่ตนกำลังจะลิ้มรสได้ เขานำส่วนนั้นของตนออกมา และแตะบนร่องรักของนักบุญหญิงที่อ้าเต็มที่ราวกับกำลังรออยู่
แท่งเนื้ออุ่นและแข็งถูไถระหว่างช่องว่างที่เปียกชื้น
“อึก…”
เสียงร้องที่พยายามข่มอย่างเต็มที่ดังออกมาจากบริเวณไหล่ของเขา ร่างกายของนักบุญหญิงที่เขาดึงเข้ามากอดกำลังสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่าราธบันน่าจะเป็นคนที่แบกความทุกข์ระทมทั้งหมดบนโลกใบนี้ไว้ แต่เลออนกลับรู้สึกว่าข้างในของเขากำลังรวดร้าวไม่ต่างกัน
อีเบลลีน่า มันจะดีสักเพียงไหนหากตอนนี้ท่านต้องการข้าจากใจจริง
เขาคิดว่าตนคว้าโอกาสไว้ได้แต่ไม่ใช่ นางเพียงแค่เลือกเขาเป็นเครื่องมือเพื่อใช้ฝ่าฟันสถานการณ์นี้ไปเท่านั้น ไม่ใช่การเลือกของเขา แต่เป็นการเลือกของนาง
หยุดลงตรงนี้ดีไหม
แต่เลออนรู้ดีว่านั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ตนสามารถเลือกได้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เขาก็ต้องช่วยพาสติของนางกลับคืนมา ในสถานการณ์ตอนนี้นั่นคือสิ่งเดียวที่เลออนทำได้ อย่างน้อยเขาก็อยากช่วยหยุดไม่ให้ช่วงเวลานี้ถูกจดจำเป็นเพียงความเจ็บปวดที่น่าอับอายสำหรับนาง
เป็นเรื่องเดียวที่เขาผู้เลือกที่จะโอบกอดนางสามารถทำได้
เลออนสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่แล้วจ่อตัวตนของเขาที่ส่วนล่างของนาง จากนั้นก็ค่อยๆ ออกแรง ปลายมนค่อยๆ หายเข้าไประหว่างกลีบร่องที่นุ่มและบอบบาง
“…!”
ไม่ใช่นักบุญหญิง แต่เป็นเขาที่ต้องข่มเสียงคราง ร่างกายที่ตื่นตัวเต็มที่ของนักบุญหญิงกำลังต้อนรับการรุกรานที่ฉุกละหุกของเขาอย่างยินดี หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงขยับและเพลิดเพลินกับนางอย่างไม่หยุดยั้ง ทว่าวันนี้ไม่ใช่ ตอนนี้ ช่วงเวลานี้ เขาคิดว่าตนไม่สมควรจะรู้สึกดีแม้แต่น้อย
เลออนเข้าไปในร่างของนางช้าๆ เขาสัมผัสได้ว่านางออกแรงกัดไหล่ของตนแรงขึ้น รวมถึงหยดน้ำอุ่นๆ ที่ตกลงบนไหล่ของเขาเช่นกัน นางกำลังร้องไห้ เลออนกอดศีรษะของนักบุญหญิงอีกครั้ง จากนั้นกดใบหน้าของนางลงไปบนไหล่ให้ชิดขึ้นแล้วถอยออกไปด้านหลัง
ส่วนที่อวบหนาที่สุดของแท่งเนื้อติดอยู่กับปากทางเข้า ร่างกายของนางที่สัมผัสได้ว่าเขาจะถอนตัวออกไปสั่นสะท้านและตอดรัดด้านในแน่น สัมผัสที่ร่างของนางจับส่วนนั้นของเขาไว้ทำให้เลออนกัดฟัน เขาขยับเอวอีกครั้ง
ใครจะไปคิดว่าการปฏิเสธสัญชาตญาณที่สั่งให้เขาขยับอย่างรุนแรงและเร็วขึ้นอีกมันจะลำบากถึงเพียงนี้ แม้นักบุญหญิงจะขยับราวกับอ้อนวอนขอ แต่เลออนก็ไม่เพิ่มความเร็ว ทำเพียงขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเท่านั้น เลออนกดข่มสัญชาตญาณและขยับร่างกายเพื่อนาง
‘เหมือนจะตาย’
เขานึกถึงรอยที่อยู่ในต้นขาของนักบุญหญิง และใบหน้าของคาร์ลที่นัดให้เขามาเจอกันที่นี่
ไม่รู้ว่าขยับซ้ำๆ แบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว
“อือ…”
น้ำเสียงของนักบุญหญิงต่างไปเล็กน้อย การเคลื่อนไหวที่เบียดเสียดร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่งก็หยุดลงเช่นกัน เลออนรับรู้ว่านางได้สติแล้ว เมื่อเขายกมือที่โอบนางออก นักบุญหญิงก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาพร่ามัวกลับมามองชัดเจน นางบิดตัวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองส่วนล่างที่ยังสอดประสานกันอย่างลึกซึ้ง เลออนไม่พลาดใบหน้าที่เลือนรางของนางในตอนนั้น
ตอนนี้นักบุญหญิงจะมองเขาอย่างไร เลออนหวาดกลัว เขารู้ดีว่าการที่เขาบอกว่าทำไปเพื่อนางมันเป็นข้อแก้ตัวที่น่าขันเพียงใด
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่าราธบันที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนก็ระงับตัวเองจนถึงที่สุดหรอกหรือ เสียงอ่อนแรงดังขึ้นข้างหูเลออนที่เตรียมรอรับฟังความขุ่นเคืองจากนักบุญหญิง
“…ขอโทษ”
เลออนกัดริมฝีปากเมื่อได้ยินคำนั้น คืนแรกนางก็เอ่ยขอโทษกับเขาเช่นกัน เขาไม่อาจถามได้เลยว่านางขอโทษเรื่องอะไร ดังนั้นดูเหมือนว่าเขาจะต้องยอมรับความจริงที่เขาไม่อยากยอมรับนี้
เลออนดึงนักบุญหญิงเข้ามากอดโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ร่างของนักบุญหญิงที่ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างล้มลงในอ้อมแขนของเขา นางหมดสติไปโดยไม่รู้ตัว เลออนค่อยๆ ถอนส่วนนั้นของตนออกจากร่างที่ไร้เรี่ยวแรง ร่องรอยของการร่วมรักติดแน่นเขรอะบนเก้าอี้ที่พวกเขาแนบชิด เป็นครั้งแรกที่เขามีเพศสัมพันธ์อย่างน่าเวทนาและสูญเปล่าแบบนี้ ทั้งที่ได้โอบกอดคนที่ตนต้องการแท้ๆ แต่เขากลับรู้สึกว่างเปล่า
ตอนที่เลออนกำลังสวมกางเกงเพื่อที่จะลุกขึ้น ราธบันก็เดินเข้ามา
“…”
“…”
สายตาของทั้งสองประสานกันอยู่สักพัก ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกละอายใจจนไม่อาจเปิดปากได้ ไม่มีผู้ชนะในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งสองคนต้องต่อสู้กับความรู้สึกพ่ายแพ้ที่พวกเขาไม่สามารถปกป้องนางได้
ก๊อก ก๊อก
เลออนและราธบันหันหน้าไปเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
“อยู่ด้านในหรือไม่ขอรับ ท่านนักบุญหญิง”
เสียงของคาร์ลดังขึ้นนอกประตู เปลวไฟพลันลุกโชนขึ้นในตาของเลออนและราธบัน