หนทางรอดของนักบุญหญิงตัวปลอม - ตอนที่ 12.5 หลุมพราง (5)
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
หลังจากกลับมาที่พักของตน คาร์ลก็แทบไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้า เป็นอย่างที่นักบวชพูด หน่วยอัศวินแห่งวิหารกำลังรื้อค้นบ้านพักของเขาอย่างฉุนเฉียว หลังจากกวาดตามองเหล่าอัศวิน สายตาของคาร์ลก็พบกับคนที่คุ้นเคย
“เซอร์ราธบัน นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน”
“อ้อ มาแล้วหรือ นักบวชคาร์ล รบกวนให้ความร่วมมือในการตรวจค้นด้วย”
“ตรวจค้น? กำลังพูดถึงการตรวจค้นอะไรอย่างนั้นหรือ?”
ตอนนั้นเองก็ได้ยินอัศวินตะโกนขึ้นจากด้านใน
“หัวหน้า! เจอของน่าสงสัยแล้วขอรับ!”
“ของน่าสงสัย…?”
แม้คาร์ลจะเอ่ยพึมพำ แต่ราธบันก็ออกคำสั่งโดยไม่หันไปมองแม้แต่น้อย
“นำมาที่นี่”
ทันใดนั้น อัศวินคนหนึ่งก็ถือกล่องไม้ใบเล็กเข้ามา คงเพราะมีอะไรบางอย่างอยู่ด้านใน กล่องจึงส่งเสียงดังกึกกัก มันเป็นกล่องเรียบง่ายที่ไม่มีลวดลายใดๆ ทั้งสิ้น ทว่าทุกคนที่ได้เห็นต่างก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
หากเป็นกล่องที่ใส่ของเข้าไปด้านในได้ แสดงว่ามันจะต้องมีจุดที่สามารถเปิดออกตรงไหนสักแห่ง แต่กล่องนั้นกลับมีรูปร่างเป็นก้อนที่แกะสลักขึ้นจากไม้ทั้งหมด ไม่มีช่องว่างที่จะให้กระดาษแม้แต่แผ่นเดียวสอดเข้าไปและไม่มีร่องรอยเชื่อมติดด้วย
ผู้คนที่ตระหนักถึงมันได้ต่างก็รู้สึกหวาดหวั่นเมื่อได้ยินเสียงกึกกักที่ดังออกมาจากด้านในกล่อง
“ไม่ทราบว่าท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้คืออะไร”
“นี่เป็นของที่ข้าไม่รู้จัก”
มันเป็นของที่เขาไม่รู้จักจริงๆ ดังนั้นคาร์ลจึงรู้ตัวว่าเขาโดนเข้าแล้ว
มีใครบางคนจงใจสั่งให้มาค้นเจอของชิ้นนั้นในบ้านพักของเขา
คาร์ลหมุนตัวกลับ หลังจากได้ยินว่าหน่วยอัศวินแห่งวิหารกำลังรื้อค้นบ้านพักของตน เขาก็จงใจลากเหล่านักบวชมาอย่างคับคั่ง พวกเขาเป็นคนที่อยู่ข้างเขาและเป็นคนที่จะช่วยโต้แย้งให้กับการกระทำที่เกินขอบเขตของเหล่าอัศวิน
แต่ชั่ววินาทีที่ได้เห็นราธบัน คาร์ลก็รู้ว่าเขาคิดตื้นเกินไป
ในวิหารหลวงแห่งนี้ ราธบันคือผู้เดียวที่แข็งแกร่งและสั่งสมชื่อเสียงอันดีงามไว้อย่างดีเยี่ยมเทียบเท่าตน อีกทั้งเขายังเป็นคนที่ได้รับความเลื่อมใสจากเหล่านักบวช และความจงรักภักดีอย่างไม่มีเงื่อนไขจากเหล่าอัศวินด้วย ต่างจากเขาที่ถูกจำกัดอยู่แค่ในวิหารหลวง ราธบันยังได้รับความเคารพยกย่องจากทุกคนด้านนอกวิหารหลวง เขายังช่วยค้ำจุนวิหารหลวงไว้อย่างเหนียวแน่นในช่วงเวลาที่ตนไม่อยู่ ตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนที่เพิ่งกลับมาเช่นเขาจะเอาชนะราธบันด้วยความเลื่อมใสและชื่อเสียงอันดีงาม
คาร์ลลอบกัดฟัน ราธบันเอ่ยถามอัศวินที่นำกล่องมา
“เจ้าเจอมันที่ไหน”
“ด้านในลิ้นชักขอรับ”
หลังจากฟังคำตอบ ราธบันก็หมุนตัวกลับมาถามคาร์ล
“ข้าจะถามอีกครั้ง ท่านไม่รู้ว่ามันคืออะไรจริงหรือ?”
“ข้าไม่รู้จริงๆ แล้วก็ไม่ทราบว่าท่านใช้เหตุผลอะไรเข้ามาก่อเรื่องวุ่นวายในบ้านพักของข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นนี้ หากท่านบอกก่อนล่วงหน้า…”
ตอนนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงอัศวินวัยหนุ่มที่อยู่หลังราธบันพึมพำขึ้น
“…บอกก่อนก็เอาไปซ่อนสิ”
เป็นถ้อยคำที่คล้ายกับตั้งใจให้ได้ยิน ได้ยินดังนั้นคาร์ลก็มองอัศวินหนุ่ม เป็นใบหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน บางทีคงเป็นคนที่เข้ามาเป็นอัศวินในระหว่างที่เขาไม่อยู่ เพราะแบบนั้นอัศวินหนุ่มถึงได้มองคาร์ลด้วยสายตาระแวดระวังอยู่ตลอด
“ผู้บัญชาการราธบัน ท่านคงไม่ได้มาหาข้าแบบนี้ด้วยเหตุผลไร้สาระ ได้โปรดบอกมา ท่านมาค้นบ้านพักของข้าด้วยเรื่องอะไรกันแน่”
ตอนนั้นเอง เสียงอึกทึกครึกโครมพลันดังขึ้นด้านหลังราธบัน ไม่นานเหล่าอัศวินก็แยกกันไปตั้งแถวด้านข้าง และคนผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
“ท่านนักบุญหญิง”
ทันทีที่ราธบันค้อมศีรษะอย่างนอบน้อม หน่วยอัศวินก็ค้อมศีรษะตามลงมา นักบุญหญิงรับการเคารพจากพวกเขา จากนั้นก็ค่อยๆ หันหน้าไปมองคาร์ลและเหล่านักบวชด้านหลังเขา สายตาที่ราวกับถามว่าพวกท่านกำลังทำอะไรอยู่ ทำให้เหล่านักบวชรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว คาร์ลจ้องมองนักบุญหญิงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะก้มศีรษะลง
‘คิดจะทำอะไร’
เขารู้ว่านักบุญหญิงเป็นคนสั่งให้ราธบันเคลื่อนไหว สิ่งที่เขาสงสัยตอนนี้คือ กล่องนั่นมันคืออะไรแล้วทำไมถึงต้องมาพบในห้องของเขา
“ทุกคนเงยหน้าขึ้นได้”
ต่างจากปกติ ลักษณะการพูดของนักบุญหญิงฟังดูคล้ายคำสั่ง คาร์ลเองก็เงยหน้าขึ้นเช่นกัน ชั่วขณะนั้น เขาประสานสายตาเข้ากับนักบุญหญิง
‘ยิ้มหรือ…?’
ริมฝีปากของนักบุญหญิงดูคล้ายมีรอยยิ้มแวบผ่านไปชั่วขณะ
เป็นไปไม่ได้ สมัยก่อน นักบุญหญิงหวาดกลัวกระทั่งการออกมาด้านนอกไปหลายวันในทุกครั้งที่เขาใช้งานรอย เหตุการณ์ในห้องรับรองเกิดขึ้นเมื่อวานซืน เห็นได้ชัดว่าจนถึงเมื่อวาน เขาได้ยินว่านางไม่แม้แต่กระดิกตัวและขังตัวเองอยู่ในที่พัก
ดังนั้นเขาถึงคิดว่านางน่าจะยังไม่ออกมาอีกหลายวัน และวันนี้นางก็ไม่ได้มาเข้าร่วมการประชุมมิใช่หรือ แล้วสายตาแบบนั้นมันคืออะไรกัน
“ก่อนอื่น ข้าต้องขออภัยที่เสียมารยาทมารื้อค้นบ้านพักของท่าน นักบวชคาร์ล แต่ข้าเลี่ยงไม่ได้เพราะนี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจล่าช้าแม้เพียงชั่วครู่ หวังว่าท่านจะเข้าใจ”
“…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ถึงได้ทำแบบนี้ขอรับ ในห้องของข้ามีแค่สัมภาระไม่กี่ชิ้นที่ข้านำมาเท่านั้น”
“ใช่แล้ว สัมภาระที่เจ้านำมา”
คาร์ลลองนึกว่าตนนำอะไรมาบ้าง หนังสือไม่กี่เล่มซึ่งเป็นพระคัมภีร์ทั้งหมด และแม้จะเรียกว่าเสื้อผ้าแต่ก็มีเพียงแค่สองสามชุดเท่านั้น นอกจากนั้นก็เป็นของจิปาถะ อย่างเช่นปากกาหรือกระดาษ
“เซอร์ราธบัน ช่วยส่งมันมาให้ข้าสักครู่ได้หรือไม่?”
ได้ยินคำพูดของนักบุญหญิง ราธบันก็ก้มศีรษะลงอย่างมีมารยาทจากนั้นส่งกล่องไม้ให้แก่นาง นักบุญหญิงหยิบมันขึ้นมาและลองแกว่งดูหลายครั้ง ก่อนจะส่งคืนให้ราธบัน
“เซอร์ราธบัน เจ้าให้ผู้คนรอบข้างออกไปก่อน แล้วก็ข้ามีเรื่องให้เจ้าต้องช่วย”
“อะไรหรือขอรับ”
“ช่วยตัดแบ่งครึ่งมันที”
ราธบันทำตามคำสั่งของนักบุญหญิงในไม่ช้า หน่วยอัศวินแห่งวิหารและเหล่านักบวชออกมาจากอาคารก่อนจะถอยไปด้านหลัง คาร์ลก็ออกมาพร้อมกับพวกเขาเช่นกัน ก่อนจะจ้องไปยังราธบันและนักบุญหญิงที่กำลังออกมาจากอาคาร
“ทุกคนออกไปแล้วขอรับ!”
เมื่ออัศวินคนหนึ่งตะโกนขึ้นหลังจากให้ทุกคนถอยไปด้านหลังแล้ว ราธบันก็พยักหน้าให้ ราธบันโยนกล่องไม้ขึ้นบนฟ้าทันที จากนั้นหยิบดาบออกจากเอวและกวัดแกว่งอย่างรวดเร็ว
ปัก!
ดาบที่กวัดแกว่งอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเงาก็ยังไม่เห็นสัมผัสเข้ากับกล่องไม้จนส่งเสียงดังและถูกแบ่งครึ่งอยู่กลางอากาศ ในตอนนั้นเอง
กร๊าซซซ!
ของสีดำสนิทโผล่ออกมาจากด้านในกล่องพร้อมกับเสียงกรีดร้องจนแสบแก้วหู
“นั่นคืออะไร!”
เสียงร้องโวยวายดังขึ้นท่ามกลางผู้คน ของที่ออกมาจากด้านในกล่องมีรูปร่างเป็นนกหน้าตาอัปลักษณ์ซึ่งก่อตัวขึ้นจากหมอกควันสีดำ มันหมุนตัวอยู่กลางอากาศ ก่อนจะพุ่งหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
“…!”
คาร์ลกลั้นหายใจ เพราะสิ่งที่บินอยู่บนท้องฟ้ามันลงมาเกาะบนไหล่ของเขา
“น นี่ นี่มัน…!”
หลังจากกระพือปีกราวกับว่ามันเป็นนกจริงๆ สิ่งนั้นก็หันหน้ากลับมาทั้งที่ยังนั่งอยู่บนไหล่ของคาร์ล ขณะคิดว่ามันจะหมุนตัวกลับหลังมาหรือไม่ มันก็หมุนหัวอีกหนึ่งรอบและหันกลับไปด้านหน้า
มันกวาดตามองไปรอบทิศทาง เป็นการกระทำที่สิ่งมีชีวิตที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่อาจทำได้ ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าขนกำลังลุกชัน จากนั้นมันก็อ้าปากกว้างไปทางเหล่านักบวชที่ยืนอยู่รอบข้างคาร์ลราวกับพบศัตรู ก่อนจะกรีดร้อง
กร๊าซซซ!
เสียงอันน่าสะพรึงกลัวฉีกผ่านอากาศดังสะท้อนขึ้นอีกครั้ง ทุกคนอุดหูเมื่อได้ยินเสียงนั้น นักบวชที่อายุยังน้อยในหมู่พวกเขาทรุดลงไปกับพื้นด้วยความขวัญผวา มันกรีดร้องอยู่อีกหลายหนราวกับชื่นชอบปฏิกิริยาตอบรับของเหล่านักบวช แล้วหันมาก้มหัวให้คาร์ล ท่าทางราวกับรอฟังคำสั่งของเขา
ตอนนั้นเอง ใครบางคนตะโกนขึ้นมา
“ปะ ปีศาจ!”
“ปีศาจมาอยู่ในวิหารหลวงได้อย่างไร!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นทั่วทุกที่จนน่ากลัวทันทีที่ได้ยินคำว่าปีศาจ วิหารหลวงเป็นดินแดนที่ปลอดภัยที่สุดในทวีปและเป็นสถานที่ที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ล้นทะลักมากที่สุด กระทั่งเหล่าจอมเวทที่ยืมพลังเวทมาใช้ยังหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้วิหารหลวง แต่นี่ปีศาจซึ่งเป็นดั่งตัวตนของพลังเวทกลับมาปรากฏตัวขึ้นในวิหารหลวง
ปีศาจกระพือปีกราวกับมันเองก็ตกใจเสียงร้องของเหล่านักบวช ท่าทางเช่นนั้นทำให้ทุกคนรู้ว่ามันกำลังพยายามจะบินหนีไป
“ราธบัน!”
เสียงแหลมสูงของนักบุญหญิงดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงนั่นกลายเป็นสัญญาณ พวกเขาไม่ทันได้เห็นว่าอะไรเคลื่อนไหว เพียงแค่กระพริบตาชั่วครู่ ประกายแสงสีเงินก็ปรากฏขึ้น
ตู้ม!
เสียงที่ราวกับอะไรระเบิดออกดังขึ้นข้างหูคาร์ลราวกับฟ้าผ่า เสียงกรีดร้องของปีศาจหายไปกลางอากาศโดยที่ยังร้องออกมาไม่เต็มที่ ปีศาจที่มีรูปร่างเหมือนนกถูกตัดแบ่งครึ่ง และร่วงไหลลงราวกับละลาย มันไหลลงจากไหล่ของคาร์ลร่วงหล่นลงพื้น เจิ่งนองคล้ายกับแอ่งน้ำสีดำ และไม่นานร่องรอยก็หายไปประหนึ่งฝุ่นที่ปลิวไปตามลม
ระหว่างที่เหล่านักบวชกำลังตกใจจนเปล่งเสียงอะไรออกมาไม่ได้ ราธบันก็เก็บดาบลงและมองนักบุญหญิงคล้ายว่าเหตุการณ์แบบนี้เป็นเรื่องปกติ นักบุญหญิงมองไปยังจุดที่เคยมีแอ่งน้ำสีดำก่อนจะก้มตัวลง ปลายเท้าของนางมีชิ้นส่วนกล่องไม้ที่ราธบันตัดทิ้งไว้กำลังกลิ้งอยู่
คาร์ลรีบตั้งสติและจ้องมองการกระทำของนักบุญหญิงด้วยสายตาคมกริบ ทันใดนั้นในมือของนักบุญหญิงที่ถือชิ้นส่วนกล่องไม้ก็เริ่มมีแสงสีฟ้าครามก็หมุนวน สายตาของเหล่านักบวชรวมอยู่ที่นักบุญหญิงที่กำลังใช้พลังศักดิ์สิทธิ์
“ท่านนักบุญหญิง…!”
ภาพที่นักบุญหญิงใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ใช่ว่าจะได้เห็นง่ายๆ แม้ว่านางจะเป็นตัวแทนของพระเจ้าผู้ซึ่งครอบครองพลักศักดิ์สิทธิ์อันแกร่งกล้าที่สุด นักบุญหญิงเองก็เป็นมนุษย์ ดังนั้นหากนางใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ปริมาณศาลในคราวเดียว ก็จะต้องใช้เวลาจนกว่าจะฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง และระหว่างนั้น พลังศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังคุ้มครองทวีปก็จะไม่มีเสถียรภาพ
ดังนั้นนอกเหนือจากงานที่มีความสำคัญมากหลังจากเกิดเรื่องโชคร้าย หรือไม่ก็พิธีการที่มีกำหนดใช้งานตามระยะเวลาที่กำหนด ก็เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นพลังศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญหญิง
แสงสีฟ้าครามของพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าโอบล้อมชิ้นส่วนของไม้ที่ถูกตัดโดยสมบูรณ์
วาบบบ!
ทันใดนั้น ราวกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านในทะลักออกมา เปลวเพลิงของพลังเวทสีแดงก็ลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง ชั่วขณะที่ได้เห็นพลังเวทสีแดงที่พุ่งพรวดขึ้นมาจนสูงกว่าต้นไม้รอบข้าง เหล่านักบวชก็ตระหนักได้ว่าพลังเวทที่ทะลักออกมาจากชิ้นส่วนไม้นั้นให้ความรู้สึกที่คล้ายคลึงกับพลังเวทขนาดใหญ่ที่สร้างความอลหม่านเมื่อไม่นานมานี้
“อันตราย!”
“ขวางไว้!”
ทันทีที่พลังเวทเจาะทะลุพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาและเริ่มลุกโชนราวกับจะดูดกลืนทุกอย่าง เสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทว่านั่นก็เพียงแค่ชั่วขณะ พลังศักดิ์สิทธิ์เริ่มหมุนพันรอบพลังเวทที่ทรงพลัง เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์เริ่มห่อหุ้มพลังเวทที่อาละวาดอย่างบ้าคลั่งดั่งเถาวัลย์ พลังเวทก็ยิ่งอาละวาดรุนแรงมากขึ้นภายในนั้น แต่ไม่ว่าใครก็เห็นว่าขนาดของมันกำลังเล็กลงเรื่อยๆ
การก่อกวนของพลังเวทจบลงได้ในเวลาไม่นาน พลังศักดิ์สิทธิ์ไหวกระเพื่อม ก่อนที่พลังเวทจะจางหายไปไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยในชั่วพริบตา ราวกับสัตว์เดรัจฉานตัวใหญ่กลืนเหยื่อในคราเดียว
“พระเจ้าช่วย…”
“พลังศักดิ์สิทธิ์ของท่านนักบุญหญิง…”
ภาพที่นักบุญหญิงทำให้พลังเวทที่เป็นอันตรายหดลงในพริบตาทำให้ทุกคนพึมพำทั้งที่ยังอ้าปากค้าง ทุกคนต่างก็รู้สึกได้ว่าหัวใจกำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ นักบุญหญิงผู้ถูกผู้คนพูดถึงว่าเป็นคนที่ไม่เหมาะสมกับชื่อเรียกว่าตัวแทนของพระเจ้า ได้แสดงอานุภาพที่ได้รับมาจากพระผู้เป็นเจ้าให้ทุกคนเห็น
“ท่านนักบุญหญิงเอาชนะปีศาจได้!”
“และยังปราบพลังเวทได้ในคราวเดียว!”
เสียงตะโกนเปลี่ยนเป็นเสียงโห่ร้องในไม่ช้า คำอุทานที่ไม่อาจเก็บซ่อนความดีใจดังขึ้นจากทั่วทิศทาง ท่ามกลางความวุ่นวาย นักบุญหญิงมองชิ้นส่วนไม้ในมือตนอีกครั้ง ทุกคนกลั้นหายใจขณะรอคอยคำพูดของนาง
“ข้าเคยได้ยินมาว่ามีไม้ที่สามารถสกัดกั้นพลังเวทไว้ได้ เมื่อก่อนมันเคยมีอยู่มากแต่ผู้คนตัดมันทิ้งเพื่อใช้ต่อสู้กับปีศาจ ตอนนี้มันจึงพบเจอได้ยากมาก เห็นว่านานๆ ทีจะค้นพบได้ที่เขตชายแดนของแผ่นดิน นักบวชคาร์ล ข้าหมายถึงแถวรอบๆ วิหารที่เจ้าไปอยู่มานั่นแหละ”
เมื่อได้ยินคำพูดของนักบุญหญิง นักบวชคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ คาร์ลก็ถอยห่างจากเขาไปหนึ่งก้าว เขาคือคนที่จนถึงก่อนหน้านี้ก็ยังอยากจะพูดคุยกับคาร์ลให้มากขึ้นอีกสักคำ
“…นี่เป็นเรื่องที่ข้าเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกเลย”
คาร์ลขบฟันเมื่อได้ยินดังนั้น เหมือนที่นักบุญหญิงพูด เขาเคยได้ยินมาว่ามีต้นไม้แบบนั้นอยู่ แต่มันไม่ถูกพบมานับสิบปี และจางหายไปจากความทรงจำของผู้คนราวกับเป็นเรื่องเล่าแต่โบราณเมื่อนานมาแล้ว แต่สิ่งอยู่ในมือของนักบุญหญิงตอนนี้ก็คือไม้นั่นเนี่ยนะ?
นักบุญหญิงไม่ได้ตอบกลับคำพูดของอีกฝ่าย แต่กลับฝากของในมือให้ราธบันและเดินเข้าไปหาคาร์ลแทน
“ที่ข้ามารื้อค้นบ้านพักของเจ้า เป็นเพราะได้รับการร้องเรียน”
“…ร้องเรียน?”
“ความว่าเจ้านำของที่เป็นอันตรายอย่างมากกลับมาจากชายแดนด้วย เขาบอกว่าเจ้าเลี้ยงดูปีศาจในระหว่างที่อาศัยอยู่ในวิหารชายแดน และเจ้าก็พาปีศาจตัวนั้นมาถึงวิหารหลวงเพื่อขจัดความแค้นส่วนตัว”
“เรื่องไร้สาระแบบนั้น…!”
“แน่นอนว่าข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า”
นักบุญหญิงพูดตัดบทเขาอย่างไม่ปรานีในขณะที่คาร์ลกำลังโต้เถียง
“เจ้าจะทำแบบนั้นได้อย่างไร? ข้าเองก็คิดว่านั่นมันเป็นเรื่องไร้สาระเลยหยิบใบร้องเรียนนั่นมาสั่งให้เผาทันที แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ได้เห็นไปแล้ว ในใบร้องเรียนเขียนไว้ว่าให้ไปหากล่องไม้ที่อยู่ในบ้านพักของเจ้าดู ข้าเองก็คิดว่าควรเรียกเจ้ามาคุยกันก่อนดีหรือไม่ แต่กลายเป็นว่าเดี๋ยวจะมีข่าวลือไม่ดีถูกพูดถึงอีก ดังนั้นทั้งที่รู้ว่ายุ่ง ข้าก็ยังฝากฝังงานให้กับเซอร์ราธบันอย่างเร่งด่วน เพราะหากเป็นเซอร์ราธบันล่ะก็ เขาเชื่อถือและไว้ใจได้แน่นอน”
ได้ยินดังนั้น นักบวชทุกคนก็พยักหน้า หากเป็นราธบันผู้เป็นผู้บัญชาการหน่วยอัศวินแห่งวิหารล่ะก็ พวกเขามีความเชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะเป็นงานอะไร เขาก็จัดการมันได้อย่างตรงไปตรงมาและไม่มีความข้องใจแม้แต่น้อย อีกทั้งราธบันเองก็มีความสนิทสนมกับคาร์ลก่อนที่เขาจะจากไป เขาคงต้องพยายามมากกว่าใครเพื่อคาร์ลแน่
“แต่ว่า…”
นักบุญหญิงมองกล่องไม้ที่อยู่ในมือของราธบันด้วยสีหน้าที่ราวกับเศร้าใจ ท่าทางที่พูดอะไรต่อไม่ได้อีกของนักบุญหญิงทำให้ทุกคนถอนหายใจ การกระทำของนักบุญหญิงที่เคยคิดว่าเสียมารยาท ที่จริงแล้วเป็นการเคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบเพื่อนักบวชคาร์ล
แม้ว่าความสัมพันธ์ในอดีตจะไม่ดี แต่ช่วงนี้นักบุญหญิงที่แสดงภาพลักษณ์อื่นๆ ให้เห็นทีละน้อย เพื่อเป็นหลักฐาน ตอนนี้ผู้บัญชาการราธบันที่เคยหลีกเลี่ยงนักบุญหญิงก็กลับมาอยู่ข้างนางไม่ห่าง บางทีนักบุญหญิงเองก็คงหวังที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์เช่นนั้นกับนักบวชคาร์ลเช่นกัน นางถึงได้ส่งราธบันมาเพื่อเขา
แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นเช่นนี้
สายตาที่มองนักบุญหญิงด้วยความเห็นใจ หันกลับไปมองคาร์ล
“นี่เป็นการใส่ร้าย!”
คาร์ลตะโกนเสียงดังอย่างไม่เป็นตัวเอง ทันใดนั้น นักบุญหญิงก็กล่าวขึ้นคล้ายว่ารออยู่แล้ว
“ข้าเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน นักบวชคาร์ล”
นักบุญหญิงเดินเข้าไปใกล้คาร์ลอีกก้าว การกระทำแบบนั้นของนางทำให้คาร์ลถอยไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว นักบุญหญิงกำลังเดินเข้ามาหาเขาอย่างนั้นหรือ นี่มันเป็นไปไม่ได้
“เพราะแบบนั้นข้าเลยใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ได้…”
พูดจบ นักบุญหญิงก็จ้องเขาตรงๆ ชั่วขณะนั้น คาร์ลพลันขนลุกขึ้นมา
สายตาของนักบุญหญิงที่จ้องมองเขาทั้งร้ายกาจและไม่คุ้นเคย
ราวกับไม่ใช่อีเบลลีน่า ทั้งที่เห็นได้ชัดว่านี่คืออีเบลลีน่า
หลังจากยืนประจันหน้ากับคาร์ล นักบุญหญิงก็ระบายยิ้มอบอุ่นพลางกล่าวท่ามกลางการจับจ้องของทุกคน
“…นักบวชคาร์ล เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล เรื่องในภายภาคหน้าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถิด”