หนทางรอดของนักบุญหญิงตัวปลอม - ตอนที่ 14.5 ไม่สบายใจ (5)
เพราะเป็นบ้านที่เคยมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจึงหาห้องอาบน้ำเจอได้ไม่ยาก ทันทีที่เปิดประตูที่คุ้นเคยออก ก็พบกับห้องอาบน้ำที่ไม่ต่างจากเมื่อก่อน ห้องอาบน้ำเป็นระเบียบและไม่ระเกะระกะราวกับของทั้งหมดไม่เคยถูกขยับเลยสักครั้งตั้งแต่แรก ฉันหมุนเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำอย่างเร่งรีบและออกไปด้านนอกอีกครั้ง
“ราธบัน!”
ฉันคิดว่าราธบันอาจจะได้สติขึ้นมาบ้างระหว่างนั้น ทว่าเขากลับล้มลงไปแล้ว ฉันยกแขนเขาพาดไหล่ และพยายามจะยกเขาขึ้น ทว่าอย่าว่าแต่ยกขึ้นเลย แค่ลุกขึ้นฉันยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ราธบัน! ตอบหน่อย! ราธบัน!”
เขายังมีชีวิตอยู่จริงใช่ไหม ผิวของเขาที่ถูกตัวฉันเย็นจนทำให้สงสัยว่าเสียงครางของเขาที่ได้ยินเมื่อครู่ก่อนเป็นภาพหลอน หลังจากพยายามลุกขึ้นและล้มลงอยู่หลายครั้ง ฉันก็ยกแขนของเขาที่พาดไหล่ออก และใช้แรงทั้งหมดลาก ทันใดนั้นร่างกายของราธบันก็ขยับเล็กน้อย ฉันออกแรงที่แขนที่จับเขามากขึ้น
“อึก…!”
ทว่าแม้จะใช้แรงทั้งหมดลากไปแล้ว แต่ร่างกายที่อ่อนแรงของเขาก็ไม่ยอมขยับง่ายๆ
ฉันรู้ว่าร่างกายของราธบันใหญ่โต เขามีส่วนสูงที่ต้องแหงนคอมองเมื่อยืนด้วยกัน และไหล่กว้างที่ราวกับจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นอัศวินที่เก่งที่สุดในทวีปด้วยร่างกาย ฉันจำได้ว่าร่างกายของเขาใต้ร่มผ้าที่เคยสัมผัสนั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออันแข็งแรง
แต่ถึงกระนั้นมันก็หนักเกินไป แม้ฉันจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด แต่กลับขยับได้แค่เพียงครึ่งฝีเท้าเท่านั้น เมื่อมองเขา ฉันถึงกับคิดว่ากำลังลากหินอยู่หรือเปล่า ถึงอย่างไรคนที่หมดสติจะหนักได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ หลังจากสองจิตสองใจชั่วครู่ ฉันก็มองใบหน้าของราธบันที่ขาวซีด ก่อนจะได้สติขึ้นมาฉับพลัน
“…ต้องปลดปล่อยราธบัน”
นี่ไม่ใช่น้ำหนักของราธบัน นี่คือน้ำหนักของความตายที่คว้าจับเขาไว้
ฉันเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นฉันรู้ว่าบางอย่างที่คว้าจับราธบันไว้มันน่ากลัวและน่าหวาดหวั่นขนาดไหน ความมืดที่สัมผัสไม่ได้ถึงสิ่งใด และไร้ซึ่งสรรพสิ่ง
กริชของชีเดลหันมาหาฉัน ดังนั้นฉันควรเป็นคนที่ต้องแบกรับน้ำหนักของความตายครั้งนี้ ไม่ใช่ราธบัน
ผ่านไปสักพัก ฉันก็มาถึงประตูห้องอาบน้ำจนได้ ฉันจับราธบันไว้และใช้หลังดันประตู ไอร้อนเข้ามาโอบล้อมทันที เมื่อมองเข้าไปด้านในก็พบว่าน้ำล้นทะลักออกมาจากอ่างอาบน้ำและกำลังไหลลงพื้นไม้ ทว่าตอนนี้นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
‘อีกนิดเดียว…!’
ฉันออกแรงลากด้วยพลังทั้งหมดในชีวิต และลากราธบันมาใกล้อ่างอาบน้ำได้สำเร็จ
“แฮ่ก… แฮ่ก…”
ทันทีที่ปล่อยมือที่จับเขา ความเจ็บชาพลันแล่นไปทั่วทั้งฝ่ามือและนิ้วมือ ฉันแช่มือลงไปในอ่างอาบน้ำทันที น้ำที่ให้ความรู้สึกว่าร้อนไปเล็กน้อยเข้าโอบล้อมมือที่สั่นเทา ฉันตักน้ำในอ่างอาบน้ำขึ้นมาจนเต็มมือ จากนั้นราดใส่ราธบัน
“ราธบัน ราธบัน…”
ราธบันดูเหมือนจะผงะเล็กน้อย แต่ยังคงไม่ลืมตา เมื่อหันหน้าไปก็เห็นน้ำที่ไหลลงมาบนพื้นกำลังไหลซึมเข้าเสื้อของเขาจนเปียกชุ่ม น้ำที่ซึมเข้ามาและเลือดกระจายไปบนเสื้อเขาทันที
ฉันตักน้ำในอ่างขึ้นมาอีกครั้งและราดลงไปบนมือที่เปื้อนไปด้วยเลือดของเขา เลือดที่แห้งติดเป็นคราบถูกชำระล้างออก เผยให้เห็นบาดแผลจากการจับกริช
“อือ…”
คงเพราะน้ำสัมผัสถูกบาดแผลจึงทำให้เขาได้สติขึ้นมาเล็กน้อย เสียงร้องครางดังออกจากปากของเขาที่เอนกายพิงอ่างอาบน้ำอยู่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
“ราธบัน ได้โปรด…”
เผื่อว่าเขาจะได้สติขึ้นมาอีก ฉันจึงลองตักน้ำขึ้นมาล้างแผลเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้กระทั่งเสียงร้องครางแผ่วเบาก็ไม่ได้ยินแล้ว
‘ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป…’
อีกไม่นานความตายคงจะพาเขาไปแน่ ไม่ว่าอย่างไรฉันก็ต้องทำให้ร่างกายของเขาที่เย็นลงเรื่อยๆ กลับมาอบอุ่นให้ได้ ฉันดึงราธบันเข้ามากอด เสียงหัวใจของเขาที่สัมผัสได้ใต้ร่มผ้าดูคล้ายจะอ่อนแรงลง
“ราธบัน จะตายไม่ได้นะ”
ฉันเคยคิดว่าสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไป กระทั่งเคยคิดว่าฉันจะต้องอยู่รอดให้ได้แม้ว่าจำเป็นต้องเสียสละใครสักคน
ทว่าไม่เคยคิดว่าราธบันจะเป็นใครสักคนนั้น
อัศวินของฉันที่เย็นชากว่าใคร แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นคนที่อยู่เคียงข้างฉันจนถึงที่สุด และเป็นคนที่เปลี่ยนไปคนแรกของโลกใบนี้ การที่ฉันเกิดความคิดว่าอะไรบางอย่างอาจจะเปลี่ยนไปจากการต่อต้านทิศทางของโชคชะตาที่ถูกกำหนดขึ้น อาจเป็นเพราะในวันที่ฉันเปรอะเปื้อนไปด้วยของเน่าสกปรก ก็เป็นเขาที่ช่วยปกป้องฉันจากของเหล่านั้น
ฉันใช้แรงเฮือกสุดท้าย เสื้อผ้าฉีกขาดเสียงดังและร่วงหล่นลงพื้นเพราะฉันพยายามดันร่างเขาที่พิงกับอ่างอาบน้ำขึ้น แต่นั่นก็ไม่สำคัญ
‘นี่เป็นครั้งสุดท้าย’
ลมหายใจของฉันเองก็หอบหนักขึ้น ฉันรู้ว่าหากยังนั่งทรุดอยู่แบบตอนนี้ต่อไปก็ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ต้องใช้โอกาสสุดท้ายนี้เพิ่มอุณหภูมิร่างกายให้ราธบัน ฉันอุ้มตัวของราธบันขึ้นบนขอบอ่างอาบน้ำได้อย่างหวุดหวิด ขณะที่ร่างของเขาถูกยกขึ้นจนใกล้เคียงกับการยืน ฉันก็โอบคอเขาเข้ามาและทิ้งร่างลงไปในอ่างอาบน้ำ
ตู้ม!
น้ำในอ่างอาบน้ำกระเพื่อมอย่างแรงและทะลักลงพื้นห้องอาบน้ำเสียงดัง ฉันหลับตาลงโดยไม่มีความคิดที่จะเบี่ยงตัวออกมาจากร่างของเขาที่ทับฉันอยู่ด้านบน ตอนนั้นเอง
เรี่ยวแรงมหาศาลจับแขนฉันดึงขึ้น
“แค่ก! แค่ก!”
ศีรษะยกขึ้นเหนือน้ำในชั่วพริบตา ฉันสำลักออกมาพร้อมกับลมหายใจที่กลั้นไว้
ไม่ต้องถามว่าใครจับฉันขึ้น ฉันก็รู้ได้ หลังจากสำลักน้ำออกมาจนหมดและเงยหน้าขึ้น ก็เห็นราธบันที่อยู่ในสภาพตัวเปียกกำลังจ้องมาที่ฉันอยู่ตรงนั้น
“ราธบัน!”
ความจริงที่ว่าเขาลืมตาขึ้นทำให้ฉันดึงเขาเข้ามากอดโดยไม่รู้ตัว ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลา ทว่าความจริงที่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ก็ทำให้ลำคอตีบตัน และร้องไห้ออกมา
“ยะ ยังมี…ชีวิตอยู่…คะ คิดว่า…เจ้าจะ…ตาย…แล้ว…”
“…ข้าจะไม่ตาย ตราบใดที่ท่านยังต้องการข้า”
มือของราธบันดึงไหล่ฉันเข้าไปกอด แม้เป็นการกระทำที่พยายามปลอบโยน แต่เพราะฉันได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่ทำให้รู้สึกมั่นใจขึ้น น้ำตาจึงไม่ยอมหยุดไหลและยังไหลออกมาเรื่อยๆ ฉันกอดราธบันแน่นขึ้นและร้องไห้ ราธบันทำเพียงตบฉันเบาๆ เท่านั้น
ร่างกายเย็นเชียบของเขาที่แนบชิดกันกลับมาอบอุ่นดังเดิมอีกครั้ง ความรู้สึกโล่งใจพลันถาโถมเข้ามาพร้อมกับที่ฉันนึกถึงเรื่องอื่นได้
“…เกิดอะไรขึ้น? แล้วแผลล่ะ? เป็นไรหรือไม่? เจ้าต้องได้รับการรักษาเดี๋ยวนี้!”
ฉันพูดพล่ามอย่างไม่มีสติและทำท่าจะลุกขึ้น แต่ราธบันก็ดึงฉันเข้าไปกอดอีกครั้ง ฉันหยุดนิ่งในอ้อมแขนของเขา
“ข้าไม่เป็นไร เพราะฉะนั้น…”
มือของเขากอดฉันแน่นขึ้น
“ช่วย ช่วยอยู่แบบนี้อีกสักครู่นะขอรับ”
“…”
ฉันผ่อนแรงและพิงศีรษะไปที่หน้าอกของเขาเมื่อได้ยินดังนั้น ราธบันยังมีชีวิตอยู่ นั่นทำให้ฉันคิดว่าฉันจะไม่สนใจแล้วไม่ว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
“แผลสมานกันพอสมควรแล้ว ส่วนพิษเองก็ถูกกดไว้ชั่วครู่ขอรับ แต่ข้าหมดสติไปชั่วขณะเพราะข้าดึงพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาใช้มากเกินไป”
“ได้อย่างไร…”
“ข้าเองก็เป็นนักบวชเช่นกัน ลืมแล้วหรือ? แม้จะไม่ถึงระดับนักบวชระดับสูง แต่อย่างไรก็ยังพอสมานบาดแผลได้”
“อ๋อ…”
เป็นอย่างที่ราธบันพูด เหล่าอัศวินในหน่วยอัศวินแห่งวิหารถูกเลือกจากคนที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้น แม้ไม่อาจรักษาบาดแผลใหญ่ได้ แต่พวกเขาสามารถฟื้นฟูบาดแผลเล็กน้อยได้ด้วยตนเอง ฉันเอื้อมมือออกไปดึงมือข้างที่บาดเจ็บของราธบันเข้ามา
“แผลมัน…”
แม้จะบอกว่าสมานมันได้พอสมควร แต่ก็นั่นไม่ได้หมายความว่ามันหายไป ตรงกลางมือซ้ายของราธบันยังมีรอยยาวที่ดูเหมือนถูกย้อมด้วยสีแดง และผิวหนังรอบๆ รอยนั้นเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ
‘เขาบอกว่ากดพิษเอาไว้’
คำพูดนั้นหมายความว่าราธบันแค่ใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของตนเองสมานแผลไว้ชั่วคราว ไม่อาจฟื้นฟูมันได้โดยสมบูรณ์
“ขออภัยที่ต้องให้ท่านเห็นสภาพที่ดูไม่ได้เช่นนี้”
เขาเสยผมที่เปียกชื้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยราวกับตนเองเคอะเขินและอับอายจากใจจริง
“ข้าใช้เวลาที่บ้านแห่งความตายมากกว่าที่คาดไว้ก็เลยทำให้เสียเลือดมากไปสักหน่อย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่…”
“…โกหก”
ฉันพูดขัดราธบัน
“…”
“อย่าโกหกข้า เจ้าน่ะ…”
ฉันไม่กล้าพูดคำต่อจากนั้น หากบอกไปว่าเขากำลังจะตาย หากคำว่าตายหลุดออกมาจากปากอีกครั้ง ฉันกลัวว่าช่วงเวลานี้ที่ได้สบตากับเขา ช่วงเวลาที่ได้ฟังเสียงเขา จะหายไปราวกับเป็นภาพลวงตา
ฉันจ้องมองมือของราธบันอีกครั้ง ดึงมือที่ยังเปรอะเปื้อนเลือดที่ยังล้างออกไม่หมดของเขาเข้ามากอด เสียงที่ราวกับอดกลั้นเสียงครางดังออกมาจากปากของราธบันทันใด แม้จะบอกว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของเขาช่วยสมานแผลแล้ว แต่ก็ใช่ว่าบาดแผลและพิษจะไม่สร้างความเจ็บปวด
ฉันย้อนนึกถึงคมมีดแหลมของกริชที่เข้ามาใกล้ฉัน รวมถึงภาพที่ราธบันจับมันเอาไว้อย่างไม่ลังเล
“…ทำไมถึงทำเช่นนั้น”
“การจะฉวยกริชมามันจวนตัวเกินไป หากช้าอีกนิด…”
ฉันส่ายหน้าเมื่อได้ยินดังนั้น
“…ข้าถามว่าทำไมถึงได้ปกป้องข้า”
“…”
ราธบันเงียบไปชั่วขณะ ฉันเงยหน้าเมื่อเห็นเขาเงียบไป ราธบันจ้องมาที่ฉันตรงๆ โดยไม่หลบเลี่ยงสายตา ผ่านไปสักพัก เขาถึงเอ่ยขึ้นด้วยความยากลำบาก
“…นั่นคือคำถาม? หรือเพื่อต้องการยืนยัน?”
“…”
คราวนี้เป็นฉันที่ตอบไม่ได้ พวกเราจ้องกันอยู่แบบนั้นสักพักภายในห้องอาบน้ำที่สะท้อนไปด้วยเสียงน้ำหยด เราต่างก็รู้คำตอบ แต่ก็หวาดกลัว ดังนั้นฉันจึงขอขี้ขลาดอีกสักครั้ง
“อย่างที่เจ้าเห็น ข้าไม่มีพลังศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว”
ฉันยังไม่มีความกล้าที่จะเปล่งคำว่าฉันคือนักบุญหญิงตัวปลอมด้วยปากของตัวเอง เพราะฉันรู้สึกเหมือนกับว่าในชั่วขณะที่มันหลุดออกจากปากไป ความจริงที่ฉันพยายามมองข้ามจะกลายเป็นจริง และทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมีจะถูกขโมยไป
“เพราะฉะนั้น…เจ้า…ข้า…”
ไม่จำเป็นต้องรับใช้อีกแล้ว ข้าไม่ใช่นักบุญหญิงของเจ้าอีกต่อไป ทันทีที่กำลังลังเลเพราะพูดออกไปไม่ได้ เขาที่จ้องมองฉันอยู่ก็ระบายยิ้มอ่อนโยน
“หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ต้องยิ่งอยู่ข้างท่านมากกว่าเดิม”
ราธบันใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสางผมที่เปียกน้ำของฉัน นิ้วมือเรียวยาวของเขาลูบไล้ใบหน้าของฉันอย่างระมัดระวังราวกับตรวจดูว่ามีบาดแผลแม้แต่น้อยอยู่ตรงไหนหรือไม่ ดวงตาสีดำของเขาใกล้เข้ามา ใบหน้าของราธบันเข้ามาหาฉันอย่างเชื่องช้า หน้าผากของเขาลงแตะลงบนหน้าผากของฉัน ราวกับนี่คือระยะทางที่ใกล้ที่สุดที่เขาสามารถเอื้อมถึง
“ตั้งแต่ตอนที่ได้รับอนุญาตให้เอ่ยเรียกชื่อของท่านได้…”
ราธบันกระซิบราวกับกำลังกล่าวบางอย่างที่เป็นความลับใหญ่หลวง หางตาของเขาโค้งขึ้นอย่างอ่อนโยน
“คนที่ข้าจะรับใช้มีเพียงท่าน ลีน่า”
น้ำตาร่วงหล่นลงมาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดของเขา ฉันรู้ว่าตอนนี้ราธบันกำลังปฏิเสธสิ่งใด
เขาผู้ใช้ชีวิตด้วยการเชื่อฟังเพียงนักบุญหญิงภายใต้คำสั่งสอนของพระเจ้า ได้หันหลังให้กับช่วงเวลาทั้งหมดและความศรัทธาที่มีในชีวิตมาจนถึงตอนนี้
ฉันก้มหัวลง จากนั้นจุมพิตลงบนมือข้างที่ได้รับบาดเจ็บของเขาผู้ดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอด สัมผัสอันแผ่วเบาทำให้ราธบันสะดุ้งราวกับคนที่สัมผัสโดนไฟ
“…อย่าทำเช่นนี้”
แขนของเขาที่ฉันจับอยู่กำลังแข็งเกร็งจนรู้สึกได้ ฉันยึดแขนของเขาที่พยายามจะเบี่ยงออกจากอ้อมแขนของฉันไว้และขยับริมฝีปาก ริมฝีปากที่ไล้ขึ้นไปตามแขนสัมผัสได้ถึงบาดแผลเล็กๆ ที่ทิ้งไว้ทั่วร่าง สิ่งนี้คือช่วงเวลาที่เขาสั่งสมไว้ ในทุกครั้งที่บาดแผลเพิ่มขึ้น ความศรัทธาของเขาก็จะหนักแน่นขึ้นพร้อมกับที่ชื่อเสียงอันดีงามของเขาขจรขจาย
ตอนนี้ริมฝีปากของฉันขบเม้มอยู่ตรงหัวไหล่ของเขา
“ได้โปรด… หยุด… อึก…”
เขาผู้ที่ไม่เคยเปล่งเสียงครางออกมาสักครั้งแม้จะจับกริชด้วยมือเปล่า กลับกำลังตัวสั่นและอดกลั้นเสียงครางทั้งที่สามารถผลักฉันออกไปได้ด้วยนิ้วเดียว ใบหน้าที่ร้อนผะผ่าวจนขึ้นสีแดง เสียงลมหายใจหอบหนัก และร่างกายที่แข็งเกร็ง ฉันไม่สนใจเขาที่เป็นเช่นนั้นและขยับริมฝีปากอีกครั้ง ในขณะที่ฉันดันลิ้นออกมาเลียหยดน้ำที่ไหลอยู่ตามลำคอของเขา เขาก็เปล่งเสียงแหบพร่า
“หยุดเถิด หากไม่หยุด…”
“ราธบัน อัศวินของข้า”
ฉันเอื้อมมือออกไปโอบคอเขาเข้ามา
“ข้าอยากจูบเจ้า”
ติ๋ง หยดน้ำที่เกาะอยู่บนเพดานหยดลงบนผิวน้ำในอ่างส่งเสียงดังกังวาลในห้องอาบน้ำที่เงียบสงัด ลำคอของเขาสั่นไหวครั้งหนึ่ง เขาจะบอกว่ามันยากไปแล้วผลักฉันออกไหมนะ ในตอนนั้นเอง
“…อย่าให้อภัยข้า”
ชั่วพริบตาต่อมา เสียงน้ำสาดกระเซ็นลงพื้นดังขึ้นพร้อมกับริมฝีปากของเขาที่ทาบลงมา เรียวลิ้นบุกรุกผ่านซอกฟันเข้ามาในปากของฉัน
ฉันย้อนนึกถึงเสียงร้องตะโกนของชีเดลที่ว่า ฉันทำให้ราธบันลุ่มหลงและพาเขาเข้าสู่ความเหลวแหลก ฉันหลับตาพลางดื่มด่ำตัวเขาที่รุกล้ำเข้ามาเต็มปากอย่างละเมิดกฎ
นี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ