หนทางรอดของนักบุญหญิงตัวปลอม - ตอนพิเศษ 10
พลาดแล้ว พอสัมผัสได้ถึงสายตาที่เฉียบคมขึ้นของแอสรัน ลีน่าก็กลุ้มใจว่าจะจัดการสถานการณ์นี้อย่างไรดี ตอนนั้นเองจู่ๆ แอสรันก็อ้าปากแล้วกัดลีน่า ลีน่าที่กำลังจะกรีดร้องพบว่าเขากัดคอเสื้อของตนเหมือนแม่สุนัขที่คาบลูก วินาทีต่อมาร่างกายของนางก็ลอยคว้างขึ้นไป แอสรันเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง
ลีน่าครุ่นคิดว่าใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ฟาดเขาไปเลยดีหรือไม่ ก่อนจะตัดสินใจลองอยู่เฉยๆ ไปก่อน ไม่รู้ว่าบินมานานแค่ไหนแล้ว แอสรันที่บินมาถึงปลายเกาะก็ร่อนลงพื้น มีผาลึกอยู่กลางเกาะที่เห็นระหว่างทางที่บินมา และปีศาจทำรังอยู่ในนั้น แอสรันร่อนลงเหนือผานั่น
‘ตรงนี้คงจะเป็นอาณาเขตของแอสรัน’
ดูจากที่ไม่มีบ้านหรือถนนเลย แสดงว่าจอมเวทคงไม่อาจข้ามมายังหน้าผาที่ปีศาจอาศัยอยู่ได้ แอสรันวางลีน่าที่คาบอยู่ลง นี่คงเป็นการกระทำที่ระมัดระวังมากที่สุดในแบบของเขาแล้ว แต่คงเพราะยังควบคุมแรงไม่ได้ ลีน่าจึงกลิ้งไปกับพื้น
แอสรันก้มหัวลงไปดมกลิ่นฟุดฟิดที่ตัวของลีน่าอีกครั้ง
‘กลิ่นที่ทำให้อารมณ์ไม่ดี ตัวผู้ ตัวอื่น’
แววตาของแอสรันพลันเฉียบขึ้น ลีน่าสัมผัสได้ถึงความอำมหิตจนแสบผิว เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของแอสรัน ลีน่าก็ตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้สิ่งที่นางกำลังมองอยู่คือแอสรันที่เพิ่งตกลงมาโลกฝั่งนี้ได้ไม่นาน ดังนั้นความรู้สึกต่างๆ ของเขาจึงเป็นปีศาจที่ไม่มีความซับซ้อน
‘ต้องฆ่าทิ้งจริงๆ’
คำพูดของแอสรันนั้นออกมาจากใจ ลีน่ากัดริมฝีปาก ต้องทำอย่างไรดี ถ้าใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะกดข่มแอสรันได้ชั่วครู่หนึ่ง แต่ก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น จำเป็นต้องมีวิธีที่แน่นอนกว่านี้ในการใช้ข่มเขา ตอนนั้นเอง ลีน่าที่คลานอยู่บนพื้นพลันได้ยินเสียงดังกรุ๊งกริ๊งด้านในเสื้อตนเอง
‘สร้อยคอ!’
ลีน่าเก็บสร้อยคอที่เลโอน่ามอบไว้ในกระเป๋าส่วนลึกด้านในอย่างล้ำค่า ลีน่ารีบหยิบมันออกมา
‘อาร์ติแฟกต์ที่ช่วยกดข่มพลังเวท’
ด้วยเหตุนั้นมันจึงเป็นของที่ถูกใช้เพื่อผนึกพลังเวทของเลโอน่าเอาไว้ในยามปกติ ตอนที่นางถามว่ามันผนึกได้ถึงระดับไหน เลออนก็ตอบว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครที่มันข่มไม่ได้และไม่รู้เหมือนกันว่าขีดจำกัดของมันอยู่ตรงไหน ลีน่ากำสร้อยคอแน่น ดูเหมือนจะต้องทดสอบขีดจำกัดของมันตอนนี้เสียแล้ว
‘ไม่จำเป็นต้องคล้องคอก็ได้’
เห็นว่าแค่แตะ อาร์ติแฟกต์ชิ้นนี้ก็แสดงผลแล้ว
ลีน่าลุกขึ้น แอสรันที่ระวังตัวถึงเพียงนั้นไม่น่าจะยอมแตะมือนางง่ายๆ ถ้าอย่างนั้น…
ปลายนิ้วของลีน่าพลันมีประกายแสงสีฟ้าครามมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ไม่เกิดปัญหากับพลังศักดิ์สิทธิ์ของนาง แอสรันระแวงขึ้นมาเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของลีน่าและถอยไปด้านหลัง คงจะตระหนักได้ว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของนางสามารถทำให้ตนเป็นอันตรายได้ ลีน่ารวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่ตนเองมีพลางตะโกนขึ้น
“ขอโทษนะแอสรัน!”
ลีน่าเหวี่ยงพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนไปทางแอสรันด้วยแรงทั้งหมดที่มี
เพล้ง!
เสียงอะไรบางอย่างแตกกระจายดังไปทั่วทั้งเกาะ
***
ลมทะเลเย็นสดชื่นพัดผ่านใบหน้าของลีน่า
“สวยจังเลย…”
ลีน่านั่งบนก้อนหินที่อยู่ขอบผาและมองเส้นขอบฟ้าที่ดวงอาทิตย์กำลังลับไป เป็นทัศนียภาพที่งดงามจับใจ ใจจริงนางอยากจะเอนกายลงและมองภาพนี้ไปตลอดกาล แต่เมื่อเห็นแอสรันที่กำลังจ้องตนเขม็งในสภาพตัวเปลือยเปล่าอยู่ด้านหลังแล้วความคิดเช่นนั้นก็หายแวบออกไปทันที
หลังจากหลบหนีจากการสถานการณ์ที่ตนต้องเผชิญหน้าสักพัก ลีน่าก็หมุนตัวกลับไปมองแอสรัน
“…แอสรัน ใช้เวทมนตร์เสกเสื้อขึ้นมาได้หรือเปล่า”
“แง่งงง”
แอสรันแยกเขี้ยวเมื่อได้ยินคำถามของนาง ลีน่าเท้าคางแล้วถอนหายใจ
หลังจากรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดและฟาดใส่เขา นางก็สวมสร้อยคอที่เล็บเท้าของเขาตอนที่สบโอกาส คำพูดของเลออนไม่โกหก นางรู้สึกได้ว่าพลังเวทของแอสรันหายไปอย่างรวดเร็วในพริบตา จากนั้นร่างกายของแอสรันก็ค่อยๆ หดเล็กลงและกลายเป็นร่างมนุษย์ที่นางจดจำได้ เพียงแต่เส้นผมของเขามีบาดแผลเป็นหย่อมๆ แถมยังไม่ได้สวมอะไรเลยสักชิ้น
ลีน่ารีบเอาสร้อยคอสวมเข้าที่คอของเขา จากนั้นใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ทำให้มันติดกับคอของเขา
‘ใครจะไปนึกว่าการทดสอบวิธีการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ให้สะดวกขึ้นหลายๆ วิธีที่นางลองระหว่างร่อนเร่พเนจรกับราธบันจะมีประโยชน์ตอนนี้’
อย่างไรก็ตาม แอสรันจึงถูกข่มไว้ด้วยประการฉะนี้ นางโชคดี เขาได้รับบาดเจ็บ และอาร์ติแฟกต์แข็งแกร่งกว่าที่คิดเอาไว้ แถมพลังศักดิ์สิทธิ์ยังไม่มีปัญหาใดๆ ลีน่ากอดอกมองแอสรันที่กำลังจ้องตนเขม็งอย่างสับสน ในอดีตนางเคยคิดว่าเขาแต่งกายวาบหวิวอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นเขายืนเปลือยกายอย่างผ่าเผยเช่นตอนนี้ นางก็เข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมาเขาพยายามสวมมันแล้วจริงๆ
ลีน่าเคยจินตนาการอยู่บ่อยครั้งว่าถ้าได้เจอเขาอีกครั้งจะรู้สึกอย่างไร นางนึกว่าตนเองจะร้องไห้อย่างยินดี แต่ไม่นึกเลยว่าพอได้มาเจอกันจริงๆ นางจะตีเขาไม่ต่างกับตีหมา จากนั้นก็กำลังยืนมองร่างกายเปลือยเปล่าของเขาด้วยความสับสน
‘แต่ก็นะ นี่ไม่ใช่แอสรันที่ฉันเคยเจอ…’
เป็นแอสรันก็จริง แต่ไม่ใช่แอสรันที่นางตามหา ความผิดหวังที่ไม่อาจซ่อนปรากฏบนใบหน้าของลีน่า
‘เอาเป็นว่า ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าที่นี่คือทวีปในอดีต แล้วจากนี้ไปจะเอายังไงดี?’
ต้องกลับไปช่วงเวลาปัจจุบันให้ได้ก่อน
‘ทุกคนต้องวุ่นวายแน่…’
ลีน่านึกถึงเสียงของราธบันที่ร้องเรียกนาง พอคิดว่าตอนนี้เขากำลังตำหนิตัวเองด้วยความรู้สึกแบบไหน หัวใจก็พลันรู้สึกเจ็บเหมือนมีใครแทง
‘คงไม่ได้ตามเข้ามาทีหลังหรอกนะ?’
เขาเองก็คงรู้ดีว่ามันอันตรายเพราะได้เห็นสภาพกระเป๋าที่กลายเป็นเช่นนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เขาตามเข้ามาก็ไม่ได้รับประกันว่าจะตกลงมาในที่เดียวกับตน เพราะฉะนั้นราธบันน่าจะเคลื่อนไหวหลังจากเข้าใจสถานการณ์อย่างแน่นอนเสียก่อน
ความคิดมากมายผุดขึ้นมาและหายไปในหัวของลีน่าไม่หยุด นางควรจะตามหาการซ้อนทับที่นี่แล้วข้ามกลับไปยังช่วงเวลาเดิมไหม? แต่ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเลออนเหมือนอย่างโลกเดิมก็ยากจะตามหา แล้วนางคนเดียวจะสามารถหาเจอไหม? ในถ้ำฝั่งนั้นจะยังมีการซ้อนทับปรากฏอยู่หรือไม่? เวลาของโลกฝั่งนู้นกับโลกฝั่งนี้จะดำเนินไปเหมือนกันไหม? ไม่ใช่ว่าพอกลับไปแล้วทุกคนหายไปหรอกนะ? ยิ่งไปกว่านั้น นางสัญญากับเลโอน่าไว้แล้วด้วยว่าจะกลับไป แล้วจะทำยังไง…
ปัญหาที่ไร้ทางแก้ทะลักเข้ามาในคราวเดียวจนทำให้ปวดหัว อีกทั้งความเหน็ดเหนื่อยยังถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็วเพราะนางดึงพลังศักดิ์สิทธิ์มาใช้จนหมด ตอนนี้จำเป็นต้องมีที่พักผ่อนและของกินก่อน ลีน่าลุกขึ้นพลางคิดว่าจะลองไปค้นหาแถวๆ นี้ดู
“เอ๋?”
จู่ๆ ภาพการมองเห็นก็หมุน ร่างกายที่ซวนเซล้มลงบนทุ่งหญ้าอย่างไร้เรี่ยวแรง
‘ให้ตายเถอะ’
ดูเหมือนพลังศักดิ์สิทธิ์จะหายไปมากกว่าที่ตนคิด ลีน่าหลับตาลงช้าๆ โดยไม่อาจเอาชนะเปลือกตาที่กำลังจะปิดลงได้ นางเห็นแอสรันที่ยืนอยู่ในร่างเปลือยเปล่าเดินเข้ามาใกล้ คงไม่ใช่ว่าต้องมาถูกแอสรันฆ่าตายในที่แบบนี้หรอกนะ แต่ไม่ว่าจะพยายามตั้งสติอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ลีน่านอนหลับไปราวกับหมดสติ
‘เป็นมนุษย์ที่แปลกจริง’
แอสรันเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่หมดสติ ดวงตาของหญิงสาวที่ถอนหายใจฟึดฟัดและมองตนจนถึงเมื่อครู่ก่อนกำลังปิดแน่น และมีเพียงลมหายใจฟี่ๆ ที่ออกมาจากปาก ดูจากที่เหงื่อออกและนางหดตัว ดูเหมือนนางจะหนาว แอสรันเอื้อมมือออกไปลูบหญิงสาว ทันทีที่นิ้วเรียวยาวสัมผัสกับแขนของนาง เขาก็ยกมือออกอย่างรวดเร็วเพราะตกใจมือของตนเอง
‘ร่างมนุษย์อย่างนั้นหรือ’
หลังจากตกลงมายังโลกใบนี้ เขาก็ยังไม่เคยใช้ร่างของมนุษย์มาก่อนเลยสักครั้ง แอสรันลูบร่างกายที่ไม่คุ้นเคยของตนเองแล้วมองหญิงสาวที่สลบอยู่ เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วดมฟุดฟิดอีกครั้ง แม้ร่างกายจะเป็นมนุษย์แต่โชคดีที่ประสาทรับกลิ่นเป็นของปีศาจ ดังนั้นเขาจึงยังได้กลิ่นตัวเองที่ออกมาจากหญิงสาว
‘เป็นมนุษย์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน’
แล้วทำไมถึงได้มีกลิ่นของเขาออกมาเช่นนี้ ถ้ามีแค่กลิ่นของเขาก็คงดี แต่นางกลับมีกลิ่นอื่นที่เข้มข้นยิ่งกว่ากลิ่นของเขาติดอยู่ด้วย แอสรันพลันไม่สบอารมณ์กับความจริงข้อนั้น
‘ถ้ามีแค่กลิ่นของข้าก็คงจะดี’
ตอนแรกเขาตั้งใจจะฆ่าทิ้ง แต่ความคิดนั้นก็หายไปโดยไม่รู้ตัว แอสรันคาบหญิงสาวขึ้นมา ก่อนจะพบว่ามันเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับร่างมนุษย์ จึงอุ้มมาพาดไหล่ตนเอง เขาใช้มือข้างหนึ่งลูบสร้อยคอที่ห้อยอยู่บนคอ อาร์ติแฟกต์เส้นนี้ผนึกพลังเวทของเขาอยู่ก็จริง…
‘แต่อีกไม่นานก็คงถึงขีดจำกัดแล้ว’
ดูจากแรงสั่นสะเทือนเบาบาง ดูเหมือนมันกำลังจ่ายค่าตอบแทนที่โลภในสิ่งที่ไม่อาจกลืนกินได้ หากปล่อยไว้เช่นนี้มันก็คงจะแตกไปเอง ดังนั้นถึงแอสรันจะไม่สบายตัว แต่เขาก็ตัดสินใจเก็บความหงุดหงิดที่มีต่อสร้อยคอเส้นนี้ไปชั่วคราว สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขามากกว่าคือหญิงสาวที่สลบอยู่คนนี้
เขาไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับมนุษย์มากนัก แต่ก็รู้ว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอที่สร้างสิ่งที่เรียกว่าบ้านไว้สำหรับหลบฝนหรือลม ถ้าไม่ทำเช่นนั้นก็จะทนได้ไม่นานและปวดออดๆ แอดๆ จนตาย ไม่นานแอสรันก็จำได้ว่ามีรังของสัตว์ป่าอยู่ตรงสันเขา ที่นั่นว่างเปล่าเพราะเขาจับพวกมันกินหมดแล้วหลังจากมาที่นี่ แอสรันอุ้มหญิงสาวและวิ่งไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของหญิงสาวส่งกลิ่นหอมมากออกมาทุกครั้งที่สั่นสะเทือน อีกทั้งร่างกายนุ่มนิ่มและอบอุ่นที่สัมผัสถูกตนยังทำให้อารมณ์ดีอย่างน่าประหลาด ระหว่างที่วิ่งไปแอสรันก็ตระหนักแล้วว่าตนอยากทำอะไร
เขาอยากทำให้กลิ่นของตนติดอยู่กับหญิงสาวผู้นี้มากกว่านี้
***
สติค่อยๆ ตื่นขึ้นมา สิ่งที่ลีน่ารู้สึกได้เป็นอย่างแรกคือความร้อน ต่อจากนั้นคือความรู้สึกจั๊กจี้ ความเหน็ดเหนื่อยอย่างรุนแรงกดร่างกายเอาไว้จนทำไม่ได้แม้แต่กระดิกนิ้ว เกิดอะไรขึ้น? ขณะที่หัวสมองอ่อนล้ายังไม่อาจจดจำเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนสลบไปได้ง่ายๆ ก็มีอะไรบางอย่างเฉียดผ่านลำคอของนาง
“อึก…”
สิ่งที่อบอุ่นแต่เปียกชื้น ต้องเป็นลิ้นแน่ๆ มันวนเวียนอยู่บนคอของนางแล้วลากตามคอลงไปด้านล่าง มันหยุดอยู่เหนือไหปลาร้าและบดเบียดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนลงด้านล่างอีกเล็กน้อยแล้วถูไถเหนือหน้าอก
“ฮึก…”
ร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยมีปฏิกิริยากับการกระตุ้น ทันใดนั้นลมหายใจหนักหน่วงก็ตกลงเหนือหน้าอก ฝ่ามือหยาบบีบขยำทรวงอกของนางทันที ลิ้นร้อนๆ เหนือหน้าอกขยับอีกครั้ง
“อึก ยะ อย่า…”
น้ำเสียงน่าเห็นใจดังขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับฟังคำพูดนั้น กลับยิ่งเพิ่มแรงดูดหน้าอกของนางมากกว่าเดิม มือนวดขยำหน้าอกราวกับมันเป็นของตนเอง ปากดูดดึงและขบเคี้ยวผิวหนังรอบข้าง ร่างกายของลีน่าสั่นเทาอย่างไร้เรี่ยวแรงเพราะการกระตุ้นที่ไม่อาจควบคุมความหนักเบา นางใช้แรงทั้งหมดเพื่อลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกคือเส้นผมยาวสีแดง เพียงแค่นั้นลีน่าก็จดจำเรื่องราวทุกอย่างได้แล้ว
“แอส…รัน…”
เขาเงยหน้าขึ้นทันทีที่ชื่อของตนเองถูกเรียก นัยน์ตาสีแดงเลือดจ้องนางเงียบๆ หลังจากจ้องหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าสักพัก แอสรันก็ใช้ลิ้นเลียริมฝีปากตนเอง จากนั้นก็ซุกหน้าลงไปที่หน้าอกของนางและเริ่มเลียอีกครั้ง ตอนนั้นเองลีน่าถึงรู้ว่าเสื้อผ้าของตนถูกถอดออกเกือบหมดแล้ว และเขากำลังตั้งอกตั้งใจเลียหน้าอกของนาง
“เจ้าอะไร”
“…?”
“ชื่อ อะไร”
“…ลีน่า”
พอลีน่าบอกชื่อของตนเองไป แอสรันก็พึมพำชื่อนั้นออกเสียงอยู่หลายครั้ง เขายังออกเสียงไม่ชัดเจนเพราะน่าจะยังไม่คุ้นชินกับการเคลื่อนไหวด้วยร่างของมนุษย์ แต่หลังจากฝึกไปเรื่อยๆ อีกหลายครั้ง เขาก็เรียกชื่อของนางได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นต่างจากตอนที่เรียกออกมาเป็นครั้งแรก
“ลีน่า ลีน่า”
ระหว่างนั้น ลีน่าก็มองไปรอบๆ แม้รอบข้างจะมีหินแต่ก็ไม่ใช่ถ้ำ เหมือนจะเป็นด้านล่างหินก้อนใหญ่มากกว่า ใต้ร่างนางถูกปูด้วยใบไม้จนรู้สึกนุ่ม และมีกลิ่นของสัตว์อยู่เบาบาง ลีน่าค่อยๆ ลุกขึ้น สวบ เสื้อผ้าที่ขาดครึ่งและชุดชั้นในร่วงลงบนพื้น ถึงจะไม่เห็นก็รู้ เขาคงฉีกออกเพราะพยายามถอดแล้วมันไม่ออก และดูเหมือนเขาจะยังควบคุมกำลังไม่ค่อยได้ บนร่างถึงได้มีรอยมือและรอยเล็บอยู่ทั่ว
‘ทุบอีกสักทีดีไหม…?’
แต่เนื่องจากนางรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดมาใช้แล้ว อย่าว่าแต่รวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งเลย แค่ลุกขึ้นยังยากด้วยซ้ำ ลีน่าคู้ตัวนวดหัวที่ปวดหนึบ อย่างไรก็ตามข่าวดีคือแอสรันยังไม่อยากฆ่านางในทันที แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ แอสรันในตอนนี้ยังมีอุปนิสัยของปีศาจอย่างรุนแรงเกินไปแถมยังไม่รู้ด้วยว่านางเป็นใคร คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาเปลี่ยนใจและโจมตีนางขึ้นมา
ลีน่าตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าที่ฉีกขาดขึ้นมาปิดหน้าอกไว้ก่อน ทันใดนั้นแอสรันก็เข้ามาใกล้และจับมือนางออก จากนั้นก็กระชากเสื้อผ้าที่จวนเจียนจะสวมกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งราวกับไม่พอใจ
“อย่า”
“…”
เดี๋ยวนะ คือนี่เขาคิดว่าเป็นของเขาหรือไง ดูเหมือนเขาจะคิดว่าแค่ดึงออกมายังไม่พอ แอสรันถึงได้ใช้มือและปากฉีกเสื้อที่กระชากออกมา พอเห็นเศษผ้าขาดๆ ที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้น ลีน่าก็นวดหัวที่ปวดขึ้นมาอีกครั้ง นี่มันอะไรกันเนี่ย
ระหว่างนั้นแอสรันก็เอื้อมมือออกไปหากางเกงของนาง ลีน่าคว้าเสื้อผ้าเอาไว้ด้วยความตั้งมั่นว่าจะปกป้องมัน ก่อนจะพูดกับเขา
“ข้าหนาว ท่านอาจจะไม่มีปัญหาแต่ข้าเป็นมนุษย์ ถ้าหนาวขึ้นมาจะลำบาก”
ได้ยินดังนั้นแอสรันก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอื้อมมือไปโอบนางเข้ามากอด เส้นผมสีแดงที่ยาวลากพื้นตกลงบนแผ่นหลังแล้วคลุมร่างของนางราวกับผืนผ้าไหม แอสรันออกแรงที่แขนที่จับสะโพกของนางแล้วดึงให้เข้ามาแนบกับร่างของตนมากขึ้น แล้วฝังหน้าลงกับต้นคอ สูดลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“อุ่นหรือยัง?”
“…”
มันก็อุ่นอยู่หรอก แต่ไม่ได้ขอให้แก้หนาวด้วยวิธีเช่นนี้เสียหน่อย ระหว่างที่นางกำลังกลุ้มใจว่าควรจะเริ่มอธิบายจากตรงไหนให้แอสรันออกไป ส่วนล่างที่แนบชิดกันก็มีอะไรบางอย่างกระตุก
“เอ๋…”
ตอนที่ลีน่ากำลังจะมองลงไปด้านล่างด้วยความตกใจ แอสรันก็มองส่วนล่างของตนเองแล้วบ่นพึมพำ
“ไม่ใช่ฤดูผสมพันธุ์นี่ ทำไมกัน”
แปลกจัง
แอสรันมองสิ่งที่กำลังผงกหัวอยู่ด้านล่างแล้วพลันกังวล ถึงแม้จะอยู่ในร่างของมนุษย์แต่เขาก็รู้ว่านี่คืออะไร และเขาก็รู้ด้วยว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ตอนไหน ดังนั้นแอสรันถึงได้สับสน ตนเป็นปีศาจ มันจะแตกต่างกันไปตามประเภทของปีศาจ ตราบใดที่ไม่มีตัวเมียที่เตรียมพร้อมรับเขาเข้าไป เขาก็จะไม่ติดสัดเด็ดขาด
แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน แอสรันฝังหน้าลงไปที่ลำคอของลีน่าในอ้อมกอดอีกครั้ง หอมมาก หอมยิ่งกว่ากลิ่นทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ผลิบานเสียอีก ไม่สิ มันชวนเวียนหัวยิ่งกว่านั้นอีก เพียงแค่ได้กลิ่นเลือดก็ไหลพล่านไปทั่วร่าง หัวใจก็เต้นรัว แอสรันขยับมือบีบหน้าอกของลีน่าอย่างแรง
“แอสรัน! จะ เจ็บ…!”
แม้แต่เสียงที่ร้องทุกข์ถึงความเจ็บปวดก็ยังมีกลิ่นหอม แอสรันเพิ่มแรงที่มือเพราะอยากได้ยินเสียงนั้นมากกว่านี้ ก้อนเนื้อนุ่มนิ่มในมือของเขาทำให้อารมณ์ดีเหลือเกิน