หนทางรอดของนักบุญหญิงตัวปลอม - ตอนพิเศษ 11
มันเป็นส่วนที่ส่งกลิ่นหอมออกมาตอนที่ลีน่านอนหลับจนเขาลองเลีย ตอนแรกเขาใช้เล็บข่วน แต่เพราะมีเลือดออกจึงเปลี่ยนมาเลีย ลีน่าส่งเสียงครางออกมาแม้จะยังนอนหลับ ยิ่งไปกว่านั้น จุกสีชมพูยังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นและแข็งชัน
‘สัตว์ตัวอื่นก็ติดใจมนุษย์เช่นกัน’
แต่สิ่งที่มองดูสวยงามก็มีแค่สิ่งนี้ แอสรันฟังเสียงร้องทุกข์ถึงความเจ็บปวดและออกแรงเพิ่ม ทันใดนั้นเสียงร้องก็เงียบลง เหลือแต่ลมหายใจร้อนรุ่ม กลิ่นหอมยิ่งเข้มข้นมากขึ้น แอสรันพลันเกิดความอยากอาหาร ตอนนี้เขาอยากกินมนุษย์เข้าไปทั้งตัว บางทีหากเขากินเข้าไปโดยไม่เหลือแม้แต่ผมสักเส้นก็อาจจะไม่ต้องกินอะไรไปอีกเลยตลอดชีวิต
เขาเงยหน้าขึ้นมองลีน่า ตอนนี้เขายังไม่อาจอ่านสีหน้าของมนุษย์ได้อย่างละเอียดจึงต้องอ่านความรู้สึกผ่านแววตาของนางแทน
‘ทำไม…’
นางคือมนุษย์ที่รู้ว่าเขาเป็นตัวตนประเภทไหน อีกทั้งเขายังพยายามจะจับนางกิน แต่ทำไมแววตาของมนุษย์ผู้นี้กลับไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่แค่นั้น ลีน่ายังรู้จักชื่อของเขา ชื่อของเขาที่ไม่มีผู้ใดในโลกใบนี้รู้จัก ตอนนั้นเอง ลีน่าก็ยกมือขึ้นสางผมที่ยุ่งเหยิงของเขา แอสรันพลันรู้สึกไม่คุ้นเคย
เขาเป็นปีศาจจากโลกใบอื่นที่ไม่มีพ่อแม่และเกิดออกมาเองตามธรรมชาติเพื่อความสมดุล ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่อยู่เคียงข้างเขา สิ่งที่เรียกว่าการสัมผัสสำหรับเขา มีเพียงการเข้ามาเพื่อทำอันตรายเหมือนกับจอมเวทที่โจมตีเขาเมื่อตอนกลางวัน
ดังนั้นสัมผัสมือที่ปฏิบัติราวกับว่าเขาเป็นเด็กน้อยที่สมควรได้รับการดูแล ราวกับเห็นอกเห็นใจอย่างเช่นสัมผัสมือของลีน่าในตอนนี้จึงเป็นสิ่งที่แอสรันเพิ่งเคยประสบเป็นครั้งแรก
มือของนางสางผมของเขา ก่อนจะลูบไล้ใบหู แอสรันรู้สึกชาไปทั่วร่างอย่างไม่รู้ตัว นางจับใบหู ลูบไล้พวงแก้ม และลูบคลำลำคอ ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่พลังเวทถูกผนึกเอาไว้เพราะสร้อยคอจึงควรระมัดระวังแม้แต่แมลงตัวเดียวที่บินผ่าน แต่น่าแปลกที่สัมผัสมือจากลีน่ากลับช่วยคลายความตึงเครียดทั้งหมดไป แอสรันวางคางบนหัวไหล่ของนางอีกครั้งและมั่นใจแล้ว
‘ลีน่ารู้จักข้า’
แอสรันลองนึกย้อนถึงใบหน้าของมนุษย์ทุกคนที่เขาเคยพบหลังจากมาโลกใบนี้จนถึงปัจจุบัน ในนั้นไม่มีลีน่า แล้วนางรู้จักเขาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น บนตัวของนางยังมีกลิ่นของเขา ถึงแม้จะเบาบางก็ตาม
แอสรันโน้มตัวลงโดยที่ยังโอบนางเอาไว้ และวางนางบนกองใบไม้ เขาถูกใจเรือนร่างขาวๆ ที่เขาเป็นคนถอดยิ่งนัก แอสรันวางมือระหว่างขาของนาง
“แอสรัน?”
เขาเพลิดเพลินกับเสียงที่เอ่ยเรียกชื่อตน และแยกขาของลีน่าออก
“จะทำ… อึก!”
แอสรันฝังใบหน้าของตนลงไประหว่างขาอย่างไม่ลังเล แม้ว่าส่วนอื่นในร่างกายของลีน่าจะส่งกลิ่นหอมที่ทำให้เขาตื่นเต้น แต่ส่วนนี้กลับมีกลิ่นนั้นเข้มข้นเป็นพิเศษตั้งแต่เมื่อครู่ก่อนแล้ว ประสาทการรับกลิ่นของปีศาจไม่พลาดมันไป แอสรันจับขาที่ดิ้นไปมาของนางเอาไว้และยื่นหน้าของตนเข้าไปมากกว่าเดิม มือของเขาคว้าเสื้อผ้าที่ยังปกปิดนางไว้
“แอสรัน ถ้าฉีกล่ะก็ข้าไม่อยู่เฉยๆ แน่!”
ลีน่าตะโกนขึ้นมาเมื่อเห็นการกระทำของเขา แม้จะไม่รู้สึกถึงอันตรายเลยสักนิดแต่แอสรันก็หยุดการเคลื่อนไหว ถ้าหากว่าเขาฉีกมันออกเหมือนเมื่อครู่ก่อน…
‘คงจะไม่ชอบล่ะสิ’
การไม่ชอบ เป็นหนึ่งในความรู้สึกไม่กี่ชนิดที่เขารู้จัก แต่ถึงจะรู้จักก็เป็นความรู้สึกที่เขาไม่ค่อยได้สัมผัสสักเท่าไร และยังเป็นความรู้สึกที่เขาไม่ค่อยสนใจด้วย ทว่าตอนนี้แอสรันกลับเงยหน้าขึ้นพิจารณาสีหน้าของลีน่า เมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากแน่นและถลึงตามองเขา แอสรันก็ผงะและถอยไปด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว
‘ทำอย่างไรดี’
เขาไม่คิดจะถอยออกไปเช่นนี้ แต่ก็ไม่อยากถูกลีน่าเกลียด แอสรันจับกางเกงของนางอย่างระมัดระวัง หลังจากลองดึงไปทางนู้นทีทางนี้ที มันก็ขยับเลื่อนลงด้านล่างเล็กน้อยและเผยให้เห็นท้องน้อยของนาง นี่คือช่วงเวลาที่ปีศาจได้เข้าใจแนวคิดของคำว่า ‘ถอด’ แล้ว
ต่อจากนั้นมือของแอสรันก็เคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเล เขาจับมันดึงลงมาโดยพยายามไม่ให้ขาดและไม่ให้ผิวได้รับบาดเจ็บ บนหน้าผากของแอสรันที่ขยับมืออย่างยืดยาดพลันมีเหงื่อผุดขึ้น ดูเหมือนการฉีกมิติจะง่ายกว่าเสียอีก อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น แต่เพราะเขาใจร้อนจึงค่อนข้างใช้เวลา แอสรันมองส่วนล่างของตนเองขณะดึงกางเกงที่ยังลงมาไม่สุด
ปลายแก่นกายที่ตื่นตัวอย่างเต็มที่ของเขาเป็นประกายไปด้วยของเหลวที่หลั่งออกมา เขาได้กลิ่นของตนเองเข้มข้นมาก ถ้าตอนนี้เอามันถูไถกับส่วนล่างของลีน่าล่ะก็…
‘กลิ่นของคนอื่นก็จะหายไปหมด’
เขาได้กลิ่นหอมจากตัวนาง แต่ในนั้นก็มีกลิ่นที่ชวนให้อารมณ์ไม่ดีปะปนอยู่ด้วย แอสรันรู้ว่านั่นคือกลิ่นของตัวผู้ตัวอื่น หากตอนนี้เจ้าของกลิ่นพวกนี้อยู่ตรงหน้าเขาล่ะก็ เขาจะทำให้พวกมันหัวกระเด็นไปเสีย แต่สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการทำให้กลิ่นของเขาติดกับตัวนางมากขึ้น
แอสรันถอดกางเกงลีน่าได้แล้ว ทว่า เขาก็ต้องจ้องหว่างขาของนางด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยความหงุดหงิดทันที
“ทำไมมีอีกล่ะ”
ทำไมมนุษย์ถึงได้สวมเศษผ้าแบบนี้บนร่างหลายชิ้นนัก ความปรารถนาที่แทบจะทนไม่ไหวทำให้แอสรันเพิ่มแรงที่มือ ชิ้นหนึ่งถอดอย่างปลอดภัยแล้ว อีกชิ้นคงจะฉีกได้กระมัง อาจเพราะตระหนักได้ถึงความคิดของเขา ลีน่าจึงถอนหายใจยาว มือของนางลูบๆ คลำๆ เชือกของผ้าที่ปกปิดส่วนลับเอาไว้ ทันใดนั้นมันก็หลุดออกและร่วงลงง่ายๆ อย่างน่าอัศจรรย์
ใบหน้าของแอสรันพลันมีรอยยิ้ม ความจริงที่ว่านางเคลื่อนไหวเพื่อเขาน่าดีใจยิ่งกว่าเศษผ้าหายไปเสียอีก แอสรันนำส่วนนั้นของตนแตะส่วนล่างของนางทันที เขาจะทำให้กลิ่นของตนติดตัวนางให้เต็มไปเลย
***
“อ๊า อือ…ฮะ ฮึก!”
ขาสองข้างที่แยกออกสั่นสะท้านทันทีที่เขาขยับเข้าออก พั่บพั่บ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังออกมาจากส่วนล่างของนางอย่างไม่หยุดพัก ร่างกายของลีน่าสั่นสะเทือนอย่างแรงทุกครั้งที่แอสรันขยับ พั่บ ลีน่ารู้สึกได้ว่าเขากระแทกเข้ามาอีกครั้งขณะกำใบไม้ใต้ร่างตนเองแน่น ใบไม้แห้งแหลกสลายอย่างไร้ทางสู้ ลีน่าเองก็คิดว่าตอนนี้สติของนางก็กำลังแหลกสลายเหมือนกับใบไม้เหมือนกัน
นางรู้จักแอสรันดี ดังนั้นจึงรู้ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาใกล้แล้วว่าไม่อาจต่อต้านได้ เพราะงั้นแทนที่จะทำให้เขาตื่นเต้นมากขึ้นไม่สู้ลองปลอบเขาให้เร็วหน่อย นางยินยอมเขาด้วยความคิดเช่นนั้น
‘พลาดแล้ว’
แอสรันไม่ออกห่างจากนางมาหลายชั่วโมงแล้วแม้ว่าดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปตั้งแต่พักก่อน ยิ่งไปกว่านั้น อย่าว่าแต่เหนื่อยเลย เขากลับมีพละกำลังมากขึ้นด้วยซ้ำ
“อา อ๊ะอ๊ะ…”
ร่างกายที่คุ้นเคยกับเขามากขึ้นในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงนี้เตรียมพบกับจุดสุดยอดที่กำลังใกล้เข้ามาพร้อมกับเขา ใบหน้าของแอสรันพลันบิดเบี้ยวเพราะร่างกายของนางตอดรัดตนยิ่งขึ้น ทว่ารอยยิ้มที่ลุ่มลึกขึ้นก็ผุดขึ้นมาบนหน้า ชั่วขณะที่เขากระแทกเข้าไปเต็มแรงราวกับจะฝังตนเองเข้าไปด้านในนาง ร่างกายของทั้งสองคนก็สั่นสะท้านไปพร้อมกัน
“อา…”
ลีน่าอ้าปากกว้าง แอสรันแนบริมฝีปากลงไปที่ปากของนาง ลิ้นที่ละโมบเลียไปทั่วโพรงปาก ร่างกายของนางที่เต็มไปด้วยตัวเขาทั้งด้านบนและด้านล่างพลันกระตุกและพบกับสรวงสวรรค์ ผ่านไปครู่หนึ่ง ของเหลวสีขาวขุ่นก็ไหลออกมาระหว่างส่วนที่สอดประสานกันอย่างแนบแน่น มันเป็นสิ่งที่หลั่งออกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว
“ของข้า”
แอสรันพึมพำออกมาด้วยสีหน้าพึงพอใจเมื่อได้กลิ่นของนางและเขาที่อบอวลอยู่รอบด้าน ดีเลย หญิงสาวคนนี้ก็ดี เรื่องที่ทำร่วมกับหญิงสาวคนนี้ก็ดีเหลือเกิน
แอสรันได้ใช้ช่วงเวลายามค่ำคืนที่ไม่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวเป็นครั้งแรกหลังจากมายังโลกใบนี้
***
ลีน่ายืดหัวออกมาเหนือพุ่มไม้ นางเห็นบ้านไม้ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไม่แข็งแรง บนเกาะของเหล่าจอมเวทจะมีผู้คนที่สร้างบ้านอยู่ด้านในของภูเขาเพื่อรับวัตถุดิบของยาที่ต้องการอยู่ เห็นได้ชัดว่านี่คือบ้านของคนพวกนั้น หลังจากสำรวจรอบๆ ใบหน้าของลีน่าพลันสดใสขึ้นมา
‘มีด้วย!’
เป็นอย่างที่คิด กะไว้แล้วเพราะวันนี้อากาศดี หน้าบ้านไม้มีเสื้อผ้าถูกตากไว้เป็นแถวยาว
“ไม่มีคน”
แอสรันที่อยู่ด้านหลังลีน่าพูดขึ้น ลีน่าถึงได้ลุกขึ้นตอนนั้นเอง จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาเสื้อผ้าที่แขวนอยู่แล้วพิจารณาพวกมัน
“ค่อยยังชั่ว…”
มองดูแล้วเป็นสิ่งที่นางพอใส่ได้ไม่มีปัญหา ลีน่ารีบขโมยเสื้อมาหลายตัวแล้วใส่มัน แอสรันมองนางอย่างไม่พอใจ
“ไม่ต้องมองแบบนั้นเลย ตอนนี้ที่ข้าต้องมาขโมยแบบนี้ก็เพราะใครกัน”
“ไม่ต้องใส่ กลิ่นก็หอมขึ้น น่าสัมผัส”
“…เพราะงั้นถึงต้องใส่”
หลายวันนี้แอสรันพูดมากขึ้น และระหว่างนั้นก็ไม่พลาดที่จะทำลายเสื้อผ้าทั้งหมดไปด้วย นางจึงต้องมาขโมยเสื้อด้วยสภาพเปลือยเปล่าที่น่าอายแบบนี้
‘ถ้าใช้เวทมนตร์ก็จบแล้วแต่…’
แม้พลังศักดิ์สิทธิ์จะทำไม่ได้ แต่การเสกเสื้อด้วยเวทมนตร์ของแอสรันไม่ใช่เรื่องยาก ทว่านางยังไม่มีความกล้าพอที่จะปลดสร้อยคอของเขาออก โชคดีที่เขาไม่สนใจเรื่องนั้นมากนัก และบางครั้งยังเหมือนกับกำลังสนุกอยู่ด้วยซ้ำ
“แอสรัน ใส่อันนี้”
“ข้าด้วย?”
ลีน่าหยิบเสื้อตัวอื่นขึ้นมายื่นให้แอสรัน แม้จะดูเล็กไปหน่อย แต่ไม่น่ามีปัญหาในการเคลื่อนไหว
‘อย่างน้อยก็ควรปิดด้านล่างไว้หน่อย’
มันน่าอายมากที่ต้องเห็นของที่น่ากลัวถึงเพียงนั้นส่ายไปมาอยู่ตรงหน้า ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนนั้นของเขามักจะขยับไปตามความต้องการ แอสรันรับของที่ลีน่ายื่นให้ด้วยใบหน้าฝืนใจ จากนั้นก็สวมมันอย่างเป็นทุกข์ ลีน่าเดินเข้าไปใกล้บ้านไม้แล้ววางต่างหูเล็กๆ ไว้หน้าประตู นี่เป็นสิ่งของที่ได้รับมาระหว่างตามล่าอาร์ติแฟกต์ที่หลุดออกไปจากวิหารหลวง มันเป็นของที่มีพลังช่วยสกัดกั้นพลังเวทระดับหนึ่งจึงน่าจะเพียงพอสำหรับค่าเสื้อผ้า
หลังจากหาเสื้อผ้าได้แล้ว ลีน่ากับแอสรันก็กลับไปที่รังของเขาอีกครั้ง เมื่อนางนั่งลงบนทุ่งหญ้าที่มองเห็นทะเล แอสรันก็นั่งลงติดกับนางทันทีราวกับรออยู่แล้ว เมื่อเห็นท่าทีที่จ้องมองตนด้วยความสนใจทั้งหมดของเขา ลีน่าก็นึกถึงคำพูดติดปากของแอสรันที่ลืมไปแล้วชั่วขณะหนึ่งขึ้นมา
‘เขาชอบเรียกราธบันกับเลออนว่าไอ้ลูกหมา’
ตอนนั้นนางก็คิดแล้ว คนที่เหมือนหมาที่สุดคือแอสรันต่างหาก ไม่ใช่แค่ท่าทางแบบนี้เท่านั้น แต่รวมถึงท่วงท่าที่แนบชิดกันตอนกลางคืนด้วย
ลีน่ามองทะเลและท้องฟ้าที่เชื่อมติดกัน หลายวันที่ผ่านมานางไม่ได้เอาแต่เกลือกกลิ้งกับแอสรัน ระหว่างนั้นก็สำรวจบริเวณรอบๆ และครุ่นคิดว่าจะกลับไปอย่างไรด้วยเช่นกัน ปัญหาคือนางยังหาคำตอบที่เหมาะสมไม่เจอ
‘ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่คืออดีตจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้…’
แต่สิ่งที่มั่นใจตอนนี้คือต้องกลับไปยังช่วงเวลาเดิมให้ได้ก่อน ฉับพลัน แอสรันก็จับแขนของนางแน่นแล้วกล่าว
“อย่าไป”
“…!”
ไม่รู้ความคิดเขียนขึ้นมาบนหน้าหรืออย่างไร คำพูดที่มาอย่างกะทันหันของแอสรันทำให้ลีน่าผงะด้วยความตกใจ ตอนนั้นเอง
ตึง!
เสียงดังสนั่นที่คล้ายกับชกอะไรบางอย่างดังขึ้นมาจากบนฟ้า
ตึง! ตึง!
เสียงไม่ได้หยุดแค่ครั้งเดียว เสียงที่คล้ายกับยักษ์ที่มองไม่เห็นกำลังใช้ค้อนทุบฟากฟ้าทำให้พื้นดินและป่าไม้สั่นสะเทือน แอสรันเอื้อมมือมาโอบนางอย่างรวดเร็วแล้วมองท้องฟ้า ฝูงนกที่อยู่ในป่าบินหนีอย่างลนลาน ปลาที่ส่องประกายเหนือผิวน้ำแหวกว่ายเข้าไปซ่อนตัวในน้ำลึกอย่างตะลีตะลาน ไม่เพียงแต่สัตว์ป่าเท่านั้น แม้แต่ปีศาจก็ยังตึงเครียดและเฝ้าระวังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
“ท้องฟ้า….”
กำลังจะแตก ไม่มีประโยคไหนสามารถอธิบายได้แล้วนอกจากประโยคนั้น ทั่วท้องฟ้าเริ่มเกิดรอยร้าวประหนึ่งกระจกที่กำลังจะแตก ภาพทิวทัศน์พลันบิดเบี้ยว มีท้องฟ้าแจ่มใสที่ด้านหนึ่งเต็มไปด้วยก้อนเมฆขาวและอีกด้านฝนเทลงมา มีทั้งท้องฟ้ายามค่ำคืน และท้องฟ้ายามอัสดงที่ย้อมไปด้วยสีแดง หรือแม้แต่ท้องฟ้าที่มีตัวประหลาดล่องลอยไปมา
เมื่อเห็นภาพนั้น ลีน่าก็รู้ว่าโลกใบอื่นและช่วงเวลาต่างๆ กำลังชนกันด้านบนท้องฟ้า
“นี่ไม่ใช่การซ้อนทับ….”
สิ่งที่เรียกว่าการซ้อนทับไม่ได้เกิดขึ้นอย่างวุ่นวายถึงเพียงนี้ มันเป็นเพียงแค่ส่วนที่อ่อนแอในโลกได้รับบาดแผลชั่วคราว ผ่านไปไม่นานก็จะคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่านี่…
“…มีใครบางคนบังคับให้มันเกิดขึ้น”
พอตระหนักได้ก็พลันขนลุกขึ้นมา ใครกันที่สามารถทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ แม้แต่แอสรันก็ยังไม่อาจสร้างบาดแผลที่พอให้ตนเองข้ามไปได้จนต้องอยู่ในโลกใบนี้มาเรื่อยๆ งั้นแสดงว่าสิ่งที่กำลังจะข้ามมาตอนนี้จะต้องเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าแอสรัน
กรอดดด
เสียงคำรามของสัตว์ที่ดังขึ้น ลีน่าหันมองด้านข้างด้วยความประหลาดใจ
“แอสรัน?”
เขากำลังจ้องบนฟ้าเขม็งด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน
“ข้าได้กลิ่น”
“กลิ่น? กลิ่นอะไร”
“กลิ่นที่ติดอยู่กับตัวเจ้า”
พูดจบ แอสรันก็เอื้อมมือไปที่สร้อยคอที่สวมอยู่ กริ๊งงง สร้อยที่ถูกสวมไว้อย่างสงบเงี่ยมจนถึงตอนนี้ขาดสะบั้นอย่างไร้ทางสู้ด้วยฝีมือของเขาราวกับเป็นเรื่องโกหก
“ให้ตายเถอะ”
เมื่อเห็นภาพนั้น ลีน่าถึงรู้ว่าที่ผ่านมาเขาสามารถทำให้สร้อยคอขาดได้แต่ไม่ทำ แอสรันโยนสร้อยคอลงพื้นและมองฟ้า ร่างมนุษย์หายไปทันทีที่พลังเวทสีแดงทะลักออกมารอบตัวเขา กลางอากาศพลันมีปีศาจสีแดงขนาดใหญ่ลอยอยู่
‘รออยู่ที่นี่ ข้าจะไปฆ่ามัน’
แอสรันบินเข้าไปหารอยร้าวขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้าทันที
ตูม! ตูม!
ระหว่างนั้นเสียงก็ยังดังขึ้นเรื่อยๆ ท้องฟ้าเริ่มแตกร้าว ลีน่าตัดสินใจรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์และสร้างเกราะป้องกันขึ้นมา จากนั้นใช้แขนบังลมที่พัดมาอย่างบ้าคลั่งและแหงนมองฟ้า
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
บันทึกที่เคยอ่านมาไม่มีเขียนถึงปรากฏการณ์เช่นนี้ หากบอกว่ามีใครกำลังพยายามจะเข้ามาในโลกนี้ ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไปเพื่ออะไร ลีน่านึกถึงคำพูดของแอสรันเมื่อครู่ เขาบอกว่าได้กลิ่นที่ติดอยู่กับตัวนางและจ้องท้องฟ้าเขม็ง ลีน่ารู้ว่าแอสรันจะทำสีหน้าแบบนั้นตอนไหน สิ่งที่ทำให้แอสรันนิ่วหน้ามองอยู่เสมอตอนอยู่ในวิหารหลวงก็คือ…
“…ราธบัน?”
ต้องเป็นเขาแน่ๆ
***
แอสรันบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ระหว่างนั้นบนฟ้าพลันเกิดหลุมสีดำขึ้น เส้นทางเปิดออกแล้ว
‘ใครกัน’
แม้แต่เขายังไม่อาจสร้างบาดแผลขนาดใหญ่เท่านี้ได้ สิ่งมีชีวิตที่จะข้ามมาจากฝั่งตรงข้ามคือตัวอะไรกันแน่ ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นที่ทำให้อารมณ์ไม่ดียังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เป็นกลิ่นของตัวผู้ที่ติดอยู่ในตัวของลีน่า
‘มาตามหาอย่างนั้นหรือ’
งั้นก็เข้าใจได้ ดูเหมือนตัวผู้ของลีน่าจะมาถึงที่นี่เพื่อตามหาคู่ของตนเอง แอสรันปลดปล่อยพลังเวททั้งหมดของเขาที่กักเก็บไว้ จะเป็นใครหน้าไหนเขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น
‘ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง’
แล้วลีน่าจะได้กลายเป็นของเขา แอสรันกัดฟันพลางจ้องหลุมนั้นเขม็ง สิ่งที่ฟังคล้ายเสียงลมแปลกๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ และชั่วขณะที่เสียงนั้นพุ่งถึงขีดสุด ร่างของคนที่สร้างหลุมนี้ก็ปรากฏขึ้น
‘…มนุษย์’
แน่นอนว่ากลิ่นที่เขาดมได้เป็นกลิ่นของมนุษย์ แต่สิ่งมีชีวิตที่สร้างรอยร้าวนี้ขึ้นไม่มีทางเป็นมนุษย์ไปได้ เขาเห็นมานักต่อนักว่าพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอเพียงใด ทั้งโลกใบนี้ ทั้งโลกใบอื่น สิ่งที่เรียกว่ามนุษย์ล้วนแต่เป็นตัวตนที่อ่อนแอ
แอสรันพิจารณามนุษย์เพศผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า แม้เขาจะไม่มั่นใจเพราะพวกเขาก็คล้ายๆ กันหมด แต่นี่คือชายที่มีอายุมากแล้ว อีกทั้งยังไม่รู้ว่าผ่านมรสุมที่ไหนมา ทั้งร่างกาย ทั้งเสื้อเกราะที่สวม ทั้งดาบที่ถือ ต่างก็เต็มไปด้วยบาดแผล
‘เจ้าเป็นใคร’
แอสรันเอ่ยถาม ทันใดนั้นชายผู้นั้นก็มองแอสรันแล้วนิ่วหน้า
“เจ้าจับนางไว้สินะ แอสรัน”
แปลกจริง ทั้งลีน่า ทั้งชายผู้นี้ต่างก็ทำตัวเหมือนกับรู้จักเขาดีมาก
“ช่างเถอะ ลีน่าอยู่ไหน”
ได้ยินคำถามนั้น แอสรันก็อ้าปาก ฟันแหลมคมพุ่งเข้าหาราธบัน