หนทางรอดของนักบุญหญิงตัวปลอม - ตอนพิเศษ 2
ลีน่ากลืนน้ำลาย พอเห็นราธบันขอบตาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เนื้อตัวสั่นเทา นางพลันเกิดความรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาจากดวงตาของเขา ลีน่าดึงมือที่ลูบๆ คลำๆ หน้าอกออกจากเสื้อ จากนั้นปลดกระดุมของเขาออกทั้งหมด
เสียงผ้าดังสวบสาบและเสียงครางต่ำดังขึ้นอย่างแผ่วเบาบนเตียงนอนในช่วงบ่ายที่เงียบสงบ ราธบันสะดุ้งราวกับคนที่สัมผัสถูกไฟทุกครั้งที่มือของนางสัมผัสโดน
“หยุด หยุดเถิดขอรับ…”
ยิ่งราธบันอ้อนวอน มือของลีน่าก็ยิ่งเย้าแหย่ มือที่ถอดกางเกงของเขาออกจนหมดลูบคลำกล้ามหน้าท้องที่ขึ้นรูปสวยน่ามอง แล้วเลื่อนลงด้านล่างเล็กน้อย สิ่งที่เผยตัวตนอยู่ตรงต้นขาของเขายิ่งพองตัวใหญ่ขึ้น ลีน่าใช้ฝ่ามือกดส่วนนั้นที่ดูคล้ายจะผงาดทะลุผ้าออกมาเสียเดี๋ยวนั้น
“พระเจ้าช่วย พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่…”
แม้แต่วันที่วิหารหลวงถล่มเขายังไม่ส่งเสียงแบบนี้ออกมาเลย ราธบันทำสีหน้าไม่รู้จะทำอย่างไรราวกับลูกแกะที่ถูกสัตว์ร้ายไล่ต้อนมาจนถึงปลายผาสูง อีกทั้งดูเหมือนส่วนล่างของเขาเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
สิ่งที่ถูกกดอยู่ใต้ฝ่ามือของนางกระดุกกระดิกราวกับสิ่งที่มีชีวิตเป็นของตัวเอง ลีน่าออกแรงบีบมันเบาๆ ส่วนที่ยาวและอวบจนกอบกุมด้วยมือเดียวไม่ได้ค่อยๆ แข็งขึ้นในกำมือของนาง เมื่อลีน่ายกมือออกไป เสียงถอนหายใจที่ไม่รู้ว่าโล่งใจหรือเสียดายพลันแทรกออกมาจากปากของราธบัน
ขณะที่เขากำลังจะตั้งสติได้ ลีน่าก็ลุกขึ้น โอบคอเขาเข้ามาและนั่งลง ส่วนที่ตื่นตัวเต็มที่จนแข็งตัวขึ้นกดอยู่ใต้ก้นของนาง บัดนี้ราธบันไม่อาจหายใจได้แล้ว นางควรจะรู้สึกเห็นใจที่เขาตัวแข็งจนเหมือนรูปปั้นไปแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมถึงยิ่งรู้สึกอยากแกล้งให้จนมุม
“ราธบัน เหงื่อออกเยอะเลย? เจ้าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ตอนสอนดาบก่อนหน้านี้เขายังดูเยือกเย็นถึงเพียงนั้น ไม่รู้ว่ามีเหงื่อผุดขึ้นเป็นเม็ดๆ บนหน้าผากของเขาตั้งแต่เมื่อไร
จะทนไปได้สักเท่าไรเชียว ตอนนี้นางเริ่มเกินกว่าความสนุกและเกิดความดื้อรั้นแล้ว ลีน่าปล่อยมือที่โอบคอแล้วคลายเงื่อนของชุดชั้นในตนเอง ราธบันหันหน้าหนีอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นดังนั้น ลีน่าจับคางเขาให้หันกลับมามองตนทันที
“หลบตาข้าทำไม”
“…”
“ไม่อยากดูหรือ?”
ได้ยินดังนั้น ราธบันก็รีบส่ายหน้า
“ไม่ใช่อย่างนั้น…”
“งั้นก็มองให้ดี”
ลีน่าใช้ปลายนิ้วเชยคางของเขาขึ้น
“นี่คือคำสั่ง”
หลังจากยึดสายตาของราธบันไว้ที่ตน ลีน่าก็ปล่อยชุดชั้นในที่สวมอยู่บนหน้าอกอย่างวาบหวิวลง ผิวขาวจนแสบตาพลันเผยออกมาใต้แสงอาทิตย์อันเจิดจ้า รวมถึงจุกสีชมพูที่ชูชันอยู่ด้านบนสุดด้วย มือของราธบันกำผ้าปูเตียงที่อยู่ด้านล่างแน่น
ในตอนกลางคืนทุกสิ่งเลือนราง แต่ตอนนี้ทุกการเคลื่อนไหวแต่ละอย่างแต่ละอย่างถูกมองเห็นอย่างแจ่มชัดจนน่ากลัว ไม่ว่าจะขนตาที่สั่นเทาของเขา เสียงครางที่เล็ดลอดจากริมฝีปากที่อ้าออกเล็กน้อย กล้ามเนื้อที่กระตุกด้วยความประหม่าทุกครั้งที่นางขยับ ไปจนถึงแท่งเนื้อที่ยกหัวขึ้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรเบื้องล่าง
ยั่วมาก
ลีน่าเลียริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว
แม้ว่าวิหารหลวงจะพังทลาย แม้ว่าเขาจะฝ่าฝืนกฎระเบียบของวิหาร แม้จะมีอะไรกันและใช้เวลายามค่ำคืนอย่างละโมภไม่รู้กี่ครั้ง แต่เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึงราธบันก็จะสุภาพและซื่อตรงเสมอ ราวกับเรื่องคืนก่อนไม่ส่งผลใดๆ กับเขาทั้งสิ้น เมื่อเห็นราธบันเป็นเช่นนั้นลีน่าจึงรู้สึกไม่ยุติธรรมอยู่บ้าง นางเริ่มคุ้นเคยกับเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขากลับไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
‘เพราะงั้นตอนนี้ต้องทำลายให้ได้’
ให้เท่ากับที่นางลุ่มหลงเขาในตอนกลางคืน ตอนกลางวันเขาจะลุ่มหลงนางด้วยไหม
ลีน่าที่เปลื้องผ้าทั้งหมดแล้วผลักไหล่ของเขาที่หายใจถี่กระชั้น ร่างกายของเขาที่ไม่เคยถอยหลังให้กับปีศาจตัวไหนๆ กลับล้มลงบนเตียงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรงเพียงเพราะสัมผัสมือเบาๆ จากลีน่าแค่ครั้งเดียว ลีน่าขึ้นไปคร่อมบนตัวเขาอย่างไม่รีรอ ผิวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อแนบชิดและห่างออกไปจนเกิดเสียงลามกทุกครั้งที่นางขยับร่างกาย
“ได้โปรด… ได้โปรด…”
ทั้งที่ไม่มีสิ่งใดจับเขาเอาไว้เลย แต่ราธบันกลับบิดตัวไปมาราวกับสัตว์ที่ถูกมัดไว้ด้วยเชือก ลีน่าเงยหน้าขึ้นจุมพิตขอบตาของอีกฝ่าย ริมฝีปากของลีน่าค่อยๆ เลื่อนลง ริมฝีปากที่เลื่อนลงมาตามหว่างคิ้วและจมูกทาบลงบนริมฝีปากที่เม้มแน่นดุจเปลือกหอยของเขา
“ราธบัน”
ลีน่าเอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงเห็นใจ
“อ้าปาก”
รู้สึกเหมือนตนเองกลายเป็นหมาป่าที่กำลังหลอกล่อเด็กสาวไร้เดียงสาในเทพนิยายสมัยก่อน นางเอ่ยเรียกเขาด้วยเสียงแผ่วเบาและอ่อนหวานเพื่อไม่ให้สงสัยว่าต่อจากนี้ไปตนกำลังจะทำอะไร เพราะรู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จะรับฟังคำขอของนาง
ลีน่าอดทนอดกลั้นและเอ่ยเรียกราธบันต่อไป เป็นน้ำเสียงที่นางไม่เคยใช้มาก่อนในตอนที่มีอะไรกันตอนกลางคืน ทุกค่ำคืนที่ทำกับเขาไม่เคยมีช่องว่างเลย ราธบันเบียดเสียดร่างกายเข้ามาราวกับจะจับกินจนทำให้ไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่นางต้องถึงจุดสุดยอดโดยที่ยังไม่ได้เอ่ยเรียกชื่อเขาให้ดี
“เร็ว”
ลีน่าคืนคำพูดต่างๆ ที่เขาเคยพูดพลางขยับมือ นางลูบคลำกล้ามเนื้อที่เกร็งตัวของเขา แล้วบิดเบาๆ อย่างเย้าแหย่ ท้ายที่สุดราธบันก็ทนไม่ไหวจนต้องอ้าปากเพื่อปลดปล่อยลมหายใจและเสียงครางที่กลั้นเอาไว้ ลีน่าไม่พลาดช่วงเวลาเหล่านั้น
นางโอบศีรษะของเขาเข้ามาแล้วจุมพิตลงไป แนบหน้าผาก เอาจมูกชนกัน ก่อนที่จะทาบริมฝีปากลงไปอย่างแรง ลีน่าเกี่ยวกระหวัดด้านในของเขาอย่างไม่ลังเล ความจริงที่ว่าตนกำลังทำสิ่งที่เขาเป็นคนเริ่มก่อนมาตลอดทำให้นางรู้สึกร้อนรุ่ม
ลิ้นเกี่ยวประสานกันจนน้ำลายไหล เสียงประหลาดที่คล้ายกับผิวหนังชื้นเหงื่อดังออกมาจากริมฝีปากที่เชื่อมติดกันอย่างไม่หยุดพัก
ลีน่าที่จูบกับราธบันไปครู่ใหญ่ถอนริมฝีปากออกมาหลังจากนั้นสักพัก
“ฮา…”
เป็นการจูบที่ยาวนานมาก ราธบันยังนอนอยู่บนเตียงโดยที่ยังไม่อาจตั้งสติได้ เขาใช้แขนข้างหนึ่งปิดตาตนเองและหายใจอย่างหนักหน่วง ลีน่าพลันเกิดความคิดว่าบางทีความสุขตอนเอาชนะได้ก็คงคล้ายๆ กับที่ตนรู้สึกอยู่ตอนนี้
‘ดีล่ะ ต่อไปก็….’
ลีน่าลุกขึ้นและหันศีรษะไป แม้จะไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกมาตรวจสอบอย่างจริงจัง แต่นางก็รู้ดีว่าส่วนล่างของเขาได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว ขณะที่นางกำลังเอื้อมมือออกไปหาแก่นกายของเขา ราธบันก็กล่าวขึ้น
“อย่าทำนะขอรับ”
น้ำเสียงของเขามีความหมายของการตักเตือนที่ชัดเจนต่างจากที่เคย
“ไม่ชอบหรือ? อึดอัดหรือ?”
“…ไม่ใช่เพราะอย่างนั้น”
“แล้วทำไมถึงบอกว่าไม่ให้ทำล่ะ”
ราธบันเอาแขนที่ปิดตาตนเองลง นัยน์ตาที่เปียกชื้นและร้อนผ่าวจนแดงก่ำมองมาทางลีน่า
“ท่านคงไม่รู้ ว่าตอนนี้ข้า…อดทนมากแค่ไหน”
ได้ยินดังนั้น ลีน่าก็เอื้อมมือที่หยุดชะงักออกไป
“ฮ่อก!”
ลีน่าออกคำสั่งกับอีกฝ่ายหลังจากจับส่วนนั้นที่แข็งขืนของเขา
“ห้ามอดทน”
จากนั้นพูดสิ่งที่ต้องการ
“มาเหลวแหลกภายใต้แสงสว่างด้วยกันกับข้า”
ราธบันลุกขึ้นในทันใด สัตว์ร้ายที่สะบั้นเชือกที่ผูกมัดตนเอาไว้วิ่งเข้ามาหานางแล้ว
นางบอกว่าให้เหลวแหลกไปด้วยกัน
ราธบันนึกถึงคำพูดของนางพลางขยับสะโพกอย่างแรง แก่นกายของเขาที่เปียกโชกไปด้วยน้ำกามที่ไม่รู้ว่าเป็นของใครแทรกเข้าไประหว่างขาที่เปิดอ้า
“ฮึก!”
ลีน่าตัวสั่นสะท้านพร้อมกับส่ายหน้าทันทีที่ราธบันเข้าไป ราธบันเอื้อมมือออกไปจับเส้นผมยาวของนางที่แผ่สยายอย่างยุ่งเหยิงเหนือเอวขาวอย่างทะนุถนอม จากนั้นใช้มืออีกข้างจับเอวของนางแล้วดึงเข้ามาหาตน
ก้นขาวและกลมมนแนบชิดกับหน้าท้องของเขาจนไร้ช่องว่าง ขณะเดียวกับที่ส่วนนั้นของเขาเข้าไปสัมผัสกับส่วนลึกที่สุดของนาง ทว่าแค่นั้นยังไม่ทำให้ราธบันพอใจ อีก ลึกกว่านี้อีก
ทันทีที่เขาออกแรงที่มือข้างที่จับเอว แก่นกายของเขาก็ฝังเข้าไปในร่างของนางจนมิดโคนอย่างสมบูรณ์ ด้านในที่ตอดรัดส่วนนั้นของเขาอย่างอบอุ่นจุดไฟแผดเผาขึ้นในหัวสมองของเขา ราธบันขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า แม้จะเป็นร่างกายที่เคยผ่านการร่วมรักยามค่ำคืนนับไม่ถ้วน แต่นางก็ยังมอบความรู้สึกใหม่ๆ ให้เขาในทุกครั้ง ตอนนี้เองก็เช่นกัน เขาใช้ฝ่ามือลูบหน้าท้องของนางที่ส่วนนั้นของเขายึดพื้นที่เอาไว้อย่างระมัดระวัง ร่างกายของนางยิ่งตอดรัดอย่างรุนแรงกว่าเดิม
“อ๊ะ อ๊ะ…”
ร่างกายอ้อนแอ้นสั่นสะท้านขณะสัมผัสถึงความสุขสม แค่นี้ก็หมดสภาพถึงเพียงนี้แล้วหรือ ราธบันมองนางด้วยสายตาสงสารอยู่ครู่หนึ่งแล้วเพิ่มแรงที่มือที่ลูบไล้หน้าท้อง แรงกดของฝ่ามือที่กดลงมาอย่างไร้ความเมตตาทำให้ลีน่าสั่นศีรษะอย่างบ้าคลั่ง
“ฮึก! อื้อ อึก! อ๊า อ๊าง!”
เส้นผมของนางกระจัดกระจายอีกครั้งอย่างไร้ความหมายที่จัดระเบียบไป เส้นผมสีทองสว่างเป็นประกายระยิบระยับอยู่ใต้แสงอาทิตย์ ความเจิดจ้านั้นทำให้ราธบันมองแสงนั่นอย่างสติหลุดลอยไปชั่วขณะ สวย งดงามจนแทบบ้า จนเขาทนไม่ไหว จนเขาอยากจะกลืนกินไปให้หมด
‘แย่แล้ว’
หลังจากวิหารหลวงล่มสลายและเริ่มเดินทางท่องเที่ยวกับนาง วันทุกวันสำหรับเขาช่างเป็นช่วงเวลาที่มีเกียรติ เขามีความสุขและสนุกในทุกย่างก้าวเมื่อเห็นนางก้าวเดินอยู่เคียงข้างเขา เมื่อนางเอนกายพิงร่างและผล็อยหลับไปในตอนกลางคืน ราธบันก็จะเฝ้ารอให้ตอนเช้ามาถึง
ราธบันเองก็ไม่เข้าใจตนเอง เขาไม่เข้าใจว่าความรู้สึกที่อยากทะนุถนอมดั่งของล้ำค่าอันหาที่สุดไม่ได้ในโลกกับความรู้สึกที่อยากทำให้เหลกแหลกจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร แต่ความปรารถนาทั้งสองอย่างนั้นกลับอยู่ด้านในตัวเขาจริงๆ
บางครั้งความปรารถอันดำมืดก็ครอบงำตัวเขา มันเป็นความปรารถนาที่เกิดขึ้นอย่างไม่เลือกเวลาที่แท้จริง ไม่ว่าจะตอนที่เห็นต้นคอของนางที่กำลังเช็ดผมหลังจากอาบน้ำมา ไม่ว่าจะตอนที่เห็นใบหน้าที่ยิ้มอย่างสดใสของนางหลังจากป้อนผลไม้ที่ซื้อมาจากตลาดให้เขา รวมถึงตอนที่นางนอนหนุนตักเขาและหลับไปด้านหน้ากองไฟ
ราธบันพยายามข่มความปรารถนานั้นอย่างสุดชีวิต แต่ในที่สุดช่วงเวลาที่เขาเองก็ควบคุมมันไม่ได้อีกต่อไปก็มาถึง แต่กระนั้นเขาก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้มันเงยหน้าขึ้นมานานๆ ครั้งและในเวลายามวิกาลเท่านั้น แต่แล้วทำไมนางถึงได้ก้าวออกมาและปลุกความปรารถนาของเขาขึ้นก่อน
ราธบันคว้าเอวของนาง ไม่รู้เพราะประหม่ากับสัมผัสมือของเขา หรือเพราะรอคอยสัมผัสมือของเขา ร่างกายของนางพลันสั่นสะท้าน ราธบันจับร่างกายของนางหมุนทั้งอย่างนั้น
“อ๊า อ๊ะ!”
เป็นเพราะหมุนตัวกลับทั้งที่ยังรัดส่วนนั้นของเขาเอาไว้ แท่งเนื้อของเขาที่เข้าไปลึกจึงขูดผนังด้านในอย่างไร้ความปรานี การกระตุ้นที่เกินขอบเขตทำให้ลีน่าสูดลมหายใจเข้าไปราวกับใกล้จะสิ้นสติบัดเดี๋ยวนั้น ปกติเขาคงจะถอนตัวออกไป ทว่าตอนนี้ราธบันไม่มีความคิดเช่นนั้นแม้แต่น้อย
ความมืดในตอนกลางคืนช่วยอำพรางนางจากสายตาของเขาได้ระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้เมื่อไม่มีความมืด ทุกอย่างจึงฉายชัดจนร้ายกาจ
เส้นผมที่เป็นประกายใต้แสงแดด ขนตาที่สั่นเทา ริมฝีปากแดงที่พ่นลมหายใจออกมาเรื่อยๆ และนัยน์ตาที่คลอไปด้วยน้ำตาและกำลังจ้องมองตน หากตอนนี้มีใครมองเขาอยู่ก็คงจะคิดว่าแม้แต่สายตาก็ตะกละตะกลาม เขาไม่สามารถละสายตาไปจากนางได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
ราธบันเอื้อมมือออกไปสางผมที่เปียกชื้นและเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาเกาะบนหน้าผากให้นาง มันเป็นสัมผัสที่ต่างจากร่างกายท่อนล่างที่เคลื่อนไหวอย่างดุเดือดตั้งแต่วินาทีแรกที่เริ่มกิจกรรม ดูเหมือนความรู้สึกสองอย่างที่ตรงข้ามกันในตัวเขาคงกำลังเคลื่อนที่ไปคนละทาง
“…ทำไมถึงทำแบบนั้นขอรับ”
“อะ อะไร…”
“ทำไมถึงได้กระตุ้นข้า”
ทันใดนั้น ใบหน้าของลีน่าพลันหม่นหมอง มีความขุ่นเคืองอยู่ในสายตาของนาง
“ก ก็มีแค่…อึก! ราธบันที่เป็น…ปกติอยู่คนเดียว..อ๊า!”
“ได้ยินไม่ชัดเลยขอรับ”
“ก็เพราะว่าเจ้าเอาแต่ขยับ…อ๊า อื้อ อืออือ!”
แค่ขยับเข้าออกยังไม่พอ ทันทีที่เขาเริ่มกระแทกเข้าไปจนร่างกายยกขึ้นโดยอัตโนมัติ นางก็พูดต่อไม่ได้อีกแล้ว หรือเขาไม่อยากฟังคำตอบของคำถามที่ถามไว้ แม้แต่ในช่วงเวลาอย่างตอนนี้เขาก็ยังปกติดีจนน่าชัง สุดท้ายความขุ่นเคืองก็แปรเปลี่ยนเป็นน้ำตา
“มี มีแต่ข้าที่เปลี่ยนไปนี่!”
“…?”
ราธบันหยุดการเคลื่อนไหวทันทีที่นางแผดเสียงขึ้นมา ลีน่าไม่พลาดโอกาสนั้นและรีบพูดออกมา
“ข้าต้องการมากขึ้น…และยิ่งว้าวุ่นมากขึ้น…แต่ทำไมเจ้าถึงเหมือนกับตอนแรก…ไม่เปลี่ยนไปเลย…”
ได้ยินคำพูดของนาง ราธบันก็ถอนหายใจยาวแล้วถามกลับ
“เพราะงั้น…หมายความว่าท่านกำลังรู้สึกไม่สบายใจเพราะรู้สึกเหมือนความรักของข้าไม่มากขึ้นเลยใช่หรือไม่”
“….”
ลีน่าไม่ได้ตอบอะไรกลับไปให้ราธบันที่เอ่ยถามสิ่งที่นางพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ถ้าท่านคาดหวังสิ่งนั้นก็ขอให้ล้มเลิกนะขอรับ”
“ทำไม….”
เขาตอบกลับมาอย่างเฉียบขาดราวกับกำลังขอร้องสิ่งที่ไม่ได้ยากเย็นอะไร ลีน่าพลันตกตะลึง เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ? ราธบันยิ้มออกมาต่างจากนางที่ตัวแข็งไปแล้ว
“ความรักของข้าไม่มีทางมากไปกว่านี้ได้”
ทั้งที่กล่าวคำพูดแสนเย็นชาแต่น้ำเสียงกลับอ่อนโยน ราธบันอุ้มร่างของอีกฝ่ายขึ้นมา มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังด้านโอบหัวไหล่นางเข้ามากอด หน้าอกอวบอิ่มแนบกับหน้าอกของเขาจนผิดรูปทรง ลีน่าบิดตัวเพื่อจะออกจากอ้อมกอดของเขา
คำตอบเมื่อครู่ของราธบันทำให้นางคิดอะไรไม่ออกทั้งสิ้น ทั้งที่นางชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขากลับไม่เป็นเช่นนั้น ลำคอรู้สึกตีบตันเพราะความรู้สึกน้อยใจ
“ปล่อยเลย…”
บัดนี้เกินกว่าความน้อยใจเป็นความเศร้าไปแล้ว ร่างกายของเขาที่ล้มลงอย่างไร้เรี่ยวแรงเมื่อครู่ก่อน ตอนนี้กลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยทั้งที่นางใช้แรงทั้งหมด ราธบันกอดนางแน่นขึ้น ราวกับคนที่อยากใช้เรือนร่างสัมผัสนาง
“เกลียดข้าหรือ?”
“…”
ไม่มีคำตอบ หมายความว่าเกลียด ราธบันใช้มือเชยคางของลีน่าที่ก้มหัวอยู่ขึ้นอย่างระมัดระวังเพื่อให้นางมองเขา นางคงจะเกลียดจริงๆ ถึงได้น้ำตาคลอราวกับไหลพรากออกมาเดี๋ยวนั้น ราธบันจุมพิตขอบตาของนาง น้ำตาที่คลออยู่หายเข้าไปในริมฝีปากของเขา
“ข้าเกลียดท่าน”
“ทำไม….”
“ถ้าบอกว่ารักมากขึ้นได้อีกนั่นหมายความว่าพื้นที่ในหัวใจของท่านยังเหลือพื้นที่ว่างอีกเยอะ แต่ข้า…ไม่เคยมีของแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว”
ตั้งแต่ตอนที่นางช่วยชีวิตเขาในวิหารหลวงและได้ยืนยันความรู้สึกของกันและกัน ราธบันก็พบว่าภายในตัวเขาไม่เหลือช่องว่างใดๆ อีกแล้ว ในโลกของเขานางเป็นดั่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เป็นการดำรงอยู่ที่แต่งแต้มสีสันในโลกให้ตัวเขาได้อย่างสมบูรณ์
ทั้งที่เขาลุ่มหลงและดิ้นรนกับตัวตนของนางมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่นางกลับกำลังนั่งอยู่ริมทะเลสาบนั้นอย่างผ่อนคลายและบอกว่ากำลังฟูมฟักความรู้สึก แต่ขณะเดียวกันก็ลากเขาลงไปลึกกว่าเดิมด้วยคำพูดที่ว่าพังทลายไปด้วยกัน
“ข้าจะทำตามที่ท่านต้องการ ท่านบอกว่าให้เหลวแหลกไปด้วยกันใช่ไหม”
“ราธบัน…”
ราธบันทิ้งตัวลงบนเตียงโดยที่ยังกอดนางไว้
ตลอดหลายวันหลังจากนั้น ราธบันก็เติมเต็มตัวเขาเข้าไปในพื้นที่ของหัวใจที่ยังว่างอยู่ของนาง
***
“ระวังขอรับ”
“…!”
ลีน่าได้สติขึ้นมาเพราะมือของราธบันที่คว้าตนเองไว้กะทันหัน เมื่อมองด้านหน้าก็พบว่ามีหินขนาดเท่าบ้านอยู่ นี่นางจมอยู่กับความคิดขนาดไหนถึงได้เดินมาโดยที่มองไม่เห็นของเช่นนี้เนี่ย
“ไม่ได้การแล้ว เอากระเป๋ามาให้ข้าดีกว่าขอรับ”
ราธบันมองหินแล้วหยิบกระเป๋าของลีน่าที่กำลังยิ้มอย่างขวยเขินไปราวกับขโมย ลีน่าที่กระเป๋าถูกฉวยออกไปในชั่วกะพริบตาพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ยอมแพ้และเดินต่อไป
“คิดอะไรอยู่หรือขอรับ?”
“…หือ?”
“มัวแต่คิดอะไรอยู่ถึงได้ยิ้มขนาดนั้น”
“ขะ ขะ ข้ายิ้มตั้งแต่เมื่อไรกัน? ระ รีบข้ามเขากันได้แล้ว”
ลีน่าพูดตะกุกตะกักจนใครก็สังเกตเห็น ราธบันยิ้มออกมาและเดินตามหลังนางไป เขารู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่โดยที่ไม่จำเป็นต้องถามอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีความคิดที่จะเซ้าซี้เพื่อฟังคำตอบด้วย ไม่งั้นสัตว์ร้ายที่ถูกปลดปล่อยไปครั้งหนึ่งในตอนกลางวันคงได้ตระครุบนางอีกครั้งแน่