หนทางรอดของนักบุญหญิงตัวปลอม - ตอนพิเศษ 5
“คืนท่านนักบุญหญิงมา!”
ทันทีที่ใครบางคนกล่าวนำเสียงดัง ผู้คนที่ยืนอยู่รอบข้างก็เริ่มตะโกนตามขึ้นมา หลังจากเสียงร้องตะโกนดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง บางคนก็ไม่อาจอดกลั้นอารมณ์จนร้องไห้ออกมา บางคนก็เขวี้ยงหินใส่กำแพงพร้อมกับด่าทอแล้ว
เลออนกอดอกมองพวกเขาอยู่บนกำแพง มองผ่านๆ พบว่ามีจำนวนเกินกว่าพันคนไปแล้ว
“เวลาแค่นี้แต่รวบรวมมาได้จำนวนมากเลยทีเดียว ดูแล้วคงมีหลายคนที่ถูกฝึกมา มันเป็นใครนะ”
ได้ยินคำพูดของเลออน คนสนิทที่อยู่ด้านข้างผู้หนึ่งก็เอ่ยตอบ
“คาดเดาว่าเป็นองค์ชายสามแห่งอาร์เดนเบลที่หลบซ่อนตัวมาตลอดกับองครักษ์รักษาพระองค์ที่อยู่กับเขาพ่ะย่ะค่ะ”
“องค์ชายแห่งประเทศที่ล่มสลายจะฟื้นฟูเกียรติยศในอดีตกลับมาเอง งั้นสิ”
เลออนเดาะลิ้น
“ข้าอุตส่าห์เสียดายที่ประวัติศาสตร์อันยาวนานจะหายไปในพริบตาเลยเหลือชื่ออาร์เดนเบลเอาไว้…คนเรานี่ไม่ควรจะใจกว้างเกินไปจริงๆ เจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่”
“เอ่อ ชะ ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ได้ยินคำถามของเลออน คนสนิทของเขาก็ตอบเสียงอึกอัก ตอนที่ไปถล่มอาร์เดนเบล เลออนเข้าไปในพระราชวังและฟันคอของกษัตริย์ทันทีอย่างไม่รีรอ แต่เขากลับบอกว่าใจกว้างแล้ว
เลออนหัวเราะหึ จากนั้นเบนสายตามองเบื้องล่าง แล้วกล่าวกับคนสนิท
“ข้าอยากฟังว่าคนพวกนั้นร้องขออะไรกับข้ากันแน่ บอกให้พวกมันส่งผู้นำมา”
***
ชายหนุ่มที่มาเป็นตัวแทนของกลุ่มเดินเหงื่อแตกด้วยสีหน้าประหม่า ตอนที่เขาเข้าไปในห้องรับรองที่เลออนอยู่ก็เกือบจะหมอบคลานเข้าไปแล้ว เลออนมองชายผู้นั้นพลางเอ่ยถาม
“พวกเจ้าดูเหมือนมีเรื่องจะคุยกับข้าเยอะเลยนะ”
“ขะ ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ…ตะ แต่…ตะ ต้องบอก…”
เลออนสำรวจชายที่พูดอย่างตะกุกตะกัก หลังจากผ่านไปสักพักก็กล่าวขึ้น
“เจ้าเป็นนักบวชของวิหารหลวงหรือ?”
“นั่นรู้ได้อย่างไร…!”
“ข้าขี้เกียจอธิบาย ช่างมันเถอะ รีบบอกสิ่งที่เจ้าต้องการมา”
ได้ยินคำพูดของเลออน ชายผู้นั้นก็หลับตาปี๋แล้วตะโกนออกมา
“ได้โปรดคืนท่านนักบุญมา!”
“ขอคืนอย่างนั้นหรือ…”
ความโกรธจางๆ พาดผ่านดวงตาของเลออน
“จำไม่ได้หรือว่าใครที่เป็นคนไล่นักบุญหญิงออกมา? วิหารหลวงออกคำลั่งไล่ล่านางเองเลยไม่ใช่หรอกหรือ แล้วตอนนี้จะมาขอคืนเนี่ยนะ?”
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ! นั่นเป็นพวกที่หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของผู้อาวุโสชั่วช้า…”
“ไม่ว่าอย่างไรคนที่ขับไล่นักบุญหญิงออกมาก็คือพวกเจ้า ข้ายื่นมือช่วยเหลือนางเพราะไม่อาจแสร้งทำเป็นไม่เห็นคนที่ไร้ทางไปและกลายเป็นผูกพันกัน แต่ตอนนี้พวกเจ้ากลับพูดราวกับข้าไปแย่งชิงนางมา ไม่ยุติธรรมเสียเลย”
เมื่อเลออนตอบกลับ ชายหนุ่มที่คว่ำหน้าอยู่ก็เงยหน้าขึ้น เขากำสองมือแน่นและตะโกนออกมาราวกับใช้ความกล้าในการพูดจริงๆ
“ข้าจะเชื่อได้อย่างไร!”
“…อะไรนะ”
“ท่านนักบุญหญิง มะ…ไม่เคยปรากฏตัวเลยสักครั้งจนถึงตอนนี้ อันที่จริงไม่ใช่ว่าท่านผู้นั้นจากไปแล้วหรอกหรือ…แค่ก!”
ร่างของชายหนุ่มลอยขึ้นไปกลางอากาศและกลิ้งไปกับพื้น เลออนเตะเขาเต็มแรง แม้จะมีเสียงอะไรบางอย่างหักดังออกมาจากร่างของชายที่กลิ้งไปอัดอยู่ในมุมห้อง แต่สีหน้าของเลออนก็ไม่เปลี่ยนแปลง
“ข้าอุตส่าห์อดทนเพราะเลโอน่าอยู่ที่นี่…แต่เจ้ากลับใช้ลิ้นที่ถือดีพูดพล่ามไปเรื่อย”
ใบหน้าของคนสนิทและอัศวินที่ยืนอยู่ด้านข้างต่างก็เฉยเมยราวกับสมควรแล้ว พวกเขารู้จักเลออนดี ดังนั้นจึงรู้ว่าจนถึงตอนนี้เขาใจกว้างมามากเพียงใด หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงเลโอน่าที่คิดว่าตนเองแอบดีแล้วอยู่หลังผ้าม่านทั้งที่ชายกระโปรงโผล่ออกมาแล้วตรงนั้น คนผู้นั้นคงกลายเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว
เลออนเดินเข้าไปตรงผนัง แล้วพลิกผ้าม่านขึ้น เลโอน่ายืนกลอกตาไปมาด้วยสีหน้า ‘ถูกจับได้แล้วอ่า!’ อยู่ตรงนั้น เขาปิดหูเลโอน่าแล้วกล่าวขึ้นทันที
“ลากออกไปโยนตรงกำแพงเสีย”
ได้ยินดังนั้น อัศวินสองคนที่อยู่ด้านข้างก็เดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่สลบอยู่แล้วหิ้วแขนของเขา ขณะที่ชายหนุ่มถูกลากหายไปนอกประตู เลออนก็เอามือที่ปิดหูเลโอน่าออก แล้วพูดขึ้น
“เลโอน่า พ่อบอกไว้ว่าเวลาพ่อทำงานห้ามเข้ามาไง”
“แต่…ข้าสงสัยว่ามีเรื่องอะไรนี่นา…”
พอได้ยินเสียงดุๆ ของเลออน เลโอน่าก็สังเกตสีหน้าเขาแล้วยื่นสองแขนออกไป หมายถึงขอกอดหน่อย พอเจอความฉลาดอันแสนน่ารักของเลโอน่าที่ทำตัวออดอ้อนเพราะไม่อยากให้เขาโกรธ เลออนก็ต้องพ่ายแพ้เหมือนอย่างเคย เลออนอุ้มเลโอน่าขึ้นมาทันทีและถามหัวหน้าองครักษ์รักษาพระองค์ที่อยู่ด้านข้าง
“กำลังพลที่มาคราวนี้มีเท่าไร”
“พันห้าร้อยนายพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปบอกให้ทุกคนติดอาวุธและเตรียมตัว”
เลโอน่าฟังบทสนทนานั้นเงียบๆ
***
ไม่กี่วันต่อมา ผู้คนจำนวนมากจนไม่อาจเทียบได้กับหลายวันก่อนก็มาชุมนุมกันหน้าพระราชวัง พวกเขาต่างก็ตะโกนว่าให้คืนนักบุญหญิงมาและถือดาบไว้ในมือ เลโอน่าเมินเฉยคำพูดของนางกำนัลที่ตะโกนว่า “ถ้าถูกจับได้หม่อมฉันจะตายแน่เพคะองค์หญิง!” และมองไปด้านล่างผ่านรอยแยกของกำแพง
‘ข้าเห็นคนที่ผ่านการฝึกมา’
นางเห็นคนที่เคลื่อนไหวต่างจากคนอื่นท่ามกลางผู้คนที่แผดเสียงตะโกน เลโอน่ามองตามพวกเขา แล้วหมุนตัวกลับไปมองด้านล่างของกำแพงฝั่งตรงข้าม เลออนที่เตรียมพร้อมรบยืนอยู่ข้างหน่วยอัศวินตรงนั้น เลโอน่าคาดคะเนจำนวนคนที่อยู่ด้านนอกและด้านใน
‘หนึ่งหมื่นห้าพันต่อพันห้าร้อย’
ต้องสู้รบกับคู่ต่อสู้ที่มีมากกว่าสิบเท่า
‘ถึงจะเป็นท่านพ่อก็เถอะ…’
เลโอน่าไม่คิดว่าท่านพ่อจะพ่ายแพ้ แต่เห็นได้ชัดว่าจะต้องได้รับบาดเจ็บหลายที่ นางไม่ชอบ ในอดีต ตอนที่ท่านพ่อได้รับบาดเจ็บที่แขนก็กอดนางไม่ได้ไปพักหนึ่ง เลโอน่าจมอยู่กับความคิดสักพัก แล้วจู่ๆ ก็กระโดดลงไปด้านล่าง
“องค์หญิง! จะไปไหนเพคะ องค์หญิง!”
สถานที่ที่เลโอน่าวิ่งไปโดยไม่สนใจไยดีคำพูดของนางกำนัลคือห้องนอนของเลออน ระหว่างที่องครักษ์หน้าห้องกำลังคิดว่าควรจะขวางองค์หญิงไว้หรือไม่ เลโอน่าที่วิ่งเข้าไปด้านในก็ค้นข้างเตียงเลออนแล้ว
“อยู่ไหนนะ”
ตอนเช้านางเห็นมือของท่านพ่อตอนกำลังเตรียมอาวุธ แหวนที่ใส่อยู่ตลอดหายไป เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้เปื้อนเลือดจึงถอดออก ท่านพ่อมักจะทะถุถนอมสิ่งของที่เกี่ยวกับท่านแม่เสมอ แต่ไม่ว่าจะค้นหาอย่างไรนางก็หาแหวนไม่เจอเลย
“ทุกคนออกไป!”
เลโอน่าตะโกนใส่คนที่ตามนางเข้ามา หลังจากเห็นประตูปิดแล้ว เลโอน่าก็แกะสร้อยคอที่สวมอยู่บนคอออก แล้วยกมือขึ้น
[ออกมา]
ทันทีที่พึมพำคำพูดที่แฝงพลัง ฝั่งหนึ่งของชั้นวางหนังสือพลันมีเสียงดังกึกกัก
[เร็ว]
เมื่อเลโอน่าพึมพำอีกครั้ง แหวนที่เลออนเคยใส่ก็กระเด็นออกมาจากพื้นที่ที่แอบซ่อนอยู่ด้านในชั้นวางหนังสือทันที นางรู้ว่าแหวนวงนี้ติดต่อกับท่านแม่ได้ แต่ปัญหาคือนางไม่รู้วิธีใช้มัน เลโอน่าพลิกไปพลิกมาและถึงกับลองลูบแหวนอยู่สักพัก แต่แหวนก็ยังไม่แสดงการตอบสนองอะไรเลย เลโอน่าเบะปากกอดแหวนแน่นแล้วพึมพำออกมา
“ท่านแม่…”
ตอนนั้นเอง เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น
“ข้าบอกว่าไม่ให้เข้ามา…!”
เมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา ดวงตาของเลโอน่าที่กำลังจะตะโกนออกไปก็เบิกกว้างจนเท่าเหรียญกษาปณ์ เลโอน่าอ้าปากพะงาบๆ ด้วยความตกใจ แล้วมองแหวนที่ถืออยู่ในมือ
ข้ายังไม่ทันได้ใช้อันนี้เลยนะ…?
***
ครืดดด เสียงหมุนของรอกขนาดใหญ่ดังขึ้น เลออนมองประตูปราสาทที่ค่อยๆ ยกขึ้นพลางครุ่นคิด
‘ในจำนวนคนหมื่นห้า มีอัศวินของอาร์เดนเบลปะปนอยู่’
แม้จะเป็นจำนวนที่มากกว่าสิบเท่าแต่เขาก็ไม่คิดว่าจะพ่ายแพ้เลยสักนิด อัศวินที่เดินทางมาอาร์เดนเบลด้วยกันกับเขาคือกลุ่มคนที่ถูกเลือกให้เป็นหัวกะทิแม้แต่ในหน่วยอัศวินแห่งจักรวรรดิเอง ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับมือกับอัศวินของประเทศที่ล่มสลายและกลุ่มคนคลั่งศาสนา แต่กระนั้นเลออนก็ยังหงุดหงิด
‘รู้งี้ฆ่าทิ้งไปเสียก็ดี’
เขารู้ว่ามีคนมาชุมนุมกัน และยังรู้ด้วยว่าในคนเหล่านั้นมีคนที่คอยยุยงส่งเสริมอยู่ แต่เพราะเขาไม่ได้มาอาร์เดนเบลกับเลโอน่านานแล้วจึงเกียจคร้านนิดหน่อย ใครจะไปนึกว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
เลออนลองเหวี่ยงดาบที่อยู่ในมือ พอไม่ได้จับมานานความเร็วก็ลดลง ความรู้สึกเก่าๆ ก็ยังไม่กลับมา ดูเหมือนหลังจากจบเรื่องคราวนี้ เขาต้องก่อตั้งหน่วยอัศวินไว้ที่อาร์เดนเบลและฝึกซ้อมไม่หยุดจนกว่าจะกลับเมืองหลวงเสียแล้ว
‘จำเป็นต้องมีอัศวินที่แข็งแกร่งหน่อยไว้หน่อย…’
ใครบางคนที่ผุดขึ้นมาในชั่วขณะนั้นทำให้เลออนนิ่วหน้า ไอ้คนโง่ ตอนนี้ทำอะไรกับลีน่าอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ ขณะที่เลออนกำลังด่าใครบางคนอยู่อย่างนั้น กลุ่มคนฝั่งตรงข้ามก็เห็นเลออนและเริ่มแผดเสียง
“ฆาตกร!”
“ไอ้ชาติชั่ว!”
เลออนไม่โกรธเพราะนั่นเป็นคำพูดที่ถูกต้องแล้ว เขาฆ่าคนไปมากระหว่างที่รวมทวีปเป็นหนึ่ง
“คืนท่านนักบุญหญิงมา!”
แต่เขาโกรธเพราะคำพูดนั้น
‘ตอนนี้นางก็ไม่อยู่ข้างกายข้าด้วยซ้ำ? ไม่ใช่แค่พวกเจ้าที่คิดถึงนะโว้ย’
ผ่านไปเกือบจะหนึ่งปีแล้วที่เขาไม่ได้เจอลีน่า ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกันคือตอนที่มาพระราชวังอาร์เดนเบลแห่งนี้ปีที่แล้ว เมื่อได้ยินว่ามีการพบการซ้อนทับใหม่ นางที่มากับราธบันก็จุมพิตเขากับเลโอน่าด้วยใบหน้ารู้สึกผิดก่อนออกจากพระราชวังไป เขาไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองนางเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่หงุดหงิดไอ้ปีศาจขนแดงที่หายไปหลังจากทิ้งหนี้ทางใจไว้ให้นาง
ถึงจะไม่ใช่เรื่องนั้น แต่มันก็น่าสงสารจะตายที่เลโอน่ามาดูสวนดอกไม้ที่ลีน่าชอบทันทีที่มาถึงที่นี่ แล้วทำไมถึงได้เอาแต่พูดเรื่องของลีน่าให้เด็กได้ยินบ่อยๆ ถ้าเลโอน่าเกิดร้องไห้แล้วบอกว่าคิดถึงแม่ขึ้นมา…
เลออนออกแรงที่มือข้างที่ถือดาบ ตอนนั้นเขาน่าจะฆ่าไอ้สารเลวทุกตัวที่อยู่ที่นี่ไม่ให้เหลือสักคนจริงๆ แน่นอนว่าตอนนี้เขาก็จะตั้งใจจะฆ่าพวกมันเกือบทั้งหมดเหมือนกัน
ตอนนั้นเอง มีชายคนหนึ่งเดินออกมาด้านหน้าผู้คน
“องค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราไม่ได้มาเพื่อต่อสู้!”
ได้ยินดังนั้น เลออนก็กล่าวด้วยสีหน้ารับไม่ได้
“โม้ต่อสิ”
“ขอแค่ให้พวกเราได้เห็นหน้าท่านนักบุญหญิงสักครั้ง”
“นางพักฟื้นอยู่”
“พักฟื้นอยู่ที่ไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“มีเหตุผลที่ข้าต้องบอกพวกเจ้าไหม”
เลออนเข้าใจจุดมุ่งหมายของชายที่ยังคงต่อความยาวสาวความยืด อีกฝ่ายตั้งใจแสดงให้เห็นต่อหน้าผู้คนว่าเขาไม่สามารถให้คำตอบได้อย่างชัดเจนและพยายามหลบเลี่ยง
‘ปัญหาของนักบุญหญิงใหญ่กว่าที่คิดไว้’
แสดงว่าอัศวินที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ไม่ใช่ทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาวางแผนที่จะร่วมมือกับอำนาจของอาณาจักรอื่นที่ล่มสลายและสร้างข่าวลือต่อไป จากนั้นสร้างเหตุผลที่เหมาะสมในการยกทัพมาสร้างกองกำลังที่ใหญ่ขึ้น
“ช่วยท่านนักบุญหญิง!”
“เพื่อเกียรติยศของวิหารหลวง!”
ไร้สาระ
เลออนตกอยู่กับภวังค์ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วปรับท่าทางจับดาบ ดูเหมือนวันนี้จะต้องเห็นเลือดหน่อยแล้ว ระหว่างนั้นเอง แรงกดดันของผู้คนก็ยิ่งบ้าระห่ำขึ้น
ตอนนี้ทุกคนจับอาวุธแล้ว พวกเขาพร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อจุดประสงค์อันสูงส่งอย่างการช่วยนักบุญหญิง ความตึงเครียดเข้าปกคลุม หากมีฝ่ายใดขยับเท้าก่อน การปะทะก็จะเริ่มต้นขึ้น ตอนนั้นเอง
“ทุกคนถอยออกไป”
เป็นเสียงราบเรียบที่ไม่ต่ำไม่สูง ทว่าเสียงนั้นลอยมาเข้าหูเลออนอย่างชัดเจนแม้อยู่ท่ามกลางเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวที่ผู้คนเปล่งออกมาอย่างตื่นเต้น คงไม่ใช่เลออนเท่านั้นที่ได้ยินเสียงนี้ คนที่โหวกเหวกโวยวายจนถึงเมื่อครู่ก่อนต่างก็หุบปากและมองหาเจ้าของเสียง เลออนค่อยๆ หมุนตัวกลับไป
หญิงสาวที่สวมฮู้ดปิดหน้าปิดตากำลังเดินแทรกเข้ามาระหว่างเหล่าอัศวิน เลออนมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาหาตนโดยไม่อาจหายใจได้ด้วยซ้ำ และทันทีที่มายืนอยู่ตรงหน้าเลออน นางก็ถอดฮู้ดออก
เส้นผมสีทองเช่นเดียวกับตนกำลังส่องประกายเจิดจ้าภายใต้แสงอาทิตย์ นัยน์ตาสีฟ้าสว่างจ้องมองเลออน ริมฝีปากสีแดงที่ทำให้อยากกินเสียเดี๋ยวนี้โค้งขึ้นแล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน
“ว่าไงเลออน ข้าบอกแล้วไงว่าถ้ามีเรื่องแบบนี้ให้เรียกน่ะ”
ลีน่ากลับมาแล้ว
***
การปรากฏตัวของลีน่าทำให้การต่อสู้จบลงโดยที่ยังไม่ทันได้เริ่มต้น นักบุญหญิงที่พวกเขาเรียกร้องให้ออกมาถึงเพียงนั้นปรากฏตัวขึ้นแล้ว แถมยังมาด้วยสภาพสมบูรณ์ครบถ้วน ตอนที่มีใครบางคนตะโกนถามว่าใช่นักบุญหญิงตัวจริงหรือ ลีน่าก็สร้างเกราะป้องกันสีฟ้าครามรอบหน่วยอัศวินแห่งจักรวรรดิราวกับตอบคำถามนั้น
เรื่องทุกอย่างจึงสิ้นสุดลงด้วยประการฉะนี้
“ท่านแม่กินอันนี้ด้วยสิคะ”
ลีน่าหัวเราะและจุมพิตลงบนหน้าผากของเลโอน่าที่อยู่ในอ้อมกอดและป้อนผลไม้ให้นางไม่หยุด ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจดจำผลไม้ที่นางกินอย่างเอร็ดอร่อยคราวก่อนได้ เลโอน่าถึงได้ใช้ส้อมจิ้มเฉพาะผลไม้ที่ลีน่าชอบให้ หลังจากกล่าวขอบคุณและกินผลไม้เข้าไป ลีน่าก็เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ระหว่างที่ไม่เจอกันสีหน้าดีขึ้นนะ ราธบัน”
“นั่นไม่น่าใช่คำพูดที่อยากบอกกับข้านะ ทางนั้นต่างหากที่ดูจะสบายดี ดูเหมือนจะอ้วนขึ้นเล็กน้อย”
“เปล่านะ ข้าไม่อ้วน!”
“ท่านพ่อของข้าไม่อ้วน!”
ได้ยินคำพูดของราธบัน เลออนกับเลโอน่าก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน ลีน่ามองภาพนั้นด้วยสีหน้าลำบากใจ นางนึกไม่ถึงเลยว่ายิ่งวันเวลาผ่านไป เลออนกับเลโอน่าจะยิ่งคล้ายกันถึงเพียงนี้
ทั้งที่บอกว่าไม่อ้วน แต่เลออนก็ยังแอบลูบเอวตัวเอง ถึงจะไม่อ้วนขึ้น แต่อันที่จริงที่ผ่านมาก็ไม่มีสงครามเลยได้ขยับตัวน้อยลง…
เลออนคิดว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปเขาจะต้องออกกำลังกายอย่างหนักพลางใช้สายตาพิจารณาราธบัน ราธบันมีรูปร่างที่เป็นอุดมคติของเหล่าอัศวิน แม้จะไม่รู้ว่าระหว่างนั้นเขาไปท่องเที่ยวกับลีน่ามากมายแค่ไหนและตั้งใจปกป้องนางหรือไม่ แต่เลออนก็ยังสามารถรับรู้ได้ว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นแม้อยู่ใต้ร่มผ้า
เขาไม่เคยคิดว่าตนเองด้อยกว่าใครเลย แต่ชั่วขณะที่เปรียบเทียบกับราธบัน ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเหมือนพ่ายแพ้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เลโอน่าไม่พลาดและจ้องสีหน้าของเลออนที่แข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆ เลโอน่าลงจากอ้อมกอดของลีน่า และพุ่งปราดเข้าไปด้านข้างราธบันแล้วกล่าว
“ข้าไม่ยกโทษให้การเสียมารยาทของเซอร์แล้ว ลุกขึ้นเลย”
ราธบันยืนขึ้นอย่างว่าง่ายตามคำสั่งของเด็กสาวตัวเล็กที่ยังสูงไม่ถึงช่วงเอวของตนด้วยซ้ำ ทันทีที่ราธบันยืนขึ้น เลโอน่าก็คว้าชายเสื้อเขา หมุนตัวกลับ แล้วตะโกนขึ้น
“ข้าออกไปข้างนอกกับเซอร์ราธบันสักประเดี๋ยวนะคะ!”
“เลโอน่า!”
“เลโอน่าจะไป…!”
เลออนกับลีน่าลุกขึ้นพรวดเพราะตกใจกับคำพูดของเลโอน่า แต่ชั่วขณะนั้นราธบันกับเลโอน่าก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว เลออนมองเก้าอี้ตัวเล็กที่เตรียมไว้สำหรับเลโอน่า ตรงนั้นมีสร้อยคอที่เคยสวมอยู่บนคอของเลโอน่าวางอยู่เงียบๆ