หนีชะตานางร้าย ไปเป็นเจ้าหญิงขนมหวาน - ตอนที่ 5
“ตาชั่งล่ะ”
“จิ๊บ?”
“ต้องชั่งดูสิว่าจะใส่อะไรมากแค่ไหน”
“จิ๊บบบ!”
“ของแบบนี้ไม่ใช่ของที่จะทำได้ตามความรู้สึกหรอกนะ เจ้านกเซ่อ”
“จิ๊บ!”
อาเซียทำเป็นไม่ฟังเสียงร้องจิ๊บๆ ของเจ้านก และในตอนที่เดินไปทั่วเพื่อตามหาตาชั่ง
“ทำอะไรหา ยัยหนู”
เธอก็ได้ยินเสียงห้าวของผู้ชายจากด้านหลังอย่างฉับพลัน อาเซียหันหลังขวับด้วยความตกใจ
ชายวัยกลางคนหน้าตาดุร้ายและสวมผ้ากันเปื้อนสีขาว กำลังจับจ้องมาที่เธอ
“สังกัดตำหนักไหนล่ะ ทำอะไรอยู่ที่นี่ ตำหนักไทเมียร์ไม่มีเด็กน้อยหน้าตาแบบนี้นี่”
เมื่อเห็นดวงตาวาววับของชายวัยกลางคน อาเซียก็กลืนน้ำลายลงคอโดยอัตโนมัติ
สวมผ้ากันเปื้อนสีขาว ทั้งยังแกว่งทัพพีไปมาตามอำเภอใจอย่างกับอยู่สวนหน้าบ้านตัวเอง มองอย่างไร ชายคนนี้คงเป็นหัวหน้าคนครัวของที่นี่อย่างแน่นอน
อาเซียกลั้นเสียงสะอึกที่ตีตื้นขึ้นมาเพราะความตกใจแล้วรีบปริปากพูดขึ้น
ทว่า…
“ฉันคืออาเซีย ไม่สิ อนาสตาเซีย ยูเลียฟ…”
“จะเป็นอนาสตาเซีย ยูเลียฟอะไรก็ช่าง ต่อให้เป็นลูกหลานตระกูลผู้ดีตระกูลไหนก็เถอะ กล้าดียังไงถึงเข้ามาเล่นสนุกในครัวของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต ยอมไม่ได้!”
ชายวัยกลางคนแผดเสียงตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งครัว อาเซียกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ในตอนนั้น จู่ๆ เจ้านกเหลืองของเธอก็โผล่พรวดเข้ามาตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง เจ้านกร้องจิ๊บๆ พร้อมกับกระพือปีก ชายวัยกลางคนจึงโบกแขนไปมา
“อะไร ไอ้ลูกเจี๊ยบจิ๋วนี่ อึก ทำอะไรน่ะหา! ไอ้ตัวนี้เธอก็เอามาใช่ไหม!”
“ปะ เปล่านะ เจ้านั่นเป็นฝ่ายพาฉันมาต่างหาก แล้วก็คำว่าลูกเจี๊ยบน่ะหมายถึงลูกของไก่…”
“อึ อึก เอาสัตว์เข้ามาในห้องครัวได้ยังไง! นกที่เข้ามาในครัวได้ มีแค่นกที่ตายแล้วกับพายเบิร์ด[1]เท่านั้น! เดี๋ยวสิ ไอ้นกบ้านี่!”
ในขณะเดียวกัน เจ้านกก็ขับไล่อีกฝ่ายอย่างรุนแรงมากขึ้น
ไม่รู้ทำไมเจ้าตัวจิ๋วนี่ถึงแรงเยอะแล้วก็ปราดเปรียวแบบนั้น หัวหน้าคนครัววัยกลางคนผู้บึกบึนเองก็หมดหนทางสู้
อาเซียถอยห่างออกมาหนึ่งก้าวแล้วทอดสายตามองหัวหน้าคนครัวด้วยสีหน้าเห็นใจ ราวกับกำลังมองดูเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเอง
หลังจากได้ผลแพ้ชนะศึกตอนกลางดึกหนึ่งยก หัวหน้าคนครัวก็หายใจหอบแฮ่กๆ ด้วยสีหน้าเหมือนขาดแคลนออกซิเจน
เจ้านกบินวนรอบๆ หนึ่งรอบเสียยกใหญ่แล้วลงมาเกาะบนหัวของเธอราวกับไม่รู้เลยว่าตัวเองก่อความวุ่นวาย
สายตาของหัวหน้าคนครัวที่เหมือนจะจับเจ้านกมาย่างกิน ทำให้อาเซียรีบโบกมือ
“ฉะ… ฉันไม่ได้พามาจริงๆ นะ”
คำพูดของอาเซียทำให้หัวหน้าคนครัวเขม้นมองเธอทั้งที่ยังหายใจฟืดฟาด
“แล้วจะบอกว่าไอ้ตัวที่อยู่บนหัวเธอไม่ใช่นกแต่เป็นวิญญาณหรือไง รีบพามันออกไปซะ ก่อนที่ฉันจะจับมาทำนกตุ๋น!”
หัวหน้าคนครัวทายคำตอบถูกโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ไม่รับรู้เรื่องนั้น และในวินาทีที่อาเซียเองก็ไม่สามารถบอกว่า ‘ถูกต้อง’ ได้ เจ้านกก็บินพุ่งเข้าไปหาหัวหน้าคนครัวอีกครั้ง
อาเซียได้แต่ยืนมองศึกยกที่สองของหัวหน้าคนครัวและเจ้านกอยู่ไกลๆ
หัวหน้าคนครัวดิ้นรน เหวี่ยงหมัดไปกลางอากาศ และในวินาทีก่อนที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นลม
ไม่รู้ทำไม เจ้านกที่มีใบหน้าเหิมเกริมจึงทอดสายตามองดูหัวหน้าคนครัวราวกับตกใจ ชายวัยกลางคนพิงตัวกับเคาน์เตอร์แล้วทำเพียงหอบหายใจถี่ เจ้านกบินวนรอบหัวของเธอเหมือนเมื่อสักครู่
อาเซียตวัดดวงตาสีเขียวอ่อนไปมอง
“…ถ้าให้อบขนมแค่ครั้งเดียว ฉันจะกลับไปแต่โดยดี”
“ทำขนมในห้องครัวของฉันเนี่ยนะ พูดอะไรไม่เข้า…”
หัวหน้าคนครัวกำลังจะตะโกนแว้ดออกมาว่าไม่ได้ แต่แล้วก็รีบปิดปากเงียบไปอย่างรวดเร็ว น่าจะเป็นเพราะเจ้านกร้องดัง จิ๊บบบ ขึ้นมาอีกครั้ง
“…แค่ครั้งเดียวนะ ต้องให้นกตัวนั้นอยู่อย่างสงบเสงี่ยม แล้วทำให้ห้องครัวสะอาดเอี่ยมก่อนกลับไปด้วย!”
“ฉันก็จะไม่กลับมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองหรอกน่า”
อาเซียตอบหัวหน้าคนครัวอย่างเฉยชา จากนั้นก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางชั้นเหนือเคาน์เตอร์
“ถ้างั้นเอาตาชั่งออกมาให้หน่อย”
หัวหน้าคนครัวพาเวลล์กัดริมฝีปากแล้วจึงพูดขึ้นว่า ถ้ามีขนมที่อยากทำถึงขนาดนั้นจริงๆ ก็จะบอกวิธีทำให้
แต่คำตอบของเด็กหญิงผู้มีเส้นผมสีลูกพีชทิ้งตัวยาวดูอ่อนนุ่มกลับหลักแหลมเสียเหลือเกิน
“พาเวลล์บอกว่าไม่ทำพวกขนมนี่ แล้วรู้วิธีทำด้วยเหรอ”
“…”
จากนั้นอาเซียก็ขอให้เขาช่วยเตรียมน้ำเดือดให้ พูดอีกอย่างก็คือปฏิบัติตัวกับเขาอย่างกับเขาเป็นคนรับใช้
น่าจะอายุไม่ถึงสิบปีดีด้วยซ้ำ แต่ท่าทางการพูดช่างดูฉะฉานเสียจริง
“อ๊ะ… เปลือกไข่ติดลงไปด้วย”
ถึงแม้ว่านิ้วมือจะคล่องแคล่วน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดก็เถอะ
พาเวลล์จิ๊ปาก
ดูเหมือนพอได้ตอกไข่ใส่ลงไปด้วยมือเล็กจิ๋วนั้น เศษเปลือกไข่ก็เลยหล่นลงไปด้วย
“…ส่วนของไข่ให้ฉันทำเถอะ”
คำพูดราวกับบอกว่า ‘กะแล้ว’ ของพาเวลล์ทำให้เด็กหญิงทำปากยื่น แต่ก็ค่อยๆ ยื่นโถให้
พาเวลล์ขยับมือตอกไข่ใส่ลงไปเพิ่มอีกสามฟองอย่างเชี่ยวชาญ
“จะทำอะไรน่ะ”
“อืม ก็พวกเค้กช็อกโกแลต เอาน้ำร้อนใส่ชามอีกใบให้หน่อยสิ”
“ช็อกโกแลตเหรอ ช็อกโกแลตคืออะไร”
เด็กหญิงคงเพิ่งเคยเห็นตะกร้อมือเป็นครั้งแรก เธอจึงกำมันพร้อมกับพูดว่า “ไอ้เจ้ามัดกิ่งไม้นี่มันอะไรเนี่ย!” ด้วยความตกใจ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าตกใจยิ่งกว่าเดิม
“อันนั้นไงช็อกโกแลต พาเวลล์ไม่รู้เหรอว่าห้องครัวตัวเองมีอะไรอยู่บ้าง”
“ยัยเด็กจิ๋วคนนี้นี่…”
พาเวลล์หน้าขึ้นสี แต่แทนที่จะโกรธ เขากลับหยิบสิ่งที่หน้าตาเหมือนก้อนอิฐขนาดเท่าท่อนแขนที่เด็กหญิงชี้ขึ้นมาแทน
เขารู้อยู่แล้วว่านี่คืออะไร ถึงแม้ว่าจะลืมมาจนถึงตอนนี้ว่าในครัวแห่งนี้มีอะไรอยู่บ้างก็เถอะ
มันคือสิ่งที่บารอนเนส[2]ซารัตโต้นำมาถวายแด่พระจักรพรรดิ แต่รสชาติขมมากเกินไป จึงเป็นวัตถุดิบทำอาหารที่ถูกปล่อยทิ้งขว้างมาจนถึงตอนนี้
เขาเคยได้ยินว่าผู้คนทางตอนใต้นำมันมาบดแล้วชงดื่มกับน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง แต่ชาสีขุ่นๆ ก็ไม่ใช่แบบที่เขาชอบ
ทว่าเขาก็ไม่อาจทิ้งสิ่งที่มีคนนำมาถวายได้อยู่ดี
“เธอบอกว่าจะใช้ไอ้ของขมๆ นี่น่ะเหรอ”
“…มันขมเหรอ”
เด็กหญิงคงตกใจมากจึงทำตาโต ดวงตาสีเขียวราวยอดอ่อนต้นไม้ของเธอกะพริบปริบๆ จากนั้นเธอก็บิสิ่งที่อยู่ในมือของเขาเข้าปาก
ใบหน้าเหยเกในชั่วพริบตา
“แหวะ”
“เห็นไหมล่ะ บอกแล้วว่าขม! ฮ่าๆ นี่ล่ะรสชาติของชีวิต เข้าใจหรือยัง ยัยหนูตัวกะเปี๊ยก”
อุตส่าห์พูดขู่ไปเต็มที่ แต่เด็กหญิงก็ยังพูดขึ้นอย่างไม่สนใจ
“จะเอาน้ำร้อนมาให้เมื่อไหร่”
“ยัยเด็กจิ๋วนี่จริงๆ เลย!”
พาเวลล์อยากจะมะเหงกสักทีแต่ก็อดกลั้นไม่ส่งเสียงระบายความอึดอัดออกมา
เขาไม่คิดว่าวันหนึ่งจะต้องมาเป็นเพื่อนเล่นหม้อข้าวหม้อแกงกับเด็กน้อยแบบนี้
ไม่รู้ว่าเป็นดวงวิญญาณหรือนกบ้า…
ลูกเจี๊ยบสีเหลืองที่เกาะอยู่บนไหล่ของเด็กหญิงกำลังเขม้นมองเขาด้วยดวงตาดำขลับอย่างข่มขู่
เด็กหญิงพูดจ้อยๆ โดยไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาเลย
“นี่ เอาช็อกโกแลตอันนั้นสองร้อยยี่สิบรอสโซ่ กับเนยสองร้อยยี่สิบรอสโซ่ไปตุ๋นให้หน่อยสิ แล้วก็…”
เด็กหญิงหยุดพูดครู่หนึ่งแล้วจึงส่ายหน้าพึ่บพั่บ
จุดที่สายตาของเธอมองไปคือทางที่มีเหยือกสีขาวแช่อยู่ในน้ำแข็ง
“ใส่ครีมด้วย อืม ครีมห้าสิบรอสโซ่”
“…หืม ใส่ช็อกโกแลตกับเนยแล้วก็ไข่ในปริมาณเท่ากันสินะ”
“ถูกต้อง!”
เด็กหญิงร่ายสูตรที่ฟังดูเข้าท่าพอสมควรออกมายาวเหยียด ต่างกับที่เคยคิดว่าเป็นการเล่นสนุกของเด็กน้อย พาเวลล์เกิดความสนใจขึ้นมาเล็กน้อย
เด็กหญิงเทช็อกโกแลตที่เขาตุ๋นให้ในระหว่างนั้นลงในเอ้กวอช[3] แล้วเริ่มคนมันด้วยทัพพีช้าๆ
ของเหลวนั้นข้นหนืด ทั้งยังมีปริมาณมากพอควร การใช้แขนของเด็กตัวเล็กๆ จึงดูเกินกำลังมากไป
พาเวลล์ตัดสินใจหยิบยื่นความช่วยเหลือ
“ส่งมา เดี๋ยวฉันทำให้”
“ไม่เอา ฉันจะทำเอง ลุงน่ะไปเอาแป้งมาเถอะ”
“ละ ลุงงั้นเหรอ”
“แป้งสาลีหกสิบรอสโซ่ ถ้ามีแป้งสาลีสำหรับใช้ทำขนมแยกต่างหากก็น่าจะดีนะ”
“ที่นี่ที่ไหนล่ะ มีอยู่แล้ว!”
แป้งที่ร่อนแล้วถูกเทลงไปในส่วนผสมของเหลวของเด็กหญิง เมื่อค่อยๆ ผสมมันเข้าด้วยกัน แบทเทอร์[4]ข้นๆ ของเค้กก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยในเวลาไม่นาน
“เสร็จ… อ๊า ลืมวอร์มเตาอบไปซะสนิทเลย”
“เตาอบในครัวของฉันดูเหมือนไม่ร้อนอยู่หรือไง”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิของเขาทำให้เด็กหญิงทำตาโต จากนั้นเธอก็วิ่งไปยังเตาอบที่เขาพยักเพยิดให้
เด็กหญิงตรวจดูเตาอบที่อยู่ชิดผนังเพื่อเช็กอะไรหลายๆ อย่างแล้วหันมามองเขา
“ว้าว อันนี้ปรับอุณหภูมิได้ไหม”
คำถามนั้นไร้เดียงสามากเสียจนพาเวลล์ชะงักไปเล็กน้อย
เด็กหญิงที่เหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยๆ ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่มาตลอด แต่ตอนนี้กลับมีวิธีการพูดเหมือนทำให้เขาต้องมนตร์
“อันนี้ใช้งานยังไง ไม่เห็นมีช่องให้ใส่ฟืนเลย”
“ฟืนงั้นเหรอ เธอเป็นคนยุคโอโตรปหรือไงเนี่ย”
พระราชอาณาจักรโอโตรปคืออาณาจักรที่เคยยึดครองดินแดนที่อาณาจักรนี้ตั้งอยู่เมื่อประมาณพันปีก่อน แน่นอนว่าตอนนี้ล่มสลายและหายไปนานมากแล้ว
“มันทำงานโดยใช้ความร้อนจากหินเวทมนตร์ เราใช้ผงหินเวทมนตร์ที่ถูกทำให้บริสุทธิ์เป็นเชื้อเพลิงแล้วทำให้มันเกิดกระแสความร้อน… ไม่สิ บอกแล้วจะเข้าใจเหรอ ยังไงก็เถอะ มันต้องปรับอุณภูมิได้อยู่แล้ว!”
“แบบพวกรังสีความร้อนน่ะเหรอ”
เด็กหญิงพึมพำ
พาเวลล์ชะงักไปอีกครั้งเพราะคิดว่าหรือว่าจะเข้าใจคำพูดของเขาจริงๆ แต่เด็กหญิงก็เปลี่ยนเรื่องไปอธิบายเกี่ยวกับถ้วยที่จะใช้อบขนมอย่างรวดเร็ว
พาเวลล์นิ่วหน้ากับคำขอที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมั่นใจของเด็กหญิง ที่ขอให้เอาถ้วยใบเล็กขนาดเท่าหนึ่งกำปั้นผู้ใหญ่มาให้ แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังเอาถ้วยเซรามิคสีขาวออกมาห้าหกใบ
ปริมาณของแบทเทอร์เยอะมากกว่าที่คิด ถึงแม้จะเทใส่ถ้วยเซรามิครูปร่างเดียวกันจนเต็มหกใบแล้วก็ยังเหลืออยู่นิดหน่อย
“พาเวลล์ บอกว่าไม่อบขนมใช่ไหม ถ้างั้นอบขนมปังหรือเปล่า”
“ฉันทำทุกอย่างที่องค์รัชทายาททรงเอาเข้าปาก”
“ทั้งที่ไม่อบขนมน่ะนะ”
“ก็นั่นมันไม่ใช่งานของฉัน!”
“งั้นเหรอ ถ้างั้นช่วยปรับให้อุณหภูมิเดียวกันกับขนมปังปอนด์หน่อย”
การพูดไปคนละทิศคนละทางของเด็กหญิงทำให้พาเวลล์คิดว่าความภาคภูมิใจของตนเองแตกเป็นเสี่ยงๆ อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อครู่ แต่เขาก็ไม่สามารถจับเด็กน้อยตัวจิ๋วให้อยู่นิ่งๆ เหมือนจับหนูได้
พาเวลล์ปรับเป็นอุณหภูมิที่ใช้อบขนมปังปอนด์เงียบๆ
“เอาอันนี้ใส่เตาให้หน่อย แปดนาที!”
พาเวลล์ทำท่ากำหมัดแน่น แต่ก็เอาถ้วยเซรามิคขึ้นวางบนถาดแล้วยกมันเข้าไปในเตา จากนั้นจึงตั้งนาฬิกาทรายติดกระดิ่งแจ้งเตือนซึ่งวางอยู่ข้างๆ เป็นเวลาแปดนาที
เด็กหญิงดูสนอกสนใจนาฬิกาทรายอันนั้น
“อันนี้? อันนี้ก็ทำงานด้วยหินเวทมนตร์เหรอ”
“แหงสิ เม็ดทรายจะไหลลงมาจนถึงเวลาที่ตั้งไว้เท่านั้น และเมื่อได้เวลาแล้ว กระดิ่งก็จะดัง…”
“ทำไมไม่ติดมันไว้ตรงเตาอบล่ะ”
“ทำไมต้องติดมันไว้ตรงเตาอบล่ะ”
[1] พายเบิร์ด (Pie Bird) เป็นอุปกรณ์เซรามิคที่ใช้เจาะกลางพายเวลาอบ เพื่อระบายไอน้ำไม่ให้ไส้แตกทะลัก ส่วนใหญ่เป็นรูปร่างนก
[2] บารอนเนส (Baroness) เป็นบรรดาศักดิ์หนึ่งในระบบขุนนาง อยู่ระดับล่างสุด หากเป็นบุรุษเรียกบารอน
[3] เอ้กวอช (Egg wash) ส่วนผสมระหว่างไข่ดิบและของเหลวเช่นนมหรือน้ำสะอาด
[4] แบทเทอร์ (Batter) เป็นส่วนผสมของวัตถุดิบทำขนมเช่นแป้ง ไข่ และนม มีลักษณะเหลวข้น