หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 111 นี่เจ้ายังไม่รู้สึกตัวหรือ ? (ต้น)
บทที่ 111 นี่เจ้ายังไม่รู้สึกตัวหรือ ? (ต้น)
หนี !
ชายหนุ่มฉลาดพอ ดังนั้นเขาจึงเข้าใจดีว่าหลังจากการปะทะ องค์หญิงเก้าจะต้องสูญเสียพลังจากการ ใช้ทักษะยุทธขั้นปฐพีเป็นแน่
เยี่ยฉวนไม่มัวรอช้า เขาใช้แขนสอดเข้าโอบเอวขององค์หญิงเก้าและพยุงนางขึ้นแบกบนหลังของตน ว่าแล้วชายหนุ่มก็รีบวิ่งออกไปจากสถานที่นั้นทันที
อีกครึ่งชั่วยามกับสองเค่อถัดมา ลานโล่งก็กลับคืนสู่ความสงบ
เป่ยเฉินยกมือข้างขวาซึ่งอาบโลหิตแดงฉานขึ้นมองนิ่ง ก่อนที่ทันใดนั้นนางจะขยับปลายเท้าแตะลงบนพื้นเพียงแผ่วเบา อาศัยแรงผลักส่งร่างทะยานออกไปในทิศทางเดียวกับที่เยี่ยฉวนและองค์หญิงหายลับไป
คู่ชายหญิงมองมาจากอีกด้านหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะรีบเร่งรุดติดตามพวกเขาไปทันที !
เป็นที่แน่ชัดแล้ว ว่าคนเหล่านี้ต่างก็รู้ถึงสถานการณ์ขององค์หญิงว่าอยู่ในภาวะสูญเสียพลัง การใช้ ทักษะยุทธ์ขั้นปฐพีทำให้ในเวลานี้พลังภายในของนางอ่อนกำลังลงอย่างมาก ดังนั้น นี่นับเป็นโอกาสที่พวกเขา ควรฉกฉวย !
คัมภีร์ยุทธชั้นยอดขั้นปฐพี !
คัมภีร์ยุทธเปรียบได้กับสมบัติที่จะตกทอดสู่ลูกหลานของเหล่าชนชั้นสูงและผู้มีอำนาจ ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยการครอบครองคัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพี นี่จะยิ่งเสริมความกล้าแกร่งด้านพลังให้กับตระกูลหรือค่ายพรรคของพวกเขามากยิ่งขึ้น
ผู้ที่มีพลังปราณในขั้นทัดเทียมกัน การตัดสินชนะหรือแพ้ขึ้นอยู่กับทักษะยุทธ์และของล้ำค่า !
นอกจากเป่ยเฉินและคนอื่น ๆ หลังจากที่เยี่ยฉวนและองค์หญิงเก้าหลบหนีออกมาแล้ว ก็ยังมีอีกหลายคนติดตามมายังสถานที่นั้นด้วย เป็นเพราะเสียงการปะทะที่พวกเขาได้ยิน…
เยี่ยฉวนเร่งฝีเท้าวิ่งโดยแบกองค์หญิงเก้าไว้บนหลัง เขาไม่ได้วิ่งเข้าหาจุดหมายที่ภูเขาเขตแดน หากแต่กลับมุ่งไปที่ยังพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยเทือกเขาใหญ่น้อย
เวลานี้ชายหนุ่มจำไม่ได้แล้วว่าตนเองนั้นวิ่งมาไกลเท่าใด เมื่อมาถึงบริเวณน้ำตกธรรมชาติที่ตนและ องค์หญิงเก้าเคยมา
ความกว้างของสายน้ำมีหลายจั้งนัก และน้ำเองก็ไหลแรงเชี่ยวกรากยิ่ง
เยี่ยฉวนนิ่งมองครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจวางร่างขององค์หญิงลงบนพื้น ก่อนจะก้มลงถอดรองเท้าของตนเองและเดินเขย่งปลายเท้าออกไปอีกด้าน ไม่นานก็วิ่งกลับมา เมื่อย้อนกลับมา เขาก็ทำการเดินเขย่งปลายเท้าเช่น เดิม การที่ทำเช่นนี้เพื่อไม่ให้ปรากฏรอยเท้าทิ้งไว้เบื้องหลังนั่นเอง
ชายหนุ่มสังเกตพื้นที่โดยรอบแล้วก้มลงอุ้มองค์หญิงเก้าขึ้นมา ก่อนจะเดินตรงไปยังโพรงถ้ำหลังน้ำตก
โพรงถ้ำขนาดเล็กนี้อยู่ชิดริมน้ำตก หากมองจากด้านหน้า จะสังเกตเห็นโพรงถ้ำได้ยากเพราะมีสายน้ำของน้ำตกพรางตา เยี่ยฉวนอุ้มองค์หญิงไว้ในอ้อมแขนก่อนพาเข้าไปหลบซ่อนในโพรง ซึ่งมีพื้นที่เล็ก ๆ ค่อนข้างคับแคบสำหรับคนสองคน
ผ่านไปราวหนึ่งเค่อ เยี่ยฉวนพลันพบว่ามีเสียงลมปะทะดังอยู่ภายนอก !
ชายหนุ่มตัวเย็นวาบ เขาเตรียมพร้อมระวังตัวอย่างเต็มที่ กระบี่หลิงเซี่ยวในกายเตรียมพร้อมรับการ ปะทะได้ทุกเมื่อ !
ทว่าเขากลับได้ยินเสียงคนกลุ่มนั้นย้อนกลับมาและจากไป
เมื่อเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มจึงผ่อนลมหายใจคลายความวิตก ! เขาก้มลงมององค์หญิงเก้าในอ้อมแขน เวลานี้นางผิวพรรณซีดเซียว ที่มุมปากปรากฏคราบโลหิตไหลซึม ท่าทีของนางอ่อนพลังอย่างเห็นได้ชัด ยามนี้ คงไม่อาจต่อสู้กับใครได้ทั้งสิ้น !
เยี่ยฉวนทอดถอนใจพร้อมกับรำพึงเบา ๆ
“นางช่างทรหดโดยแท้ ถึงขนาดใช้ทักษะยุทธ์ขั้นปฐพีออกมาได้ !”
“ฉลาด !”
องค์หญิงเก้าทรงเปิดเปลือกตาขึ้นฉับพลัน “เจ้าไม่ได้มุ่งไปที่เมืองชายแดน !”
ชายหนุ่มสั่นศีรษะ “ข้าจะกล้าไปเมืองชายแดนได้อย่างไร พ่ะย่ะค่ะ ?
เป็นใครก็ย่อมรู้ว่าที่นั่นเป็นที่ตั้งกองทหารแห่งองค์หญิงเก้า หากไปที่นั่น เขาคงจะมีแต่ตายกับตาย
องค์หญิงตรัสเร็ว “การฟื้นคืนพลังต้องใช้เวลาสองวัน !”
สองวัน !
ได้ยินเช่นนั้นก็ทำเอาเยี่ยฉวนใจหายวูบ “ตั้งสองวัน ! ถ้าพวกมันหาเราไม่พบก็คงไม่เป็นอะไร แต่ถ้าเมื่อไรที่พวกมันพบพวกเราล่ะก็ ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ !”
ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของบรรยากาศภายในโพรงถ้ำ
ทั้งสองอยู่ในสภาพเนื้อตัวเปียกปอนเพราะเยี่ยฉวนต้องพานางฝ่าน้ำตกจึงเข้ามาถึงในโพรงได้ ดังนั้น องค์หญิงจึงเปียกไปทั้งตัวด้วยเช่นกัน เวลานี้ฉลองพระองค์ที่สวมใส่อยู่ได้เปียกโชกไปหมด และด้วยเนื้อผ้าที่ ชุ่มน้ำ มันจึงแนบกับพระวรกายจนเผยให้เห็นทรวดทรงองค์เอวน่าเย้ายวนใจ
ทั้งตอนนี้ร่างยังอิงอยู่ในอ้อมแขน ทำให้ด้านหลังของพระวรกายสัมผัสโดยตรงกับส่วนที่ไวต่อความรู้สึกมากที่สุดของชายหนุ่มอย่างช่วยไม่ได้ ส่งผลให้เขามีสีหน้าเก้อเขินอย่างเห็นได้ชัด
เยี่ยฉวนพยายามเบี่ยงออกเพื่อมิให้ส่วนหลังของนางสัมผัสกับตนเอง แต่ยิ่งเคลื่อนไหวกลับยิ่งทำให้ สถานการณ์ย่ำแย่ลงกว่าเดิม !
ในที่สุดผิวเนื้ออ่อนนุ่มก็ได้แนบชิดกับส่วนที่ไวต่อความรู้สึกของเขาเสียแล้ว ยิ่งเคลื่อนไหว ยิ่งสัมผัส
มันก็ยิ่งทำให้ส่วนที่ไวต่อความรู้สึกเกิดปฏิกิริยาอย่างชัดเจน !
สถานการณ์ภายในโพรงช่างชวนอับอายยิ่งนัก !
องค์หญิงจ้องหน้าเยี่ยฉวน แววตากร้าวดุดัน ชายหนุ่มรู้สึกชาวาบตลอดร่าง
เยี่ยฉวนหน้าแหย “ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
ถ้าให้ความเป็นธรรม อันที่จริงจะว่าไม่ได้ตั้งใจอาจไม่ตรงนัก ยังไงเสียชายหนุ่มก็ไม่สามารถควบคุม ส่วนที่ไวต่อความรู้สึกของร่างกายได้
แม้จะเป็นผู้ฝึกกระบี่ แต่เขาก็เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ซ้ำร้ายเยี่ยฉวนเองก็ไม่เคยสัมผัสเนื้อต้องตัวสตรีเช่นนี้มากก่อน
ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายจากการใกล้ชิดสตรี หากไม่ตอบสนองต่างหากจึงถือว่าผิดปกติ
องค์หญิงนิ่งเงียบ ก่อนจะหลับตาลงอย่างอ่อนใจ
ไม่นานภายในโพรงก็กลับมาเงียบสนิท จวบจนหนึ่งชั่วยามผ่านไป ตอนนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว ดังนั้น เยี่ยฉวนจึงแบกองค์หญิงออกจากโพรงถ้ำใต้น้ำตกที่แสนจะคับแคบ เขาพานางออกวิ่งตรงไปยังตำหนัก จ้าวกระบี่ !
บางครั้งที่อันตรายที่สุด กลับเป็นที่ปลอดภัยที่สุด
แม้ว่ารอบข้างจะมืดสนิท แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อชายหนุ่มที่แบกองค์หญิงวิ่งฝ่าในความมืดแม้แต่น้อย เพราะเมื่อครั้งที่อาศัยอยู่ที่เมืองชิง ส่วนใหญ่เขาก็มักจะใช้ชีวิตท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรเกือบตลอด เวลาอยู่แล้ว
ราวครึ่งชั่วยามให้หลัง พวกเขาจึงมาถึงยังตำหนักนั่นอีกครั้ง เยี่ยฉวนไม่พาองค์หญิงเข้าไปที่ตำหนักในทันที หากแต่พาอ้อมไปยังกระท่อมไม้ไผ่ด้านหลังตำแหนักแทน
สภาพภายในกระท่อมข้าวของถูกขโมยจนหมดสิ้น เหลือเพียงโต๊ะและม้านั่งไม่กี่ตัวเท่านั้น
เยี่ยฉวนบรรจงวางร่างของนางลงบนแคร่ไม้ไผ่ ก่อนจะถอดผ้าคลุมของตนออกห่มให้หญิงสาวอีกผืน “ท่านพักผ่อนให้สบาย เดี๋ยวข้าจะออกไปคอยเฝ้ายามข้างนอก”
จากนั้นจึงหันหลังกลับออกไปนอกกระท่อม
องค์หญิงนอนลืมตามองตามหลัง ทว่ามิได้เอื้อนเอ่ยคำพูดใด