หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 117 ปรมาจารย์ผู้คอยช่วยเหลือ ! (ต้น)
บทที่ 117 ปรมาจารย์ผู้คอยช่วยเหลือ ! (ต้น)
“ข้าเชื่อมั่นในตัวเขา !”
อันหลานซิ่วพูดเสียงอ่อนโยนทว่าหนักแน่น
องค์หญิงเก้าเอนพระวรกายพิงกำแพง เสียงที่ตรัสเบาจนเกือบเป็นกระซิบ “เด็กน้อย เจ้ากับข้าเรามา พนันกันไหม ?”
อีกฝ่ายหันมาสบเนตร องค์หญิงจึงสำทับมาอีกว่า “พวกเรามาพนันกันว่า แท้จริงแล้วเขาเป็นคนเช่นไร ถ้าใช่ตามที่ข้าบอก เด็กน้อย เจ้าจะต้องอยู่ช่วยข้าที่นี่เป็นเวลาหนึ่งปี พ้นจากหนึ่งปีเจ้าจะไปไหนก็แล้วแต่เจ้า”
อันหลานซิ่วถามกลับโดยเร็ว “แต่ถ้าเขาไม่เล่าเพคะ ?”
อีกฝ่ายตรัสยิ้ม ๆ “ถ้าเป็นเช่นนั้นแสดงว่าข้าเข้าใจผิดไปเอง ข้าจะยอมขอโทษต่อหน้าเขาและจะมอบ ดาบทองคำให้เป็นการปลอบใจ !”
“ประทานดาบทองคำแก่เขา !”
เมื่อได้ยินดังนั้นอันหลานซิ่วก็ถึงกับตะลึงงันไป
องค์หญิงเชิดริมฝีปากอย่างมาดมั่น แววตาชนิดหนึ่งจุดประกายวาบ “ทำไม ? เจ้าอิจฉาอยากได้ ไปครองเองหรือ ?”
“โดยปกติแล้วข้าไม่ใช่คนขี้อิจฉาเพคะ !”
คู่สนทนานิ่งอึ้ง “…”
ณ กลางหุบเขา
เยี่ยฉวนยังคงวิ่งสุดฝีเท้า เป้าหมายของชายหนุ่มในเวลานี้คือเมืองชายแดน ซึ่งเป็นฐานกำลังแห่งแคว้นเจียง เขาต้องไปถึงที่นั่นให้เร็วที่สุด เพราะที่นั่น ต่อให้เป็นคนสำคัญใหญ่โตก็คงจะไม่กล้ากระทำการฝ่าฝืนกฎ โดยปราศจากความชอบธรรม !
เพียงไม่นาน ชายหนุ่มก็มาถึงชายป่า เมื่อออกจากจุดนี้ไปก็จะมองเห็นเมืองชายแดนแล้ว !
เยี่ยฉวนเผลอยิ้มกับตนเอง ความหวังเต็มเปี่ยม ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ทว่าทันใดนั้น จู่ ๆ กลับ ปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งเป็นชายวัยกลางคนขวางไว้
ชายหนุ่มหยุดชะงักยืนนิ่งอยู่กับที่ !
ชายผู้นั้นสวมผ้าคลุมสีขาวดูโอ่อ่างดงาม เส้นผมยาวประบ่า เขายืนมือไพล่หลังสายตามองนิ่งมาที่ เยี่ยฉวน “ส่งสิ่งนั้นมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า !”
เยี่ยฉวนสีหน้าสลด “คนผู้นี้คงจะเป็นคนสำคัญจากเบื้องบนที่ว่า !”
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าชายหนุ่มคงต้องส่งคัมภีร์ยุทธขั้นปฐพีเล่มนี้ออกไปเป็นแน่ !
แต่ทว่ามือขวาของเขากลับค่อย ๆ กำเข้าหากันอย่างช้า ๆ เห็นดังนั้น พลันปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นที่มุมปากของคนตรงหน้า “เจ้าต้องการสู้อย่างนั้นหรือ ?”
เยี่ยฉวนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ถึงแม้ว่าข้าจะมอบสิ่งนั้นให้แก่ท่าน ท่านก็คงไม่ปล่อยข้าไปอยู่ดี อย่างไรเสียท่านต้องสังหารข้าเพื่อปิดปาก ไม่ใช่หรือ ?”
คนตรงหน้าหัวเราะเบา ๆ “เจ้าฉลาดดี แต่ถ้าไม่ส่งให้ข้า เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้าเพื่อชิง คัมภีร์อย่างนั้นหรือ ?”
กล่าวจบฝ่ายนั้นพลันตั้งท่าจะเข้ามากระทำดังที่ปากว่า ทว่าโดยไม่คาดฝัน เยี่ยฉวนกลับยิ้มออกมา “เจ้าคิดว่าข้าจะโง่พอนำคัมภีร์ติดตัวมาด้วยหรือ ?”
ชายหนุ่มพูดตอกหน้า ชายกลางคนนิ่วหน้าอย่างขัดเคือง “ข้านับถือในความฉลาดหลักแหลมของเจ้า จริง ๆ แต่ช่างเถิด เมื่อจับเจ้าไว้ได้ ข้าก็มีวิธีมากมายทำให้เจ้าคายที่ซ่อนคัมภีร์ออกมาให้จงได้ !”
พูดจบ ชายผู้นั้นพลันยกเท้าก้าวเข้าหาหนึ่งก้าว
การก้าวเท้าครั้งนั้น แม้เพียงครั้งเดียว แต่มันกลับทำให้พื้นดินเบื้องหน้าปริแยกออกจากกัน รอยร้าวบนพื้นดินยาวไล่เรื่อยจวบจนถึงตัวเยี่ยฉวนอย่างรวดเร็ว !
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นพลันสีหน้าเปลี่ยนวูบ ด้วยสถานการณ์คับขัน ดังนั้นเขาจึงออกหมัดพุ่งสวนออกไปตามสัญชาตญาณ
เยี่ยฉวนผลักหมัดออกอย่างเต็มแรง !
ชายกลางคนเบื้องหน้าผู้นี้อย่างน้อยน่าจะอยู่ขั้นสันโดษ ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงไม่กล้าประมาทกับคนที่ขั้น พลังสูงกว่าตนเอง !
หนึ่งหมัดนั้นของชายหนุ่มผสานไปด้วยแรงผลักดันแห่งพลังทลายภูผาและพลังแห่งเคล็ดวิชาต่อสู้
ผัวะ !
เสียงแรงปะทะกับวัตถุที่หนักแน่น ร่างทั้งร่างของเยี่ยฉวนกระเด็นออกไปหลายจั้ง
ร่างหล่นกระแทกพื้นเต็มแรง ชายหนุ่มค่อยลุกขึ้นช้า ๆ แขนขวาปวดรวดร้าวจนสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม
ชายกลางคนหรี่ตามองอย่างสำรวจ “ร่างกายของเจ้าแข็งแกร่งยิ่ง ไม่งั้นคงไม่สามารถต้านทานกระบวนท่าของข้าเมื่อครู่ได้ ข้าคงดูเบาเจ้าเกินไป !”
สิ้นเสียงพูดของชายกลางคน เขาพลันยกขาขวากระทืบลงบนพื้นดิน ทำให้ก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นใต้ ฝ่าเท้ากระดอนออกจากที่พุ่งเข้าหาเยี่ยฉวนราวกับฝูงค้างคาวที่พากันบินพรึ่บพรั่บออกจากนรก บังเกิดเสียง จากก้อนหินที่พุ่งแหวกอากาศเข้าหาอย่างรวดเร็ว !
ฟากตรงข้ามกับชายกลางคน รูม่านตาของเยี่ยฉวนหรี่ลงขณะจับตามองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขากาง ฝ่ามือยื่นออกไปข้างหน้า ก่อนจะปรากฏกระบี่ขึ้นในมือ ฉับพลันลำแสงแห่งกระบี่ก็ส่งให้แสงสว่างเจิดจ้าไปทั่ว ลานกว้าง
ฟู่ !
เสียงครางกระหึ่มดังมาจากกระบี่ ทันใดก้อนหินที่พุ่งเข้ามาปะทะก็พลันแตกกระจาย ลำแสงแห่งกระบี่สว่างวาบพุ่งต่อไปยังร่างของชายกลางคน
ชายกลางคนทำเสียงฟึดฟัด เขาสะบัดแขนเสื้อออกปะทะ
ตู้ม !
ทันทีที่ปะทะ แสงแห่งกระบี่ระเบิดแตกกระจาย ส่งให้ร่างของเยี่ยฉวนกระเด็นไปไกลหลายจั้ง !
ฝ่ายตรงข้ามชำเลืองมอง “เจ้าเป็นทั้งผู้ฝึกกระบี่และผู้ใช้เคล็ดต่อสู้ อีกทั้งยังมีทักษะยุทธ์ชั้นเลิศ !”
จากนั้นชายวัยกลางคนพลันหันไปมองรอบกาย “ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่มีคนคอยช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นคง เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวจนถึงตอนนี้ !”
ชายกลางคนค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเยี่ยฉวน
เห็นได้ชัดว่าเขาเองยังนึกเกรงอยู่ไม่น้อยว่าจะมีใครเบื้องหลังออกมาช่วยชายหนุ่ม ด้วยเหตุนี้ช่วงแรก เริ่มจึงยังคงลังเลที่จะจู่โจมเยี่ยฉวน เหล่ายอดคนและอัจฉริยะอาจปรากฏกายพร้อมอำนาจควบคุมที่อยู่เบื้อง หลัง ทว่าตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายต้องไม่มีอย่างแน่นอน ! ด้วยเป็นไปได้ที่จะไม่มีเสียงตอบรับจากอำนาจ เบื้องบนหลังจากที่ชายหนุ่มตกอยู่ในภาวะคับขันเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้เอง ชายวัยกลางคนจึงยิ่งมั่นใจว่าเยี่ยฉวน เป็นเพียงผู้ฝึกกำลังภายในไร้ที่พึ่งเท่านั้น
ในเมื่อเยี่ยฉวนเป็นเพียงผู้ฝึกกำลังภายในไร้ที่พึ่ง หัวเดียวกระเทียมลีบ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงคุณธรรมแต่อย่างใดอีกต่อไป !
สายตาของเยี่ยฉวนจับจ้องไปยังร่างชายกลางคนที่ก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นทุกขณะ ทันทีที่คนผู้นั้นเข้ามาจน ได้ระยะ ชายหนุ่มพลันดีดตัวขึ้นจากพื้นอย่างว่องไว
เมื่อเห็นเยี่ยฉวนออกท่าเตรียมปะทะ ชายกลางคนจึงแสยะยิ้มเย้ยหยัน “ขั้นพลังของเจ้าหนุ่มนั่นเพียง ขั้นผสมลมปราณ ห่างชั้นถึงสองขั้น คิดจะเอาชนะข้าได้อย่างนั้นหรือ ?”
เมื่อคิดเช่นนั้น ชายวัยกลางคนจึงเริ่มประมาท ด้วยมั่นใจว่าผลลัพธ์คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ก็ เป็นเพราะช่องว่างระหว่างขั้นพลังของทั้งสองนั้นนับว่าห่างกันมาก !
ในตอนนั้น อุ้งมือซ้ายของเยี่ยฉวนปรากฏกระบี่ขึ้นอีกเล่ม ชายหนุ่มยกกระบี่ในมือสองข้างขยับเข้า ปะทะกันโดยแรง กระบี่ทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่ง !
“หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา !”