หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 124 ข้ายิ่งกว่ายากจนข้นแค้น ! (ปลาย)
บทที่ 124 ข้ายิ่งกว่ายากจนข้นแค้น ! (ปลาย)
สตรีที่ยืนบนแท่นกวาดตามองไปรอบบริเวณและคลี่ยิ้มกว้าง “สำหรับคืนวันนี้ มีสิ่งล้ำค่าทั้งสิ้นสามชิ้นที่นำออกประมูล ถึงแม้ว่าจะน้อยชิ้น หากแต่ล้วนเป็นสามชิ้นที่ไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวังอย่างแน่นอน !”
สิ้นเสียงของสตรีที่ชื่อซู่ชิง ก็ได้มีสตรีอีกนางหนึ่งเดินขึ้นมาบนแท่นกลม ในมือของนางมีกล่องสวยงาม ลวดลายวิจิตรใบหนึ่ง เจ้าตัววางลงบนโต๊ะกลมเบื้องหน้าสตรีชุดแดง ก่อนหันหลังเดินลงจากแท่นไป
ซู่ชิงเปิดฝากล่องใบนั้น เผยให้เห็นด้านในบรรจุเม็ดยาขนาดเท่าหัวแม่มือ
เมื่อมองเห็นยาสมุนไพรซึ่งบรรจุอยู่ภายในกล่อง เจียงจิ้วพลันสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ยาสะบั้นลม”
สายตาของเยี่ยฉวนยังจับจ้องอยู่ที่แท่นกลมตรงกลาง ซู่ชิงยิ้มน้อย ๆ “ยาสะบั้นลม แปดในสิบของผู้ใช้สามารถเพิ่มขั้นพลังฉีจากหลอมรวมลมปราณเป็นทะยานสวรรค์ นับเป็นเม็ดยาชนิดหายากยิ่งในแคว้นเจียง มูลค่าเริ่มต้นที่หนึ่งล้านเหรียญทองคำ ผู้เสนอราคาแต่ละครั้งควรสูงกว่าราคาก่อนหน้าอย่างน้อยสองแสนเหรียญทองคำ !”
ในห้องของผู้ชม หลังจากที่ได้ยินซู่ชิงประกาศ เยี่ยฉวนถึงกับมือไม้สั่น
“หนึ่งล้านเหรียญทองคำ ?”
ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ใครย่อมรู้ว่าเงินจำนวนมหาศาล นั้นอาจสูงกว่ารายได้ครึ่งปีของเมืองชิงเสียอีก ทว่าที่นี่กลับประมูลเม็ดยาด้วยมูลค่าเริ่มต้นที่หนึ่งล้านเหรียญ ทองคำ !
หนึ่งล้านเหรียญทองคำ ไร้ค่านักหรือ ?
คนนั่งข้าง เสียงเจียงจิ้วกระซิบถามว่า “มูลค่าน่าตกใจมากหรือ ?”
ชายหนุ่มพยักหน้ายอมรับ “กระหม่อมยอมรับว่าตกใจแทบสิ้นสติเลยพะย่ะค่ะ !”
เจียงจิ้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจและหัวเราะออกมาเบา ๆ “เจ้าไม่รู้หรือว่าโลกนี้ถูกควบคุมโดยกลุ่มคนที่ร่ำรวยเพียงไม่กี่คน ? พูดง่าย ๆ คนยากจนยังยากจนข้นแค้น ขณะที่คนร่ำรวยก็รวยล้นฟ้า”
เยี่ยฉวนเอื้อมมือคลำห่อเงินที่เอว พลางสั่นศีรษะ “กระหม่อมยิ่งกว่ายากจนข้นแค้น !”
องค์หญิงมีรอยยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก
ไม่ช้านาน เม็ดยาก็ได้ถูกประมูลไปในราคาถึงสามล้านหกแสน
“สามล้านหกแสนเหรียญทองคำ !”
เยี่ยฉวนยิ้มเศร้ากับตนเอง “ความยากไร้ช่างจำกัดจินตนาการของข้ายิ่งนัก”
ต่อมามีสตรีอีกนางเดินขึ้นมาบนยกพื้นกลมพร้อมกล่องใบหนึ่งวางลงบนโต๊ะ ซู่ชิงเปิดกล่องออกเช่น เคย ปรากฏมีดสั้นเล่มหนึ่ง ใบมีดบางเฉียบด้ามจับสีดำคล้ำ คาดว่าผนึกร่างเงาอสูรซึ่งไม่ชัดเจนนักเอาไว้
เสียงของหญิงสาวบนแท่นกลมประกาศพร้อมรอยยิ้ม “ชื่อของมีดสั้นล้ำค่านี้คือ ‘มัจจุราชอหังการ์’ จัด ว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณ ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงศาสตราวุธชนิดอื่น ย่อมเป็นที่รู้กันดีว่าใน แคว้นเจียง อานุภาพแห่งดาบสั้นเล่มนี้นั้นเป็นรองเพียงดาบทองคำขององค์หญิงเก้าเท่านั้น สิ่งล้ำค่าชิ้นประมูลด้วยมูลค่าเริ่มต้นสองล้านเหรียญทองคำ การเสนอราคาแต่ละครั้งควรสูงกว่าราคาก่อนหน้าอย่างน้อยสามแสนเหรียญทองคำ !”
“สองล้านเหรียญทองคำ ?”
ในห้องผู้ชม เยี่ยฉวนนึกสะดุ้งในใจเมื่อได้ยินเสียงสตรีขานมูลค่า เขาหันขวับมามองหน้าเจียงจิ้ว ขณะที่อีกฝ่ายยังคงทำหน้าตาเฉยยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ ไม่พูดอะไรด้วย
ชายหนุ่มจึงก้มมองดาบทองคำซึ่งเหน็บอยู่ที่ผ้ารัดเอว รอยยิ้มเศร้าผุดขึ้นริมฝีปาก “ช่างเป็นของล้ำค่า ยิ่งนัก !”
เจียงจิ้วยังนิ่งเงียบ
เยี่ยฉวนท่าทางลังเลบางอย่าง ในที่สุดจึงพูดออกไป “ขอบพระทัยพะย่ะค่ะ”
เจียงจิ้วได้ยินเสียงเยี่ยฉวน นางจึงหันมองมา “ถ้ายังขืนนำมาคืนให้กับข้าอีก ข้าจะตีเจ้าจนเละแน่”
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง รู้สึกอิ่มเอมใจยิ่ง
หญิงสาวเหลือบมองมาเห็นเข้าพอดี จึงส่ายเศียรอย่างระอา “เจ้าทึ่มเอ๊ย…”
ในเวลาไม่นาน มีดสั้นบนแท่นกลมก็ได้ถูกประมูลไปด้วยมูลค่าห้าล้านเหรียญทองคำ !
“ห้าล้านเหรียญทองคำ !”
ทันทีได้ยินเสียงขานบอกมูลค่าของสิ่งล้ำค่า ชายหนุ่มรู้สึกหัวใจเต้นรัวเร็วขึ้นมาจนแทบไม่เป็นจังหวะ !
“ห้าล้าน !”
โดยไม่ตั้งใจ สายตาของเขาพลันเหลือบลงมองดาบทองคำซึ่งเหน็บอยู่ที่เอว “ขายเสียดีไหม ?”
ที่จริงเขารำพึงกับตัวเอง ทว่าเจียงจิ้วเกิดได้ยินคำพูดนั้นเข้าพอดี เสียงข่มขู่จึงมาจากคนที่นั่งข้าง “ถ้า เจ้านำดาบไปขาย ข้าจะเจี๋ยนของรักเจ้าให้กุด แล้วส่งไปเป็นขันทีในวังหลวงเสีย !”
เยี่ยฉวนหุบปากทันควัน “…”
ขณะนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่บนแท่นกลม ซู่ชิงมองไปรอบ ๆ พลางยิ้มอีกครั้ง “ทุกท่านเจ้าคะ ต่อไปนี้ เป็นช่วงสำคัญที่สุดในค่ำคืนนี้”
สิ้นเสียงประกาศของซู่ชิง สตรีอีกคนปรากฏกายขึ้นมาบนแท่นกลมพร้อมกับกล่องเหล็กสีดำสนิท ภายในบรรจุจารึกอักขระโบราณสีดำเอาไว้
ขณะเดียวกันมีเสียงซู่ชิงพูดขึ้นว่า “คัมภีร์ยุทธ์ชั้นยอดขั้นปฐพี วิชาหัตถ์พญายม เป็นสุดยอดยุทธ์ขั้น ปฐพีแท้จริง หากฝึกโดยผู้กล้าแกร่งขั้นพลังหลอมรวมลมปราณ คนผู้นั้นสามารถเอาชนะผู้กล้าแกร่งในขั้น สันโดษได้โดยง่าย ถ้าฝึกโดยผู้กล้าแกร่งขั้นพลังสันโดษ ก็จะไร้ผู้ทัดเทียม และถ้าฝึกโดยผู้กล้าแกร่งที่มีพลัง เหนือกว่าขั้นสันโดษ นั่นก็จะช่วยเสริมพลังทักษะยุทธขึ้นอีกอย่างน้อยสี่ส่วนจากสิบส่วน”
ผู้พูดหยุดชะงัก พลางกวาดสายตาไปทางผู้ชม “ก่อนอื่นข้าขอเริ่มที่การประการศราคาเสียก่อน คัมภีร์ โบราณมีราคาเริ่มต้นสิบห้าล้านเหรียญทองคำ การเสนอแต่ละครั้งควรสูงกว่าราคาครั้งก่อนสองล้านเหรียญ ทองคำ”
“ยี่สิบล้าน!”
ยังไม่ทันที่ซู่ชิงจะประกาศจบ เสียงของใครบางคนร้องเสนอราคาสวนขึ้นทันที
ในห้องผู้ชม ทันที่ได้ยินเสียงประกาศราคา เยี่ยฉวนพลันตกตะลึงตัวแข็ง “ยี่สิบล้าน… อะไรกัน ? ยี่สิบล้าน ! ไม่ใช่ เวลานี้มีการเสนอราคาขึ้นไปถึงสามสิบล้าน !”
เจียงจิ้วชำเลืองมองเยี่ยฉวนผู้มีท่าทีตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด จึงถามเสียงกระซิบ “คราวนี้เจ้ารู้หรือยังว่า ของที่เจ้าทิ้งขว้าง ราคาสูงมากเพียงใด !”
คนที่นั่งข้างหันมา เขายิ้มและหยิบดาบทองคำขึ้นมาถือ “สิ่งล้ำค่าชิ้นนี้มีมูลค่าสูงมากทีเดียว อย่างไรก็ตามมูลค่าของสิ่งของไม่อาจเทียบได้กับความเป็นมิตรของพวกเรา กระหม่อมพูดถูกไหมพะย่ะค่ะ ?”
ใช่ สิ่งที่พูดไม่ผิดจากความจริง หัวใจของเขารู้สึกเช่นนั้น ไม่ว่าจะความเป็นมิตรหรือความผูกพันเป็น สิ่งที่ไม่สามารถวัดด้วยมูลค่าของทรัพย์สินเงินทอง !
“ซาบซึ้งใจยิ่งนัก !”
เจียงจิ้วมองคนตรงหน้าและคลี่ยิ้ม
ขณะนั้น ณ สนามประมูลราคา มูลค่าของสิ่งล้ำค่าพุ่งสูงถึงสี่สิบหกล้าน
พลันมีเสียงผู้คนเอะอะอึงอลดังขึ้นเกือบทุกมุมภายในอาคารจองสำนักอัปสรเมรัย “ข้าเป็นผู้ประมูลได้ต่อแต่นี้ไปข้าคือผู้ครอบครองคัมภีร์ยุทธ์ !”
ในห้องผู้ชม จู่ ๆ ปรากฏเงาวูบวาบทางเบื้องหลังเจียงจิ้วและเยี่ยฉวน ทันใดทั้งสองตื่นตัวพร้อมรับ สถานการณ์ที่กำบังจะเกิดขึ้น
เจียงจิ้วนิ่วหน้า คิ้วขมวดมุ่น “ใครบางคนบังอาจก่อเรื่องขึ้นในสำนักอัปสรเมรัย…”
ในตอนนั้น เสียงซึ่งหายไปนานดังก้องขึ้นในหัวของเยี่ยฉวน “วิ่ง !”
“วิ่ง !”
เยี่ยฉวนชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที ครั้นต่อมาจึงหันไปคว้าแขนคนนั่งข้าง พร้อมฉุดให้หันหลังพาวิ่งออก ไป