หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 142 ใครก็ตามที่รังแกเจ้า พี่จะฆ่ามันเอง ! (ปลาย)
บทที่ 142 ใครก็ตามที่รังแกเจ้า พี่จะฆ่ามันเอง ! (ปลาย)
ทว่าเยี่ยฉวนมิได้หยุดเพียงเท่านั้น เขายังคงสะบัดกระบี่ลงไปบนร่างที่พื้น จวบจนปรากฏตัวอักษรขนาดใหญ่ว่า ‘มู่’ ด้วยการจัดเรียงชิ้นเนื้อของศิษย์ผู้นั้น
ก่อนที่เยี่ยฉวนจะเก็บกระบี่คืนสู่ฝัก !
หลังจากนั้นก็เงยหน้ามองกลุ่มศิษย์ฉางมู่และพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “ไม่มี ? ออกมาสิ เข้ามาเลย !”
พูดพลางใช้กระบี่หลิงซิ่วซึ่งชุ่มโชกไปด้วยโลหิตแดงฉานยกขึ้นชี้ไปที่ใบหน้าของศิษย์แห่งฉางมู่ทั้งกลุ่ม “ศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ทั้งหลายจงฟังให้ดี ข้าชื่อเยี่ยฉวน ขอบอกพวกเจ้าเสียในวันนี้ หากพวกเจ้าไม่สังหารข้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้าไม่ให้เหลือ”
ทุกคนได้ยินวาจาของเขาอย่างชัดเจน ทว่าพวกเขากลับทำได้แต่นิ่งงัน “…”
ในเวลานี้ศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ต่างก็พากันหน้าตาบิดเบี้ยว !
“เขาทำเกินไปแล้ว !”
มิใช่เพียงแค่การกระทำที่เกินไป อันที่จริงเขาได้ทำให้สถานศึกษาฉางมู่อัปยศอดสูต่อคนภายนอกเลย ต่างหาก !
ด้วยเหตุนี้จึงปรากฏร่างของศิษย์แห่งฉางมู่ผู้หนึ่งพุ่งทะยานออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเช่นนั้นหลีซิ่ว รีบตะโกนบอก “อย่าประมาทคู่ต่อสู้ เจ้า…”
ควับ !
ชั่ววินาทีที่เจ้าศิษย์ฉางมู่ผู้นั้นถลันออกไปข้างหน้า กระบี่ในมือของเยี่ยฉวนพลันตวัดเหวี่ยงเข้าสะบั้น ร่างของมันขาดสองท่อน ทำให้เกิดสีแดงฉานของโลหิตสาดซัดไปโดยรอบ !
ครานี้ตัวอักษรที่เยี่ยฉวนจัดเรียงเป็นคำว่า ‘สถานศึกษา’ จากเศษชิ้นเนื้อของศิษย์ผู้นั้น
หน้าตาของหลีซิ่วในเวลานี้ น่าเกลียดน่ากลัวสุดจะบรรยาย !
“เขาสบประมาทสถานศึกษาฉางมู่ !”
ในเวลาต่อมาปรากฏศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่จำนวนมากต่างพากันลงจากเขาฉางซาน ศิษย์หลาย คนออกจากการบริกรรมขั้นสันโดษรีบรุดลงจากเขามาด้วย ดังนั้นไม่ช้าไม่นาน บริเวณเชิงเขาฉางซานจึงเต็มไปด้วยบรรดาศิษย์ฉางมู่ที่มารวมตัวถึงนับร้อยชีวิต
ยิ่งเห็นสภาพร่างของศิษย์สามรายซึ่งแปรเปลี่ยนเป็นตัวอักษรบนพื้นดิน ยิ่งเพิ่มความโกรธเกรี้ยวแก่ พวกเขา
ในทันทีนั้น ปรากฏศิษย์ฉางมู่คนหนึ่งพุ่งทะยานตรงเข้าหาเยี่ยฉวน !
เยี่ยฉวนกดเท้าขวาลงบนพื้นดิน เขาดันร่างพุ่งเข้าหาเจ้าคนที่กำลังพุ่งตรงมาทันที ขณะเดียวกันชาย หนุ่มก็ได้ผลักออกด้วยพลังจากภายในสู่ปลายกระบี่ จนบังเกิดแสงสีฟ้าปรากฏบนยอดปลายเปล่งประกาย เจิดจ้า !
ฉึก !
ปลายกระบี่กดเข้ากึ่งกลางระหว่างหัวคิ้วของอีกฝ่าย !
คนผู้นั้นกระแทกฝ่ามือเข้าที่บริเวณท้องของเยี่ยฉวนได้สำเร็จ ทว่าแรงปะทะนั้นหาได้ระคายผิวของเขา ไม่ !
ชายหนุ่มสะบัดข้อมือพลิ้วไหวเพียงเล็กน้อย
ฉับ !
ศีรษะกระเด็นออกจากร่างทันที โลหิตพวยพุ่งราวกับน้ำพุสีแดงฉาน !
เยี่ยฉวนขยับพลิกข้อมือสะบัดกระบี่วนเวียน ไม่ช้าไม่เร็ว ทันใดนั้นร่างบนพื้นดินพลันแปรเปลี่ยนเป็นคำว่า ‘สถานศึกษาฉางมู่’
ฉากที่ปรากฏต่อหน้าต่อตาศิษย์ฉางมู่ทั่วทุกคน สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนเกรี้ยวโกรธเหี้ยมเกรียม หลายคนถลันเข้าหาเยี่ยฉวน ทว่าในขณะนั้นเองหลีซิ่วพลันหยุดยั้งเหล่าศิษย์ที่กำลังแค้นไว้ด้วยเสียงอันดัง ราวกับฟ้าผ่า
“ห้ามศิษย์คนใดกระทำการโดยไม่ได้รับคำสั่งจากข้า !”
ณ เวลานั้นเขาได้ประจักษ์แล้วถึงพลังกล้าแกร่งของเยี่ยฉวน ทั้งเป็นความกล้าแกร่งที่ศิษย์แห่งฉางมู่ หามีใครเทียบได้แม้สักคน หากแม้นปล่อยให้พวกเขาถลันออกไปคงมีแต่ตายกับตาย !
ฉับพลันนั้นเอง มันก็ได้ปรากฏร่างของชายชราผู้เพิ่งมาถึงลานโล่ง
ชายชราผู้นี้คือรองอาจารย์ใหญ่คนหนึ่งแห่งสถานศึกษาฉางมู่ ผู้มีนามว่ากู่มู่ คนที่เคยพูดว่าคนอย่าง เยี่ยฉวนเป็นเพียงเศษเดนไร้ค่าซึ่งสถานศึกษาฉางมู่เขี่ยทิ้ง ! ทว่าในตอนนี้เยี่ยฉวนกลับมายืนอยู่เบื้องหน้า อีกทั้งยังสังหารเฟินเจี๋ย ศิษย์ผู้เป็นที่สุดแห่งยอดคนของฉางมู่
ชายหนุ่มคนนี้กลับสังหารเฟินเจี๋ยได้อย่างง่ายดาย !
กู่มู่ชำเลืองหางตามองเยี่ยฉวนด้วยสายตาเย็นชา ขณะนั้นเองเขาหันไปยังกลุ่มคนมากมายที่กำลังมุงดูอยู่รอบ ๆ “นี่เป็นเรื่องภายในของสถานศึกษาฉางมู่ คนที่ไม่เกี่ยวข้องขอให้ออกไป !”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พลันบังเกิดเสียงอื้ออึงของฝูงชนโดยรอบ !
“เขาไล่พวกเราออกไปไกล ๆ!”
ขณะเดียวกัน ศิษย์กล้าแกร่งของสถานศึกษาฉางมู่พลันถลันออกไปขวางหน้ากลุ่มคนที่มุงดู ทำให้มี หลายคนแสดงความไม่พอใจ หนึ่งในนั้นได้ร้องตะโกนขึ้นว่า “ทำไม ? หรือว่าสถานศึกษาฉางมู่เกรงกลัวหรือ ? หรือคิดจะ…”
กู่มู่ซึ่งกำลังยืนอยู่ไม่ห่างจากคนพูด เขายกมือขึ้นและสะบัดออก
ผัวะ !
ร่างของคนพูดกระเด็นออกไปด้วยแรงลมปะทะอันมหาศาล !
เมื่อเห็นดังนั้น คนอื่น ๆ จึงพากันหน้าตาเหยเกและทยอยถอยออกไป
ด้วยตอนนั้นเองที่พวกเขาตระหนักได้ว่าบริเวณนี้เป็นเขตของสถานศึกษาฉางมู่ !
หนึ่งในสองผู้ทรงอิทธิพลแห่งแคว้นเจียง !
แม้แต่ราชสำนักแห่งแคว้นเจียงยังต้องอ่อนข้อต่อสถานศึกษาฉางมู่ !
ในเวลาไม่นาน ผู้คนมากมายได้หายจากสถานที่ไปจนหมดสิ้น !
ถึงกระนั้น สตรีในชุดดำบนรถเข็นและชายชราผู้อารักขาหาได้เคลื่อนไหวไม่
กู่มู่ทอดสายตามองสตรีบนรถเข็น “เจ้าคงมีผู้หนุนหลังสินะ วานแถลงไขต่อข้าได้หรือไม่ ?”
หญิงสาวอมยิ้มมุมปาก “สถานศึกษาฉางมู่ชอบสอดรู้สอดเห็น ผู้หนุนหลังของข้าเป็นคนที่อาจให้คุณ ให้โทษแก่เจ้าได้ก็แล้วกัน”
จากนั้น นางพลันหันไปฉวยข้อมือเยี่ยหลิงพลางกล่าวว่า “พวกเราไปกันเถิด !”
ทว่าเด็กหญิงกลับสั่นศีรษะปฏิเสธอย่างหนักแน่น
“กลับไปกับนาง !”
เสียงของเยี่ยฉวนดังขึ้น “เป็นเด็กดีนะ พี่จะรีบไปรับเจ้ากลับ !”
เยี่ยหลิงมองตาละห้อย น้ำตาที่ปริ่มนัยน์ตาพลันไหลรินลงมา “ท่านพี่โกหก”
ชายหนุ่มเอื้อมมือมาลูบเบา ๆ “พี่ชายไม่เคยโกหก เป็นเด็กดีนะ ไปกับพี่สาวคนนั้น อีกไม่นานพี่จะไป รับเจ้า”
น้องสาวใช้หลังมือปาดน้ำตา “แต่ข้าอยากอยู่กับท่าน !”
เยี่ยฉวนตัวสั่นระริกด้วยความรู้สึกภายใน เขากระซิบตอบนาง “แต่พี่จะไม่มีสมาธิหากเจ้าอยู่ด้วย เป็น เด็กดีว่าง่าย ๆ กลับไปกับพี่สาวเสีย และพี่จะรีบไปรับ พี่สัญญา !”
น้องสาวน้ำตาไหลพรากลงมาอีก เยี่ยหลิงมองหน้าเยี่ยฉวนนิ่งนาน ทันใดนั้นหญิงสาวในชุดดำพลันยกนิ้วชี้แตะลงบริเวณต้นคอของเด็กน้อย ฉับพลันร่างของเด็กหญิงทรุดฮวบลงในอ้อมแขนของหญิงสาวพอดี
คนบนรถเข็นหันหน้ามาทางเยี่ยฉวน “ลาก่อน !”
หลังจากนั้น หญิงสาวในชุดดำและชายชราพาเยี่ยหลิงกลับออกไปจากสถานที่
ภายในลานกว้าง เหลือเยี่ยฉวนแต่เพียงผู้เดียว
เขาหันมาทางกู่มู่ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก ทันใดนั้นร่างของชายชราอันตรธานไปจากจุดที่ยืน
ผัวะ !
พลังปะทะผลักร่างของเยี่ยฉวนกระเด็นออกไปไกลนับสิบจั้งก่อนจะตกลงบนพื้นดิน
ชายหนุ่มค่อยผุดลุกขึ้น เขาพ่นโลหิตออกมาจำนวนหนึ่ง
ชายชราก้าวช้า ๆ ตรงมาทางเยี่ยฉวน “เก่งนักหรือ ? ถ้าเช่นนั้นจงมาสู้กับข้า !”
ทันทีที่สิ้นเสียงของชายชรา ร่างของเขาอันตรธานไปอีกครั้ง
เสียงกระแสลมโบกสะบัดเหนือทุ่งโล่ง หามีผู้ใดเห็นแม้เงาของชายชรากู่มู่
เปรี้ยง !
เยี่ยฉวนเพิ่งขยับลุกขึ้นยืน พลันร่างของเขากระเด็นออกไปไกลหลายจั้ง
กู่มู่ตั้งท่าจะจู่โจมซ้ำ ทว่ากลับปรากฏร่างหนึ่งขึ้นขวางเบื้องหน้าเยี่ยฉวน..