หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 177 เข่นฆ่า ! (ต้น)
บทที่ 177 เข่นฆ่า ! (ต้น)
กระบี่ดั่งรับรู้จิตใจของผู้เป็นนาย !
เสียงแห่งกระบี่หลิงซิ่วดังสะท้านกึกก้อง สายตาของเยี่ยฉวนฉายความพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด มุมปากยกยิ้มเริ่มแรก ก่อนที่ต่อมาแปรเปลี่ยนเป็นเหยียดยิ้มเหี้ยมเกรียม เขาหันหลังกลับ มองมาทางหลังไม่ไกลออกไปเท่าใด ที่นั่นมีบุรุษรุ่นหนุ่มยืนนิ่งไม่ไหวติง
ชายผู้สวมเสื้อคลุมยาวสีสะอ้านราวปุยหิมะ ด้านหลังของเสื้อคลุมทอดยาวทาบทับไปกับพื้นดิน เผยให้เห็นที่ชายปักรูปดอกเหมยฮวานับได้สี่แห่ง สายตาที่มาตรงมายังเยี่ยฉวนแทบไม่กระพริบ ริมฝีปากเม้มหุบมิมีวาจาเอ่ยออกแม้แต่คำเดียว
เยี่ยฉวนมองนิ่งตอบ ไม่เอ่ยวาจาเช่นเดียวกัน มีเพียงท่าทียืนประจันหน้า แววตาเฉยชาไร้รู้สึกอยู่เช่นนั้น
บางคราการเป็นฝ่ายริเริ่มจู่โจม อาจหมายถึงการฉกฉวยโอกาสความได้เปรียบ แต่ในขณะเดียวการเริ่มก่อนอาจเป็นการเผยจุดอ่อนของตนแก่คู่ต่อสู้ได้ด้วย !
ดังสถานการณ์ครั้งนี้ ทั้งสองจึงไม่มีใครยอมชิงลงมือก่อนใคร ถึงกระนั้น การณ์ไม่ได้หยุดชะงักเนิ่นนาน ด้วยเยี่ยฉวนเป็นฝ่ายขยับ !
เยี่ยฉวนคือผู้ฝึกกระบี่ สิ่งสำคัญในยามที่ผู้ฝึกกระบี่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูคืออะไร ? คำตอบคือความเชื่อใจ ! เขาต้องมีความเชื่อใจใน ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ !
เยี่ยฉวนไม่ค่อยออกทักษะนี้ในการต่อสู้กับศัตรู ทว่าคราใดที่เขากวัดแกว่งอาวุธนี้เพียงหนึ่งครั้ง นั่นคือการตัดสินชะตาชี้เป็นชี้ตายแก่ศัตรูแล้ว !
ขณะที่เยี่ยฉวนขยับเคลื่อนที่ พลังกระบี่เคลื่อนไหวกระจายวาบตรงเข้าครอบงำร่างกายของชายสวมเสื้อคลุมยาว !
ราวกับคนผู้นี้เริ่มรู้สึกต่อพลังเข้าครอบคลุมจากกระบี่เคลื่อนไหวซึ่งกระจายออกจากกายของเยี่ยฉวน เขาหรี่ตาลงนิดหนึ่ง ท่าทางระแวงระวัง !
“แรงผลักดันแห่งกระบี่ ! …ยอดทักษะกระบี่เช่นนี้ !” ชายในชุดคลุมยาวพยายามควบคุมสติ ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ
เปรี้ยง ! พลังเคลื่อนที่แห่งชี่อันน่าสะพรึงกลัวกระจายวาบพุ่งจากร่างคนในชุดคลุมยาว ออกสกัดกั้นแรงผลักดันแห่งกระบี่ของเยี่ยฉวันทันควัน
พลังชี่เคลื่อนไหวประสานกับพลังมโนศิลป์ที่ไม่ประจักษ์ชัด พลังประสานสองชนิดอดทนต่อแรงปะทะจากพลังกระบี่เคลื่อนไหวของเยี่ยฉวนได้อย่างเหนียวแน่น ขณะเดียวกันชายสวมชุดคลุมยาวก็ได้ดันฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้า “ขุนเขาโหยหา ธาราคร่ำครวญ”
เปรี้ยง ! เปรี้ยง !
ทางด้านหลังของเยี่ยฉวน น้ำในแม่น้ำเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง ทันใดนั้นปรากฏลูกธนูสายน้ำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งจากผิวน้ำเข้าหาเยี่ยฉวน จังหวะนั้นพื้นธรณีใต้ฝ่าเท้าของชายในชุดคลุมยาวปริแยกออกเป็นทางยาว ทำให้ก้อนหินที่อยู่ใต้ดินทะยานขึ้นสู่อากาศ ก่อนตกลงสู่พื้นเบื้องล่างถมทับฝังร่างของเยี่ยฉวนไว้ภายใน
ทันใดนั้น เสียงแห่งกระบี่ก้องกังวานสะท้านลานกว้าง !
ขณะที่เสียงกระบี่สะท้อนสะเทือนนั้น แสงกระบี่สะบัดตวัดวาบเข้าหาก้อนหินน้อยใหญ่ที่ถมทับจนเป็นกองพะเนินในเวลานี้
ฉัวะ !
เสียงวัตถุถูกฉีกออกด้วยพลังรุนแรงดังก้องไปทั่วลาน ! ฉับพลันนั้น เยี่ยฉวนปรากฎตัวทางด้านหลังชายสวมชุดคลุมห่างออกไปเพียงไม่กี่จั้ง
เบื้องบนอากาศ ลูกธนูสายน้ำที่กำลังพุ่งวาบกลับลดทอนลง อีกทั้งหินก้อนเล็กก้อนน้อยที่กำลังตกลงสู่พื้นดินก็น้อยลงเช่นกัน สรรพสิ่งโดยรอบราวกับกำลังถอยกลับคืนสู่ภาวะสงบนิ่ง
ด้านหลังเยี่ยฉวน หยาดโลหิตค่อยซึมไหลลงมากึ่งกลางหว่างคิ้วของชายสวมชุดคลุมยาว ดวงตาทั้งคู่เบิกโพลงมองเหม่อไปที่ไกลไร้จุดหมาย “เคล็ดวิชากระบี่…จะ เจ้าไม่ใช่ยอดผู้ฝึกกระบี่…” ทันใดนั้นเสียงคนพูดขาดห้วงลงกระทันหัน แววตาแห่งชีวิตสิ้นสุดฉับพลัน
เยี่ยฉวนสะบัดข้อมือข้างที่ถือกระบี่หลิงซิ่วออกหนึ่งครั้ง กระบี่ทะยานเข้าหาร่างคนสวมชุดคลุม ลำแสงแวบวาบรวดเร็วปานสายฟ้า ชั่วครู่ก็กลับทะยานคืนสู่อุ้งมือเยี่ยฉวนตามเดิม ที่ปลายกระบี่ปรากฏถุงใส่เงินห้อยติดมาอย่างหมิ่นเหม่
ชายหนุ่มดึงถุงใส่เงินออก แล้วโยนเข้าไปเก็บยังที่ชั้นหนึ่งของหอคอยแห่งเรือนจำ จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินมุ่งหน้าต่อไปอย่างธรรมดา
เพียงแต่เยี่ยฉวนคล้อยหลังออกไปไม่นาน ร่างของคนสองคนบุรุษหนึ่งและสตรีหนึ่งพลันเดินเข้ามายังจุดที่เกิดเหตุ
บุรุษร่างสูงตรง สะพายดาบแบนกว้างไว้ข้างหลัง บนใบหน้าด้านหนึ่งมีรอยแผลเป็นเห็นได้ชัดเจน ส่วนสตรีร่างเล็กแลดูบอบบาง บนศีรษะเส้นผมถักเป็นเปียพันทบกันหลายรอบ ที่เอวแขวนบางมีกระบี่สั้นไว้ข้างละหนึ่งเล่ม
คนเป็นหญิงเอ่ยขึ้นก่อนขณะสายตาจ้องมองที่ร่างไร้วิญญาณของชายในชุดคลุม “เสื้อคลุมหิมะดอกเหมยฮวา… คนผู้นี้น่าจะเป็นคุณชายเหมยฮวาแห่งแคว้นชู เขาสำเร็จขั้นสันโดษในวัยเพียงยี่สิบ ทั้งยังปราดเปรื่องในเคล็ดวิชาวิทยายุทธ์แห่งขุนเขาและสายน้ำอย่างหาตัวจับได้ยาก จนได้รับการเชิดชูในฐานะคนรุ่นใหม่ผู้มีอนาคตแห่งแคว้นชู… ไม่นึกว่าจะมาจบชีวิตด้วยหนึ่งกระบี่ของเยี่ยฉวนเช่นนี้ !”
พลันคนพูดเบนสายตามามองชายที่มีรอยแผลเป็น “พี่ใหญ่ ถึงแม้ว่าเยี่ยฉวนจะไม่ถูกจารึกชื่อในทำเนียบผู้เยี่ยมยุทธ์ คิดว่าอีกไม่นานเขาคงจะได้รับการจารึกชื่อในทำเนียบเช่นเดียวกัน ข้าว่าพวกเรายกเลิกภาระกิจจะดีกว่า !”
คนนิ่งฟังหลับตาลงช้า ๆ “ถ้าพวกเราสามารถสังหารเยี่ยฉวนได้ ไม่เพียงแต่จะได้ชื่อเสียงไว้ประดับกาย ยังจะได้รางวัลค่าหัวจากสถานศึกษาฉางมู่ด้วย ค่าหัวมูลค่ามหาศาลเช่นนั้น ต่อไปพวกเราจะได้ไม่ต้องล่องลอยไม่เป็นหลักแหล่งแบบเดิมอีก อีกอย่าง ยังมีโอกาสกลับไปฟื้นฟูฐานะของตระกูลเราได้ เพราะฉะนั้นพวกเราจะไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยด้วยการยกเลิกแน่ !”
ฝ่ายหญิงสาวย่นหัวคิ้ว “พี่ใหญ่ แต่เยี่ยฉวนคนนี้ ไม่ใช่คนที่ท่านกับข้าจะต้านทานได้หรอกนะ !”
เสียงอีกฝ่ายเย้ยหยัน “ถ้าสู้ไม่ได้ ก็หาคนมาช่วยสิ อย่าชักช้าเลย รีบตามไปเถอะ…” กล่าวจบหันหลังเดินกลับออกไปทันที
ทิ้งให้สตรีร่างเล็กบางยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตาทอดมองร่างไร้วิญญาณบนพื้นดินอย่างครุ่นคิด ก่อนจะมีเสียงถอนใจหนักหน่วง แต่สุดท้ายนางก็ต้องเร่งรีบตามชายคนก่อนไปแต่โดยดี
…
เยี่ยฉวนข้ามแม่น้ำแล้ว จึงออกวิ่งสุดกำลัง เขายิ่งปริวิตก ทำให้ยิ่งเร่งความเร็วของฝีเท้า จนกระทั่งบัดนี้ ยังไร้วี่แววเยี่ยหลิง ภายในจิตใจของเยี่ยฉวนร้อนรุ่มกระสับกระส่ายเต็มที ! ยิ่งเขาวิตก ก็ยิ่งเดือดดาล ด้วยในเวลานี้เขาปรารถนาจะตามเยี่ยหลิงให้พบก่อนเป็นอันดับแรก
หลังจากที่เยี่ยฉวนข้ามแม่น้ำมาได้ไม่นาน ก็มาพบบริเวณที่มีหนองน้ำกว้างขวางแห่งหนึ่ง จากการคะเนด้วยสายตาคร่าว ๆ ถ้าต้องเดินอ้อมหนองน้ำคงต้องเสียเวลามากโขทีเดียว เยี่ยฉวนจึงไม่เลือกการเดินอ้อมด้วยไม่ต้องการทอดเวลาให้เนิ่นนานไปมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามชายหนุ่มไม่ได้ผลุนผลันเดินลงไปในหนองน้ำ แต่ยังคงจับมองดูอยู่ห่าง ๆ บนชายฝั่ง
บนชายฝั่งของหนองน้ำมีต้นไม้น้อยใหญ่หนาแน่น มีบางส่วนเจริญเติบโตอยู่ในหนองน้ำ นอกจากนั้นยังมีไม้พุ่มกิ่งใบดกทึบอีกหลายแห่ง…
ท่ามกลางบรรยากาศสงบเงียบ กระบี่หลิงซิ่วทะยานวาบออกจากอุ้งมือเยี่ยฉวน จากนั้นจึงพุ่งเข้าหาพุ่มไม้ใบหนาไม่ไกลทางขวามือ
เปรี้ยง ! ทันใดนั้นพุ่มต้นไม้แตกเปิดอ้าออก เผยให้เห็นว่ามีคนที่ซ่อนอยู่ภายใน และกำลังล่าถอยออกอย่างรวดเร็ว
กระบี่หลิงซิ่วไม่รั้งรอ ไล่ติดตามผู้นั้นอย่างกระชั้นชิด ความรวดเร็วแห่งกระบี่ประหนึ่งสายฟ้าแปลบปลาบ !
คนที่กำลังหนีออกมาเห็นเข้า พลันหน้าซีดด้วยความตื่นตระหนก ความกลัวแล่นจับขั้วหัวใจจนเย็นวาบ ขณะเดียวกันเท้ายังกระถดถอยหลังอย่างต่อเนื่อง ทว่าขณะนั้นมันคงหลงลืมว่ากำลังอยู่กลางหนองน้ำ เมื่อเท้าก้าวถอยหลังจึงพลาดท่าดิ่งพรวดลงสู่หนองน้ำทันที !
ค่ายกลหนองน้ำ เสียงมันตะโกนขึ้นมาจากในน้ำ “ทะ… ท่าน ข้าขอถอนตัว…”
ฉัวะ !
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงตะโกน ศีรษะคนได้ขาดสะบั้นออกจากคอของมันเสียแล้ว หลังจากนั้นร่างจึงค่อยจมลงสู่ก้นหนองน้ำ
กระบี่หลิงซิ่วทะยานคืนสู่เยี่ยฉวน ชายหนุ่มไม่รอช้า เขามุ่งหน้าต่อไปขณะที่กระบี่หลิงซิ่วโบยบินออกสำรวจเส้นทางในส่วนที่คิดว่าอาจมีอันตรายรออยู่ ดังนั้นเมื่อเยี่ยฉวนมาถึงช่วงกลางหนองน้ำ จึงปรากฏว่ามีซากร่างไร้วิญญาณของคนทิ้งไว้เบื้องหลังจำนวนหนึ่ง