หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 189 มาทางนี้สิโว้ย ! (ต้น)
บทที่ 189 มาทางนี้สิโว้ย ! (ต้น)
เยี่ยฉวนควรไว้ชีวิตกานสือซานอย่างนั้นหรือ ? เขาไม่เคยคิดไว้ชีวิตให้มัน !
คนพวกนี้เคยแต่อยู่เหนือคนอื่น ถ้าชายหนุ่มปล่อยกานสือซานไปในวันนี้ คนพวกนั้นไม่มีทางสำนึกในบุญคุณ ทั้งยังพาลจะคิดว่าอย่างไรเสียเยี่ยฉวนควรจะต้องทำเช่นนี้อยู่แล้ว !
และที่ร้ายยิ่งกว่า หากเยี่ยฉวนไว้ชีวิตมัน กานสือซานจะต้องกลับมาแก้แค้นเยี่ยฉวนหลังจากที่เขาฟื้นพลังไม่วันใดวันหนึ่งอย่างแน่นอน ดังนั้นไฉนเลยเยี่ยฉวนจะโง่ ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายลอยนวลไปเสียเล่า !
อีกอย่างเขาไม่เคยไว้วางใจศัตรูที่ยังมีชีวิตอยู่ “ในเมื่อพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อต้องการหัวของข้า ฉะนั้นข้าก็จะฆ่าพวกเจ้าด้วยเช่นกัน !
ข้าไม่สนหรอกว่าพวกเจ้าจะเป็นใคร และอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน !
ข้าจะสลัดทิ้งความรู้สึกทุกอย่างและสังหารพวกเจ้าให้เหี้ยน !”
ชายชราสวมผ้าคลุมสีขาวเห็นเยี่ยฉวนสังหารกานสือซานตายลงต่อหน้า ดังนั้นยามนี้สีหน้าของชายชราจึงบิดเบี้ยวเหยเกพลางใช้สายตาเคียดแค้นจ้องเยี่ยฉวน ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อด้วยต้องการบรรเทาความคับแค้นในใจ
กานสือซาน !
เขาผู้นี้นับว่าเป็นยอดอัจฉริยะในหมู่ศิษย์สายในของสถานศึกษาฉางมู่แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น !
ฉางมู่ตั้งความหวังไว้กับเขาอย่างที่สุด สถานนะของกานสือซานเทียบเท่ากับศิษย์ผู้สืบทอดของฉางมู่ก็ว่าได้ !
ทว่าเวลานี้เขากลับต้องมาตายลงด้วยน้ำมือของเยี่ยฉวน !
ชายชราสวมชุดคลุมสีขาวตั้งท่าออกจู่โจมเพื่อแก้แค้นให้ศิษย์ โดยในขณะนั้นอาจารย์ใหญ่จี้ได้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงพอดี ชายชราจึงพลันเคลื่อนเข้าปะทะด้วยการผลักออกหมัดพุ่งใส่ร่างของคนชราในชุดคลุมสีขาวกระเด็นออกไป !
พลังหมัดที่ผลักออกนั้น มีอานุภาพรุนแรงระดับพระกาฬ !
ถึงขนาดทำให้ชั้นบรรยากาศรายรอบตัวคนชราสวมผ้าคลุมสีขาวบิดเบี้ยวผิดรูปร่าง จากนั้น…
ผัวะ !
พลังหมัดส่งร่างของชายชราสวมชุดคลุมสีขาวกระถดถอยออกไปไกลหลายจั้ง !
ชายชราในชุดขาวพยุงกายขึ้น ขณะที่ใช้หลังมือปาดโลหิตที่ซึมออกมาทางมุมปาก สายตาเหลือบไปมองอาจารย์ใหญ่จี้ที่มีท่าทางคล้ายคนเมาสุราห่างไปไม่ไกล แววตาฉงนระคนคลางแคลงใจ !
ถึงแม้ตนเองจะไม่ได้บรรลุขั้นสุดยอดผนึกยุทธ์ ทว่าเขาก็ยังนับว่าอยู่ในระดับขั้นผนึกยุทธ์
…แต่กลับไม่สามารถต้านทานอาจารย์ใหญ่จี้ได้แม้แต่น้อย ! เขาไม่อาจประมือกับคนผู้นั้นได้เลย !
คนชราสวมชุดคลุมสีขาวตัดสินใจได้ในวินาทีนั้นเอง !
ถึงอย่างไรคนอย่างเขาไม่เคยนึกหวั่นเกรงสิ่งใด ด้วยมีผู้ที่หนุนอยู่เบื้องหลังเป็นถึงสถานศึกษาฉางมู่แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋น !
แม้ว่าฉางมู่แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋นจะไม่ใช่สำนักใหญ่ แต่ที่นี่นับว่าเป็นสถานศึกษาฉางมู่ที่ดีที่สุดในแผ่นดินชิง อีกทั้งยังเป็นกองกำลังที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดด้วย !
เขาจึงมีความผยอง !
หรือถ้าให้ถูกควรพูดว่ายิ่งกว่าผยองด้วยซ้ำ !
ชายชราในชุดคลุมสีขาวทอดสายตามองตรงอาจารย์ใหญ่จี้ “แล้วเจ้าจะได้เห็นดี !”
จากนั้นจึงชำเลืองไปทางเยี่ยฉวน ซึ่งยืนใกล้กับอาจารย์ใหญ่ “ไอ้คนต่ำช้า จะต้องมีสักวันที่เจ้าปราศจากคนคุ้มกะลาหัว !” กล่าวจบคนพูดหันหลังและหายวับไปทางเส้นขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว
อาจารย์ใหญ่จี้มองไปทางที่ชายชราชุดคลุมสีขาวเพิ่งหายวับไป เขานิ่งงันราวกับตกในภวังค์ความคิด !
สักครู่จึงมองมาทางเยี่ยฉวนที่ยืนอยู่ด้านล่าง “เจ้าก็หยุดทำร้ายตัวเองได้แล้ว !” กล่าวเพียงเท่านั้น ร่างกายสะท้านน้อย ๆ ก่อนหายวับไปจากที่
เมื่อเห็นว่าอาจารย์ใหญ่จี้หายลับไปแล้ว เยี่ยฉวนจึงหันกลับมาทางเจียงจิ่ว พบว่าบนใบหน้าของหญิงสาวปรากฏมีริ้วรอยบาดแผลยาว ส่วนที่บริเวณกลางลำตัวมีสีแดงของโลหิตไหลซึมเปื้อน !
ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นเขาพลันเม้มปากแน่น พลางกระชับกระบี่หลิงซิ่วในมือ สายตาพุ่งเป้าไปที่เงาปีศาจซึ่งกำลังต่อสู้กับเจียงจิ่ว ที่ขณะนั้นมันทำท่าจะล่าถอยหนี !
“คิดหนีล่ะสิ !” เมื่อเห็นเช่นนั้น เยี่ยฉวนส่งเสียงคำราม “มาทางนี้สิโว้ย !”
เสียงคำรามลั่นเลือนหาย ร่างของคนทะยานพรวดออกไปเบื้องหน้า ขณะเดียวกันกระบี่หลิงซิ่วพุ่งออกจากอุ้งมือเข้าฟาดฟัน พลันกระบี่ทะยานด้วยความรวดเร็วโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง ถึงตัวเงาปีศาจภายในพริบตา !
ร่างเงาปีศาจกลับหายวับไปจากที่ฉับพลันเมื่อกระบี่หลิงซิ่วไปถึงที่หมาย !
ขณะนั้นเอง เกิดเงาเคลื่อนไหววูบวาบเข้ามาทางเบื้องหลังเยี่ยฉวน และชั่วพริบตาลำแสงสว่างพุ่งตรงเข้าที่ท้ายทอยของชายหนุ่ม !
เยี่ยฉวนหรี่ตาลงด้วยสัญชาตญาณ ปฏิกิริยาตอบสนองฉับไวเขาเอนกายไปข้างหน้า เบี่ยงหลบลำแสงพุ่งตรงรวดเร็ว ขณะเดียวกันกระบี่หลิงซิ่วเหินจากระยะไกลตรงเข้าฟันฉับลงเบื้องหน้า !
ด้านหลังของเยี่ยฉวนเงื้อมเงาปีศาจหายวับขณะล่าถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ !
จังหวะนั้นเอง จู่ ๆ ดาบทองคำปรากฏอยู่ทางด้านหลังของเงาปีศาจ !
ทันใดนั้นร่างเงาปีศาจสั่นสะท้าน ก่อนกลายเป็นพร่าเลือน !
เมื่อร่างปรากฏขึ้นอีกครา พบว่ามันถอยห่างออกไปไกลหลายจั้ง !
ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเยี่ยฉวนและพวกต้องเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากยิ่ง !
เพราะการเคลื่อนไหวของศัตรูน่ามหัศจรรย์นัก !
แม้แต่โม่อวิ๋นฉีเวลานี้ก็ต่อสู้อย่างหนักหน่วง จริงอยู่ว่าเขาเป็นผู้ที่มีความเร็วเป็นเลิศแต่ก็ใช่ว่าจะเร็วเสมอภูตผี ด้วยขณะนี้คู่ต่อสู้เบื้องหน้ามีทั้งความรวดเร็ว ทั้งยังเคลื่อนไหวราวปีศาจ !
เหล่ากายาปีศาจทั้งหลายเริ่มพร่าเลือน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกมันเริ่มที่จะถอยหนี !
ช่วงนั้นเองที่กระบี่หลิงซิ่วพุ่งทะยานออกจากอุ้งมือของเยี่ยฉวนออกไปทันที !
พลังปะทะผสานด้วยเคล็ดวิชากระบี่ !
จังหวะนั้นกระบี่จู่โจมเข้าหาร่างซึ่งเคลื่อนไหวรวดเร็วเกินพิกัด !
ในระยะห่างออกไป ร่างปีศาจหยุดชะงัก มันเงื้อดาบขึ้นรองรับแรงปะทะแห่งกระบี่หลิงซิ่วของเยี่ยฉวน ทว่าด้วยพลังแห่งกระบี่ผลักออก ร่างของมันจึงถอยหลังกรูดอย่างมิอาจยั้งหยุด !
ขณะเดียวกัน… โม่อวิ๋นฉีซึ่งจับตามองจากที่ในระยะห่าง เขาเหยียดมุมปากยกยิ้ม ทันใดนั้นร่างกายสั่นสะท้านพลันหายวาบไปจากที่ ครู่ต่อมาลำแสงสองลำแสงพุ่งวาบเข้าสู่เป้าหมายทั้งด้านซ้ายขวาของร่างปีศาจ !
มีดคู่บิน !
เจ้าปีศาจยกมือขึ้นสกัดคว้ามีดบินซึ่งพุ่งเข้ามาทั้งสองด้าน !
เปรี้ยง ! เปรี้ยง !
ทันใดนั้นมีดบินทั้งสองเล่มถูกปะทะกลางอากาศ !
ทว่าในขณะนั้น พลันแสงแห่งกระบี่พุ่งวาบทะลุกลางลำตัวของร่างปีศาจโดยไม่ทันตั้งตัว !
ฉึก !
ร่างปีศาจสะดุ้งเฮือกสุดตัว !
ฉับพลันร่างของมันค่อยพร่าเลือน พลันฝอยละอองของโลหิตจากร่างที่เริ่มเลือนรางมากขึ้นกระเซ็นมาโดนที่ตัวเยี่ยฉวน !
ชายหนุ่มก้มลงมองที่บริเวณลำตัวของตนเอง ซึ่งปรากฏจุดสีแดงกระจายอยู่เต็ม ! “นี่มันอะไร ?” เขานิ่วหน้า สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย
เจียงจิ่วซึ่งอยู่ไม่ไกลตอบกลับ “ประทับโลหิตจิตวิญญาณล่าสังหาร กล่าวกันว่าเป็นสัญลักษณ์ความเป็นและความตายแห่งดินแดนอันธกาล นั่นย่อมแสดงว่าในอนาคตจะมีพวกมือสังหารนับไม่ถ้วนต้องการล่าหัวของเจ้า !”
เยี่ยฉวนพยักหน้า “พวกมันจะตามจองล้างจองผลาญข้าสินะ ?” เจียงจิ่วชำเลืองมองมาที่คนข้าง ๆ
“เจ้ายังไม่รู้จักความน่ากลัวของพวกดินแดนอันธกาล เจ้ารับมือการตามจองล้างจองผลาญของพวกมันไม่ไหวหรอก”
คนฟังยักหัวไหล่ ผายมือออกมาข้างหน้า “ถ้าเช่นนั้นข้าควรทำเยี่ยงไร ? ในเมื่อพวกมันต้องการหัวของข้า ข้าควรปล่อยให้พวกมันตัดหัวของข้าไปเฉย ๆ เช่นนั้นหรือ ?”
เจียงจิ่วสิ้นคำพูด “…”
อีกฝ่ายได้แต่ส่ายหน้าช้า ๆ “พรรคพวกของมันอยากจะฆ่าข้า ฉะนั้นข้าก็เลยฆ่าพวกมัน แต่พวกมันกลับตามล้างแค้นต่อข้าอีก… ชีวิตนี้ ช่างอยู่ยากจริง !”
กล่าวจบ พลันกวาดสายตาไปทางศัตรูที่เหลืออีกแปดเก้าคน ซึ่งทั้งหมดกำลังตีโต้โม่อวิ๋นฉีและพวกทั้งสองคน !