หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 203 ทำลายฉางหลาน ! (ปลาย)
บทที่ 203 ทำลายฉางหลาน ! (ปลาย)
เขารีบขยับลุกขึ้นอย่างว่องไว ขณะยกมือปาดโลหิตซ้ำและทำท่าจู่โจมอีกครา ทว่าชายชราที่ยืนด้านข้างกลับส่งเสียงตวาดดัง “ไม่ต้อง !”
คนหนุ่มชะงักงัน เขาเหลือบมองชายชราด้วยแววตากราดเกรี้ยวและไม่เต็มใจอย่างยิ่ง
ชายชรามองตรงมาที่เยี่ยฉวน พลางเอ่ยเสียงเบา “ฝีมือเจ้าไม่คู่ควรกับเขา !”
เพียงได้ยินเท่านั้น สีหน้าคนหนุ่มแปรเปลี่ยนดุดัน ท่าทางแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ในการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่มีระดับพลังทัดเทียมกัน เขาไม่เคยต้องปราชัยมาก่อน !
ฝ่ายผู้อาวุโสชำเลืองมองด้วยแววตาเยือกเย็น “ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่คนหนุ่มจะมีความทะนงตน แต่ความทะนงตนควรรู้จักประมาณตนด้วย เป็นความโง่เขลาเสียอีกหากเจ้าจะออกไปสู้ในเวลานี้ โลกนี้กว้างใหญ่ เจ้ายังต้องพบพานยอดฝีมืออีกมากมายนัก !”
เมื่อเห็นว่าชายชราเกิดความโกรธขึ้ง เด็กหนุ่มจึงลดท่าทีลง เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวไม่น้อย เขารีบกระแทกหมัดคารวะก่อนล่าถอยไปยืนเยื้องทางเบื้องหลังของชายชรา กระนั้นสายตายังไม่ละไปจากเยี่ยฉวน
ชายชราหันไปมองเยี่ยฉวนที่ยืนไม่ไกล “ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดสถานศึกษาฉางมู่แห่งแคว้นเจียง จึงตั้งค่าหัวของเจ้าไว้มหาศาล ถ้ามีศัตรูเช่นเจ้า อย่างไรเสียต้องหาทางกำจัด !” ทันทีที่สิ้นเสียงคนพูด เขาเริ่มจู่โจมโดยผลักมือข้างขวาส่งผ่านไปในอากาศ
เขาออกจู่โจม ! ด้วยพลังหมัดพุ่งปะทะ พลันบังเกิดพลังปรากฏออกเบื้องหน้าเข้าบดขยี้เยี่ยฉวนทันที !
ชายหนุ่มหรี่ตา ไม่ปรากฏร่องรอยของความหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย ! เขาไม่อาจตอบโต้คนเบื้องหน้าให้ล่าถอย แต่ก็ใช่ว่าจะต้องกลัวเกรงต่อศัตรู
สู้ ! ในเวลานี้ พลังจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้มีอยู่ล้อมรอบทั่วร่าง ถึงกระนั้นเมื่อปะทะเข้ากับพลังบีบอัดซึ่งจู่โจมมาของชายชรา กลับแตกกระจายออกทันที !
ช่วงห่างของระดับพลังถึงสองระดับนั้นกว้างใหญ่เหลือเกิน !
จนยากจะหาสิ่งใดอุดรอยโหว่ของช่วงห่างนั้น !
ขณะนั้นเอง พลันร่างของอาจารย์ใหญ่จี้ปรากฏออกขวางหน้าเยี่ยฉวน ขณะนั้นเขาผลักฝ่ามือข้างขวาออกช้า ๆ พลันพลังงานบางอย่างทะยานวาบจากชายเสื้อ ราวกับคลื่นขนาดใหญ่พุ่งเข้าชน !
ตู้ม !
เมื่อสองพลังกล้าแกร่งเกิดการปะทะ แรงระเบิดย่อมรุนแรงสุดประมาณ อำนาจแห่งพลังฉีกอากาศธาตุที่ล้อมรอบกระเพื่อมเป็นลูกคลื่น ทันใดนั้นพื้นดินเกิดสะเทือนลั่น !
อาจารย์ใหญ่จี้พลิกกดฝ่ามือข้างขวา ขณะเดียวกันคลื่นอากาศพลันแตกออกและกระจายหายไปอย่างรวดเร็ว !
ชายชราเหลือบมองมาทางอาจารย์ใหญ่จี้ “ดูเหมือนว่าถ้าจะทำลายสถานศึกษาฉางหลาน ข้าคงต้องกำจัดเจ้าเสียก่อนสินะ !” เมื่อคนสิ้นเสียง ร่างพลันเลือนหาย
คนที่กล้าแกร่งที่สุดในฉางหลานคืออาจารย์ใหญ่จี้ หากชายชราถูกสังหาร ไม่ต้องสงสัยเลยว่า จะต้องมีคนติดตามมาล้างแค้นฉางหลานอย่างแน่นอน !
อาจารย์ใหญ่จี้หันไปผลักออกฝ่ามือข้างซ้าย ฉับพลันร่างของเยี่ยฉวนและพวกถูกพลังบางอย่างผลักดันออกไปจนไกลกว่าร้อยจั้ง
ขณะเดียวกันเสียงพูดดังก้องขึ้นภายในจิตของเยี่ยฉวนและคนอื่น “ฉวยจังหวะและหลบหนีออกไปจากที่นี่เสีย !”
หลบหนี ? เยี่ยฉวนมองไปทางอาจารย์ใหญ่จี้ซึ่งกำลังต่อสู้พันตูอยู่กับชายชรา หนีไปตอนนี้ ? จังหวะเหมาะที่จะหนีไป !
ถึงกระนั้น ชายหนุ่มรู้แน่แก่ใจว่าพวกเขาไม่อาจทิ้งหนีไปได้ !
เพราะในเวลานี้ปรากฏรังสีสว่างครอบคุลมพวกเขาทั้งหมดไว้ พวกเขาถูกล้อมกรอบ ไม่มีที่ให้หลบหนี !
ทุกคนมาเพื่อต้องการทำลายฉางหลานและต้องการชีวิตเยี่ยฉวน พวกเขาจึงไม่มีที่ให้หลบหนี
หลบหนี ? ซ่อนตัว ฝึกปรือ และย้อนกลับมาแก้แค้น ? มีหรือที่คนพวกนั้นจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้น !
พวกที่มาต้องการกำจัดถอนรากถอนโคนต้นตอแห่งปัญหา เพื่อจะได้ไม่มีการแก้แค้นตอบโต้อีกต่อไป !
ในขณะนั้นเอง ปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งออกมาเบื้องหน้าเยี่ยฉวนและพวก เขาคือหลี่เสวียนชาง โดยเคียงข้างมากับชายในชุดดำ !
คนที่เพิ่งเข้ามาหันไปจับตามองอาจารย์ใหญ่จี้ซึ่งกำลังปะทะอยู่ในระยะไกล จากนั้นจึงหันมาทางเยี่ยฉวนพลางเหยียดมุมปากยิ้ม “ดูเหมือนเวลานี้เจ้าจะไม่มีคนคอยช่วยเหลือแล้วสินะ ฉะนั้นก็จงตายเสีย !”
สิ้นเสียงคนพูด เขาหายวับไปจากจุดที่ยืน ทันทีที่ได้ข่าวว่ามียอดฝีมือเข้ามาที่ฉางหลาน หลี่เสวียนชางรีบรุดมาโดยเร็ว ด้วยเวลานี้เหมาะอย่างยิ่งที่จะกำจัดตัวปัญหา เขาจะไม่ยอมพลาดโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตไปโดยเด็ดขาด !
ขณะเดียวกัน เยี่ยฉวนหรี่ตามองพลันตั้งท่าออกต้านทาน ทันใดนั้นเอง พลันปรากฏเหตุการณ์ขึ้นเบื้องหน้า
ตู้ม !
เสียงระเบิดจางหาย ร่างของหลี่เสวียนชางล่าถอยกลับไปยังจุดที่เดิม
คนที่ออกมายืนขวางหน้าเยี่ยฉวน คือจ้างหอชั้นเก้าแห่งสำนักอัปสรเมรัย และอีกคนยืนไม่ห่างที่จ้าวหอชั้นเก้าคือ เจียงเยว่เทียน ! ทั้งสองคนต่างเพ่งสายตาจ้องเขม็งไปที่หลี่เสวียนชางและชายในชุดคลุมสีดำ !
เมื่อเห็นหน้าค่าตาคนที่เพิ่งเข้ามาได้ถนัดชัดเจน ใบหน้าของหลี่เสวียนชางหมองคล้ำปากบิดเบี้ยว “จ้าวหอชั้นเก้า เจียงเยว่เทียน ทำเช่นนี้หรือว่าพวกท่านอยากเป็นศัตรูกับฉางมู่ ?”
จ้าวหอชั้นเก้าสบตาคนพูด แววตาเยือกเย็นมองหลี่เสวียนชาง ก่อนชำเลืองไปทางเยี่ยฉวน “สหายข้า ข้าและท่านเจียงเยว่เทียนจะรับมือกับคนพวกนี้ เวลานี้มียอดฝีมือขั้นผนึกยุทธ์ราวหกคนเป็นอย่างน้อยกำลังตรงมาที่นี่ คนเหล่านั้นมีความชำนาญในการมองเห็นในที่มืด ดังนั้นจึงเลือกจู่โจมในเวลาเช่นนี้ อีกอย่างข้ามั่นใจว่าดินแดนอันธกาลได้ส่งคนมาด้วยเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน…”
เยี่ยฉวนจึงพูดขึ้นทันทีว่า “ข้าได้แจ้งให้อาจารย์ของข้าทราบแล้ว !”
อาจารย์ !
เมื่อได้ยินเช่นนั้นจ้างหอชั้นเก้าถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ทันใดนั้นเขาหันขวับไปทางหลี่เสวียนชางซึ่งอยู่ไม่ห่างเท่าใดนัก “ฮ่าฮ่า หลี่เสวียนชาง สถานศึกษาฉางมู่ของเจ้าประพฤติผิดคิดชั่ว สำนักอัปสรเมรัยของข้าไม่อาจทนต่อพฤติกรรมชั่วช้าเช่นนี้ของพวกเจ้าอีกต่อไป วันนี้ ข้าในฐานะตัวแทนของสำนักอัปสรเมรัยจะกำจัดต้นเหตุแห่งหายนะออกไปจากแคว้นเจียงเอง !”
พูดขาดคำ เขาทะยานตรงเข้าหาหลี่เสวียนชาง
ทุกคนชะงักงัน “…”