หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 205 ข้าปกป้องพวกเจ้าไม่ได้อีกแล้ว ! (ปลาย)
บทที่ 205 ข้าปกป้องพวกเจ้าไม่ได้อีกแล้ว ! (ปลาย)
เมื่อออกจากหอคอยแล้ว เยี่ยฉวนเงยหน้ามองไปทางที่คู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่าย ซึ่งกำลังห้ำหั่นกันอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะอาจารย์ใหญ่จี้และชายชราสวมผ้าคลุม ทั้งสองคนนับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อทั้งฝีมือและความกล้าแกร่ง ดังนั้นจึงปะทะกันอย่าดุเดือด !
ส่วนอีกด้านหนึ่ง จ้าวหอชั้นเก้าแห่งสำนักอัปสรเมรัยและเจียงเยว่เทียนทั้งสองคนไม่ได้ถึงกับไม่ออมมือต่อคู่ต่อสู้ บัดนี้เป้าหมายของคนทั้งสี่คือเพื่อตรึงคู่ต่อสู้ไว้เท่านั้น !
เยี่ยฉวนละสายตาจากคู่ต่อสู้ทั้งหลายและสังเกตไปรอบบริเวณ จึงพบว่าโดยรอบมีสายตาของใครอีกหลายคนกำลังซุ่มจับตาดูการต่อสู้จากมุมมืด ทุกคนที่มาล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น !
พวกเขาแอบซุ่มดูอยู่เพื่อรอเวลาให้คนจากอาณาจักรต้าอวิ๋นออกโรงนำหน้า และพวกเขาจึงเคลื่อนไหวเท่าที่จำเป็น อย่างเช่นเมื่ออาจารย์ใหญ่เกิดเพลี่ยงพล้ำ ! เวลานี้ คนเหล่านั้นไม่นึกกระดากใจอะไรทั้งสิ้น !
อาจารย์ใหญ่จี้ ! เมื่อนึกถึงเช่นนั้นพลันเยี่ยฉวนจับตามองไปที่อาจารย์ใหญ่จี้ เสียงพูดรำพึงพอให้ได้ยิน “เจ้าโม่ เจ้าไป๋ แม่นางจี้… วันนี้คงจะเป็นวันตายของพวกเราแล้วจริง ๆ”
โม่อวิ๋นฉีถอนใจเบา ๆ พลางงัดกระดาษและพู่กันขึ้นมาถือ จากนั้นจึงลงมือเขียนขยุกขยิก
ไป๋เจ๋อหันมาเห็น จึงถามด้วยความสงสัย “เจ้าจะทำอะไร ?”
โม่อวิ๋นฉีค้อนขวับไปทางไป๋เจ๋อ ก่อนก้มหน้าก้มตาเขียน ปากพูดตอบว่า “ข้ากำลังร่างพินัยกรรม ! เวลานี้เช่นนี้จะทำอะไรได้อีก ?”
“พินัยกรรม !” ไป๋เจ๋อถามกลับมา “ว่าแต่ใครจะนำไปส่งให้เจ้า ?”
โม่อวิ๋นฉีหยุดเขียน เขาทำท่าฉุกคิดนิดหนึ่งก่อนส่ายศีรษะและก้มหน้าเขียนต่อไป “ใครก็ช่าง ! ข้าจะร่างให้เสร็จก่อนก็แล้วกัน” พูดจบหันมาทางคนที่ยืนข้าง ไป๋เจ๋อและคนอื่น “แล้วพวกเจ้า ?”
คนตัวใหญ่ส่ายหน้า “จะให้ข้าเขียนถึงใคร ?”
คนที่กำลังเขียนชะงักเงยหน้าขึ้นมอง “เจ้าไม่มีญาติพี่น้องหรือไง ?”
ไป๋เจ๋อส่ายหน้าอีก “ข้าเติบโตมากับสัตว์ป่าอาศัยอยู่บนภูเขา !”
“เจ้าอาศัยอยู่กับสัตว์ป่า !” ทั้งเยี่ยฉวนและจี้อันซื่อหันมามองหน้าไป๋เจ๋อด้วยสายตาฉงนระคนแปลกใจ
เสียงโม่อวิ๋นฉีรำพึงมาเบา ๆ “เจ้ายักษ์ไป๋ ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าชีวิตเจ้าจะรันทดขนาดนี้…”
แต่ไป๋เจ๋อตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “บิดาบุญธรรมที่เลี้ยงข้ามาเป็นผู้บัญชาการอสูร พวกที่อาศัยอยู่บนเทือกเขามังทุกชีวิตคือครอบครัวของข้า”
สีหน้าของโม่อวิ๋นฉีเครียดเคร่ง “เฮ้อ ไม่ขงไม่เขียนละ…”
ตู้ม !
ทันใดนั้นเสียงดังสนั่นปานฟ้าผ่าดังมาจากข้างบนในระยะไกล ทันใดนั้น พื้นพสุธาข้างล่างก็สั่นไหวครั่นครืน และบังเกิดแผ่นดินแยกแตกออกจนเห็นเป็นชั้นลึงลงในผิวดิน สีหน้าของเยี่ยฉวนและคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์แปรเปลี่ยนฉับพลัน และต่างก็พากันหลีกถอยออกห่างร่องรอยแตกนั้น
ตู้ม !
ทันใดนั้นมีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นติดตามมาจากท้องฟ้าเบื้องบน พลันปรากฏร่างสองร่างที่บนอากาศผงะแยกออกจากกัน คนผู้หนึ่งคืออาจารย์ใหญ่จี้และอีกคนคือชายชราสวมผ้าคลุม
ชายชราสวมผ้าคลุมจ้องเขม็งที่อาจารย์ใหญ่จี้ สีหน้าดุดัน “ไม่แปลกใจเลยที่ฉางหลานยังคงอยู่รอดแม้เวลาจะล่วงเลยมานานนักหนา เพราะมีเจ้าเป็นยอดฝีมือกล้าแกร่งเช่นนี้ ใครก็ตามที่คิดจะกำจัดเจ้า คงต้องคิดใหม่ว่าจะต้องมีพลังแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า !”
อาจารย์ใหญ่จี้ฉวยไหน้ำเต้าที่เหน็บไว้และยกขึ้นจิบ จนน้ำสุราไหลซึมเป็นทางลงจากมุมปาก จากนั้นเขาเหวี่ยงไหสุราไปอีกทาง ก่อนเบนสายตาไปยังศิษย์ทั้งหลายเบื้องล่าง พลันเขาตะโกนถามเยี่ยฉวนและคนอื่น ๆ “เจ้าเคยนึกเสียใจไหม ที่มาเป็นศิษย์ฉางหลาน ?”
เยี่ยฉวนสั่นศีรษะปฏิเสธ พลางตอบยืนยันเสียงหนักแน่น “ไม่เลย !” เขาไม่เคยนึกเสียใจแม้แต่น้อยที่เป็นศิษย์แห่งสถานศึกษาฉางหลาน !
หากไม่ได้อาจารย์ใหญ่จี้ เยี่ยฉวนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป่านนี้เยี่ยหลิงน้องสาวจะเป็นอย่างไร อีกอย่างการที่เขาได้มาที่ฉางหลาน ทำให้พบกับโม่อวิ๋นฉีและคนอื่น ต้องบอกว่าสถานศึกษาฉางหลานให้ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจของเยี่ยฉวนด้วยต่างหาก !
สถานศึกษาฉางหลานจึงเปรียบเสมือนบ้าน ! สมัยที่พวกเขาอาศัยอยู่กับตระกูลเยี่ยที่เมืองชิง ยังไม่ทำให้เขารู้สึกได้เช่นนี้ ! ที่เมืองชิง มีแต่ความเฉยเมยต่อกันและผลประโยชน์เท่านั้น !
ทว่าเมื่อเยี่ยฉวนได้มาอยู่ที่นี่ เขาจึงถ่องแท้ถึงคำว่ามิตรภาพ !
อีกด้านหนึ่งโม่อวิ๋นฉีนิ่งคิดก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า “อาจารย์ใหญ่จี้ ข้าจะบอกความจริงกับท่าน ทีแรกข้าเคยนึกเสียใจ…แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าที่แท้ท่านเป็นคนดี และเมื่อมาที่นี่ข้าได้พบกับพี่หัวขโมยเยี่ย เจ้ายักษ์ไป่ และพี่สาวจี้… พี่หัวขโมยเยี่ยและเจ้ายักษ์ถึงแม้จะชอบขี้อิจฉาข้า เพราะเห็นว่าข้าเก่งกว่า หล่อกว่า แต่…”
“เอาล่ะ เอาล่ะ !” เสียงตัดบททันควัน จากนั้นอาจารย์ใหญ่จี้จึงพยักหน้าและโบกมือไปทางไป๋เจ๋อ “เจ้าพูดมากพอแล้ว เอ้าต่อไป ไป๋เจ๋อว่ามาได้เลย !”
โม่อวิ๋นฉีชะงัก “…”
ไป๋เจ๋อก้าวออกมายืนข้างโม่อวิ๋นฉี เขาส่ายหน้าพลางพูดว่า “ข้าไม่เคยเสียใจ !”
“พวกเขาไม่เสียใจที่เป็นศิษย์ฉางหลาน !” เสียงอาจารย์ใหญ่จี้พึมพำจากบนอากาศ พลันยกไหสุราขึ้นเทลงคออึกใหญ่ หลังจากหยุดสูดลมหายใจเข้าปอดหลายเฮือก ทันใดนั้นเขารวบรวมพลังและบีบไหสุราในมือข้างหนึ่ง พลันไหสุรานั้นแตกกระจาย !
ทันใดนั้นอาจารย์ใหญ่จี้แหงนหน้าส่งเสียงหัวเราะลั่นจากเบื้องบนในระยะไกล “พวกเขาไม่เสียใจที่มาเป็นศิษย์ของข้า เป็นศิษย์ฉางหลาน… รู้อย่างนี้ข้าก็พอใจแล้ว…”
หลังจากนั้น อาจารย์ใหญ่จี้พลันกวาดตาไปทางชายชราสวมผ้าคลุมที่อยู่ในระยะห่างออกไป “เข้ามา มาสู้กับข้า !” สิ้นเสียงคนพูด พลันแสงสว่างฉายรังสีฉาบทั่วไปบนท้องฟ้า
ชายชราสวมผ้าคลุมจับตามอง ขณะนั้นเขาค่อยผลักฝ่ามือออกช้า ๆ ก่อนที่จะพลิกฝ่ามือบิดอากาศเบื้องหน้าฉับพลัน !
การบิดเบือน ! ทักษะยุทธ์พิเศษที่มีเฉพาะขั้นผนึกยุทธ์ !
บนท้องฟ้า ปรากฏลำแสงแห่งพลังสาดกระจายครอบคลุมไปทั่วทุกทิศทาง ทั้งกระแสพลังอันแรงกล้ากระเทือนไปถึงภูเขาฉางหลานสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น คนที่อยู่ในที่ราบมีสีหน้าหวั่นวิตกด้วยไม่แน่ใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างพากันล่าถอยซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อเห็นชัดเจนต่อสิ่งที่บังเกิด ชายชราสวมผ้าคลุมพลันสีหน้าแปรเปลี่ยน “เจ้า เจ้าต้องการระเบิดร่างตนเอง !”
ขณะนั้นเอง จู่ ๆ ปรากฏเงื่อมเงาปริศนาขึ้นทางด้านขวาและซ้ายของร่างอาจารย์ใหญ่จี้ !
ฉับ ! ฉับ !
กระแสโลหิตพุ่งออกจากลำคอและบริเวณกลางลำตัวของอาจารย์ใหญ่ !
เพียงเสี้ยววินาทีต่อมา พลังลึกลับพลันเลือนหายไป ขณะเดียวกันกับที่ร่างของอาจารย์ใหญ่จี้ค่อย ๆ ลอยละลิ่วร่วงลงมาจากเบื้องบน
“พวกสองเงาปริศนาเป็นพวกมือสังหารฝีมือขั้นผนึกยุทธ์จากดินแดนอันธกาล ! ระวังตัว !” เสียงตะโกนเตือนดังมาจากอีกด้านหนึ่งของจ้าวหอชั้นเก้า
เบื้องล่าง ทั้งเยี่ยฉวนและคนอื่นต่างตื่นตะลึงทันทีที่เห็นร่างของอาจารย์ใหญ่จี้ร่วงลงมาจากท้องฟ้า โดยเฉพาะจี้อันซื่อ นางส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจแทบสิ้นสติ
ทันใดนั้น เยี่ยฉวนกระโจนพรวดออกไปเบื้องหน้าและตรงเข้ารับร่างของผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ไว้ ชายหนุ่มค่อยประคองอาจารย์ใหญ่จี้ให้นอนราบกับพื้น สายตามองไปเห็นโลหิตทะลักราวสายน้ำออกจากบาดแผลที่ลำคอของชายชรา
เยี่ยฉวนชะงักนิดหนึ่งด้วยความตกใจ ทันใดนั้นเขาล้วงเอายาโอสถเทพประสานออกมา แต่ทว่าอาจารย์ใหญ่จี้กลับยกมือขึ้นกุมบาดแผลที่ลำคอไว้พลางส่ายศีรษะช้า ๆ “ข้าไม่ต้องการยา !”
คนตรงหน้าชะงักมือที่กำลังเทยา เขามองหน้าอาจารย์ใหญ่ ขณะที่คนชราจ้องลึกลงไปในดวงตาของเยี่ยฉวนและคนอื่น ๆ เสียงกระซิบราวรำพึงกับทุกคน “ข้าปกป้อง