หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 206 ข้าคือคนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่เชื่อหรือ ? (ต้น)
บทที่ 206 ข้าคือคนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่เชื่อหรือ ? (ต้น)
เสียงพึมพำแผ่วเบาของอาจารย์ใหญ่จี้ “ข้าไม่อาจอยู่ปกป้องพวกเจ้าได้อีกแล้ว !” ด้วยคำพูดนั้น พลันเยี่ยฉวนและทุกคนน้ำตาเริ่มรินหลั่งร่ำไห้
เยี่ยฉวนฉวยมือของอาจารย์ใหญ่ขึ้นมาจับไว้แน่น เขาเพิ่งตระหนักแก่ใจก็วันนี้ ว่าความรู้สึกที่มีต่อชายชราอาจารย์ใหญ่ผู้นี้ เป็นความรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นเสมือนญาติ เป็นคนในครอบครัว !
ครอบครัวของเขา !
เช่นเดียวกับโม่อวิ๋นฉี ซึ่งยกฝ่ามือขึ้นปิดหน้าขณะร่ำไห้ สภาพของเขาในเวลานี้ไม่หลงเหลือคราบของชายหนุ่มเจ้าสำราญ ตลกโปกฮาแบบเดิมแม้แต่น้อย
ไป๋เจ๋อนั่งคุกเข่าบีบมือทั้งสองข้างแน่น เขามิได้ร่ำไห้เช่นคนอื่น แต่แววตาหมองมัวราวกับมีม่านหมอกปกคลุม
จี้อันซื่อศีรษะตกซ่อนปิดสีหน้า ยังคงนิ่งเงียบไม่มีเสียงเล็ดลอด
ลมหายใจของอาจารย์ใหญ่ยามนี้ อ่อนเบารวยรินลงทุกขณะ เขาพยายามกวาดสายตามองใบหน้าของศิษย์ไล่เรียงทุกคน ในที่สุดก็มาหยุดลงที่เยี่ยฉวน “หลังจากที่อาจารย์ตาย เจ้าจงทำหน้าที่ในฐานะอาจารย์ใหญ่แห่งสถานศึกษาฉางหลานแทนข้า รับปากสิว่า เจ้าจะช่วยดูแลและจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายพวกเขาอีก”
เยี่ยฉวนพยักหน้าหนักแน่น ก่อนสะอึกคำพูดละล่ำละลัก “ขอรับ !”
ชายชราเหยียดมุมปากยิ้มบางเบา แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้โลหิตทะลักพรวดไหลออกมาตามร่องนิ้วมือที่กุมบาดแผลที่ลำคอ เขาเงยหน้ามองไปในที่แสนไกลบนท้องฟ้า
“ข้าต้องการให้เจ้าทำสองเรื่อง เรื่องแรกถ้าเป็นไปได้ ต่อไปเจ้าช่วยนำร่างของศิษย์ฉางหลานซึ่งแขวนอยู่ตามทางเดินขึ้นเขาฉางซานกลับมา เวลานี้เจ้าคืออาจารย์ใหญ่ ดังนั้นภาระหน้าที่นี้จึงตกอยู่กับเจ้า”
“อีกเรื่องก็คือ ข้ามาจากสถานศึกษาฉางหลานสำนักใหญ่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ แต่เพราะข้าไม่ดีเองทำให้อาจารย์ผิดหวัง ถ้าเจ้ามีโอกาส ช่วยกลับไปที่ฉางหลานสำนักใหญ่และคุกเข่าคำนับต่ออาจารย์ขออภัยแทนข้าที บอกเขาว่าข้าคงต้องตอบแทนความเมตตาของเขาในชาติหน้า”
คนพูดจบร่างของผู้เฒ่าทะยานขึ้นสู่อากาศ ต่อมาบังเกิดพลังบางอย่างพุ่งวาบเข้าห่อหุ้มกลุ่มเยี่ยฉวนและพวกทั้งสามไว้ พลันพลังที่เข้าห่อหุ้ม ได้หอบเอาเยี่ยฉวนและพวกลงไปยังเชิงเขาฉางหลานในชั่วพริบตา ขณะเดียวกันร่างของอาจารย์ใหญ่จี้ทะยานสูงสู่อากาศเบื้องบน จากนั้นรังสีสว่างวาบกระจายออกจากร่างของเขา !
เนื่องด้วยรังสีแห่งพลังนั้นกล้าแกร่งยิ่ง ทำให้ผู้พบเห็นที่อยู่ในบริเวณต่างหน้าถอดสีด้วยความตระหนกตกใจ ! ไม่เว้นแม้แต่ชายชราสวมผ้าคลุม เขาเบิกตาโพลงจ้องมองมายังร่างของอาจารย์ใหญ่จี้ “จะ เจ้า…”
ทันใดนั้น อาจารย์ใหญ่พุ่งพรวดเข้าหาคนชราสวมผ้าคลุมอย่างรวดเร็ว ฉับพลันนั้นเอง เงาดำสองร่าง จู่ ๆ ก็โผล่เข้ามาจากทิศทางใดไม่ปรากฏ พวกมันพุ่งมาทั้งด้านขวาและซ้ายของอาจารย์ใหญ่จี้ !
ทันทีที่เหลือบเห็นสองร่างเงา ผู้เฒ่าจี้พลันหลับตาลง “พาพวกเขาหนีไป !”
หลังจากนั้น…
ตู้ม !
ระเบิดพลังรุนแรงพุ่งออกจากร่างของอาจารย์ใหญ่จี้… ความกล้าแกร่งแห่งพลังแปรเปลี่ยนร่างทั้งร่างของผู้เฒ่าแหลกกระจายกลายเป็นละไอหมอกโลหิตในทันที…
การระเบิดตนเองของยอดยุทธ์ในขั้นสุดยอดผนึกยุทธ์ ! พลังรุนแรงน่าเกรงขามอะไรอย่างนี้ ?!!
สถานการณ์ที่ท้องฟ้าเบื้องบน พลังระเบิดนั้นได้ส่งแรงกระแทกเงาปริศนาทั้งสองซึ่งปรากฏทางด้านขวาและซ้ายของอาจารย์ใหญ่จี้ก่อนหน้า กระเด็นไกลออกไปและในที่สุดตกลงสู่พื้นดินห่างออกไปนับร้อยจั้ง และนั่นเองทำให้ชายหนุ่มที่ยืนข้างพร้อมทั้งชายชราสวมผ้าคลุมถอยกรูดรวดเร็ว ไม่เพียงแต่พวกเขาที่ตื่นตระหนก ทว่าบรรดายอดยุทธ์ที่ซุ่มอยู่ต่างต้องล่าถอยในเวลาเดียวกัน…
ฉับพลันนั้นความรุนแรงแห่งพลังยังทำให้ยอดเขาฉางหลานถล่มหายไปกว่าครึ่ง !
ขณะที่อาจารย์ใหญ่จี้เลือกที่จะใช้พลังระเบิดชีพของตนเองนั้น จ้าวหอชั้นเก้าและเจียงเยว่เทียนพลันปรากฏขึ้นข้างเยี่ยฉวนและพวกที่บริเวณเชิงเขา เขามีสีหน้าเคร่งเครียดพูดกับเยี่ยฉวนว่า “เร็วเข้า พวกเราต้องกลับไปที่สำนักอัปสรเมรัย”
“สำนักอัปสรเมรัย !” เจียงเยว่เทียนหันไปมองหน้าจ้าวหอชั้นเก้าราวกับไม่เชื่อหู ! “พาเยี่ยฉวนไปที่นั่น เท่ากับจะทำให้หอสำนักอัปสรเมรัยกลายเป็นสนามประลองได้ !”
“สำนักอัปสรเมรัยถือข้างเยี่ยฉวนไม่ใช่หรือ ?” ทั้งเยี่ยฉวนและเพื่อนทั้งสามหันมามองจ้าวหอชั้นเก้าอย่างไม่อยากเชื่อต่อสิ่งที่ได้ยิน จ้าวหอตั้งใจจะให้พวกเขาหนีไปที่หอสำนักอัปสรเมรัย เพราะเวลานี้กล่าวได้ว่า ยอดยุทธ์ขั้นสุดยอดผนึกยุทธ์ไม่ต่ำกว่าโหลหนึ่งกำลังมาตามล่าพวกเขาทั้งสี่ !
ถ้าพวกเยี่ยฉวนหนีไปที่หอสำนักอัปสรเมรัย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหอสำนักอัปสรเมรัยจะกลายเป็นสนามประลองไปโดยสิ้นเชิง !
เยี่ยฉวนมีท่าทางไม่แน่ใจ และกำลังอ้าปากจะคัดค้าน แต่จ้าวหอชั้นเก้ากลับขัดจังหวะขึ้นทันที “เร็วเถอะ อย่ามัวชักช้า” จากนั้นเขาหันไปมองเจียงเยว่เทียน “ท่านพี่เจียง ช่วยข้าคุ้มกันพวกเขาและตามมาขอรับ !”
พลันคนพูดสะบัดมือขวาและหายวับไปจากจุดที่ยืนพร้อมด้วยเยี่ยฉวนและจี้อันซื่อ เจียงเยว่เทียนชะงักงันไปเสี้ยววินาที ก่อนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด “มาเดิมพันข้างเยี่ยฉวนกัน !” ทันทีที่พูดจบ เขาและโม่อวิ๋นฉีพร้อมด้วยไป๋เจ๋อหายวาบไปจากสถานที่อย่างรวดเร็ว
เมื่อคนทั้งกลุ่มหายไปหมดแล้ว หลี่เสวียนชางและชายชุดดำพลันปรากฏตัวขึ้น ณ จุดที่คนทั้งกลุ่มเพิ่งหายไป สายตาเหี้ยมเกรียมของหลี่เสวียนชางจับตามองเงาดำของกลุ่มคนที่บนท้องฟ้าไกลออกไป “พวกสำนักอัปสรเมรัย มันคงเสียสติไปแล้ว ?”
ภายในใจของเขาเกิดความฉงนสนเท่ห์อย่างยิ่ง เพียงต้องการปกป้องเยี่ยฉวนและคนอีกไม่กี่คน สำนักอัปสรเมรัยกล้าเสี่ยงต่อความไม่พอใจของกองกำลังอำนาจทั้งหลาย ! ซ้ำร้ายจะเป็นที่ปรากฏชัดเจนว่าการกระทำจะยั่วยุมหาอำนาจเหล่านั้น !
บัดนี้เหล่ายอดยุทธ์ขั้นพลังผนึกยุทธ์นับสิบอยู่ที่นี่ ในจำนวนนี้ สามถึงสี่คนมีขั้นพลังระดับสุดยอดผนึกยุทธ์ !
ที่สำคัญสถานศึกษาฉางมู่แห่งอาณาจักรต้าอวิ๋นและสำนักมือสังหารแห่งดินแดนอันธกาลก็มาร่วมอยู่ด้วยเช่นกัน !
ทั้งสองสำนักหาใช่กองกำลังระดับสามอย่างใดไม่ !
สำนักอัปสรเมรัยกล้าขัดแย้งกับกองกำลังทั้งสองในเวลาเดียวกันเชียวหรือ ?
ใกล้กับหลี่เสวียนชางเป็นชายในชุดดำพูดเสียงกระซิบ “ต้องมีใครสักคนอยู่เบื้องหลังเยี่ยฉวนแน่ !”
“ใครสักคนอย่างนั้นหรือ ?” หลี่เสวียนชางสีหน้าเกรี้ยวกราดดุดัน “ใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังมัน ทั้งไอ้เยี่ยฉวนและพวก จะต้องถูกเด็ดหัวภายในวันนี้ !”
เขากวาดตามองรอบข้าง “เยี่ยฉวนอายุไม่เท่าไรก็เป็นปรมาจารย์วิทยายุทธ์ และยังเป็นปรมาจารย์กระบี่ ถ้าไม่กำจัดเสียในวันนี้ ข้าเกรงว่าต่อไปจะไม่เป็นผลดีพวกเจ้าทั้งหลาย หากวันหนึ่งวันใดที่คนผู้นั้นเป็นจ้าวกระบี่ หรือถึงแม้จะเป็นเพียงผู้ฝึกกระบี่ แต่มันก็คงมีโอกาสทะยานขึ้นสู่ราชันกระบี่สูงยิ่ง !”
ท่ามกลางความเงียบงัน ชายชราสวมผ้าคลุมพร้อมชายหนุ่มทะยานมาในอากาศ ติดตามคนทั้งกลุ่มไป ! เยี่ยฉวนต้องตาย !
เหล่าเฒ่าพิลึกพวกนี้อยู่มานานปี ต่างล้วนเข้าใจความนัยแห่งวาจา “กำจัดทั้งทีต้องถอนรากถอนโคน มิให้โงหัวขึ้นมาได้อีก” ถ้าปล่อยเยี่ยฉวนไปวันนี้ เขาจะนำพาหายนะมาสู่พวกตนในวันหน้า !
เมื่อเห็นทุกคนเริ่มไหวตัว หลี่เสวียนชางแสยะยิ้มชั่วร้าย “ดีละ ในวันนี้พวกเราจะถล่มสำนักอัปสรเมรัยและล้างพวกมันออกไปจากโลกยุทธภพด้วย !” จากนั้นทั้งหลี่เสวียนชางและชายชราสวมผ้าคลุมก็หายวับไปจากที่พร้อมกัน
คงถึงกาลที่เมืองหลวงสิ้นสุดความสงบสุขเสียแล้ว !!!