หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 208 ข้าคือคนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่เชื่อหรือ ? (ปลาย)
บทที่ 208 ข้าคือคนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่เชื่อหรือ ? (ปลาย)
ชายชราสวมผ้าคลุมหันไปสบตากับคนอื่น จากนั้นพวกเขาทั้งหมดหายวาบไปจากที่ทันที หากเหล่ายอดยุทธ์ขั้นผนึกยุทธ์ทั้งสิบคนนั้นลงมือพร้อมกัน พลังรุนแรงจะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน ?
เปรี้ยง !
สิ้นเสียงดังสนั่น พลันลำแสงประจุพลังหายวับไปในพริบตา ขณะที่พลังงานนับสิบ ถาโถมจู่โจมหอสำนักอัปสรเมรัยในเวลาเดียวกันนั้น !
ตู้ม !
ทันใดนั้น เสียงดังกัมปนาทสั่นสะเทือนไปทั่วเมืองหลวง ฉับพลันที่สิ้นเสียง อาคารหอสำนักอัปสรเมรัยถล่มครืนลงทั้งหลัง เหลือเพียงกองเศษอิฐหินและฝุ่นควันฟุ้งกระจายขึ้นสู่อากาศ
ทว่าไม่นานหลี่เสวียนชางและคนอื่นก็ได้โบกพัดเศษซากและฝุ่นฟุ้งที่กระจัดกระจายออกไปทันที
ท่ามกลางกองซากปรักหักพัง พวกเยี่ยฉวนและคนอื่นยังไม่ทันตั้งตัว พลันร่างสองร่างหล่นตุ้บลงมาเบื้องหน้าอย่างแรง !
เป็นจ้าวหอชั้นเก้าและเจียงเยว่เทียน !
เมื่อเป็นฝีมือของหลี่เสวียนชางและคนอื่นซึ่งเข้าจู่โจมพร้อมกัน ! จึงไม่แปลกที่คนทั้งสองจะเสียทีให้คนทั้งกลุ่ม !
ทันใดนั้น พลังนับสิบพลังพุ่งเข้าปะทะเยี่ยฉวนและคนอื่น
ผัวะ !
เมื่อนั้นเองเยี่ยฉวนและพวกทั้งสามถูกพลังตรึงให้แนบอยู่กับพื้น ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยยังมีพลังกดอัดราวกับจะบดขยี้ให้ทั้งกระดูกทั้งข้อต่อในร่างกายแหลกละเอียดลงได้ในบัดดลเข้าเสริม !
ชายหนุ่มพยายามผุดลุก ทว่าหลี่เสวียนชางทะยานจากด้านข้างเข้าขวางเบื้องหน้า และโดยทันทีเขาผลักออกกระแสพลังพุ่งเข้าหาร่างของเยี่ยฉวน
“อ๊อก !” โลหิตสดกระอักออกมาทางปากของชายหนุ่ม
อีกฝ่ายเหยียดมุมปากแสยะแยกเขี้ยวด้วยความสะใจ สีหน้าเหี้ยมเกรียม “ข้าจะสั่งสอนให้เจ้าได้รู้ว่าการไม่ได้เป็นศิษย์ฉางมู่เป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงในชีวิตของเจ้า ไม่ใช่ของข้า !” จากนั้นจึงเบนสายตาไปทางโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อ ทั้งสองคนที่อยู่ข้างเยี่ยฉวน พลันร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน
เปรี้ยง ! เปรี้ยง !
เขาผลักฝ่ามือออกกระแทกไป๋เจ๋อและโม่อวิ๋นฉีกระเด็นไปไกลนับร้อยจั้ง และทันทีที่สองคนตกลงกระแทกกับพื้นดิน ความรุนแรงพลันทำให้ต่างกระอักกระไออกมาเป็นโลหิตไม่หยุดยั้ง !
หลังจากนั้นหลี่เสวียนชางเหลือบตามองไปที่เยี่ยฉวน แสยะยิ้ม “เจ้าสังหารศิษย์ฉางมู่ตายหลายคน วันนี้ถึงตาเจ้าบ้าง ข้าจะให้เจ้ามองดูเพื่อนของเจ้าตายไปต่อหน้าต่อตา…” พูดขาดคำ ทันใดนั้นเขายกขาขวาและกระทืบลงเต็มแรง
เปรี้ยง ! เปรี้ยง !
ก้อนหินคมคริบสามก้อนกระดอนขึ้นจากพื้น และพุ่งพรวดเข้าไปที่ร่างของไป๋เจ๋อ โม่อวิ๋นฉีและจี้อันซื่ออย่างรวดเร็ว !
เยี่ยฉวนเห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มถึงกับถลึงตาจนแทบถลนออกมานอกเบ้า พลันส่งเสียงคำรามลั่นด้วยความโกรธสุดขีด
เปรี้ยง !
ชั่วเสี้ยววินาที ที่พลังแห่งเคล็ดวิชาการต่อสู้กระจายวาบออกจากภายใน โดยผสานด้วยเคล็ดวิชากระบี่ !
เมื่อปรากฏสองเคล็ดวิชาสอดประสานเป็นหนึ่ง พลังเคล็ดวิชาทะยานเข้าสกัดพลังของหลี่เสวียนชาง !
ขณะนั้นร่างของเยี่ยฉวนสั่นสะท้านสะเทือน และพุ่งเข้าหาหลี่เสวียนชางพร้อมกับกระบี่ในมือ !
ด้วยภาพการณ์ที่ปรากฏ ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงอย่างไม่คาดคิด !
เมื่อฝ่ายหลี่เสวียนชางเป็นถึงผู้มีขั้นพลังสุดยอดผนึกยุทธ์ !
ขณะที่อีกฝ่ายคือเยี่ยฉวน แต่กลับทนทานต่อพลังบีบอัดได้อย่างเหนียวแน่น…
ความสะพรึงกลัวบังเกิดเมื่อเยี่ยฉวนมิได้เป็นเพียงปรมาจารย์วิทยายุทธ์ แต่เขาคือปรมาจารย์กระบี่ด้วย !
เยี่ยฉวนฝึกปรือวิชาทั้งกระบี่และทักษะยุทธ์ !
“ยอดคนเหนือชั้น !” สิ่งที่ได้ประจักษ์แก่สายตา ก่อให้เกิดความรู้สึกขึ้นในจิตใจของคนในที่นั้น !
แม้แต่หลี่เสวียนชางยังแสดงออกทางสายตาว่าประหลาดใจไม่น้อย ทั้งที่มีช่วงห่างระหว่างพลังของคู่ต่อสู้ ของเยี่ยฉวนและตนเอง แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับสามารถทนทานต่อพลังบดขยี้ มิหนำซ้ำยังผลักออกเคล็ดวิชาเข้าต้านทานไว้ได้ !
คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง !
เมื่อคิดเช่นนั้น พลันแววตาส่อเจตนาสังหารของหลี่เสวียนชางยิ่งส่อเจตนาแรงกล้า ในขณะเดียวกัน เขารู้สึกว่าเคราะห์ดีที่ตัดสินใจทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเยี่ยฉวน ไม่เช่นนั้นการปล่อยให้เขาพัฒนาฝีมือรุดหน้าต่อไป เยี่ยฉวนคนนี้จะกลายเป็นมหันตภัยร้ายของสถานศึกษาฉางมู่ในวันหน้าแน่ !
ฉับพลันนั้นชายหนุ่มทะยานพรวดเข้ามาเบื้องหน้าหลี่เสวียนชาง เขาตวัดออกฝ่ามือขวาทันทีอย่างไม่รอช้า
ผัวะ !
แรงปะทะส่งให้ร่างของชายหนุ่มกระเด็นกลับไปไกลกว่าร้อยจั้ง ก่อนตกกระแทกลงสู่พื้นดินใกล้เคียงกับพวกโม่อวิ๋นฉี ทันทีที่ร่างคนกระทบพื้น พลันบังเกิดรอยแตกร้าวลึกลงในชั้นดินยาวหลายสิบจั้ง ! เยี่ยฉวนฟุบอยู่กับพื้นขณะเดียวกันโลหิตทะลักไหลออกทางปากไม่ขาดสาย
หลี่เสวียนชางเดินช้า ๆ ตรงเข้ามาที่คนในบริเวณนั้น “ข้าเคยบอกแล้วว่าเจ้าต้องตาย เวลานี้ต่อให้เทวดาก็ช่วยเจ้าไม่ได้ !”
โม่อวิ๋นฉียกมือปาดโลหิตที่มุมปาก เขาหันไปมองหน้าเยี่ยฉวนซึ่งพังพาบอยู่กับพื้นในที่ที่ไม่ห่างเท่าใด “พี่หัวขโมยเยี่ย… ข้าสู้ไม่ได้จริง ๆ ฉะนั้น… ข้าจะยอมตายเป็นคนแรก.. !!”
ทว่าหลี่เสวียนชางกลับมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าเสียแล้ว ท่าทีแสยะปากหน้าตาบูดบึ้ง “ว่ายังไง ใครที่อยู่เบื้องหลังเจ้า ? เรียกออกมา เรียก !” พูดจบ พลันยกเท้าเตะที่กลางลำตัวเยี่ยฉวนอย่างแรง
ผัวะ ! ร่างของเยี่ยฉวนปลิวกระเด็นจากที่ไปไกลนับสิบจั้ง เวลานี้ทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลยับเยิน หยาดโลหิตไหลซึมไปทั่วกาย
ฉับพลันเยี่ยฉวนผุดลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิอย่างรวดเร็ว เขากระแทกหมัดเข้าที่บริเวณหน้าอกของตนเอง เพื่อสกัดกั้นความรู้สึกกระวนกระวายที่ผุดขึ้นภายในจิตใจ ในขณะนั้นเองตัวอักษรประกายสีทองคำว่า ‘ปฐพี’ ผุดขึ้นกึ่งกลางระหว่างหัวคิ้ว
ขณะเดียวกัน บริเวณกลางลำตัวของเยี่ยฉวน ภายในหอคอยแห่งเรือนจำสั่นสะเทือนน้อย ๆ! ต่อมา ภาพเงารูปหอคอยปรากฏขึ้น ณ ตรงกลางระหว่างคิ้วทั้งสอง ทว่าสติสัมปชัญญะกลับเริ่มเลือนลาง…
เพียงชั่วครู่ ตัวอักษร ‘ปฐพี’ และภาพเงาหอคอยที่ปรากฏระหว่างคิ้วของเยี่ยฉวน ค่อย ๆ เลือนหายจนสลายหมดสิ้น ! ภายในร่างกาย หอคอยแห่งเรือนจำค่อยกลับคืนสู่สภาวะสงบนิ่ง
“นี่…” จู่ ๆ เสียงแผ่วชนิดหนึ่ง ดังวูบขึ้นในลานกว้าง
หลี่เสวียนชางหันขวับ สีหน้าประหลาดใจยิ่งนัก เขาหันหน้าไปตามเสียงพลางเงยมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะที่ทุกคนต่างหันไปมองที่ท้องฟ้า ณ จุดเดียวกัน
ภายใต้พระจันทร์เต็มดวง ร่างของสตรีสวมอาภรณ์เรียบง่ายทว่าสง่างาม ท่ายืนเอามือไพล่หลัง เส้นผมดำขลับทิ้งตัวยาวเลยบั้นเอว นางกำลังยืนหันหลังให้กลุ่มคนที่อยู่เบื้องล่าง จึงเห็นได้ว่ามีวัตถุชนิดหนึ่งสีดำและขาวพันม้วนรอบอยู่ในอุ้งมือที่กำไว้
ทันใดนั้น สตรีสวมชุดเรียบเผยมือข้างขวาออก “กระบี่จงมา !”
ฉับพลันนั้นเอง ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นอยู่ในเมืองหลวงบังเกิดการสั่นขึ้นในเวลาเดียวกัน พลันใบไม้ของต้นไม้เหล่านั้นปลิวหลุดออกจากกิ่งก้าน แต่ไม่ร่วงลงพื้นทว่ากลับพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และรวมตัวเป็นแผ่นใบไม้ขนาดมหึมาแผ่ปกคลุมท้องฟ้าเหนือเมืองหลวง !
ต่อมา กลุ่มก้อนใบไม้หลากเป็นสายราวสายน้ำไหลจากแม่น้ำลงสู่มหาสมุทร พลันแปรสภาพเป็นกระบี่สีเขียวเข้ม ทันใดนั้นกระบี่ทะยานเข้าสู่อุ้งมือของสตรีสวมชุดเรียบ
ทุกสายตาของทุกคนเบิกกว้าง ด้วยความตกตะลึงจนพูดไม่ออก
จากนั้น กระบี่ในมือของสตรีสวมชุดเรียบพลันหายวับไป หากกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้งโดยฉับพลัน และชี้ปลายกระบี่เข้าหากึ่งกลางหว่างคิ้วของหลี่เสวียนชางแล้ว พลันเสียงของสตรีสะท้อนกังวานทั่วท้องลาน “มาแล้วนี่ไง… ข้าคือคนที่อยู่เบื้องหลังเยี่ยฉวนซึ่งเจ้าเรียกหา ไม่เชื่อหรือไร ?!!”