หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 209 ไม่ต้องมากความ ปล่อยให้ข้าสังหารคนเงียบ ๆ เถอะ ! (ต้น)
- Home
- หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์
- บทที่ 209 ไม่ต้องมากความ ปล่อยให้ข้าสังหารคนเงียบ ๆ เถอะ ! (ต้น)
บทที่ 209 ไม่ต้องมากความ ปล่อยให้ข้าสังหารคนเงียบ ๆ เถอะ ! (ต้น)
ทุกคนที่อยู่ในลานกว้างแห่งนั้น พากันตกตะลึงพรึงเพริด !
ส่วนคนอย่างหลี่เสวียนชางน่ะหรือ ? ถึงกับนิ่งงันไปแล้ว !
ผู้ที่เป็นถึงระดับยอดยุทธ์แห่งขั้นสุดยอดผนึกยุทธ์ !
คนผู้ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในแผ่นดินชิง มิใช่แค่แคว้นเจียงเท่านั้น ! ยามนี้หลี่เสวียนชางกลับสยบด้วยพลังหนึ่งกระบี่ เช่นนั้นหรือ ? กระบี่เคลื่อนไหวรวดเร็ว เร็วเกินกว่าสายตาคนจะทันเห็นได้อย่างชัดเจน !
ฝีมือขั้นยอดยุทธ์ ? ทุกคนจ้องมองไปยังสตรีลึกลับ สายตาเต็มไปด้วยแววประหลาดใจ หวั่นใจ ! ผู้ที่ยืนเยื้องไปด้านหลังอีกคน เห็นได้ชัดว่าจ้าวหอชั้นเก้ามีสีหน้าตื่นเต้นสุดขีดหรือเกือบคลุ้มคลั่งทีเดียว
แม้สภาพร่างกายจะบาดเจ็บสาหัส แต่เวลานี้สิ่งที่จ้าวหออยากทำมากที่สุดคือหัวเราะให้ดังก้องโลก ! การเดิมพันครั้งนี้ เขาได้รับชัยชนะ ! ชายหนุ่มเยี่ยฉวนมีผู้อยู่เบื้องหลังเขาจริง ๆ อีกทั้งคนผู้นั้นเป็นถึงเซียนกระบี่ !
จ้าวหอชั้นเก้าทำท่าเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง เขาหันไปจับบ่าเจียงเยว่เทียนขณะเอ่ยขึ้นว่า “ผู้อาวุโสเจียง ท่านไม่กังวลใจแล้ว ใช่ไหม ? ฮ่าฮ่า…” สายตาของเจียงเยว่เทียนจับอยู่ที่สตรีลึกลับในระยะห่างออกไป สีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึก…
คนที่รู้สึกตระหนกมากที่สุดในตอนนี้ เห็นจะไม่พ้นหลี่เสวียนชาง ! ด้วยปลายกระบี่ชี้แน่แน่วเข้าที่กึ่งกลางหว่างคิ้ว จนเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ! ไม่อาจตอบโต้ ! ยอดยุทธ์เท่านั้น จึงสามารถกระทำเช่นนี้ได้ สินะ ?
ทันใดนั้น ชายชุดดำที่ยืนข้างกายหลี่เสวียนชางมาโดยตลอด พลันหันหลังและทะยานเผ่นหนีไป ด้วยการเคลื่อนไหวรวดเร็วเพียงพริบตาเท่านั้น ร่างคนทะยานออกไปไกลสุด ณ เส้นขอบฟ้าแล้ว ทว่าเสี้ยววินาทีถัดมา กระบี่ซึ่งปักอยู่ที่กึ่งกลางหน้าผากของหลี่เสวียนชางพลันหายวาบไปจากที่
ทันใดนั้น ศรีษะของชายชุดดำหลุดกระเด็นจากบ่า แม้จะอยู่ในระยะห่างไกลกลับมองเห็นได้อย่างชัดเจน !
สัมผัสสังหาร ! เมื่อประจักษ์แก่สายตาเช่นนี้ ยิ่งทำให้ผู้ที่พบเห็นเกิดความหวาดกลัวสุดขีด ! ซึ่งรวมทั้งหลี่เสวียนชาง ! ชายชุดดำคนนี้ ขั้นพลังกล้าแกร่งมิใช่หรือ ?
เขานับว่าเป็นยอดยุทธ์ในขั้นผนึกยุทธ์คนหนึ่ง ! แต่มันยังต้องตายอย่างอนาถเช่นนี้หรือ ? เพียงเสี้ยววินาทีสังหาร ชายชราจากฉางมู่แห่งต้าอวิ๋นจ้องมองนัยน์ตาเบิกโพลง เขาแทบไม่เชื่อสายตา !
ใต้แสงแห่งจันทราเต็มดวง แม้ใครต่อใครในที่นั้นจะจับสังเกตเห็นใบหน้าของสตรีลึกลับได้ไม่ชัดเจนนัก ทว่าเค้าลางยังพอจะมองออกว่าเป็นสตรีที่มีใบหน้าสวยงาม ความงามราวเทพชั้นสวรรค์ เป็นความงดงามที่ยากจะพานพบในเมืองมนุษย์ !
ชายชราสวมผ้าคลุมสีขาวสายตาจ้องแน่วที่สตรีชุดขาว “ทะ… ท่านคือเซียนกระบี่… ทะ…” ทันทีนั้น สตรีลึกลับพลิกฝ่ามือขาวบางเพียงครั้งหนึ่ง
ฉับ !
โดยปราศจากการให้สุ้มให้เสียง ศีรษะคนพูดขาดกระเด็นไปไกล โลหิตแดงฉางพุ่งเป็นสายน้ำจากบาดแผล !
ทุกคนต่างตะลึงจังงัง ! ชายชราสวมผ้าคุลมสีขาว… แม้แต่สุดยอดผนึกยุทธ์ยังต้องแดดิ้นลงเพียงเสี้ยววินาทีสังหาร เช่นนี้หรือ ?!
แม้แต่จ้าวหอชั้นเก้ายังหัวเราะไม่ออก ได้แต่จ้องมองตาแทบถลนออกนอกเป้า
ฝีมือขั้นสุดยอดผนึกยุทธ์ ! ถูกปลิดชีพด้วยเสี้ยววินาทีสังหารงั้นหรือ ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดได้ว่าสตรีเบื้องหน้าคือเซียนกระบี่ จ้าวหอจึงค่อนข้างเบาใจ !
เซียนกระบี่ ! ในแผ่นดินชิงเคยมีเซียนกระบี่ปรากฏหรือไม่ ?
มีแต่ยอดยุทธ์ซึ่งก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าเซียนกระบี่ ทว่ายังไม่เคยมีเซียนกระบี่จริงแม้สักคน…
อีกด้านหนึ่งในลานโล่ง บรรดายอดฝีมือขั้นผนึกยุทธ์ทั้งหลายต่างตกอยู่ในภาวะอกสั่นขวัญหาย !
ทันใดนั้น กระบี่ทะยานตัดลานกว้างพุ่งตรงเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
ฉับ ! ฉับ !
ไม่ไกลออกไป โดยไม่มีการบอกกล่าว รังสีประกายวาบแห่งกระบี่สะบัดร่างเงาสองร่างร่วงหล่นจากท้องฟ้าทิ่มปักลงบนพื้นดินเบื้องล่าง !
เหล่ามือสังหารแห่งดินแดนอันธกาล ซึ่งก่อนหน้า มันทั้งคู่กระทำการสังหารอาจารย์ใหญ่จี้ !
บัดนี้ทั้งสองทิ่มปักอยู่บนพื้นดินและกำลังจ้องเขม็งไปยังสตรีลึกลับชุดขาว ซึ่งลอยตัวอยู่เบื้องหน้าดวงจันทร์ส่องสว่าง แววตาหวาดกลัวเต็มเปี่ยม !
ฉับพลันยอดยุทธ์มือสังหารขั้นผนึกยุทธ์พากันผุดลุกขึ้นยืน พร้อมกับค้อมตัวกระแทกกำปั้นแสดงความคารวะต่อสตรีลึกลับ “ท่านผู้อาวุโส พวกเรา…”
สตรีชุดขาวส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่ต้องมากความ ปล่อยให้ข้าสังหารคนพวกนี้เงียบ ๆ เถอะ !” สิ้นเสียงกังวานใส นางผายมือเรียวบางไปทางชายชราซึ่งกำลังอ้าปากพูด–
ฉับ !
ศีรษะของเขากระเด็นหลุดทันที ! ขณะต่อมายามใดที่สตรีลึกลับผู้นั้นสะบัดพลิกข้อมือ ในเวลานั้นกระบี่สีเขียวกวัดไกววูบวาบราวปีกผีเสื้อกำลังโผผิน…
ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ…
ชั่วเสี้ยววินาทีถัดมา ศีรษะของเหล่ายอดยุทธ์ขั้นผนึกยุทธ์นับสิบ ๆ หัวขาดกระเด็นหลุดจากลำคอ !
ณ ลานกว้าง โลหิตแดงฉานสาดกระจาย เปื้อนเปรอะไปทั่วพื้นดิน เป็นภาพที่ชวนสยดสยองระคนน่าเกรงขามต่อผู้ที่ได้พบเห็นยิ่งนัก !
ที่พื้นดินเบื้องล่าง เหลือคนที่ยังมีชีวิตรอดอีกหกคน ไม่นับรวมจ้าวหอชั้นเก้าและเจียงเยว่เทียน ก็คือหลี่เสวียนชาง สองมือสังหารแห่งดินแดนอันธกาล และชายหนุ่มผู้มากับชายชราสวมผ้าคุลมสีขาว !
ขณะนั้น หลี่เสวียนชางสีหน้าเรียบเฉย ไร้รู้สึก !
เซียนกระบี่ ! เขาเคยคิดว่าเยี่ยฉวนต้องมีคนหนุนอยู่เบื้องหลัง ทว่าไม่เคยคิดว่าคนผู้นั้นจะเป็นถึงเซียนกระบี่…
เมื่อนึกถึงตอนนี้ หลี่เสวียนชางเหลือบมองเยี่ยฉวนด้วยสายตาเย็นชา ขณะนั้นชายหนุ่มยังนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนพื้น หลี่เสวียนชางได้แต่ตะโกนก้องในใจ ‘ทำไมเจ้าไม่บอกข้าเสียแต่แรกว่า คนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าเป็นเซียนกระบี่ ? ถ้าบอกเสียตั้งแต่ตอนนั้น เรื่องคงจะไม่จบลงแบบนี้ !’
โชคร้ายที่เขาไม่รู้ ว่าถึงแม้เยี่ยฉวนจะบอก เขาคงจะไม่เชื่ออยู่ดี ! ไม่มีใครเชื่อ ! เซียนกระบี่งั้นหรือ ? ไม่มีเคยปรากฏคนเป็นเซียนกระบี่ในแผ่นดินชิง !
ขณะนั้นเอง กระบี่สีเขียวทะยานวาบเข้ามาตรงหน้า ชี้ปลายเข้าที่กึ่งกลางระหว่างหัวคิ้วของหลี่เสวียนชาง เสียงกังวานใสของสตรีลึกลับดังสะท้าน “เจ้าใช่ไหมที่ถามหาข้า ?
หลี่เสวียนชางจ้องเขม็งไปที่คนตรงหน้า ทันใดนั้นริมฝีปากเหยียดแสยะแยกเขี้ยวดุดัน “ผู้เยี่ยมยุทธ์น่าจะถูกสังหารมากกว่า…”