หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 24 เช่นนั้นข้าจะตายพร้อมเจ้า ! (ต้น)
บทที่ 24 เช่นนั้นข้าจะตายพร้อมเจ้า ! (ต้น)
ทุกคนจ้องมองเยี่ยฉวนผู้อยู่บนสังเวียนแห่งความเป็นความตายด้วยสายตาว่างเปล่า ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ !
ในตอนนี้ใบหน้าของผู้นำตระกูลเยี่ยได้เปลี่ยนเป็นซีดขาว เขากำหมัดแน่น ทั้งร่างดูราวกับไร้วิญญาณ !
ส่วนผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยกับคนอื่น ๆ ต่างพากันขวัญกระเจิงเสียสิ้น !
“ผู้ฝึกกระบี่ !”
“ไม่เคยมีผู้ฝึกกระบี่ในเมืองชิงมาก่อน !”
“เยี่ยฉวนเป็นผู้ฝึกกระบี่ได้อย่างไรกัน ?”
อันหลานซิ่วกำลังจะพูด แต่ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยอยู่ข้าง ๆ พลันคำรามออกมาก่อนใคร “เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้แน่ ๆ เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่ไม่ได้หรอก !”
เยี่ยฉวนเหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยที่เกือบจะคลุ้มคลั่ง “เสียใจด้วย แต่ข้าเป็นผู้ฝึกกระบี่จริง ๆ และข้าก็จะอัดท่านติดกำแพงเดี๋ยวนี้แหละไอ้สุนัขเฒ่า !”
“พรูดด !”
ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยพลันพ่นเลือดออกมากบปาก ก่อนที่ชายชราจะชี้หน้าเยี่ยฉวนด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวจนถึงขีดสุด !
เหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่างออก เขารีบหันไปมองเยี่ยชาง “ท่านผู้นำ ท่านเก็บคนคนนี้ไว้ไม่ได้นะขอรับ ไม่อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นหายนะต่อตระกูลเยี่ยในภายหน้าอย่างแน่นอน !”
ทันใดนั้นเองที่ด้านหนึ่ง อันหลานซิ่วก็ได้มุ่ยคิ้วเข้มและเอ่ยขึ้น “เจ้านี่มันนิสัยเสียจริง ๆ ข้าเพิ่งเห็นคนแบบนี้เป็นครั้งแรกก็ตอนนี้ !”
ได้ยินสิ่งที่นางพูด สีหน้าของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยและพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่อันหลานซิ่วกลับขัดขึ้นทันควัน “หากเจ้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว ข้าจะตัดหัวเจ้าเสียวันนี้ !”
ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยมีใบหน้าซีดในทันที เขาไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมาอีกแม้แต่คำเดียว
เนื่องเพราะเจียงเหนียน และคนอื่น ๆ ที่อยู่ไม่ไกลนักได้มองมาที่เขาด้วยสีหน้าท่าทางไม่เป็นมิตร !
โดยไม่สนว่าทางด้านตระกูลเยี่ยจะมีสีหน้าน่าเกลียดเพียงใด อันหลานซิ่วมองเยี่ยฉวนและเอ่ยขึ้น “ชักกระบี่ของเจ้าออกมาเสีย !”
เยี่ยฉวนค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ ก่อนจะชักกระบี่หลิงเซียวออกมาแล้วชี้ไปยังพื้นดินข้างตัว ทั้งกายของชายหนุ่มยืนนิ่งไม่ไหวติง
ตรงข้ามเยี่ยฉวน อันหลานซิ่วพยักหน้าให้เล็กน้อย จากนั้นนางก็ก้าวออกมาหนึ่งก้าว …และก็เป็นในตอนนี้เองที่เยี่ยฉวนพลันกระโจนไปข้างหน้า ด้วยความเร็วราวกับสายลม !
เยี่ยฉวนชี้ปลายกระบี่หลิงเซียวในมือเข้าใส่อันหลานซิ่ว !
หนึ่งเพลงกระบี่ !
มันเป็นกระบวนท่าอันแสนเรียบง่าย !
ในตอนนี้อันหลานซิ่วเบี่ยงตัวเล็กน้อยไปด้านหนึ่ง ชั่วขณะต่อมานางก็แทงหอกยาวในมือไปข้างหน้า มุ่งตรงไปที่ปลายกระบี่ของเยี่ยฉวน
เคร้ง !
เสียงโลหะกระทบกันแผดก้องกังวานไปทั่วทั้งสนาม
ทั้งร่างของเยี่ยฉวนถูกผลักไปที่ขอบสนามประลอง แต่ชั่วขณะต่อมาเขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าอันหลานซิ่วอีกครั้ง ทว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะได้วาดกระบี่ใส่ หอกยาวของอันหลานซิ่วก็อยู่ห่างของหว่างคิ้วของเขาครึ่งนิ้วเสียแล้ว !
แต่ในดวงตาของอันหลานซิ่วกลับปรากฏริ้วประหลาดใจวูบหนึ่ง เพราะกระบี่ของเยี่ยฉวนเองก็ได้ชี้ไปที่ปลายหอกของนางพอดี อันที่จริงถ้านางหมายจะปักหอกของนางตรงนั้นก็ย่อมทำได้ แต่ความจริงก็คือนางไม่อาจสังหารเยี่ยฉวนได้ในนัดนี้ !
มุมปากของอันหลานซิ่วโค้งขึ้นเล็กน้อย “เจ้านี่ช่างระวังตัวยิ่งนัก !”
สิ้นเสียงของหญิงสาว นางก็สะบัดมือขวาเบา ๆ หอกยาวในมือวูบไหวราวกับอสรพิษ ตวัดฟาดเข้าที่ไหล่ของเยี่ยฉวนด้วยมุมพิสดาร
และเกือบจะในเวลาเดียวกัน เยี่ยฉวนก็พลันโถมตัวไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน เขาใช้แรงปะทะจากการโจมตีของอันหลานซิ่วในขณะนี้แทงกระบี่เข้าที่หัวใจของอันหลานซิ่ว
ชายหนุ่มยอมรับการโจมตีของหญิงสาวโดยแลกเปลี่ยนกับการที่เขาทำจะให้นางบาดเจ็บด้วยเช่นกัน !
รอยยิ้มบนริมฝีปากอันหลานซิ่วตึงขึ้น ไม่มีใครเห็นว่านางเคลื่อนที่อย่างไร แต่หอกยาวในมือนางพลันขยับขึ้นสกัดกระบี่ของเยี่ยฉวนไว้ได้ !
เคร้ง !
ก่อนที่เพลงอาวุธนี้จะสิ้นสุด ทั้งร่างของเยี่ยฉวนก็เหาะเบา ๆ ไปทางด้านขวาราวกับวิญญาณ จากนั้นเขาก็แทงกระบี่เข้าที่หว่างคิ้วของอันหลานซิ่วด้วยมุมพิสดารจากเบื้องบน !
กระบี่หยุดอย่างไม่คาดคิดที่ระยะครึ่งนิ้วห่างจากหว่างคิ้วของอันหลานซิ่ว เนื่องจากหอกยาวในมือของอันหลานซิ่วได้ยันเข้าที่ท่อนแขนของเยี่ยฉวน เรื่องนี้เป็นที่คาดคิดว่าจะจบลงตรงนี้แล้วในคราวแรก แต่เยี่ยฉวนพลันปล่อยกระบี่ของเขาและคว้าหอกยาวของอันหลานซิ่วไว้ด้วยสองมือ กระชากมันเข้าหาตัวจนพร้อมกับอันหลานซิ่ว !
ดวงตาของอันหลานซิ่วหรี่ลงเล็กน้อย นางกระทืบพื้นเบา ๆ ด้วยเท้าขวาและทั้งร่างของนางก็ไถลถอยหลัง แต่เยี่ยฉวนยังคงยึดหอกยาวของนางไว้อยู่ ดังนั้นเขาจึงถูกลากตามไปด้วย …ชายหนุ่มใช้โอกาสฉวยกอดอันหลานซิ่วไว้จนทำให้หญิงสาวเสียหลัก !
ท่ามกลางสายตาของทุกคน เยี่ยฉวนกอดสาวงามไว้แน่น จากนั้นเขาก็คำรามดังลั่นและทุ่มร่างของอันหลานซิ่วลงกับพื้น !
ตูม !
พวกเขาร่วงลงบนพื้นพร้อมกัน ทำให้สังเวียนชี้ความเป็นตายต้องสั่นสะเทือน
แต่ชั่วขณะต่อมาก็มีร่างหนึ่งลอยกระเด็นออก !
ร่างนั้นลอยออกจากลานประลองแห่งความเป็นความตาย !
คนคนนั้นก็คือเยี่ยฉวน !
ด้านนอกลานประลองชี้เป็นตาย เยี่ยฉวนค่อย ๆ ลุกขึ้น เขาปาดคราบเลือดตรงมุมปากออกและมองอันหลานซิ่ว “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินเจ้านะ !”
ตรงข้ามกับเยี่ยฉวน อันหลานซิ่วพยุงเยี่ยฉวนขึ้นและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเข้าใจ ข้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์จึงไม่บอบบางขนาดนั้น ข้าคิดแค่ว่าเจ้ามีฝีมือเพียงแค่ด้านกระบี่เพราะเป็นผู้ฝึกกระบี่ ทว่าไม่นึกเลยว่าเจ้าไม่เพียงแต่เอาดีด้านกระบี่ แต่ยังเก่งในการต่อสู้ระยะประชิดอีกด้วย ข้าเดาว่าเจ้าต้องประสบกับการต่อสู้แบบถึงเป็นถึงตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนเป็นแน่ จริงหรือไม่ ?”
เยี่ยฉวนพยักหน้าเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร
อันหลานซิ่วเอ่ยอีกครั้ง “ข้าใช้ความได้เปรียบของขั้นพลังในการประลองครั้งนี้ นับว่าไม่ยุติธรรมกับเจ้าเช่นกัน หากภายหลังเจ้าพัฒนาขึ้นแล้ว เรามาประลองกันอีกหนเถอะ ว่าอย่างไรล่ะ ?”
เยี่ยฉวนเหลือบมองอันหลานซิ่ว จากนั้นก็พยักหน้าเอ่ยตอบ “ตกลง !”
คนตรงหน้าเขาผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง การต่อสู้กับนางเพียงครู่เดียว ฝีมือรุดหน้ายิ่งกว่าฝึกกับเงานั่นทั้งวันเสียอีก !
อันหลานซิ่วพยักหน้า ดูเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง นางงอนิ้วและดีดดังเป๊าะ จี้หยกสีขาวลอยมาอยู่เบื้องหน้าเยี่ยฉวน “หากเจ้าไม่มีที่จะไป เจ้าสามารถมาที่สถานศึกษาฉางมู่ในเมืองหลวงได้ นี่คือตราหยกส่วนตัวของข้า เจ้าจงถือเสียว่าเป็นของฝากตัวเข้าเป็นศิษย์จากข้า มีตราหยกนี้แล้ว เจ้าจะสามารถเข้าไปในสถานศึกษาฉางมู่ได้”
เมื่อได้ยินที่นางพูด เยี่ยฉวนก็พลันมีกำลังใจขึ้นมา ก่อนที่เขาจะใช้สายตามองไปที่แผ่นหยกในมือ เพราะยังไงเสียชายหนุ่มก็ต้องหาทางเข้าร่วมสถานศึกษาฉางมู่เพื่อหาวิธีรักษาให้น้องสาวของเขาอยู่แล้ว !
เยี่ยฉวนเก็บตราหยกไว้แล้วประสานมือคำนับอันหลานซิ่ว “ไม่มีคำพูดใดที่สามารถแสดงคำขอบคุณความเมตตาอย่างใหญ่หลวงของเจ้าได้ ข้าจะจดจำบุญคุณของเจ้าไว้ !”
อันหลานซิ่วส่ายหน้า “ข้าชื่นชอบผู้มีพรสวรรค์ ! ไว้เจอกันนะ !”
หลังจากนั้นนางก็หันหลังกลับ
หญิงสาวเดินจากไปอย่างสง่างาม และไม่นานนักอันหลานซิ่วก็หายไปจากสายตาของทุกคน
ในตอนนี้ทุกคนที่อยู่ใกล้ลานประลองต่างมองไปที่คนตระกูลเยี่ย โดยเฉพาะเจียงเหนียนและคนอื่น ๆ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความพอใจอย่างปิดไม่มิดยามเห็นหายนะของคนเหล่านั้น !
ในตอนนี้ชายกลางคนจากเมืองเหยียนและสตรีงดงามจากเมืองลั่วต่างรีบมาหาเยี่ยฉวน พวกเขาประสานมือคำนับ แล้วชายกลางคนก็เอ่ยขึ้น “คุณชายเยี่ย หากมีโอกาส เรายินดีต้อนรับท่านสู่เมืองเหยียนและเมืองลั่วนะขอรับ”
คนทั้งสองพยายามสร้างสายสัมพันธ์กับชายหนุ่ม !