หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 34 มารดาของเยี่ยฉวน ! (ต้น)
บทที่ 34 มารดาของเยี่ยฉวน ! (ต้น)
ตระกูลเยี่ย เมืองชิง
ช่วงเวลารุ่งเรืองของตระกูลเยี่ยได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือตระกูลเยี่ยเกือบ จะหายสาบสูญไปจากเมืองชิงแล้วนั่นเอง
ก่อนหน้านี้เมื่อครั้งที่ตระกูลเยี่ยเรืองอำนาจ พวกเขาได้สร้างศัตรูไว้กับตระกูลอื่น ๆ ในเมืองชิงทั้งหมด และตอนนี้ตระกูลหลี ตระกูลจาง กับจวนคฤหาสน์ก็เริ่มทำการได้ล้างแค้นตระกูลเยี่ยแล้ว
เขตแดนและทรัพย์สินเกือบทั้งหมดของตระกูลเยี่ยถูกตระกูลอื่น ๆ กลืนกิน ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือตอนนี้บรรดาเด็ก ๆ ในตระกูลเยี่ยต่างไม่กล้าออกไปไหนทั้งสิ้น !
เพราะเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาออกไป แน่นอนว่าพวกเขาก็จะต้องถูกทุบตีจนตาย !
ตอนนี้จึงเรียกได้ว่าตระกูลเยี่ยตกอับจนถึงขีดสุดเท่าที่ผู้คนจะจินตนาการได้ !
ภายในคุกน้ำของตระกูลเยี่ย ตอนนี้อดีตผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยได้ถูกขังไว้ที่นั่นราวกับสุนัขข้างถนน
ความหวังสุดท้ายของชายชราได้พังทลายลงหลังรู้ว่าเยี่ยหลางถูกบั่นศีรษะ ทำให้หลังจากนั้นเขาก็มี ท่าทางวิปลาสเป็นครั้งคราว
ในวันนี้เอง เยี่ยชางได้มาที่คุกน้ำ
เยี่ยชางเข้าไปในคุกของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย เขามองชายชราในคุกอย่างเฉยชาและเอ่ยขึ้น “ท่านกับข้าสู้ มาทั้งชีวิต แต่ไม่คิดเลยว่าตระกูลเยี่ยจะพังย่อยยับจากน้ำมือของเราเอง !”
ภายในคุกน้ำ ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยได้เอ่ยประชดประชันออกมา “เยี่ยชาง ทุกคนล้วนบอกว่าข้าสายตาแคบสั้น แต่ท่านก็เป็นเหมือนกันไม่ใช่หรือ ?”
เยี่ยชางพยักหน้ารับและเอ่ยขึ้น “ข้าสายตาสั้นก็จริง แต่ตระกูลเยี่ยต้องไม่พังพินาศเพราะเรื่องนี้ สักวันหนึ่งเราจะต้องผงาดขึ้นได้แน่นอน !”
ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยที่ได้ยินดังนั้นพลันแสยะยิ้มออกมา “ท่านยังคิดอยู่หรือว่าเขาจะเห็นแก่ความรู้สึกเก่า ๆ และดูแลตระกูลเยี่ยในวันข้างหน้า ? หากเป็นเช่นนั้นจงหยุดฝันกลางวันเสียเถอะ ! ท่านรู้ดีกว่าทุกคน จากนิสัยของคนคนนั้นแล้ว เขาไม่สนตระกูลเยี่ยอีกต่อไปแล้วในชีวิตนี้ เพราะตระกูลเยี่ยทำให้เขาผิดหวัง !”
เยี่ยชางเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นจึงเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียม “มีเรื่องหนึ่งที่ท่านไม่ควรลืม กล่าวกันว่าเมื่อใดที่พลังยุทธ์ของบุคคลนั้นอยู่ในขั้นสูงระดับหนึ่ง เลือดของเขาจะกับเก็บพลังอำนาจเอาไว้ และเป็นเพราะเช่นนั้น คนที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับคนที่ว่าก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงและมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน เมื่อพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นถึงระดับหนึ่ง”
“ท่านพูดจาเหลวไหล !”
ผู้อาวุโสแค่นเสียงเอ่ย “ผู้มีพลังแข็งแกร่งแบบไหนกันถึงมีความสามารถเช่นนี้ ? ข้าเกรงว่า ในแคว้นเจียงจะไม่มีเลยสักคน อะไรทำให้ท่านคิดว่าเยี่ยฉวนคนนั้นจะมีความสามารถเช่นนั้นได้ ?”
เยี่ยชางเดินหน้าไปสองก้าวพลางยิ้ม “ท่านรู้ไหมว่าทำไมข้าจึงกลับคำคัดค้านทั้งหมดแล้วแต่งตั้งเขา เป็นทายาทสายตรงในปีนั้น ?”
ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยจ้องมองเยี่ยชางนิ่งโดยไม่เอ่ยอะไร
เยี่ยชางที่เห็นดังนั้นจึงยิ้มและเอ่ยต่อ “นอกจากพลังส่วนตัวของเขาแล้ว ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง…มารดา ของเขา !”
มารดาของเยี่ยฉวน !
คิ้วของผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยย่นเข้าหากันเล็กน้อย แน่นอนว่าเขามีความประทับใจต่อบุคคลนั้น นางเป็น สตรีธรรมดาที่หาได้ดาษดื่นทั่วไปตามท้องถนนแต่จู่ ๆ ก็หายตัวไปเมื่อเยี่ยฉวนอายุได้สิบขวบ ก่อนที่หลังจาก นั้นจะไม่มีใครได้เห็นนางอีกเลย !
มือขวาของเยี่ยฉวนค่อย ๆ กำแน่น เมื่อมารดาของเยี่ยฉวนจากไปพร้อมกับชายชุดดำที่ประตูหลังของ จวนตระกูลเยี่ย เขาเองก็อยู่ที่นั่นด้วย ในตอนนั้นเองเขาก็ได้เห็นว่าชายชุดดำที่อยู่เบื้องหลังมารดาของเยี่ยฉวนน่าหวาดผวาเพียงใด !
เหาะเหินเดินอากาศ !
บุคคลผู้มีพลังแก่กล้าแบบไหนกันที่ยืนบนอากาศได้ ?
ผู้มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งในขั้นทะยานสวรรค์สามารถเหาะเหินบนท้องฟ้าได้เป็นเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ทว่า บุคคลนั้นกลับลอยตัวอยู่กลางอากาศได้โดยไร้ซึ่งคลื่นปราณใดรอบตัว !
จากนั้นพวกเขาก็บิดทะลวงมิติและหายตัวไป !
บิดทะลวงมิติ !
เขาเคยได้ยินเรื่องพวกนี้จากข่าวลือเท่านั้น !
นับจากนั้น เขาก็รีบแต่งตั้งเยี่ยฉวนเป็นทายาทสายตรงทันทีเพราะรู้สึกว่าสตรีลึกลับคงจะกลับมาพาตัวเยี่ยฉวนและน้องสาวจากไปในสักวันหนึ่ง และถึงตอนนั้นตระกูลเยี่ยก็จะได้กอบโกยผลประโยชน์มหาศาล !
แต่เขาไม่คิดเลยว่าสตรีผู้นั้นจะจากไปเกือบสิบปีและไม่หวนกลับมา …พวกเขาไม่ได้ยินแม้แต่ข่าวคราวของนางเลยนับจากตอนนั้น
ถึงจุดนี้ เขาจึงเริ่มเกิดความสงสัย !
เขาเริ่มคิดแล้วว่าเยี่ยฉวนกับน้องสาวคงถูกมารดาของพวกเขาทอดทิ้ง !
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงค่อย ๆ เปลี่ยนความคิดที่มีต่อเยี่ยฉวน แต่เขาไม่คิดเลยว่าเยี่ยฉวนจะ กลายเป็นผู้ฝึกกระบี่ได้อย่างลับ ๆ และมีพลังแข็งแกร่งมากกว่าเดิม ซึ่งเขาคิดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับสตรีลึกลับผู้นั้นแน่ !
เยี่ยชางพับเก็บความคิดกลับคือ เขาเหลือบมองผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยในคุกน้ำอย่างเย็นชา “ตอนนี้เยี่ยฉวนมีพลังแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อใด ตระกูลเยี่ยก็จะเป็นที่หัวเราะเยาะได้รับความอับอายมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าเรายังทนไว้ได้จนกระทั่งเขามีพลังถึงจุดสูงสุดและมีสายเลือดเปลี่ยนแปลงไป แม้จะเป็นความหวังริบหรี่ แต่เราก็ยังมีบางสิ่งยึดถือไว้ได้อยู่”
“…ทว่าสำหรับเจ้า ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ย เจ้าไม่มีแม้กระทั่งความหวังเพียงเล็กน้อยเลยตลอดชั่วชีวิตของเจ้า ที่เราไม่สังหารเจ้าแต่ขังไว้ที่นี่เพราะตระกูลเยี่ยเราต้องการแสดงคำขอโทษแก่เยี่ยฉวน ! เราจะรอจนกว่าเขาจะ สงบลง ต่อให้ใช้เวลาเป็นสิบปี ยี่สิบปี หรือแม้แต่สามสิบปีก็ตาม ส่วนเจ้า! เจ้าก็จงอยู่ที่นี่จนกระทั่งถึงวันตาย วันที่เขาย้อนกลับมาอีกครา !”
หลังจากนั้นเขาจึงหันหลังจากไป !
ภายในคุกน้ำ ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยนิ่งไปครู่ใหญ่ จากนั้นเขาก็พลันระเบิดหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งราว กับว่าเสียสติ !
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยพลัยยิ้มกริ่มราววิปลาสและเอ่ยขึ้น “เยี่ยชางหนอเยี่ยชาง ท่านช่างโง่เขลายิ่งกว่าที่ข้าคิดเสียอีก !”
เขารู้ดีกว่าใครทั้งหมดเกี่ยวกับนิสัยของเยี่ยฉวน ว่าชายหนุ่มเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น และเขาก็ยังเป็นคนที่ไม่ยอมปล่อยวางความแค้นใดลง
สงบลงงั้นหรือ ?
หากเขาเกลียดชังตระกูลเยี่ย มันก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเขายังมีตระกูลเยี่ยอยู่ในใจ ดังนั้นตระกูลเยี่ยก็จะยังพอมีหวังอยู่ แต่ตอนนี้เยี่ยฉวนไม่ได้รู้สึกแม้กระทั่งเกลียดตระกูลเยี่ยแล้ว !
ในเมื่อมันไม่มีความเกลียดชัง พวกเขายังจะพูดเรื่องที่ว่าสงบลงได้อย่างไร ?
…
3 วันต่อมาในเมืองพันภูผา
เมืองพันภูผาเป็นมหานครอันรุ่งเรืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นเจียงซึ่งรายล้อมด้วยภูเขานับไม่ถ้วน ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่าเมืองพันภูผา เมืองนี้เจริญรุ่งเรืองเพราะเป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งสำนักอัปสรเมรัยที่ว่าก็ตั้งอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน
สำนักอัปสรเมรัยที่ว่านี้เป็นของกองกำลังลึกลับที่ตั้งสาขาอยู่ในเมืองนับร้อยของทวีปชิง และไม่ว่าเมืองไหนที่กองกำลังนี้ไป เมืองนั้นก็จะเจริญรุ่งเรืองในทันที !
เพราะพวกเขามีการขนส่งอย่างหนึ่งที่เรียกว่า เรือเหาะ !
สิ่งที่เรียกว่าเรือเหาะนั้นเป็นพาหนะบินได้ชนิดหนึ่ง เมื่อมีมันแล้วแต่ละเมืองก็ไม่อยู่ห่างไกลกันอีก ต่อไป หรือกล่าวได้ว่าแต่ละแคว้นไม่ได้อยู่ห่างกันมากเลย
และในตอนนี้ …เขากำลังไปยังเมืองพันภูผาและล่องเรือเหาะจากที่นั่นเพื่อไปยังเมืองหลวง !
สถานที่อันเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในแคว้นเจียง !