หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 5 หากชายใดไร้ซึ่งศักดิ์ศรี มันผู้นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับสุนัข (ต้น)
- Home
- หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์
- บทที่ 5 หากชายใดไร้ซึ่งศักดิ์ศรี มันผู้นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับสุนัข (ต้น)
บทที่ 5 หากชายใดไร้ซึ่งศักดิ์ศรี มันผู้นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับสุนัข (ต้น)
เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจรู้ได้ เยี่ยฉวนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ดูเหมือนว่าเขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงผุดลุกขึ้นนั่งอย่างกระทันหัน
นี่ข้าทะลวงขั้นที่หกผสานลมปราณได้แล้วงั้นเหรอ ?
พลังขั้นที่หก ผสานลมปราณ !
เพราะในขณะนี้เขารู้สึกว่าพลังลมปราณได้ไหลเวียนไปทั่วทั้งร่าง ไม่สิ นั่นไม่ใช่ลมปราณที่ไหลเวียนอยู่ แต่เป็นปราณกระบี่ต่างหาก ! ไม่เพียงเท่านั้น เขายังรู้สึกถึงกระบี่สีเงินเล่มเล็กอยู่ในจุดตันเถียนภายในร่างอีกด้วย
ในเวลานี้ เสียงของหญิงลึกลับก็พลันดังขึ้น “เจ้าได้บรรลุพลังขั้นที่หกผสานลมปราณแล้ว”
“ข้าผสานกระบี่ได้แล้วจริง ๆ!”
เยี่ยฉวนกำหมัดแน่น ร่างกายสั่นไปทั่วสรรพางค์ ไม่ใช่เพราะความโกรธหากแต่เป็นเพราะความตื่นเต้น ตอนนี้มันเหมือนกับเขาได้เห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด มองเห็นความหวังในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง เมื่อทุกอย่างเป็นเช่นนี้ แล้วจะไม่ให้ชายหนุ่มตื่นเต้นได้อย่างไรกัน ?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขามีโอกาสที่จะทะลวงขึ้นไปได้ถึงขั้นหลอมรวมลมปราณ และจากนั้นก็สามารถมาเยี่ยหลิงมุ่งหน้าไปที่สถานศึกษาฉางมู่ที่เมืองหลวงของจักรวรรดิเพื่อขอคำแนะนำในการรักษาได้
“เจ้าตื่นเต้นเรื่องอันใดกัน !”
เสียงหญิงลึกลับพูดสวนขึ้นในทันใด “นี่ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”
เยี่ยฉวนคลี่ยิ้มอย่างเชื่องช้า “อย่าหัวเราะเยาะข้าสิ ผู้อาวุโส”
ทว่าเสียงหญิงลึกลับนั้นยังกล่าวต่อไป “การที่เอากระบี่เข้ามาแทนที่จุดตันเถียนได้ นั่นเพราะว่าเจ้าได้เสียจุดตันเถียนที่มีอยู่แต่เดิมไปแล้ว แต่ทั้งนี้มันก็ยังมีผลเสียเช่นกัน กระบี่สามารถแบ่งออกเป็น กระบี่ทั่วไป กระบี่วิญญาณ กระบี่แสง กระบี่แท้จริง กระบี่สวรรค์ กระบี่เต๋า และกระบี่อมตะ กระบี่ซึ่งเคยอยู่ในร่างเจ้า ครั้งหนึ่งนั้นเป็นกระบี่แท้จริง แต่หลังจากเวลาล่วงเลยผ่านไปนานนับพันสองร้อยปีแก่นแท้แต่ดั้งเดิมของมันจึงเสื่อมหายไป ไม่เพียง ‘แก่นแท้’ เท่านั้นที่กระจัดกระจาย แม้แต่ ‘ความสว่าง’ ในหัวใจแห่งกระบี่ก็ยังหายไปด้วย ตอนนี้มันจึงเป็นเพียงวิญญาณกระบี่เท่านั้น”
เมื่อมาถึงตรงนี้ เสียงหญิงลึกลับหยุดกล่าวเล็กน้อย ก่อนจะเสริมต่อ “วิญญาณของกระบี่ย่อมต้องหายไปในวันใดวันหนึ่ง และเมื่อนั้นเจ้าก็จะไม่อาจมีชีวิตอยู่ !”
เยี่ยฉวนนิ่งงัน
“เจ้ามีทางเลือกอยู่สองทาง ประการแรกคือเจ้าต้องมองหาวิญญาณกระบี่เพิ่มเพื่อที่จะดูดซับมันเข้าไป หลังจากนั้นแล้ว กระบี่วิญญาณในร่างเจ้าไม่เพียงแต่จะยกระดับตัวเองเท่านั้น แต่ยังให้ความแข็งแกร่งทางวิญญาณกระบี่ภายในร่างกายเจ้าด้วยเช่นกัน ประการที่สอง คือเจ้าต้องหากระบี่เล่มใหม่เพื่อเอามาแทนที่กระบี่ที่อยู่ในร่างของเจ้าตอนนี้ เมื่อได้กระบี่เล่มใหม่ที่ดีกว่า จุดตันเถียนของเจ้าจะดีขึ้นตามธรรมชาติ แบบนั้นเจ้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน ทว่าเห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นที่คนที่น่าสงสารและยากจนเพียงใด ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่มีแม้แต่จะหากระบี่ธรรมดาทั่วไปเสียด้วยซ้ำ !”
เยี่ยฉวนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขารีบร้อนถาม “มีกระบี่อยู่สามเล่มข้างบนยอดหอคอยใช่หรือไม่ ? กระบี่พวกนั้นอยู่ในระดับใด ?”
เสียงหญิงลึกลับพูดอย่างเฉยเมย “ไร้ระดับ”
เยี่ยฉวนพูดไม่ออก…
เสียงหญิงลึกลับพูดขึ้นอีกครั้ง “เด็กน้อย ข้าขอแนะนำเจ้าว่าอย่าผิดหวังไปหน่อยเลย หากไม่ใช่เพราะว่ามีกระบี่ 3 เล่มนั้นอยู่แล้วละก็ เกรงว่าโลกของเจ้าคงจบสิ้น และแตกเป็นเสี่ยง ๆ เสียนานแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับกระบี่นั่น กระบี่ในร่างของเจ้าน่าจะมีอายุได้ 1 ปี ตอนนี้สิ่งที่เจ้าควรจะทำมากที่สุดคือฝึกฝนกระบี่”
“ฝึกกระบี่ !”
เยี่ยฉวนถามทันที “ข้าควรฝึกอย่างไร ?”
“สังหาร” เสียงหญิงลึกลับตอบกลับมาเช่นนั้น
เยี่ยฉวนสิ้นคำพูด
หญิงลึกลับกล่าวต่อว่า “กระบี่เป็นอาวุธมีคมที่ถูกออกแบบมาเพื่อการสังหาร มีเพียงการฆ่าฟันเท่านั้นที่จะทำให้เจ้าสัมผัสได้ถึงความงดงามของกระบี่อย่างแท้จริง แน่นอน ช่วงเริ่มต้นเจ้าควรจะฝึกความเร็วและความแข็งแกร่งของเจ้าต่อไป จงใช้วิชากระบี่ที่ข้าสอนปลุกกระบี่ในกายเจ้าให้ตื่นขึ้น !”
เยี่ยฉวนตะลึงงันไปเล็กน้อย เขาปิดค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง …เกือบจะในทันทีทันใด มีแสงแห่งกระบี่พุ่งออกมาเมื่อฝ่ามือของชายหนุ่มแผ่ออก ตามด้วยกระบี่ที่วางอยู่บนฝ่ามือหนานั้น
มันคือกระบี่เงินหลิงเซี่ยวที่อยู่ภายในร่าง !
เยี่ยฉวนตกตะลึง “ท่านผู้อาวุโส กระบี่เล่มนี้สามารถถูกเรียกออกมาเมื่อใดก็ได้อย่างนั้นหรือ ?”
เสียงหญิงลึกลับกล่าวตอบ “ใช่ แต่เจ้าไม่ควรใช้กระบี่เล่มนี้ในการต่อสู้ เพราะเมื่อกระบี่ถูกทำลายเจ้าก็จะตายทันที …เจ้าช่างมีความคิดตื้นเขินนัก ข้าเพิ่งเคยพบเห็นคนเช่นนี้ก็ตอนนี้นี่แหละ !”
หญิงลึกลับพลันเงียบเสียงไป ตรงหน้าเยี่ยฉวนมีเงาลวงตาปรากฏขึ้น
หญิงลึกลับกล่าวต่อ “เงาลวงที่อยู่ตรงหน้าเจ้านั้นอยู่ในลำดับขั้นที่หกผสานลมปราณเช่นเดียวกันกับเจ้า จงเริ่มได้ !”
สิ้นเสียงหญิงลึกลับ เงาลวงที่อยู่ตรงหน้าเยี่ยฉวนก็พลันหายไป !
ลูกศิษย์หน้าใหม่อย่างเยี่ยฉวนรีบก้มลงหลบเพราะศัตรูชิงโจมตีเข้ามาก่อนด้วยความเร็วยิ่ง สัญชาตญาณพาเยี่ยฉวนหลบไปด้านข้าง แต่กระนั้นอีกฝ่ายก็ดูจะเดาทางของเขาออก เพราะมันเปลี่ยนเส้นทางการโจมตีทันทีที่เขาทำอย่างนั้น
ปลายเท้าของเยี่ยฉวนเพิ่งจะแตะพื้น ไม่ทันไรก็ถูกกระบี่เล่มนั้นแทงเข้าที่อกโดยตรง !
เลือดสด ๆ ไหลทะลัก !
เยี่ยฉวนเบิกตากว้าง “ท่านผู้อาวุโส นี่เราไม่ได้กำลังฝึกฝนวิชากระบี่กันหรือไง ? ไยจริงจังนักเล่า ? แล้วก่อนหน้านี้ท่านก็ยังไม่ได้สอนข้าเรื่องทักษะกระบี่หรือว่าการเคลื่อนด้วยซ้ำไป !”
หญิงลึกลับทำเสียงต่ำลง “ฝึกฝนวิชากระบี่ ? การเรียนรู้ทักษะการสังหารที่สัมฤทธิ์ผลมากที่สุดของเซียนกระบี่ไม่ใช่การฝึกฝนแต่เป็นการฆ่า เงาร่างเสมือนที่อยู่ต่อหน้าเจ้านั้นคือศัตรู ในขณะเดียวกันก็เป็นอาจารย์ด้วย หากเจ้าเป็นคนฉลาด เขาจะสอนวิชากระบี่พื้นฐานให้ การบาดเจ็บเป็นครูที่ดีที่สุดเจ้าเข้าใจหรือไม่ ? ส่วนทักษะเชิงกระบี่และการเคลื่อนไหวของมันเจ้าไม่ต้องไปสนใจ จงอย่ากังวล สิ่งสำคัญคือเจ้าต้องมีรากฐานที่ดีให้ได้เสียก่อน !”
เยี่ยฉวนไตร่ตรองอยู่สักครู่ สุดท้ายก็พยักหน้ารับ “ข้าเข้าใจแล้ว”
หลังจากนั้น เท้าขวาของเขาพลันกระแทกพื้น ก่อนร่างกายจะพุ่งออกไปข้างหน้า
ภายในหอคอย เยี่ยฉวนได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกันกับความเก่งกล้าของเขาที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
การต่อสู้น่ะหรือ ?
เยี่ยฉวนผู้นี้ไม่เคยกลัวที่จะต่อสู้ ! เขาเคยเป็นถึงผู้สืบทอดทายาทสายตรงแห่งตระกูลเยี่ย เพื่อผลประโยชน์ของตระกูลแล้ว บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มมักจะได้เป็นตัวแทนในการเข้าประลองฝีมือแบบชี้เป็นชี้ตาย นี่คือเหตุผลที่เขาสามารถเข้าประมือกับผู้เฒ่าตระกูลเยี่ยได้โดยไม่ตกเป็นรอง แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้าแสวงหาก็ตาม
เขาประสบความสำเร็จขนาดนี้ได้ไม่ใช่ด้วยการฝึกฝน แต่เป็นการฆ่า !!
ในที่สุด เยี่ยฉวนก็เริ่มอ่านทางกระบี่ของศัตรูเงาลวงออก ไม่เพียงเท่านั้น แต่ทุกครั้งที่เขาได้รับบาดเจ็บ เขาก็จะเริ่มตระหนักว่าเป็นเพราะเหตุใด
คนอย่างเยี่ยฉวนจะไม่มีวันยอมบาดเจ็บที่เดิมซ้ำสองแน่ !
ดังนั้น เมื่อผ่านไปได้ 3 วันของการฝึกฝน ความพยายามอย่างหนักก็ทำให้อาการบาดเจ็บของเยี่ยฉวนค่อย ๆ ลดลง
แน่นอนว่าชายหนุ่มยังไม่ได้เรียนรู้กระบวนท่ากระบี่แต่อย่างใด แต่เขาเรียนรู้ว่าเมื่อใดที่ควรตวัดกระบี่ เมื่อใดควรอยู่เฉย เมื่อใดควรป้องกัน เมื่อใดควรหลบหลีก… อย่างไรก็ตาม ค่าวิชาความรู้ทั้งหมดนี้ต่างแลกมาด้วยหยดเลือดหยาดเหงื่อของเขาทั้งสิ้น
การฝึกฝนแบบนี้เป็นวิธีที่โหดร้าย แต่ก็มีประสิทธิภาพมากที่สุดเช่นกัน !!