หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 65 สถานศึกษาฉางมู่ (ปลาย)
บทที่ 65 สถานศึกษาฉางมู่ (ปลาย)
เยี่ยหลิงรู้สึกมีความสุขมากในวันนี้ พี่ชายคนเดียวของนางจะได้เข้าเป็นศิษย์ของฉางมู่ และวันใดที่ชายหนุ่มเข้าเรียนที่สถานศึกษาฉางมู่ เขาจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปด้วยจะได้รับการสนับสนุนและรับประกันความมั่นคงในอนาคต ถึงแม้อาการเจ็บป่วยของตนจะรักษาไม่หาย แต่ทว่านางก็นอนตายตาหลับแล้ว !
คิดถึงตรงนี้เยี่ยหลิงก็พลันแหงนหน้ามองเยี่ยฉวน มือที่กุมมือพี่ชายกระชับแน่นขึ้น นางยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเพราะว่ามีพี่ชายอยู่เคียงข้าง นับจากวันที่มารดาจากไป เยี่ยหลิงไม่เคยหวาดกลัวความตายแม้แต่น้อย เด็กหญิงตัวน้อยกลัวเพียงอย่างเดียวว่าพี่ชายจะเหงาหากนางไม่อยู่แล้วเท่านั้น
ผู้คนมากมายอยู่ตามท้องถนน ราวกับว่าทุกคนจะมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน
สถานศึกษาฉางมู่ !
ทิศเหนือขึ้นไปของเมืองหลวงมีเทือกเขาชื่อว่าภูเขาฉางซาน มีความสูงกว่า 900 จั้ง เมื่อยืนอยู่บริเวณ เชิงเขาจะมองเห็นภูมิทัศน์ทั่วทั้งเมืองหลวง
สถานศึกษาฉางมู่ตั้งอยู่บนยอดเขาฉางชาน
ขณะเดินไปตามถนน ลู่เสี่ยวหรานก็ได้เล่าให้ฟังว่า “สถานศึกษาฉางมู่มีประวัติอันยาวนาน เปลี่ยน แผ่นดินไปอีกกี่ยุคกี่สมัยแต่ฉางมู่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกับสำนักอัปสรเมรัย ทั้งสองแห่งนับว่าเป็นสอง ยักษ์ใหญ่อย่างแท้จริง
เยี่ยฉวนถามอย่างครุ่นคิด “เช่นนั้นสถานศึกษาฉางมู่มีสาขาในแคว้นอื่นหรือไม่ ?”
เขาพยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะตอบว่า “มีสิ สำนักงานใหญ่ของสถานศึกษาฉางมู่ตั้งอยู่บนแผ่นดินใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่ที่ไกลโพ้นออกไป !”
ผู้มีอาวุโสยิ้มขณะหันมามองเยี่ยฉวน “สหายข้า ต่อไปภายหน้าหากเจ้ามีโอกาสออกไปนอกอาณาเขตของแคว้นเจียงและแผ่นดินเมืองชิง เจ้าจะได้เห็นเองว่าโลกภายนอกนั้นกว้างใหญ่เพียงใด และเมื่อนั้นเจ้าจะ ไม่ใช้ชีวิตอยู่โดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป !”
ชายหนุ่มยิ้มรับ “มันคงอีกยาวไกลเหลือเกิน สิ่งสำคัญในเวลานี้สำหรับข้าก็คือทำปัจจุบันให้ดีที่สุด !”
คำตอบนี้ทำให้ลู่เสี่ยวหรานหัวเราะชอบอกชอบใจ “นั่นก็จริง !”
ทันทีที่เดินมาถึงเชิงเขาฉางซาน เมื่อมองลงไปจากจุดที่ทุกคนยืนอยู่ ความรู้สึกหนึ่งพลันเกิดขึ้นเองโดยสัญชาตญาณ
เวลานั้นเบื้องล่างเชิงเขาไม่ต่างอะไรกับทะเลมนุษย์ ทุกผู้ทุกคนล้วนมุ่งหน้ามาเพื่อสมัครเข้าเรียนที่ สถานศึกษาฉางมู่
เยี่ยฉวนมองใบหน้าของทุกคนที่อยู่รอบ ๆ เกิดความรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย ด้วยแต่ละคนยังดูเยาว์วัยและสำเร็จขั้นหลอมรวมลมปราณเป็นอย่างน้อย
ราวกับจะรู้ทันความคิดของชายหนุ่ม เสียงของลู่เสี่ยวหรานพลันดังขึ้นว่า “เจ้าไม่ต้องตกใจ ยอดคน จากทั่วแคว้นเจียงมารวมกันอยู่ที่นี่ มียอดคนมากเท่าใดกันจากประชากรหลายสิบล้าน เจ้ายังคิดว่ามากอยู่อีกหรือไม่ ?”
เยี่ยฉวนเริ่มจะเข้าใจ ในเมืองชิงที่เขาจากมา คนที่บรรลุขั้นหลอมรวมลมปราณเมื่ออายุครบ 18 ขวบปีถือว่าเป็นคนเหนือยอดคน ทว่าเมืองชิงเป็นเมืองเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับเมืองขนาดใหญ่แล้วแทบทุกคนของ ประชากรล้วนเป็นยอดคน !
และถ้าเทียบกับแคว้นเจียง ก็คงได้เพียงเกณฑ์เฉลี่ยเท่านั้น !
ขณะนั้นเองบนท้องฟ้าได้ปรากฏนกกระเรียนมงกุฎแดงบินโฉบมา บนนั้นมีชายชรานั่งมาบนหลังของ มัน โดยไม่รีรอ นกกระเรียนพลันหยุดบินลอยตัวเหนือศีรษะของทุกคน ก่อนที่ทันใดนั้นเสียงประกาศของชาย บนหลังนกจะดังขึ้น “ข้าในฐานะรักษาการอาจารย์ใหญ่ของสถานศึกษาฉางมู่ มารับหน้าที่คัดเลือกศิษย์รุ่นใหม่ในวันนี้ ขอแจ้งให้ทุกคนรับทราบว่าวันนี้จะมีการคัดเลือกศิษย์รุ่นใหม่ 20 คน มีด่านทดสอบทั้งหมด 3 ด่าน หากมีผู้ผ่านทั้ง 3 ด่านเกินกว่า 20 พวกเขาจะต้องแข่งขันกันเองและผู้ชนะจึงจะถือว่าผ่านการคัดเลือก !”
20 คน !
สิ้นเสียงประกาศ เสียงพึมพำพลันดังกระหึ่ม !
ผู้คนมารวมอยู่นับจำนวนพัน ทว่าสถานศึกษาต้องการเพียงยี่สิบ นี่หมายถึงคนกว่าเก้าในสิบจะต้องถูกคัดออก !
สีหน้าและท่าทางของชายหนุ่มมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว
มีที่ว่างเพียงยี่สิบ นับว่าเป็นการแข่งขันที่สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัส !
เสียงของรักษาการอาจารย์ใหญ่บนหลังนกดังมาอีก “เริ่มด่านที่หนึ่ง ปีนป่ายภูผา ผู้ที่ปีนไม่ถึงแม้ครึ่ง ทางจะถูกคัดออกทันที !”
“ปีนป่ายภูผา ?”
เยี่ยฉวนงงงัน หันมามองลู่เสี่ยวหราน “ง่ายดายเช่นนั้นหรือขอรับ ?”
ลู่เสี่ยวหรานสั่นศีรษะ “ไม่ง่ายเลย ตลอดเส้นทางมีการวางค่ายกลไว้สกัดกั้นผู้บุกรุก จุดประสงค์เพื่อ กำจัดพวกที่พลังไม่มั่นคง ถึงแม้ว่าคนที่มาล้วนสำเร็จขั้นหลอมรวมลมปราณ แต่ก็มีไม่น้อยที่ไม่ผ่านด่านนี้ !”
ชายหนุ่มหันไปทางเด็กน้อยลู่หมิง “ผู้อาวุโส ว่าแต่หมิงน้อยดูเหมือนว่าพลังยังไม่บรรลุขั้นหลอมรวม ลมปราณ !”
ผู้มีอาวุโสมีสีหน้าหม่นหมอง “เขายังไม่บรรลุถึงขั้นนั้น แต่นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะเข้าเป็นศิษย์ของสถานศึกษาในฐานะลูกศิษย์ชั้นพิเศษ”
“ลูกศิษย์ชั้นพิเศษ ?”
ยิ่งฟังก็ยิ่งชวนพิศวงยิ่งนัก “หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ ?”
ลู่เสี่ยวหรานมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก่อนอธิบายว่า “ที่จริงแล้ว ข้าได้ใช้สิทธิพิเศษให้เขาได้เข้า เรียน แต่เขาจะไม่เหมือนพวกที่สมัครเข้ามาตามปกติและจะต้องเรียนในระดับที่ต่ำกว่า แต่ก็มีอาจารย์มาคอย ชี้แนะเช่นกัน อย่างไรก็ตามการปฏิบัติอาจไม่เท่าเทียมกัน ยิ่งกว่านั้นสถานะของการเป็นศิษย์ยังไม่เท่ากับศิษย์ ทั่วไป”
ฝ่ายลู่หมิงได้ยินคำบิดากล่าว เขามีท่าทีขัดใจ “พี่ใหญ่และท่านพ่อ พวกท่านพูดอะไรกัน ขอให้นึกถึง เกียรติของข้าบ้างเถิด !”
เมื่อเห็นบุตรชายโอดครวญ ลู่เสี่ยวหรานพลันโกรธขึ้งมากขึ้นจนพูดอย่างฉุนจัดออกมา “เจ้าเพียงอยากให้พวกเราให้เกียรติ ถ้าเจ้าขยันหมั่นฝึกปรือ บิดาจะต้องไปอ้อนวอนขอสิทธิพิเศษมาให้เจ้าเช่นนี้หรือ ?”
เด็กน้อยลู่หมิงทำหน้ามุ่ยแต่ไม่กล้าโต้แย้ง
เยี่ยฉวนและเยี่ยหลิงเห็นสองพ่อลูกโต้เถียงก็ได้แต่ยิ้ม
ทันใดนั้นลู่เสี่ยวหรานก็ส่งเสียงเร่งมา “สหายเยี่ย พวกเราไปที่จุดเริ่มต้นกันเถิด”
ทั้งสี่จึงมุ่งไปตามทางเดินเชิงเขาของเทือกเขาฉางซาน ข้างทางมีเสาไม้ปักอยู่บนพื้นดิน เหนือยอดเสา มีร่างคนตาย
…เป็นชายผู้หนึ่งที่ถูกเสียบคาอยู่ในสภาพที่ไม่อาจคาดเดาว่าคนผู้นั้นตายมานานเท่าใด
ทุกคนพากันชี้ไปยังภาพที่เห็นและเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เสียงอื้ออึง !
เยี่ยฉวนจ้องมองร่างชายคนนั้นก่อนหันกลับมาถามลู่เสี่ยวหราน “ผู้อาวุโส เขาคือใครกัน ?”
ผู้มีอาวุโสตอบกลับด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง “ศิษย์คนหนึ่งของสถานศึกษาฉางหลาน !”
“สถานศึกษาฉางหลาน !”
เยี่ยฉวนได้ยินก็รู้สึกสะดุ้งในใจ ก่อนถามต่อไป “อยู่ในเมืองหลวงด้วยหรือขอรับ ?”
ลู่เสี่ยวหรานพยักหน้ารับคำ “ไม่แปลกถ้าเจ้าจะไม่รู้จัก ทุกวันนี้คนในแคว้นเจียงจะรู้จักแต่สถานศึกษาฉางมู่ น้อยคนนักที่รู้จักชื่อสถานศึกษาฉางหลาน ความจริงมีอยู่ว่าในแผ่นดินราชวงศ์ก่อน สถานศึกษาฉางหลานและสถานศึกษาฉางมู่มีชื่อเสียงทัดเทียมกัน
ทว่าด้วยเหตุผลกลใดไม่แน่ชัด สถานศึกษาทั้งสองกลับกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต ทุกรอบ 3 ปีทั้งสองแห่งจะมีการแข่งขันประลองเป็นตายจนเกิดความตายอย่างไม่มีที่สิ้นสุดขึ้น ก่อนต่อมาด้วยเหตุผลบางประการ ความกล้าแกร่งของสถานศึกษาฉางหลานกลับค่อย ๆ เสื่อมถอยลงทีละน้อย
ขณะที่สถานศึกษาฉางมู่มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น เพราะเหตุนี้จึงทำให้สถานศึกษาฉางหลานปราชัยให้แก่สถานศึกษาฉางมู่ทุกครั้งในการแข่งขันประลองเป็นตายตลอดระยะเวลา 50 ปีที่ผ่านมา ….เหล่าศิษย์ที่แข่ง ขันในนามสถานศึกษาฉางหลานจะถูกเสาปักตรึงไว้ตลอดแนวทางเดินทางขึ้นเขา ต่อจากนี้เจ้าจะได้พบเห็นอีกมากมายเชียวละ”
เขาส่ายหน้าและถอนใจเฮือก “ทั้งสองแห่งตกลงกันว่าถ้าสถานศึกษาฉางหลานเอาชนะได้ครั้งหนึ่ง จะ ได้นำร่างของศิษย์ที่ถูกปักตรึงไว้กลับไปทั้งหมด ทว่าโชคร้ายที่ไม่เคยมีศิษย์แม้สักคนของฉางหลานทำให้ศิษย์ ของฉางมู่พ่ายแพ้ปราชัย !”