หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 68 กายากระบี่ไร้เทียมทาน ! (ต้น)
บทที่ 68 กายากระบี่ไร้เทียมทาน ! (ต้น)
“เขากล้าลงมือ ?”
“กล้าลงมือที่นี่เชียวหรือ ?”
ทุกคนต่างตกอกตกใจ !
แม้แต่หลีเฟิงก็ยังถึงกับพูดไม่ออก ด้วยคิดไม่ถึงว่าเยี่ยฉวนจะกล้าลงมือต่อหน้าผู้คนในสถานศึกษา ฉางมู่ ทั้งยังกระทำต่อหน้าต่อตาผู้เฒ่าชางจงด้วย
ชางจงเองก็ตกใจหาน้อยไม่ คิดไม่ถึงเยี่ยฉวนจะกล้าต่อหน้าเขาเช่นนี้ !
ทำเรื่องอื้อฉาวเข้าจนได้
หลีเฟิงค่อยขยับลุกขึ้นมาจากพื้นดิน ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเยี่ยฉวน วาจาดุร้าย “เจ้ากล้าบังอาจแสดงพฤติกรรมเลวทราม เจ้ามัน…”
ยังไม่ทันขาดคำหลีเฟิง เยี่ยฉวนพลันกระโดดขึ้นเหยียบร่างของชายชราก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว ก่อนที่ ชายหนุ่มจะยกฝ่ามือฟาดเข้าที่หน้าของมันอีกครั้ง
ปั้ง !
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังสนั่น ความรุนแรงนั่นผลักร่างของหลีเฟิงกระเด็นออกไป !
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ศิษย์หลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์พากันมองเยี่ยฉวนอย่างตะลึงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ชายชราหลีเฟิงเป็นผู้มีพลังขั้นหลอมรวมลมปราณ ทว่ายามนี้เขาไม่อาจตอบโต้ !
ครั้งแรกที่ถูกฝ่ามือของเยี่ยฉวนเพราะเขาจู่โจมเข้าหาโดยไม่ทันระวังตัว แต่ในครั้งที่สองชายชราคาด หมายได้ต่อสิ่งที่จะเกิดแต่เยี่ยฉวนกลับพุ่งเข้ามาอย่างถนัด ! ไม่ว่าจะอย่างไรหลีเฟิงก็ออกต้านทานแรงปะทะ ของชายหนุ่มได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น !
เยี่ยฉวนใช้กำลังกล้าแกร่งออกต้านพลังของหลีเฟิงจนหมดสิ้น !
“กล้าบังอาจ !”
ในเวลานั้นเฒ่าชางจงซึ่งยังอยู่บนหลังของนกกระเรียน ส่งเสียงคำรามลั่น พลันชั่วพริบตาลำแสงวาบ พุ่งเข้าใส่และแผ่คลุมร่างของเยี่ยฉวน !
เยี่ยฉวนเงยมองเฒ่าชางจง “ผู้เฒ่าชาง เจ้าใช้พลังข่มเหงผู้อื่นเพื่อขจัดความแค้นส่วนตัวเช่นนั้นหรือ ?”
ชางจงส่งเสียงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ใช้พลังเพื่อขจัดความแค้นส่วนตัวอย่างนั้นหรือ ? ข้าจะใช้พลังเมื่อใดเจ้ารู้ไหม ? กฎของสถานศึกษาฉางมู่กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าผู้ที่ขาดคุณสมบัติ โดยไม่สำเร็จขั้นพลังหลอมรวมลมปราณไม่มีสิทธิเข้าร่วมทดสอบ แต่ขั้นพลังของเจ้าคือขั้นหกผสานลมปราณ ดังนั้นข้าจึงยกเลิกผลการทดสอบของเจ้า ผิดตรงไหน ?”
ชายชรามองด้วยแววตาแข็งกร้าวเย็นชา “แต่เจ้ากลับมาอาละวาดทำร้ายผู้คนภายในเขตสถานศึกษา ฉางมู่ ท้าทายสถานศึกษา ข้าเชื่อว่าต่อให้ผู้เยี่ยมยุทธ์อันอยู่ในที่นี้ ในฐานะอาจารย์แห่งสถานศึกษาฉางมู่ นางก็ไม่มีทางยอมรับเจ้าเป็นศิษย์เช่นกัน !”
ทันใดหลีเฟิงพลันผุดลุกขึ้นยืน แววตาดุร้ายจ้องเขม็งมาที่เยี่ยฉวนบนใบหน้าแฝงความเหี้ยมโหดและ บ้าคลั่ง “ไอ้คนต่ำช้า เจ้ากล้า…”
ไม่อาจเอ่ยวาจาจนจบประโยค เยี่ยฉวนเคลื่อนไหวฉับพลันพุ่งมาอยู่เบื้องหน้าชายชราอีกครา !
หลีเฟิงหน้าถอดสี แต่ในเวลาเช่นนี้คงทำได้เพียงออกป้องกันตัว ทันทีที่เยี่ยฉวนพุ่งวาบมาปรากฏเบื้องหน้า ชายชราจึงผลักหมัดออกใส่เยี่ยฉวน !
พลังส่งออกหมัด ทำให้เกิดไอหมอกกระจายไปในอากาศ
เป็นภาพชวนตื่นตายิ่งนัก !
เยี่ยฉวนผลักส่งฝ่ามือออกไปทันที
ทั้งสองฝ่ามือปะทะเต็มแรง !
กร๊อบ !
เสียงกระดูกลั่นสะท้อนก้องได้ยินกันทั่วทั้งบริเวณ แรงปะทะผลักร่างของหลีเฟิงลอยออกไปไกลหลาย จั้ง และทันทีที่ร่างตกลงบนพื้น ร่างนั่นพลันงอตัวด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดที่จะทนทานได้ เพราะกระดูกแขน ขวาแตกละเอียดทั้งข้าง !
เยี่ยฉวนมองหลีเฟิงที่ร้องครางอย่างเจ็บปวดด้วยสายตาปราศจากความเป็นมิตร “ถ้ายังเอ่ยปากอีกคำ เดียว ข้าจะตีเจ้าให้ตาย !”
เขาหันมาเงยหน้ามองชางจงผู้ซึ่งเวลานี้สายตาเย็นชาทั้งคู่ฉายแววเคียดแค้นอย่างไม่ซ่อนเร้นอีกต่อไป “เวลานี้เจ้าบังอาจกระทำสิ่งชั่วร้ายต่อหน้าต่อตาของข้า ทั้งไม่ให้ความเคารพต่อสถานศึกษาฉางมู่ แม้จะมีท่านอันผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งแคว้นช่วย ทว่านางก็ช่วยปกป้องเจ้าไม่ได้แล้ว ใครก็ได้นำมันออกไปและเฆี่ยนมันจนกว่าจะตายที !”
สิ้นเสียงผู้เฒ่า บุรุษร่างกายกำยำ 2 คนพลันพุ่งตัวออกมาตามคำสั่ง
“ถึงแม้ว่าข้าจะไม่สำเร็จขั้นหลอมรวมลมปราณ แต่ท่านได้เห็นแล้วว่าความกล้าแกร่งข้าเท่าเทียม กับท่าน !”
เฒ่าชางจงตอบกลับเสียงเหน็บแนม “ถึงจะกล้าแกร่งเพียงใดก็ไม่มีใครสนใจ ข้ารู้เพียงว่าเจ้าไม่สำเร็จ พลังหลอมรวมลมปราณ เมื่อไม่สำเร็จพลังหลอมรวมลมปราณ เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์เข้าเป็นศิษย์ของสถานศึกษาฉางมู่ !”
พูดจบชางจงก็สะบัดมือขวา “นำตัวมันออกไป เฆี่ยนมันให้ตาย !”
บุรุษร่างกายกำยำทั้งสองเดิมออกมายืนเบื้องหน้าเยี่ยฉวน พลังขั้นทะยานสวรรค์พุ่งวาบเข้าใส่เยี่ยฉวนทันที !
พลังกล้าแข็งที่พุ่งออกปะทะนั้น ทำให้เยี่ยฉวนรับรู้ทันทีถึงพลังบางอย่างที่ส่งออกอย่างรุนแรงผลักสองร่างเคลื่อนที่ตรงเข้ามา
เมื่อรับรู้ถึงการจู่โจม ชายหนุ่มหน้าหมองลง ด้วยเขารู้ทันทีว่าความสงบสุขได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว !
ในเมื่อไร้ซึ่งความสงบสุข งั้นก็ลุยเลย !
ตอนนั้นเอง เยี่ยฉวนพลันเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเหี้ยมเกรียม ก่อนยกเท้าขวากระทืบลงบนพื้นอย่าง แรง
เปรี้ยง !
พื้นดินแตกร้าว พลังแข็งแกร่งถูกผลักออกจากร่างของเยี่ยฉวนพุ่งปะทะสองบุรุษผลักพลังทะยาน สวรรค์กระเด็นออกไปไกลหลายจั้ง
“คนพลังขั้นหกผสานลมปราณมีชัยต่อคนพลังขั้นทะยานสวรรค์อย่างนั้นหรือ ?”
เมื่อเห็นกับตา ทุกคนพากันตกตะลึง และหากจะกล่าวให้ถูก คือพวกเขากำลังมองอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง !
คู่ต่อสู้ที่มีขั้นพลังต่างกันถึง 2 เท่า !
ชางจงยังคงมองลงมาจากบนหลังนกกระเรียนมงกุฎแดง ชายชรารู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างหากไม่ถึง กับตกตะลึงเหมือนคนอื่นเมื่อเห็นได้ชัดว่าเยี่ยฉวนมีชัยเหนือหลีเฟิง ด้วยสิ่งที่รับรู้ข้อแรกคือแม้แต่ชางฉีก็ยังพ่ายให้กับเยี่ยฉวน !
อย่างไรก็ตามบุรุษสองคนนี้มีขั้นพลังทะยานสวรรค์ ต่อให้ในช่วงแรกของการต่อสู้พวกเขาไม่ได้ถ่ายเท พลังออกมาเต็มที่ นี่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่พลังหกผสมลมปราณจะสามารถเอาชนะพลังทะยานสวรรค์ได้ !
สายตาผู้เฒ่าชางจงจับนิ่งที่เยี่ยฉวน เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าหนุ่มน้อยคนนี้หาใช่คนหนุ่มธรรมดาทั่วไป แต่เขาเป็นอัจฉริยะ ยอดอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง !!!
คิดมาถึงตอนนี้ ชางจงเริ่มเกิดความลังเล !
ความกลัวเริ่มคืบคลานในใจ ถ้าวันนี้กำจัดยอดอัจฉริยะคนนี้ออกจากสถานศึกษาฉางมู่ ย่อมมีผล อย่างร้ายแรงอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งกว่านั้นตนเองขณะนี้เป็นเพียงผู้เฒ่าซึ่งมีความสำคัญน้อยนิด ทั้งยังได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังออกไปเสียแล้ว ถ้าขืนปล่อยให้เยี่ยฉวนได้เข้าสู่ฉางมู่ แน่นอนว่าเขาต้องถูกเอา คืน ถูกแก้แค้นโดยยอดฝีมืออัจฉริยะ…
เมื่อคิดเช่นนี้ แววตาชายชราพลันฉายแววเยือกเย็น !
“ยอดอัจฉริยะ ?”
“สถานศึกษาฉางมู่เต็มไปด้วยยอดอัจฉริยะ ! ข้าจะไม่ปล่อยตัวอันตรายให้หลุดรอดไป !”
ชางจงค่อยกำหมัดอย่างช้า ๆ ก่อนวินาทีถัดมาจะปรากฏลมพัดหมุนวนล้อมรอบตัวของชายหนุ่ม ลม หมุนแรงขึ้น ๆ ทำให้เยี่ยฉวนรู้สึกเหมือนถูกมัดตรึงแน่น
เยี่ยฉวนสะดุ้งในใจด้วยเหตุว่าตาเฒ่าชางจงหาใช่เพียงผู้มีขั้นพลันกล้าแกร่งขั้นทะยานสวรรค์ แต่พลัง เหนือกว่าทะยานสวรรค์ !
เขาไม่อาจต่อกร !
เมื่อคิดแล้วชายหนุ่มก็จึงกำหมัดผลักพุ่งฝ่ามือออกไปข้างหน้า
ตูม !
สิ้นเสียงดังสนั่น พลันลมหมุนที่รัดตัวพลันระเบิดแตกกระจายออกไป ก่อนจะเป็นชางจงที่ไล่ติดตาม ผลักพลังออกมาอีกครา ทว่าเยี่ยฉวนเองก็เคลื่อนที่ถอยอย่างรวดเร็ว กระโดดเพียงหนึ่งก้าวร่างของเขาก็ลงมา ถึงเชิงเขาแล้ว
เห็นเช่นนั้นชางจงจึงเปล่งวาจาเยาะเย้ยถากถางดังแว่วมา “คิดจะหนีเช่นนั้นหรือ ? น่าขำนัก !”