หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 69 กายากระบี่ไร้เทียมทาน ! (ปลาย)
บทที่ 69 กายากระบี่ไร้เทียมทาน ! (ปลาย)
สถานการณ์ของเขายามนี้คือถูกต้อนจนมุม เยี่ยฉวนจึงจำต้องเคลื่อนไหวรวดเร็วเข้าสู่ค่ายกลมารเก้า ชั้นท่ามกลางสายตาของทุกคน !
ภาพตรงหน้าทำเอาผู้คนที่อยู่บนยอดเขาและเชิงเขาต่างตกตะลึงไปตามกัน !
ไม่เว้นแม้แต่ชางจงซึ่งตกตะลึงไม่น้อย
“ไอ้เยี่ยฉวน มันจะทำอะไรกัน ?”
ทันทีที่ชายหนุ่มเหยียบเข้าไปในค่ายกล พลันบังเกิดความสั่นไหวอย่างรุนแรง ทันใดนั้นลำแสงเจิดจ้า จากกึ่งกลางแท่นทรงกลมก็ได้พุ่งทะลวงขึ้นสู่ท้องฟ้า !
ลำแสงที่พุ่งสู่ท้องฟ้า ทำให้ผู้คนที่อยู่ในสถานศึกษาต่างพากันแหงนมองคนแล้วคนเล่า
“ลำแสงแห่งค่ายกลมารเก้าชั้น… คุณพระช่วย ใครทำเรื่องเช่นนี้ ? ใครที่ฝ่าเข้าค่ายกลมารเก้าชั้น ? ผู้เยี่ยมยุทธ์อันเช่นนั้นหรือ ?”
“ค่ายกลมารเก้าชั้น… สงบนิ่งมาเป็นเวลานานหลายสิบปี !”
“หรือจะเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์อันหลานซิ่ว ?”
“ใคร ?”
“…”
พลันคนหลายคนก็พากันวิ่งกรูลงมาจากยอดเขาฉางซาน
ค่ายกลมารเก้าชั้นถูกกระตุ้น ต้องมีบางคนฝ่าขึ้นบนแท่นค่ายกลมารเก้าชั้นเป็นแน่ !
ชางจงมองอย่างตกตะลึง เขาคิดว่าเยี่ยฉวนเพียงต้องการหลีกหนี ไม่เคยคิดว่าชายหนุ่มจะใช้วิธีหนีเข้าสู่ค่ายกลมารเก้าชั้น เช่นนี้เจ้าคนหนุ่มนั้นก็กลายเป็นท้าประลองกับค่ายกลมารเก้าชั้น !
เมื่อตาเฒ่ามั่นใจแน่แล้วว่าเยี่ยฉวนท้าประลองกับค่ายกลมารเก้าชั้น เขาก็พลันเปล่งเสียงหัวเราะเย้ย หยันแว่วมา “เยี่ยฉวน เจ้ารนหาที่ตายเอง ดี เมื่อเจ้าฆ่าตัวตายเองเช่นนี้ข้าจะได้หมดตัวปัญหา !”
ค่ายกลมารเก้าชั้น !
ค่ายกลนี้ประกอบด้วยหุ่นไม้รูปคน 9 หุ่น แต่ละหุ่นต่อสู้ต่างมีอานุภาพรุนแรงถึงขนาดสังหารขั้นพลัง ทะยานสวรรค์ อย่างว่าแต่ขั้นทะยานสวรรค์ พลังกล้าแกร่งเช่นตาเฒ่าชางจงก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าตนจะฝ่าค่ายกลได้สำเร็จ ไม่เคยคิดเลยสักครั้ง !
ค่ายกลไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ทดสอบเพียงความแข็งแกร่งของร่างกาย แต่ทดสอบถึงแก่นแท้ อารมณ์หนักแน่นมั่นคง ความเชี่ยวชาญ และทักษะยุทธ์ของคนผู้นั้น !
เจตนาของผู้ก่อตั้งสถานศึกษาที่สร้างค่ายกลขึ้นมา นั่นก็เพราะกลัวว่าฉางมู่จะไร้ซึ่งยอดฝีมือ ที่เป็น ยอดฝีมืออย่างแท้จริง
เพียงไม่นาน กลุ่มคนพลันมารวมตัวกันล้อมรอบแท่นค่ายกลมารเก้าชั้น ทุกคนต่างจับตามองที่เยี่ยฉวนที่อยู่บนแท่นค่ายกล พากันถกเถียงกันไปต่าง ๆ นานา
ลู่เสี่ยวหรานมาพร้อมด้วยเด็กอ้วนตัวน้อยและเยี่ยหลิง เมื่อสายตาปะทะกับเยี่ยฉวน พวกเขาพลันสี หน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เยี่ยฉวนเข้าไปท้าประลองกับค่ายกลมารเก้าชั้น ?”
เบื้องหน้าคือเด็กสาวที่มีผ้าห่มคลุมจนหนาเตอะ เยี่ยหลิงไม่ประจักษ์ชัดว่าเกิดอะไร แต่นางรู้ดีถึง สถานการณ์ไม่สู้ดีของพี่ชาย
นางมีใบหน้าซีดเซียวและอ่อนละโหยนักขณะเอ่ยถาม “ท่านลุงลู่ ท่านลุงเจ้าคะ ท่านพี่จะเป็นอะไรหรือไม่ ?”
ลู่เสี่ยวหรานถอนหายใจเบา ๆ หันมามองเด็กหญิง ท่าทางลังเลแต่ในที่สุดก็กล่าวกับนางว่า “ไม่ต้อง เป็นห่วง เขาจะไม่เป็นอะไร !”
เอื้อมมือลูบหัวปลอบใจ หันกลับไปทางเยี่ยฉวนดวงตาฉายแววกังวลใจอย่างเด่นชัด
ค่ายกลมากเก้าชั้น ในแคว้นเจียงไม่เคยมีใครสามารถฝ่าด่านค่ายกลได้สำเร็จเป็นเวลานานนับสิบสิบปี
คนที่ท้าประลองกับค่ายกลมารเก้าชั้น ทุกคนล้วนตายอย่างเจ็บปวดทรมานบนแท่นค่ายกล !
เขาเคยรู้มาก่อนว่าเยี่ยฉวนค่อนข้างจะมีพลังกล้าแกร่ง ทั้งยังมีแก่นแท้อันน่าพิศวง
…แต่นี่คือค่ายกลมารเก้าชั้น !
บนแท่นค่ายกลมารเก้าชั้น ทันทีที่ช่ายหนุ่มกระโดดขึ้นไปยืนบนแท่น หุ่นไม้รูปคนทั้งเก้าก็พลันกลับมี ชีวิต พวกหุ่นเคลื่อนที่เข้าหาเยี่ยฉวนอย่างช้า ๆ และยืนล้อมรอบคนเป็นวงกลม
สีหน้าของชายหนุ่มไม่แสดงอารมณ์ขณะนั้น ที่ปรากฏชัดเห็นจะเป็นแววตาของเพชฌฆาตด้วยไม่คิด ว่าการณ์จะกลายเป็นดังนี้
ชางจงประสงค์ร้ายต่อเขาอย่างแน่นอน การต่อสู้เกิดขึ้นโดยไม่เจตนาหรือมิใช่ ? ที่นี่คือสถานศึกษา ฉางมู่ ดังนั้นต่อให้แกร่งกว่าเยี่ยฉวนก็ไม่สามารถต้านทานชางจง !
เขาหนีขึ้นมาท้าประลองค่ายกลมารเก้าชั้น สาเหตุเพราะจนมุม !
พลันขจัดความคิดพลุ่งพล่านในหัวออกไปเสีย เยี่ยฉวนมองไปรอบตัวหุ่นไม้ทั้งเก้า พวกมันทุกตัวต่าง ถือกระบี่ไม้และยืนนิ่งไม่ไหวติง แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ยังรู้สึกได้ถึงช่วงเวลาแห่งความเป็นตายที่คืบคลานเข้ามา
เขาต้องไม่ประมาท เส้นประสาททุกเส้นในกายตื่นตัว
ฉับพลันนั้นเอง หุ่นไม้ตัวหน้าสุดเคลื่อนไหวรวดเร็วแทงกระบี่ตรงเข้าที่จุดกึ่งกลางระหว่างหัวคิ้วของ เยี่ยฉวน
เสียงกระหึ่มของผู้ชมรอบสนามดังขึ้นอื้ออึง
“เป็นไปได้อย่างไร ?”
เสียงคนผู้หนึ่งพูดขึ้นว่า “หุ่นไม้ใช้กระบี่ได้คล่องแคล่วรวดเร็ว…หรือว่าหุ่นทั้งเก้าล้วนแต่เป็นผู้ฝึกกระบี่ ?”
“หากหุ่นไม้ทั้งเก้ามีขั้นพลังหลอมรวมลมปราณ… ข้าว่าแม้แต่คนที่พลังกล้าแกร่งขั้นทะยานสวรรค์ก็ยังคงต้องถูกสังหารภายในชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น !”
“…”
ตาเฒ่าบนหลังนกกระเรียนเห็นภาพนั้นพลันสายตาปรากฏแววฉงนไม่น้อย เขาเคยได้ยินว่าหุ่นไม้ พวกนี้หาใช่เพียงหุ่นไม้ที่ไม่มีพิษสง แต่ไม่เคยคิดว่าหุ่นจะเป็นผู้ฝึกกระบี่หลังจากที่ค่ายกลมารเก้าชั้นสงบนิ่งมา เป็นเวลานานหลายสิบปี !
ชางจงเปล่งเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
ต่อให้หุ่นไม้จะมีเพียงพลังขั้นหลอมรวมลมปราณ แต่ถ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่ ความน่ากลัวจะมากเพียงใดนั้นไม่อยากคาดเดา ด้วยเมื่อผู้ฝึกกระบี่พลังขั้นหลอมรวมลมปราณอยู่ในค่ายกลเดียวกัน พลังทะยานสวรรค์อัน กล้าแกร่งก็ไม่อาจเทียมทาน อย่าว่าแต่ผู้ที่ขั้นพลังหลอมรวมลมปราณเลย !!!
ในแคว้นเจียง บางที่ผู้ที่ขั้นฝีมือสูงพอจะเทียบได้เห็นจะมีแต่ผู้เยี่ยมยุทธ์อัน หากว่านางลอง…
แต่ถ้าเป็นเจ้าเยี่ยฉวน ?
ตาเฒ่ามองเยี่ยฉวนก่อนร้องถามมาอีก “เยี่ยฉวน เจ้าอยากแสดงฝีมือเพื่อสร้างชื่อเสียงงั้นหรือ ?”
หนึ่งในเก้าหุ่นไม้บนแท่น ขยับผลักปลายกระบี่ออก ความรู้สึกของเยี่ยฉวนคือ รวดเร็ว คมกริบ และ ไร้ปรานี อย่างไรก็ตาม เขาค่อนข้างประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อกระบี่มีแรงปะทะรวดเร็วแต่อ่อนกำลัง
เขาไม่อาจล่วงรู้แต่เป็นความรู้สึก ที่รู้เพียงว่ากระบี่พลังอ่อนเบามาก !
ในสายตาหลายคู่ของคนรอบข้าง กระบี่ไม้พุ่งเข้าหากึ่งกลางหน้าอกของชายหนุ่มพอดี !
เยี่ยฉวนไม่ได้หลบหรือหลีก !
ทุกคนตะลึงงัน
แสงสว่างวาบ ทุกสายตาจ้องมองเบิกโพลง กระบี่ไม้สั่นอย่างรุนแรง ฉับพลันแปรเปลี่ยนเป็นลำแสง และแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเยี่ยฉวน
ในขณะนั้นกระบี่หลิงเซี่ยวที่ครองในกายพลันสั่นน้อย ๆ บางสิ่งบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลง !
กระบี่ไม้ทั้งแปดที่เหลือจากมือหุ่นไม้พุ่งออกตรงมายังชายหนุ่ม ทว่าชายหนุ่มหาได้หลบหลีกไม่ !
กระบี่ทุกด้ามพุ่งตรงมาแต่ซึมหายเข้าไปร่างทันทีที่ปลายกระบี่ปะทะกายของเยี่ยฉวน
เหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่เพียงคนที่ล้อมรอบ แม้แต่ตัวของเยี่ยฉวนก็ตะลึงงัน “ผู้อาวุโส เกิดอะไรขึ้นกัน ? ท่านช่วยต้านกระบี่เช่นนั้นหรือ ?”
ความเงียบกริบเข้าครองขณะหนึ่ง ก่อนที่เสียงสตรีปริศนาจะแว่วมาเข้าหู “เวลานี้เจ้าได้บรรลุ ‘กายา กระบี่ไร้เทียมทาน’ ดังนั้นเจ้าจึงสามารถซึมซับกระบี่ที่มีพลังด้อยกว่ากระบี่จิตวิญญาณในกายของเจ้าได้ เข้าใจหรือยัง ?”
ชายหนุ่มกำลังจะเอ่ยปาก พลันเสียงคำรามด้วยความกราดเกรี้ยวของชางจงซึ่งอยู่ไม่ห่างก็ได้ดังขึ้น “เจ้าคนตลบตะแลง !”
เยี่ยฉวนหันขวับ “วอนหาเรื่องเสียแล้ว !”