หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ - บทที่ 83 ท่านพี่ จัดการ ! (ต้น)
บทที่ 83 ท่านพี่ จัดการ ! (ต้น)
เมื่อได้ยินคำพูดของไป๋เจ๋อ เยี่ยฉวนก็ได้แต่ส่ายหน้า “ในโลกยังมีคนเช่นนี้อยู่สินะ !”
โม่อวิ๋นฉีมองมายังคนตัวใหญ่ด้วยแววตาระคนเวทนา พลางสั่นศีรษะ
ไป๋เจ๋อถามสวนกลับ “หรือข้าหาใช่เช่นนั้นกัน ?”
ชายหนุ่มทั้งสองหันมองหน้ากัน ราวกับรู้กันโดยมิได้นัดหมาย พวกเขาต่างรีบเดินหนีทิ้งระยะห่างเจ้า คนตัวใหญ่
ไป๋เจ๋อที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ได้แต่ยกมือขึ้นลูบศีรษะเลี่ยนเตียนอย่างสับสนงงงัน
ในไม่ช้าเยี่ยฉวนและพวกเดินมาถึงถนนที่มีผู้คนพลุกพล่านใจกลางเมืองหลวง
เยี่ยฉวนมีแผ่นป้ายพิเศษของสำนักอัปสรเมรัย ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงมุ่งตรงไปยังสถานที่ ผู้ถือแผ่น ป้ายจะใช้สิทธิได้ในราคาย่อมเยา ดังนั้นแล้วทำไมเขาถึงไม่ควรใช้มันกัน ?
คนทั้งหมดมาถึงใจกลางเมือง พื้นที่ในส่วนซึ่งเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวง เป็นตำแหน่งที่หอสูงเก้าชั้น ตั้งตระหง่าน ความหรูหราโอ่อ่าแตกต่างกับสำนักอัปสรเมรัยสาขาที่เมืองพันภูผาโดยสิ้นเชิง
เยี่ยฉวนสองพี่น้องเข้าสู่ด้านในพร้อมผู้กุลีทั้งสอง โดยไม่ต้องให้เยี่ยหลิงและโม่อวิ๋นฉีรอนาน หญิงสาว แต่งกายดีผู้หนึ่งพลันเดินตรงเข้ามาคารวะทักทาย “พวกท่านประสงค์สิ่งใดเจ้าคะ ?”
ชายหนุ่มชูแผ่นป้ายแขกพิเศษต่อนางทันที เมื่อหญิงสาวเห็นแผ่นป้ายชัดเจน สีหน้าของนางพลัน เปลี่ยนแปลง ก่อนที่จะทำการแสดงคารวะอีกครั้งด้วยท่าทีนอบน้อมกว่าเก่า “เชิญตามมาทางนี้เจ้าค่ะ นาย ท่านผู้ทรงเกียรติ”
ทั้งสี่เดินตามหญิงสาวแต่งกายดีเข้ามาในห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งตกแต่งอย่างหรูหรา เมื่อทั้งหมดเข้า ประจำที่นั่ง คนที่เข้ามาใหม่พลันยกชาจิตวิญญาณมาเสิร์ฟให้กับทุกคน ต่อมาไม่นาน บุรุษอาวุโสผู้หนึ่งก็ได้ เดินผ่านประตูเข้ามา !
เมื่อเข้ามาแล้ว ผู้อาวุโสผู้นี้พลันแสดงคารวะต่อทุกคนในทันที หลังจากนั้นจึงหันมาทางเยี่ยฉวน “นายท่านผู้มีเกียรติ โปรดแจ้งนามของท่านได้ไหมขอรับ ?”
ชายหนุ่มจำเอ่ยชื่อตนเอง “ข้า เยี่ยฉวน !”
“เยี่ยฉวน !”
เพียงได้ยินสองคำ ชายอาวุโสพลันมีอาการสะดุ้งเล็กน้อย เขามองเยี่ยฉวนอย่างสำรวจตรวจตรา ทันใดก็มั่นใจแน่ชัดว่าบุรุษหนุ่มเบื้องหน้าคือเยี่ยฉวนผู้ที่ชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วทั้งเมืองหลวง
ทว่าชายแก่ยังสงวนท่าทีเป็นปกติ “มีอะไรให้ข้าช่วยขอรับ คุณชายเยี่ย ?”
เยี่ยฉวนหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนโพล่งขึ้นว่า “ข้าขอซื้อข้าวสาร 600 ชั่ง ไก่ 50 ตัว เป็ด 50 ตัว เนื้อหมู 20 ชั่ง เนื้อวัว 20 ชั่ง และน้ำมันอีก 5 ถัง…”
ทุกคนที่ได้ยินพากันอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหู
ความประหลาดใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของชายชราเมื่อได้ยินรายการสินค้าที่ชายหนุ่มต้องการ
บนม้านั่งมุมห้องไม่ไกลออกไป โม่อวิ๋นฉีนั่งเหลือบตามองเพดานนิ่งเฉย แสร้งทำทีไม่รู้จักกับเยี่ยฉวน
ไป๋เจ๋อแสดงท่าทางกระอักกระอ่วน
“เขาตั้งใจจะมาหาซื้อของเหล่านี้ที่สำนักอัปสรเมรัยจริงหรือ ?”
“ใครหนอคิดซื้อข้าวสารและน้ำมันที่สำนักอัปสรเมรัย ?”
สั่งของที่ต้องการได้แล้ว เหมือนว่าชายหนุ่มเพิ่งนึกได้บางสิ่ง จึงกล่าวออกมาว่า “ส่วนลดราคาสินค้า ข้าจำได้ว่าสามารถลดได้กึ่งหนึ่ง !”
ชายชรานิ่งงัน “…”
ชายหนุ่มสังเกตเห็นทีท่าประหลาดของชายแก่ เยี่ยฉวนจึงพลันขมวดคิ้วนิ่วหน้า “ทำไม ? ท่านไม่ขาย ของเหล่านี้อย่างนั้นหรือ ?”
ชายชรายิ้มเฝื่อน “คุณชายเยี่ย ไม่ใช่ว่าเราไม่ขาย แต่ที่จริงแล้วเราไม่ได้…”
เยี่ยฉวนพูดอย่างใจเย็นตัดบทว่า “ผู้ที่มอบแผ่นป้ายให้ข้าบอกว่าหากต้องการสิ่งใด ข้าสามารถหาได้ที่สำนักอัปสรเมรัย ตราบใดที่มิได้ร้องขอมากจนเกินเหตุ สำนักอัปสรเมรัยสามารถสรรหาให้ข้าได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา อนิจจา ผู้นั้นคงได้แต่คุยโม้โอ้อวดเสียแล้ว”
ชายชราได้ยินเขาว่ามาเช่นนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง เขารีบก้มตัวแสดงคารวะต่อเยี่ยฉวน.เป็นการใหญ่ “คุณชายเยี่ย โปรดรอสักครู่ขอรับ แม้ว่าทางสำนักอัปสรเมรัยจะไม่มีสิ่งของที่ท่านต้องการ ทว่า ภายนอกนั้นมี ข้าจะรีบจัดหามาให้ท่าน กรุณานั่งคอยก่อนเถิดขอรับ คุณชายเยี่ย !”
ชายหนุ่มพยักหน้า “คงต้องรบกวน !”
ผู้อาวุโสรีบแสดงคารวะและถอยหลบออกไปโดยเร็ว
เวลานี้ในห้องจึงมีเพียงเยี่ยฉวนและอีกสาม
ครานี้โม่อวิ๋นฉีจึงกล้าเอ่ยปาก “ท่านถือแผ่นป้ายสีม่วง ในบรรดาแผ่นป้ายแขกพิเศษของสำนักอัปสร เมรัยเป็นรองเพียงแผ่นป้ายสีดำ ท่านนี่ช่างร้ายกาจเสียจริง !”
ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “แค่แผ่นป้ายเท่านั้น !”
โม่อวิ๋นฉีส่ายหน้า “พี่ชาย สถานที่อย่างสำนักอัปสรเมรัยจะว่าไปทั้งหรูหราและมีเกียรติที่สุดในเมือง หลวง แต่ท่านกลับเข้ามาถามหาเนื้อ ข้าวสาร น้ำมัน และเกลือ… ท่านไม่อับอายบ้างหรือ ?”
เยี่ยฉวนมองดูเขาอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก “ถ้าพวกเราไม่มาที่นี่ คิดหรือว่าเบี้ยเพียงเท่านี้จะหาซื้อสิ่งของได้ครบถ้วน ? หรือว่าเจ้าจะจ่ายส่วนที่ขาดเหลือเสียเอง ?”
ได้ยินดังนั้นอีกฝ่ายจึงสงบปากสงบคำลงโดยพลัน
ไม่นานนักชายชราจึงย้อนกลับเข้ามาในห้อง เขาแสดงคารวะและพูดว่า “คุณชายเยี่ย พวกเราจัดของที่ท่านสั่งครบถ้วนแล้วขอรับ และนำใส่รถม้าบรรทุกไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังจัดคนรับใช้จำนวนหนึ่งเพื่อคอยช่วยเหลือขณะขนของไปส่ง ท่านยังต้องการอะไรอีกหรือไม่ ?”
ชายหนุ่มกุมมือคารวะขอบใจ “ขอบใจ ค่าสินค้าเท่าใดกัน ?”
ผู้ชราที่ได้ยินดังนั้นเพียงยิ้มน้อย ๆ และกล่าวว่า “ไม่เป็นไรมิได้ ข้าขอมอบให้ท่าน คิดว่าเป็นของกำนัล จากข้าเถิดขอรับ !”
“ของกำนัล !”
เยี่ยฉวนสั่นศีรษะปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง พลางล้วงหยิบถุงใส่เบี้ยและวางลงบนโต๊ะกลางเบื้องหน้า “ในถุงมี 36 เหรียญทอง หวังว่าจะเพียงพอ ข้าลา !”
ชายหนุ่มคว้าแขนน้องพาเดินออกทางประตู
ไป๋เจ๋อและโม่อวิ๋นฉีเดินตามมาติด ๆ
ชายแก่ยืนอยู่ที่เดิมยิ้มเจื่อน ๆ เดิมทีเพียงต้องการให้เยี่ยฉวนติดค้างต่อสำนักอัปสรเมรัยบ้าง แต่ดู เหมือนว่าเยี่ยฉวนคงไม่คิดที่จะอยากติดค้างหนี้บุญคุณพวกเขา
เมื่อจัดการเก็บถุงเงิน ชายชราจึงรีบตามคนทั้งหมดออกไป
ที่ประตูหน้าสำนักอัปสรเมรัย รถม้าบรรทุกสินค้าจอดรออยู่ 2 คัน ภายในแต่ละคันบรรทุกสรรพสิ่งจน แน่นเอียด ทั้งยังมีหีบเหล็ก 3 หีบที่ข้างในบรรจุของกินของใช้…
เคราะห์ดีที่ทางสำนักอัปสรเมรัยจัดคนรับใช้จำนวนหนึ่งมาช่วยขนของ มิเช่นนั้นแล้วพวกเขาคงไม่ สามารถขนกลับไปได้ทั้งหมด
เยี่ยฉวนหันไปพยักหน้าให้โม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อ “กลับกันเถิด !”