หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1017 รีบเชิญ!
ภาพลวงตาเทพวัวแทบจะอยู่นอกร่างหวังเป่าเล่อ ปรากฏตัวนอกดารานิรันดร์อารยธรรมวิญญาณเพลิง แหงนฟ้าคำรามอย่างไร้เสียง เวลาเดียวกับพายุที่ระเบิดกระจายออกมาทุกทิศทุกทาง บนดาวเอกเพลิง ศิษย์พี่ทั้งสิบสี่คนของเขากำลังเอนร่างอยู่บนหินที่แปลงมา สองมือหนุนอยู่หลังศีรษะ ศิษย์สิบห้ากำลังร้องเพลงในลำคออยู่ก็พลันสะดุ้งขึ้น แล้วมองออกไปทางอารยธรรมวิญญาณเพลิงที่ไกลออกไป
สีหน้าของพวกเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในขณะนี้รอยยิ้มเผยขึ้นที่มุมปากของเขาและดวงตาปรากฏความปลาบปลื้มใจ ก็เหมือนกับภายในร่างเยาว์วัยนี้ปรากฏวิญญาณชราอยู่ภายใน!
ไม่เพียงแต่เขาที่เป็นเช่นนี้ เวลานี้หินอื่นที่อยู่ใต้ร่างก็ปรากฏใบหน้าลอยออกมา มีอารมณ์เช่นเดียวกับศิษย์สิบห้า ยังมีต้นไม้ใหญ่สิบสามต้นที่แปลงมา ยังมีศิษย์พี่หญิงสิบสองที่อ่อนโยนและศิษย์พี่หญิงสิบเอ็ดที่เผด็จการเป็นต้น ในขณะนี้ต่างก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน!
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์พี่เจ็ดที่หน้าตาบวมช้ำ ยังมีศิษย์พี่สามที่อาบน้ำอยู่ในหินละลาย ยังมีศิษย์พี่รองที่อยู่ในหอคอย และศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่เล่นหมากรุกกับเขา รวมกระทั่งวัวเฒ่าที่เดิมทีหลับไหลอยู่ก็ตาม ต่างก็มีอารมณ์ยิ้มแย้มเช่นเดียวกัน!
ด้วยความโล่งอก ด้วยความห่วงใย และด้วยความคาดหวัง
“เจ้าเด็กผู้นี้เริ่มมีพลังแล้ว” ศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่อยู่ในหอคอยศิษย์พี่รองหัวเราะร่าแล้ววางหมากในมือลงไป
“สามารถฝึกฝนถึงระดับพลังนี้ได้อย่างรวดเร็วด้วยระยะเวลาสั้นๆ นอกจากการที่ท่านอาจารย์จัดให้สรงน้ำแล้ว การที่เวทผนึกดาราเข้ากันได้กับต้นทุนธรรมชาติของเขาอย่างลงตัวก็เป็นสิ่งสำคัญ” ศิษย์พี่รองแหงนหน้าขึ้นกล่าวอย่างอ่อนโยน เขารู้ดีว่าเคล็ดวิชาที่เหมาะสมมีความสำคัญต่อผู้ฝึกตนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเคล็ดวิชาระดับนี้อย่างเวทผนึกดารา จะยิ่งสามารถทำให้ผู้นั้นตรงขึ้นสู่สวรรค์ชั้นเก้าได้โดยไม่เปลืองแรง!
ที่จริงแล้วนี่คือเส้นปราณเพลิงของพวกเขา เคล็ดวิชาที่เสริมพลังที่สุด!
“ท่านอาจารย์ไม่อยู่ ถึงกับไปขอประมุขกฎสวรรค์ด้วยตนเอง ด้วยศิษย์น้องกำลังศึกษาและฝึกฝนเต๋าสวรรค์บรรพกาล เพื่อทำให้เวทผนึกดาราแก้ไขปรับปรุงด้วยตนเองให้เหมาะกับต้นทุนธรรมชาติของศิษย์น้องสิบหก ด้วยความสามารถของเขา สามารถทำได้ถึงจุดนี้ท่านอาจารย์ต้องทุ่มเทไปมาก…” ขณะที่ศิษย์พี่รองกล่าวเสียงเบา ศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าก็หัวเราะขึ้นมา
“ค่าตอบแทนแม้จะไม่น้อยแต่กลับคุ้มค่า ชั่วชีวิตการฝึกตนของข้า คิดจะแสวงหามหาเต๋าที่แท้จริง เคล็ดวิชาแม้จะสำคัญ ต้นทุนธรรมชาติแม้จะสำคัญ โชคชะตาแม้จะสำคัญ อาวุธเวทแม้จะสำตัญ…แต่บนความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นรอง สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกอย่างแท้จริงก็คือพลัง!”
“จากระดับดาวพระเคราะห์ ก็ต้องเริ่มบ่มเพาะพลังไร้ความกลัว!”
“ขอเพียงมีปณิธานเช่นนี้ จึงจะสามารถมีความก้าวหน้าไม่หยุดยั้ง มวลสรรพสิ่ง เต๋าสวรรค์ทั้งจักรวาล ล้านวิธีหมื่นช่องทางก็ไม่มีพลังใดมาหยุดยั้งได้!”
“หากกระแสพลังนี้ไม่ดับ ลิขิตให้ไปถึงจุดสูงสุด และสำเร็จเป็นไร้พ่ายทั่วหล้า!” ศิษย์พี่หญิงใหญ่แหงนหน้าหัวเราะ สายตามีความคาดหวังอย่างแรงกล้า ปากพึมพำคำพูดที่มีเพียงนางเท่านั้นที่ได้ยิน
“ลมปราณเพลิงไม่แน่นอน ศิษย์ทั้งหมดต่างมีพลังชนิดนี้ แต่กฎสวรรค์ไร้เมตตา ร่วงหล่นไม่ขาดสาย…แต่ข้าเชื่อว่า หากยังคงเดินหน้าต่อไป พลังนี้จึงจะเป็นทางสู่มหาเต๋า!”
ภายในดาวเอกเพลิงนี้ เมื่อสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่อารยธรรมวิญญาณเพลิง เวลานี้นอกดารานิรันดร์แห่งอารยธรรมวิญญาณเพลิง ที่ใจกลางหว่างคิ้วของเงาแห่งเทพวัวที่กำลังแหงนหน้าคำราม หวังเป่าเล่อที่อยู่ภายในดาวเคราะห์เต๋า ในสีหน้ามีความมุ่งมั่นกำลังค่อยๆ ถือกำเนิด!
“ตอนนี้ดูไปแล้วระดับดาวพระเคราะห์…เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลง!” หวังเป่าเล่อรู้สึกถึงความผันผวนของระดับฝึกฝนภายในร่าง เห็นๆ อยู่ว่าเป็นเพียงดาวพระเคราะห์ชั้นกลาง แต่ให้ความรู้สึกว่า หากตนใช้อย่างเต็มกำลัง เช่นนั้นก็สามารถใช้การฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์ถึงจะเอาชนะตนเองได้ แต่หากคิดจะสังหารตนเองในเขตแดนนี้ เกรงว่ามองไปทั่วทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น แม้จะมีก็แทบจะเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรแล้ว”
“กฎสลักเพียงหนึ่งเดียวของดาวเคราะห์เต๋า กฎเก้าดาวบรรพกาล วิชาดวงเนตรปีศาจช่วยกลไกสังหาร เวทผนึกดาราระเบิดพลัง…” หวังเป่าเล่อพึมพำเบาๆ ความมุ่งมั่นภายในใจ นับวันยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ราวกับทั้งเขาและเงาแห่งเทพวัวนี้ได้รับการชี้แนะที่ไร้รูปในระหว่างการผนึกกาย ในเวลานี้ทำให้พลังยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
กฎเกณฑ์จักรวาลส่งผลไปทั่วทิศ ทำให้พลังของแต่ละกฎรอบด้านเปลี่ยนไป ท่ามกลางเสียงคำรามแห่งจักรวาล ผู้ฝึกตนดารานิรันดร์ไม่น้อยที่อยู่รอบอารยธรรมวิญญาณเพลิง รวมทั้งอารยธรรมที่อยู่ใกล้เคียง ภายใต้การน้อมคำนับอย่างเซ็งแซ่ เขายกมือขวาขึ้นโบก
ตอนนี้ดาวเคราะห์ทั่วไปร้อยดวงที่อารยธรรมครามทองคำนำมากำนัลถูกเขานำออกมาทั้งหมด ดาวเคราะห์ทั่วไปเหล่านี้ได้ถูกขัดเกลาและถูกผนึกเอาไว้ ดังนั้นดูไปแล้วก็เป็นเพียงลูกปัดที่มีขนาดและสีสันที่แตกต่างกันเท่านั้น
แต่หากปลดผนึกออก พวกมันก็จะกลายเป็นดาวพระเคราะห์แต่ละดวงในทันที และกระจายไปในจักรวาล กลายเป็นดวงดาราขึ้นมาใหม่
“แม้ว่าข้าจะเพียงฝึกเวทผนึกดาราขั้นแรกถึงชั้นมหาวัฏจักร…ยังไม่ได้ฝึกถึงขั้นที่สอง แต่ข้ารู้สึกว่า…ดาวเคราะห์ทั่วไปเหล่านี้ ข้าน่าจะสามารถผนึกกายได้!” หวังเป่าเล่อหรี่ตา ทันใดนั้นแสงดาวเคราะห์เต๋าที่อยู่นอกร่างเขาส่องประกาย ดาวเคราะห์เต๋าแผ่กระจายไปทั่วแผนที่ดวงดาวเทพวัว ทำให้ระหว่างที่เทพวัวสั่นเสียงดังก้อง แม้พลังจะไม่เพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ แต่ในด้านระดับขั้น พลังแห่งดาวเคราะห์เต๋าที่ยืมมาก็มีความแตกต่าง
ในเวลาเดียวกัน หวังเป่าเล่อยกสองมือขึ้นและบีบลงทันที เวลานี้เงาของเทพวัวที่อยู่นอกร่างเขาคำรามขึ้นอีกครั้ง มันอ้าปากดูดเอาดาวเคราะห์ทั่วไปร้อยดวงที่กลายเป็นลูกปัดแสงนั้นเข้าไปอย่างแรง
ภายใต้การดูดนี้ ทันใดนั้นลูกปัดแสงดาวเคราะห์ทั่วไปร้อยดวงก็ฉายแสงและพุ่งไปที่เทพวัวทนัที ขณะนี้ก็ถูกเทพวัวดูดกลืน กระจายไปทั่วร่าง เกิดการผนึกกายเข้ากับสะเก็ดดาวในตำแหน่งต่างๆ ขั้นตอนนี้ไม่ได้กินเวลานานจนเกินไป เพียงกว่าสิบอึดใจ ตามการสะบัดแขนของหวังเป่าเล่อ เงาแห่งเทพวัวที่อยู่นอกร่างก็คำรามออกมาอีกครั้ง
คราวนี้เสียงดังยิ่งขึ้นและพลังก็แข็งแกร่งขึ้น ด้วยเพราะในแผนที่ดวงดาวเทพวัวนี้ หนึ่งร้อยตำแหน่งที่ส่องประกายของ สะเก็ดดาวถูกดาวเคราะห์ทั่วไปผนึกกาย กลายเป็นดวงดารา!
แม้ว่าจะเปรียบเทียบกับดาวทั้งหมดแล้ว ดาวเคราะห์ทั่วไปร้อยดวงเป็นเพียงหนึ่งในร้อย แต่สำหรับเทพวัวที่เพิ่มระดับโดยรวมขึ้นมามาก จึงทำให้แสงในแววตาของหวังเป่าเล่อยิ่งสุกสกาวขึ้น
“ผลที่สุดด้วยพลังของดาวเคราะห์เต๋า ตอนที่ข้าอยู่เวทผนึกดาราขั้นแรก ก็สามารถทำการฝึกตามกฎปกติ มีเพียงไปถึงขั้นที่สองเท่านั้น จึงจะสามารถผนึกกายดาวเคราะห์ทั่วไปได้!”
“ด้วยวิธีนี้ ข้าก็มั่นใจว่าหลังจากฝึกตนไปถึงขั้นที่สองแล้ว ก็จะไปหลอมรวมดวงเคราะห์วิญญาณอมตะ เช่นนี้…เมื่อถึงขั้นที่สาม การหลอมรับกับดาวเคราะห์พิเศษ ก็ไม่น่าเป็นปัญหา!”
“หากมีวันหนึ่ง ข้าสามารถหลอมรวมดาวเคราะห์พิเศษนับหมื่น กลายเป็นเงาแห่งเทพวัว พลังของมันจะมีมากเท่าไหร่” สัมผัสสวรรค์ของหวังเป่าเล่อสั่นคลอน และเขาไม่อาจจะจินตนาการได้ แต่ความคาดหวังแบบนี้กลับหยั่งรากลึกในหัวใจของเขาและปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ดาวเคราะห์เต๋าเปรียบเสมือนการทำให้เคล็ดวิชาของข้ารวมเป็นหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ หากข้าฝึกจนถึงขั้นที่สี่ เช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นระดับใด ก็จะเป็นขั้นที่ห้าที่ไม่เคยมีมาก่อน!”
“เช่นนี้… วิธีการที่ข้าทะลวงผ่านดาวพระเคราะห์ เป็นไปได้อย่างมากว่าจะไม่หลอมรวมดารานิรันดร์อีก…” หวังเป่าเล่อครุ่นคิดอยู่ในใจ ขณะที่จิตวิญญาณสุขสม ความคิดบ้าระห่ำก็เกิดขึ้นในใจ
“เป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้เวทผนึกดารามาทำให้ดาวเคราะห์เต๋าขั้นธรรมดาของข้า จากดาวพระเคราะห์ของข้ากลายเป็นดารานิรันดร์ หากทำได้แล้ว เช่นนั้นระดับการฝึกตนของข้าก็ย่อมทะลวงผ่านจากดาวพระเคราะห์ก้าวขึ้นสู่ระดับดารานิรันดร์เป็นธรรมดา!” ดวงตาของหวังเป่าเล่อเป็นประกายประหลาด ไม่ว่าจะเป็นนิมิตมืดในตอนแรก หรือว่าช่วงเวลาบนดาวเอกเพลิงนี้ ตนได้สอบถามเทพวัว อีกทั้งเขายังเคยตรวจดูคัมภีร์มาก่อน
ทั้งหมดนี้ทำให้เขากระจ่างว่ามีหลายวิธีที่ผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์จะไต่ขึ้นดารานิรันดร์ และเนื่องจากระดับชีวิตที่เปลี่ยนแปลงำแ ดังนั้นจึงไม่ถูกจำกัดอีกต่อไป และยังมีทางเลือกมากมายที่สามารถไต่ระดับได้
แต่โดยพื้นฐานแล้วไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ล้วนไม่สามารถรับประกันความสำเร็จได้ โดยทั่วไปอัตราการล้มเหลวก็มีมาก แต่เวลาและค่าตอบแทนที่จำเป็นต้องเตรียมการก็ถึงขั้นเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ อย่างเช่น…หากอารยธรรมที่มีอยู่ไม่เคยมีดารานิรันดร์ปรากฏมาก่อน เช่นนั้นขอเพียงทำให้อารยธรรมของตนไต่ระดับก็จะเป็นเช่นเดียวกับโชคชะตาตอบแทน ทำให้ระดับชีวิตของผู้ฝึกตนโชติช่วงขึ้น ก็จะก้าวสู่ระดับดารานิรันดร์ได้อย่างราบรื่น
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หวังเป่าเล่อก็หรี่ตาลงและไม่ได้ครุ่นคิดอีกต่อไป อาจเป็นเพราะเขายังห่างไกลจากการทะลวงผ่านอยู่มาก เวลานี้กระบวนเวทเทพที่บังเกิดอยู่ต่อหน้านี้สำคัญที่สุด ยังคงต้องหาวิธีทำให้ได้ดาวเคราะห์ทั่วไปอย่างพอเพียง นำดาวเคราะห์ทั่วไปนับหมื่นทดแทนให้เพียงพอก่อนนั่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นหลังจากหวังเป่าเล่อตระหนักจึงเงยหน้าขึ้น สัมผัสสวรรค์เคลื่อนไหว เงาร่างแห่งเทพวัวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเปลี่ยนแปลงอยู่ด้านนอก ทันใดนั้นก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็วท่ามกลางแสงที่ส่องประกาย ราวกับม้วนตัว ท้ายที่สุดหลังจากย้อนกลับมาในร่างตนเอง หวังเป่าเล่อก้าวออกไปหนึ่งก้าว ในชั่วพริบตาร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าผู้ฝึกตนดารานิรันดร์จากอารยธรรมวิญญาณเพลิงและอารยธรรมใกล้เคียงที่มาเพื่อคุ้มครองเหล่านั้น
“คารวะนายน้อย!” ผู้ฝึกตนดารานิรันดร์เหล่านี้ต่างพากันก้มศีรษะ คำนับด้วยความเคารพ
“ขอบคุณมาก!” ด้วยสถานะที่แตกต่าง เพียงคำพูดเดียวก็สามารถชี้เป็นตายคนในดาราจักรไฟได้ แต่หวังเป่าเล่อรู้ดีว่านี่เป็นเพราะท่านอาจารย์ ซึ่งเป็นอำนาจของผู้อื่น มิใช่เป็นเพราะตนเอง ดังนั้นเขาจึงยังคงคารวะกลับอย่างสุภาพ ขณะที่กำลังจะกลับดาวเอกเพลิง ผู้ฝึกตนดารานิรันดร์อารยธรรมวิญญาณเพลิงที่อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าลังเล ก่อนเอ่ยปากเสียงเบา
“นายน้อย มีผู้ฝึกตนที่ชื่อเซี่ยไห่หยางอ้างว่าเป็นสหายเก่าของท่าน ได้รออยู่ด้านนอกมานานแล้ว…”
“เซี่ยไห่หยาง?” หวังเป่าเล่อผงะไป กะพริบตาปริบๆ ในขณะนี้ ดวงตาของเขามีประกายตื่นเต้นยินดี เขากำลังกังวลว่าไม่มีดาวเคราะห์ทั่วไปเพียงพอ … ดังนั้นหลังจากส่งเสียงกระแอมไอ เขาก็เอ่ยปากขึ้นทันที
“รีบเชิญ!”
……………………………………