หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1020 การแสดงที่ยอดเยี่ยม!
“ข้าก็รู้จัก…” เซี่ยไห่หยางหายใจถี่กระชั้น ตามองตรง และรู้สึกว่าสติปัญญาของเขาดูเหมือนจะไม่เพียงพอแล้วในขณะนี้ ด้วยสัญชาตญาณร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในความคิด แต่ขณะต่อมาเขาก็สลัดทิ้งไป และบอกตนเองตลอดว่าเป็นไปไม่ได้…
“ไม่ผิด เจ้าก็รู้จัก” ศิษย์พี่หญิงใหญ่ส่งเสียงกระแอม และท่าทางประหลาดใจก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น เพียงแต่สายตาส่งประกายสมใจที่เซี่ยไห่หยางมองไม่ออก นางฝืนทำหน้านิ่งและเอ่ยปากเบาๆ
“เขาก็คือ…อาจารย์อาสิบหกของเจ้า หวังเป่าเล่อ”
ร่างของเซี่ยไห่หยางกระตุกวูบ รู้สึกราวกับสายฟ้าฟาดอยู่ในศีรษะนับล้านครั้ง หลังจากนำเสียงที่ตนได้หมิ่นอาจารย์ไว้มาแยกแยะ ก็กลายเป็นเสียงสะท้อนที่ก้องอยู่ในหูไม่ขาดสาย
“อาจารย์อา…”
“สิบหก…ของเจ้า…”
“หวังเป่าเล่อ…”
เซี่ยไห่หยางรู้สึกมึนงง อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเคาะศีรษะ สติเหม่อลอย มองไปยังอาจารย์และปรมาจารย์ที่เคร่งขรึมอย่างงงงัน และเวลานี้คำพูดของอาจารย์ยังไม่จบ
“หยางเอ๋อร์ ข้าได้ยินอาจารย์ใหญ่ของเจ้าพูดถึงเจ้าว่าปกติเป็นผู้เฉลียวฉลาด เจ้าคุ้นเคยกับหวังเป่าเล่อ เจ้าไม่รู้ว่าในหมู่พวกเรา ความสัมพันธ์ของเขากับเฉินชิงจื่อถึงขั้นแน่นแฟ้นเลยเชียวหรือ” ศิษย์พี่หญิงใหญ่เอ่ยอย่างทอดถอนใจ ทั้งยังส่ายหน้าถอนหายใจไปพร้อมกับคำพูดของตน ดูท่าทางราวหมดความอดทน
“อาจารย์…ปรมาจารย์…ท่านไม่ได้กล่าวว่า…ท่านมีศิษย์ผู้หนึ่งที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเฉินชิงจื่อหรอกหรือ…แต่ แต่ว่า…เวลานั้น หวังเป่าเล่อยังมิได้คราวะท่านเป็นอาจารย์เลย!” เวลานี้เซี่ยไห่หยางสับสนไปหมดแล้ว มองไปทางปรมาจารย์แห่งไฟ พูดจาตะกุกตะกัก
“ไม่ผิดหรอก หวังเป่าเล่อเป็นศิษย์ของข้าอย่างแน่นอน แม้ว่าในเวลานั้นเขายังไม่ได้คำนับข้าเป็นอาจารย์ แต่ในใจตาเฒ่าอย่างข้า เขาได้เป็นศิษย์ของข้าแล้วอย่างไรเล่า เจ้าผิดเองยังมาตำหนิข้าอีกหรือ” ปรมาจารย์แห่งไฟสีหน้าไม่พอใจ ท่าทางว่าข้าไม่ได้หลอกเจ้า เป็นเจ้าเด็กน้อยเองไม่ตอบกลับ
“ข้า…ท่าน…” เซี่ยไห่หยางยืนขึ้นทันที เขาหายใจแรง ดวงตาเบิกกว้าง ร่างสั่นเทิ้มอยู่ตลอดเวลา และเริ่มร้องคร่ำครวญอยู่ภายในใจ เขารู้สึกพลาดไป พลาดอย่างมหันต์
เหตุใดเขาจึงคิดไม่ถึง เขาวนหาอย่างลำบากลำบน ที่แท้แล้วผู้ที่สามารถทำได้จริงๆ กลับเป็นคนใกล้ตัวเขาเอง!
หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ วันนั้นที่ตลาดตลาดตระกูลเซี่ยคงไม่จากไปอย่างร้อนรน และคงไม่ต้องกังวลคิดหาวิธีแก้ปัญหา ทุกวันนี้ก็ไม่ต้องกังวลอย่างที่สุด ไม่ต้องห่วงการได้เปรียบเสียเปรียบ และไม่ต้องคิดจนแทบล้มประดาตายเพื่อเสาะหาคนสนิทกับเฉินชิงจื่อ
หรือแม้กระทั้งในขณะนี้เขารู้สึกว่า วันนั้นที่ตลาดตระกูลเซี่ย หากตนเองได้ช่วยหวังเป่าเล่อก่อน เวลานั้นเขาคาดว่าเพียงกล่าวประโยคเดียวอีกฝ่ายต้องพิจารณาอย่างแน่นอน หากตนเองลงทุนอีกหน่อยเรื่องนี้คงแก้ไขได้สำเร็จไปนานแล้ว
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคิดได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้หวังเป่าเล่อถามตนว่าตามหาเฉินชิงจื่อด้วยเหตุใด ตอนนี้เมื่อคิดขึ้นมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายหมายถึงต้องการจะช่วยตน
แต่เมื่อครู่ตนเองกลับไม่ใส่ใจ…
“สวรรค์… ข้า…” ขณะที่เซี่ยไห่หยางร้องไห้โดยไร้น้ำตา ทันใดนั้นความไม่ยินยอมอย่างยิ่งยวดก็ระเบิดออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เป็นเพราะปรมาจารย์แห่งไฟตรงหน้านี้ที่ทำให้ตนเข้าใจผิด
“เจ้าอะไรของเจ้า ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไร้มารยาท” ปรมาจารย์แห่งไฟขมวดคิ้ว คำรามเสียงเย็นชา สายตาส่งประกายเย็นชา และแผ่พลังกดดันออกไป
ภาพตรงหน้านี้ ปลุกให้เขาตื่นขึ้นมาจากภวังค์ในทันที รู้สึกเพียงแต่ว่าปรมาจารย์แห่งไฟที่อยู่ตรงหน้านี้ดูเหมือนว่าขณะนี้จะกลายเป็นภูเขาไฟลูกหนึ่งที่กำลังจะปะทุ และหากปะทุขึ้นมาฟ้าคงจะถล่มดินจะทะลาย
ศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่อยู่ด้านข้างก็หน้าเปลี่ยนสี รีบลากร่างเซี่ยไห่หยางที่สั่นไปทั้งร่างไปข้างหน้า ยืนอยู่ด้านหน้าของเขาแล้วคำนับไปที่ปรมาจารย์แห่งไฟที่เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธ
“อาจารย์ได้โปรดระงับโทสะ!”
“ระงับโทสะหรือ? ตงเอ๋อร์ อาจารย์ผิดไปแล้ว ไม่ควรให้เจ้ารับศิษย์ผู้นี้ ไม่เป็นไร วันนี้ก็ถอนสถานะของเขาเสีย กลุ่มอัคคีของข้าไม่มีผู้กระทำผิดเช่นนี้มาก่อน” พูดพลาง มือขวาของปรมาจารย์แห่งไฟก็จะยกขึ้น แต่ศิษย์พี่หญิงใหญ่สีหน้าร้อนรนอย่างที่สุด คุกเข่าลงคำนับในทันที
“ท่านอาจารย์!”
“ศิษย์ไม่เคยรับศิษย์มาก่อนในชีวิต และตอนนี้ได้ตกลงยอมรับหยางเอ๋อร์ด้วยตนเอง เช่นนั้นเขาก็เป็นศิษย์ของข้าแล้ว ขอท่านอาจารย์ได้โปรดเห็นแก่ความไม่รู้ประสาของเขา มองข้ามเรื่องนี้ เขา…เขายังเด็ก”
“เจ้า…” สีหน้าปรมาจารย์แห่งไฟดูไม่ได้ สายตามองไปที่ร่างลูกศิษย์คนโตที่อยู่ตรงหน้า และมองไปที่เซี่ยไห่หยางที่เห็นได้ชัดว่าถูกเขาทำให้ตกใจ ก่อนส่งเสียงคำรามเสียวสันหลังวูบ
“เซี่ยไห่หยาง หากไม่ใช่เป็นเพราะอาจารย์ของเจ้าร้องขอให้เจ้า วันนี้ข้าจะจัดการเจ้าตามกฎสำนัก…เอาล่ะ ศิษย์ของเจ้า เจ้าก็จัดการเอาเองเถอะ” พูดพลาง ปรมาจารย์แห่งไฟก็สะบัดปลายแขนเสื้อ เพียงแวบเดียวร่างของเขาก็จากไป ท่าทางดูโกรธมาก
เมื่อเขาจากไป พลังกดดันภายในหอคอยนี้ก็หายไปและกลับสู่สภาวะปกติ
หากเวลานี้หวังเป่าเล่ออยู่ที่นี่ เห็นฉากนี้แล้วคงต้องตะโกนว่าเยี่ยมยอดอยู่ในใจ รู้สึกว่าทั้งตัวท่านอาจารย์และตนถึงกับแล่เนื้อถือหนังเล่นกันสมจริงสมจังกันเกินไปแล้ว…
แต่เซี่ยไห่หยางไม่รู้ เขาเห็นตนเองทำให้ปรมาจารย์แห่งไฟเกิดโทสะ และเห็นปรมาจารย์แห่งไฟระเบิดพลัง เห็นอาจารย์ที่เพิ่งจะรับตนร้องขอความเมตตาเพื่อช่วยตน จิตใจก็สั่นสะท้านขึ้นทันที
“อาจารย์…”
ศิษย์พี่หญิงใหญ่ถอนหายใจ ยืนขึ้นและมองไปที่เซี่ยไห่หยาง
“หยางเอ๋อร์ ในเมื่อเข้าสู่กลุ่มอัคคีของข้าก็ต้องปฏิบัติตามกฎของสำนัก วันนี้เจ้าล่วงเกินอาจารย์ใหญ่ของเจ้า เรื่องเกิดขึ้นเพราะมีเหตุก็ช่างเถอะ แต่หากเกิดขึ้นอีก…อาจารย์ก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว”
“อีกอย่างเรื่องนี้เจ้าลองไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ว่าเจ้าผิดพลาดหรือไม่” ศิษย์พี่หญิงใหญ่เหลือบมองเซี่ยไห่หยางอย่างมีความหมาย สายตานี้ทำให้ร่างเซี่ยไห่หยางสั่นเทิ้ม นับว่าได้ตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว
เขารู้ว่าอาจารย์พูดถูก แม้ว่าอาจารย์ใหญ่จะทำให้เข้าใจผิด แต่ท้ายที่สุดยังคงเป็นตนเองที่พลาดไป…
เขาตระหนักในทันที ว่าก่อนหน้านั้นตนขาดสติ และความคิดก็ผิดเพื้ยน ในเมื่อก้าวเข้าสู่กลุ่มอัคคี ก็ย่อมนับว่าเป็นคนของดาราจักรไฟแล้ว ในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่ได้สูญเสียสิ่งใดไปจริงๆ หรือแม้กระทั่งการได้อยู่สำนักเดียวกับหวังเป่าเล่อ การขอความช่วยเหลือจากเขาก็จะยิ่งราบรื่นและง่ายดายขึ้น
นอกจากนี้การเข้าสู่กลุ่มอัคคี ที่ตั้งตระกูลเซี่ยของตนอยู่ห่างออกไปไกล การค้าในภายภาคหน้าก็จะยิ่งสะดวกราบรื่น ท้ายที่สุดภูมิหลังของตนเองก็จะยิ่งใหญ่กว่าแต่ก่อน ที่สำคัญที่สุดก็คือ…ตนเองเป็นเพียงผู้หนึ่งในตระกูลเซี่ย หากเกิดปัญหา ปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยก็ไม่แน่ว่าจะออกหน้าเพื่อตน แต่ที่ดาราจักรไฟ ตนเองเป็นศิษย์รุ่นที่สามแต่เพียงผู้เดียว หากเกิดปัญหา ด้วยท่านปรมาจารย์แห่งไฟที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วดาราจักร ต้องออกหน้าให้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดเช่นนี้ ดวงตาของเซี่ยไห่หยางก็สว่างขึ้นในทันที และเขารู้สึกว่ามันคุ้มค่ามาก แม้ว่าเขาจะต้องเรียกหวังเป่าเล่อว่าอาจารย์อา เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกแทบจะทนไม่ได้ แต่เมื่อมาคิดดูแล้วก็ทำได้เพียงเท่านี้
ดังนั้นเซี่ยไห่หยางจึงสูดหายใจเข้าลึกและคุกเข่าลงคำนับอาจารย์ของตน
“ขอบคุณคำชี้แนะของท่านอาจารย์!”
ศิษย์พี่หญิงใหญ่มองเซี่ยไห่หยางตรงหน้าอย่างอ่อนโยน สายตาที่ทำให้อีกฝ่ายเห็นถึงความเมตตา แล้วยกมือขึ้นลูบไปที่ศีรษะของเซี่ยไห่หยางแต่ก็รีบชักกลับอย่างรวดเร็ว และเช็ดมือบนเสื้อผ้าด้านหลังอย่างเงียบๆ ที่จริงคือ…น้ำมันใส่ผมบนศีรษะของเซี่ยไห่หยางเหนียวเกินไป อย่างไรก็ตามบนใบหน้ากลับยังแสดงความปลอบประโลม
“เด็กดี ยังไม่รีบไปหาอาจารย์อาสิบหกเจ้าอีก จำไว้อ้อนวอนเขาให้มากไว้ หากเขาสบายใจแล้ว เรื่องของเจ้า…ยังจะเป็นปัญหาอีกหรือ”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว!” เซี่ยไห่หยางเงยหน้าขึ้นกล่าวเสียงดัง แววตาเป็นประกาย พอลุกขึ้นก็จะรีบจากไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว อาจารย์ทางเบื้องหลังของเขา หรือก็คือศิษย์พี่หญิงใหญ่ของหวังเป่าเล่อ ยังอดเอ่ยปากออกมาไม่ได้
“หยางเอ๋อร์ น้ำมันใส่ผมหรืออะไรก็ตาม ทาให้น้อยลงหน่อย ติดมืออาจารย์แล้ว…”
เซี่ยไห่หยางเมื่อได้ฟังก็รู้สึกอับอาย รีบพยักหน้ารับคำ หลังจากนั้นรีบจากไปอย่างรวดเร็ว เขายืนอยู่ด้านนอก มองออกไปไกล ลมพัดปะทะบนใบหน้า รำลึกถึงช่วงเวลานี้ออกมาเป็นฉากๆ รู้สึกเหมือนความฝันอันยิ่งใหญ่
“อาจารย์พูดถูก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็เพียงเรียกอีกฝ่ายว่าอาจารย์อา สามารถเข้าสู่กลุ่มอัคคีได้ ข้าเซี่ยไห่หยางแห่งตระกูลเซี่ย สถานภาพก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว” หลังจากให้กำลังใจตัวเองอย่างต่อเนื่องราวกับสะกดจิต เซี่ยไห่หยางก็เต็มไปด้วยพลัง เหาะมุ่งหน้าไปที่หอคอยของหวังเป่าเล่อ ทันทีที่เข้าไปใกล้ก็ไม่รอให้เข้าประตูเสียก่อน เซี่ยไห่หยางก็ตะโกนอยู่ด้านนอก
“ผู้น้อยเซี่ยไห่หยาง ขอเข้าพบอาจารย์อาสิบหกผู้รูปงามอันดับหนึ่งในสหพันธรัฐ”
………………………………