หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1028 พบเจ้าอ้วนน้อยอีกครั้ง!
ฉากนี้ทำให้ศิษย์สาวสองคนมีความกระตือรือร้นขึ้น หนึ่งในนั้นเปลี่ยนแนวคิดและเริ่มเข้าใกล้หวังเป่าเล่อ หลายครั้งในระหว่างการแนะนำก็ได้ใช้หน้าอกอันอวบอิ่มถูๆ ไถๆ แขนของหวังเป่าเล่อเหมือนไม่ตั้งใจ
“คุณชาย ขวดโอสถน้ำที่ท่านชมอยู่เรียกว่าน้ำแร่ฟ้าคราม เพียงหยดเดียวสามารถทำให้วิญญาณที่ได้รับความเสียหายหายได้เองอย่างรวดเร็ว”
“นอกจากนี้ยังมีโอสถบำรุงนี้เรียกว่ายาเม็ดตี้หวง ซึ่งช่วยบำรุงร่างกาย การใช้ในระยะยาวสามารถเพิ่มพลังชีวิตและมีประโยชน์บางประการสำหรับการฝึกฝนชั้นกายเนื้อ” ศิษย์สาวกล่าวพลางหยิบเม็ดโอสถบำรุงแล้ววางไว้ในมือหวังเป่าเล่อ ขณะที่นางวางไป ก็ใช้นิ้วของนางสะกิดลงบนฝ่ามือของหวังเป่าเล่ออย่างชำนาญ
การกระทำต่างๆ ของผู้ฝึกตนหญิงนั้นไม่โจ่งแจ้ง และคงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้อื่นที่จะรู้ได้หากพวกเขาไม่เคยประสบกับตัวมาก่อน สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าการกระทำของสตรีผู้นี้มิได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ซึ่งสามารถสะกิดใจผู้อื่นให้ปั่นป่วนโดยไร้เสียงและสีหน้า เมื่อถูกกระตุ้นก็จะไม่สนใจซึ่งเหตุผล
อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใช้กับทุกคนที่พบ ส่วนใหญ่ใช้สำหรับผู้ที่มีที่มาที่ไปและอายุน้อยที่เพิ่งเข้าสู่การฝึกตน วันนี้เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อ นางจึงตัดสินว่าอีกฝ่ายก็เป็นบุคคลประเภทนี้ ดังนั้นจึงพยายามอย่างสุดความสามารถ
หวังเป่าเล่อกะพริบตา เขาเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้อย่างชัดแจ้ง อดที่จะสุขใจไม่ได้ ทั้งยังทอดถอนใจ เขาไม่ไปพิจารณาถึงปัจจัยอื่น รู้สึกราวกับรูปลักษณ์ของตนนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ใดล้วนนำมาซึ่งเรื่องน่าปวดหัว
“เอาล่ะๆ มันเป็นเพราะข้ามีเสน่ห์มากเกินไป ไม่ใช่ความผิดของพวกนาง” หวังเป่าเล่อส่งเสียงไอ และให้อภัยต่อการกระทำของผู้ฝึกตนหญิงที่อยู่ข้างกาย เขาเลือกที่จะเข้าใจและทำเหมือนไม่เห็นสิ่งใด
และทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของเซี่ยไห่หยาง เซี่ยไห่หยางกะพริบตาปริบๆ ยิ่งมั่นใจในการตัดสินใจของตนเอง
“ที่แท้เจ้าอ้วนนี่ก็เจ้าสำราญ นี่ย่อมเป็นการดีแล้ว…”
แต่เซี่ยไห่หยางเพิ่งจะเริ่มคิด ด้านหวังเป่าเล่อฉับพลันก็มีเสียงแม่นางน้อยดังเข้ามาในหัว
“เจ้าอ้วน เจ้าชมชอบมากนี่นา เหตุใดไม่กอดไว้ในอ้อมอกสักหน่อยเล่า”
หลังจากได้ยินเสียงเย็นชานี้ อยู่ๆ หวังเป่าเล่อรู้สึกผิดอยู่บ้าง เขามองผู้ฝึกตนหญิงที่อยู่ข้างตนด้วยสายตาเย็นชาตามสัญชาตญาณ แม้มิได้เอ่ยปากโดยตรงแต่กลับกล่าวขึ้นในใจอย่างรวดเร็ว
“หญิงไร้การอบรมเช่นนี้ จะสามารถเข้ามาในดวงเนตรเทพของข้าแซ่หวังได้อย่างไร!” ด้วยคำพูดที่กล่าวอยู่ในใจ รวมทั้งความเย็นชาจากแววตา ผู้ฝึกตนหญิงผู้นั้นสังเกตได้ทันที ดังนั้นจึงหลบไปอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ
“รบกวนเจ้าอย่าได้เรียกตนเองว่าผู้แซ่หวัง…ยังมี เหตุใดเจ้าไม่ชมชอบแล้วหรือ” ในความคิดของหวังเป่าเล่อ น้ำเสียงของแม่นางน้อยฟังดูประหลาด
“หญิงไร้การอบรมเหล่านี้ ข้าหวังเป่าเล่อเป็นสุภาพบุรุษ จะให้โอกาสพวกนางเอาเปรียบข้าได้เช่นไร แม่นางน้อยเจ้าประเมินข้าต่ำไปแล้ว!” หลังจากที่หวังเป่าเล่อตอบกลับอยู่ในใจแล้ว ก็มองโอสถบำรุงอื่นด้วยท่าทีปกติ
และทั้งหมดนี้ เซี่ยไห่หยางผู้ไม่รู้ความนัย สิ่งที่เขาเห็นคือในตอนเริ่มต้นหวังเป่าเล่อดูเหมือนจะปล่อยตามใจศิษย์หญิงนั้น แต่กลับเปลี่ยนเป็นไม่พอใจอย่างรวดเร็ว นี่ทำให้เขาสงสัย รู้สึกว่าสิ่งที่ตนตัดสินในตอนแรกดูเหมือนจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว และหลังจากเฝ้าสังเกตอย่างระวัง เหมือนหวังเป่าเล่อในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นท่าทางหรือการกระทำก็ราวกับจะรังเกียจพฤติกรรมของผู้ฝึกตนหญิงนั้นจริงๆ
อย่างไรก็ตามเซี่ยไห่หยางมั่นใจมากว่าหวังเป่าเล่อไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน การเปลี่ยนแปลงที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้เซี่ยไห่หยางรู้สึกยากที่จะคาดเดา และตัดสินใจที่จะสังเกตให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามเรื่องการลงทุนซื้อใจแบบนี้ หากเป็นการตัดสินผิดพลาดตั้งแต่แรก เช่นนั้นก็สมควรเปลี่ยนแล้ว
ในระหว่างการสังเกตของเซี่ยไห่หยาง หวังเป่าเล่อได้เดินจนทั่วชั้นหนึ่งของร้านแล้ว แล้วจึงเดินขึ้นชั้นสอง จนกระทั่งสุดท้ายเซี่ยไห่หยางซื้อโอสถบำรุงทั้งหมดที่เขามอง และตอนที่คิดจะจากไป หวังเป่าเล่อก็พลันเอ่ยปากขึ้นเบาๆ
“ไม่ทราบว่าที่นี่มีโอสถพิศวงที่มีประโยชน์ต่อซากวิญญาณหรือไม่”
นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเป่าเล่อบอกความต้องการของเขาหลังจากเข้ามาในร้าน เซี่ยไห่หยางรีบร้อนจัดการให้ทันที ในไม่ช้าโอสถบำรุงกว่าสิบชนิดที่สามารถหล่อเลี้ยงซากวิญญาณได้ก็ถูกนำออกมา
หวังเป่าเล่อกวาดตามองแล้วพยักหน้า ด้านเซี่ยไห่หยางหอบไปหมดอย่างไม่ลังเล และซื้อโอสถบำรุงซากวิญญาณเหล่านี้ทั้งหมด และออกจากร้านไปพร้อมกับหวังเป่าเล่อเพื่อไปร้านต่อไป…
ก็เป็นเช่นนี้ หลายวันต่อมาเรือเหาะอวกาศเดินหน้าต่อไปไม่หยุด หวังเป่าเล่อเดินเข้าร้านรวงนับสิบไม่ซ้ำประเภทภายในตลาดอวกาศของตระกูลเซี่ยนี้ แม้จะไม่ใช่ร้านค้าทั้งหมด แต่หลังจากที่หวังเป่าเล่อเข้าไปต่างก็ปิดร้านเพื่อต้อนรับเขาแต่ผู้เดียวทันที แต่ในร้านนับสิบนี้มีมากกว่าครึ่งที่เป็นเช่นนี้
การต้อนรับเช่นนี้ ทำให้หวังเป่าเล่อมีความสุขมาก การซื้อของเซี่ยไห่หยางทำให้เขารู้สึกสะดวกสบายขึ้น แต่หวังเป่าเล่อรู้ว่าเขาไม่ควรโลภมากเกินไปและจำเป็นต้องควบคุมในระดับหนึ่ง ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไปร้านค้าหลายแห่ง แต่ที่เขายอมให้เซี่ยไห่หยางซื้อ ยกเว้นโอสถบำรุงแล้ว นอกนั้นก็ไม่ได้มากมายอะไร
ดังนั้นในท้ายที่สุด แม้เซี่ยไห่หยางปรารถนาที่จะทำให้หวังเป่าเล่อพอใจก็ยังต้องทอดถอนใจ เขารู้สึกว่าหวังเป่าเล่อสามารถมาถึงจุดนี้ได้ย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าผู้ใดต่างก็สามารถยับยั้งความโลภในสถานการณ์เช่นนี้ได้ ต้องเข้าใจว่าตอนนี้ตนมีเรื่องขอร้องกับคนผู้นี้อยู่ กล่าวได้ว่าแม้หวังเป่าเล่อต้องการมากกว่านี้เขาก็จะกัดฟันตอบแทนให้
แต่ในทางตรงข้าม หวังป่าเล่อควบคุมความพอดีของตนไว้ดีมาก มีอยู่หลายคราที่เซี่ยไห่หยางได้แสดงตัวกับร้านค้าเพื่อซื้อสินค้าแต่กลับถูกหวังเป่าเล่อยั้งไว้
“สหายไห่หยาง ข้ารู้ในน้ำใจของเจ้า แต่ระหว่างเจ้ากับข้าไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนี้ ต่างก็ไม่มีผู้ใดได้เงินมาเปล่าๆ โดยเฉพาะคนตระกูลเซี่ยของพวกเจ้า เกรงว่าจะมีหลายคนจ้องมองเจ้าอยู่”
ภายในร้านอาวุธเวทที่ไม่ปิดร้านร้านหนึ่งที่มีไม่มากและผู้ฝึกตนก็ไม่เคยมาทำการค้าที่นี่มาก่อน หวังเป่าเล่อมองไปทางเซี่ยไห่หยางแล้วกล่าวอย่างจริงใจ แม้เซี่ยไห่หยางจะได้รับการฝึกแนวคิดในทางการค้ามาตั้งแต่เด็กจนโต แต่เมื่อได้ฟังคำกล่าวนี้ หลังจากเห็นการแสดงออกของหวังเป่าเล่อก็เกิดความซาบซึ้งใจ
สุดท้ายจึงกล่าวออกไปอย่างแจ้งชัด
“อาจารย์อาสิบหก ในจัตุรัสของตระกูลข้าคราวนี้ สิ่งที่ใช้ไปที่จริงแล้วเป็นน้ำใจ รวมทั้งการแบ่งปันของกลุ่มคนของข้า ทว่า…ในเมื่อล้วนใช้ไปแล้ว เช่นนั้นมากหรือน้อย ที่จริงไม่มีสิ่งใดน่ากังวล” ระหว่างที่กล่าว เซี่ยไห่หยางได้แสดงให้ร้านค้าทราบว่าต้องการซื้อกระบี่บินสีชาดเล่มหนึ่งที่หวังเป่าเล่อเหลือบมองดูอยู่หลายครั้งก่อนหน้านั้น
และกระบี่บินนี้ไม่ธรรมดา บนกระบี่แนบด้วยวิญญาณมังกรหนุ่มส่องประกาย ร้านนี้ไม่ได้เป็นของตระกูลเซี่ย แต่เป็นร้านที่เปิดโดยกลุ่มอิทธิพลอื่น กระบี่นี้นับเป็นสินค้าชั้นยอดและราคาย่อมไม่ถูก
แม้จะไม่ใช่ร้านค้าของตระกูลเซี่ย แต่หากร้านเปิดภายในจัตุรัสอวกาศของตระกูลเซี่ยแล้ว เซี่ยไห่หยางก็มีสิทธิ์ลงบัญชีไว้
เมื่อเห็นเซี่ยไห่หยางไม่ใส่ใจเรื่องนี้ หวังเป่าเล่อก็มองเขานิ่งๆ และกำลังจะเอ่ยปาก แต่ในขณะนี้ก็มีเสียงที่โอหังดังขึ้นจากด้านหลังพวกเขา
“กระบี่บินนี้ไม่เลว ข้า…หือ?” เสียงนั้นแค่เริ่มก็ยังเย่อหยิ่งนัก แต่ก่อนที่จะกล่าวจบมันก็เปลี่ยนเป็นเสียงสูดหายใจ หลังจากหวังเป่าเล่อและเซี่ยไห่หยางได้ฟังต่างก็หันกลับไปมอง
พวกเขาได้เห็นเจ้าอ้วนน้อยที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านมองมาทางพวกเขา ใบหน้าแฝงไปด้วยความตื่นตระหนก เจ้าอ้วนน้อยผู้นี้แต่งกายหรูหรา ฐานฝึกตนอยู่ดาวพระเคราะห์ขั้นต้น ด้านหลังยังมีผู้เฒ่าสามคนติดตาม เห็นได้ชัดว่าเป็นลักษณะของศิษย์เอกสายตรงของกลุ่มอิทธิพลหนึ่ง แต่ตอนนี้สายตาที่มองมาทางหวังเป่าเล่อแฝงไว้ด้วยความตื่นตระหนก ยิ่งหลังจากมองเข้าไปในดวงตาของหวังเป่าเล่อ เจ้าอ้วนน้อยนี้ก็หายใจหอบ ร่างราวลูกบอลก็ถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าวอย่างรวดเร็ว
“เอ๊ะ” หวังเป่าเล่อยิ้มที่มุมปากของเขา เจ้าอ้วนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ก็คือหนึ่งในมหาศิษย์แห่งเต๋าที่เขาพบในสุสานดวงดารา และถูกเขาเล่นงานไปหลายครั้ง
“นี่ไม่ใช่เจ้าอ้วนน้อยหรอกหรือ ฮ่าๆ พวกเราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” หวังเป่าเล่อเดินเข้าไปหาเจ้าอ้วนน้อยพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าอย่าได้เข้ามานะ!” เจ้าอ้วนน้อยร้องเสียงดัง ทันใดนั้นผู้เฒ่าทั้งสามที่อยู่ด้านหลัง เพียงพริบตาก็ก้าวไปด้านหน้าเจ้าอ้วนน้อยเพื่อขวางหวังเป่าเล่อไม่ให้เข้าใกล้
บางทีอาจเพราะมีผู้พิทักษ์ยืนอยู่ข้างหน้า เจ้าอ้วนน้อยผู้นี้จึงหายจากการตื่นตระหนกก่อนหน้านี้และเดินออกจากเงามืด จ้องหวังเป่าเล่อด้วยความโกรธ
“ข้าชื่อโจวหลินเฟิง ไม่ใช่เจ้าอ้วนน้อย! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเซี่ยต้าลู่หรือหวังเป่าเล่อก็ตาม อย่าได้รังแกกันเกินไป!”
“เช่นนี้เถอะ” หวังเป่าเล่อขยิบตา และมองไปที่เซี่ยไห่หยางที่อยู่ข้างเขา
“ไห่หยาง ให้กระบี่บินเล่มนี้แก่เจ้าอ้วนน้อยเถอะ” กล่าวพลาง หวังเป่าเล่อก็หันไปมองเจ้าอ้วนน้อยแล้วเลียริมฝีปาก
“เจ้าแน่ใจว่าต้องการซื้อกระบี่บินเล่มนี้ใช่ไหม?”
……………………………