หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1044 ข้อสงสัย!
เมื่อเห็นว่าเข้าใกล้ยอดเขาเข้าไปทุกที ผู้ฝึกตนทั้งหมดบนร่างงูยักษ์ ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก่อนหน้านั้น เวลานี้ต่างก็ใจจดใจจ่อและจ้องไปทางยอดเขา
เซี่ยไห่หยางและพวกอาจารย์ปู่เหยียนหลิง ต่างก็มาถึงข้างกายหวังเป่าเล่อ ดวงตาของหวังเป่าเล่อส่องประกายลุ่มลึก สายตาทอดมองออกไปไกลทางเบื้องบน
เวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ นอกจากการฝึกสมาธิแล้ว ยังไตร่ตรองปัญหาหนึ่งอยู่
ปัญหานี้มาจากข้อมูลบททดสอบที่ท่านพี่ผู้สูงส่งให้มา ภายในสิบวันสิบชาติ ดูเหมือนปกติ แต่กลับยังคงไว้ซึ่งความขัดแย้งของตระกูลไม่รู้สิ้น
เต๋าสวรรค์ของสำนักแห่งความมืด กฎมีทั้งเป็นและตาย เวียนว่ายตายเกิด ดังนั้นจึงแบ่งแยกหยินหยาง ตายดับไม่สิ้นสุด แต่ไม่ใช่สำหรับตระกูลไม่รู้สิ้น หลังจากพวกเขาปราบปรามสำนักแห่งความมืด เปิดศักราชเต๋าสวรรค์ของตนแล้ว ไม่มีความตายที่แท้จริง อย่างมากที่สุดก็คือการหลับสนิทของจิตวิญญาณ รอการฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง
ระหว่างทั้งสอง สำนักแห่งความมืดได้ตายเกิดมาหลายชาติภพ และลืมอดีตในแต่ละชาติ ราวกับมีจิตวิญญาณที่เวียนว่ายอยู่ในนทีแห่งวัฏสงสาร จนกระทั่งจิตวิญาณสลายไป ไม่หลงเหลือร่องรอยใดๆ สำหรับทั้งจักรวาลแล้ว นี่ก็เป็นวัฏจักรคุณธรรมแบบหนึ่ง ที่ทำให้จักรวาลมีอายุยืนยาวยิ่งขึ้น แต่ด้วยการแผ่ขยายของวัฏจักร คล้ายคลื่นทรายลูกยักษ์ แม้จิตวิญญาณส่วนใหญ่จะสลายไป แต่หากมีผู้ทะลวงขีดจำกัดบางอย่าง จนสามารถนึกถึงความทรงจำทั้งหมดบนพิภพได้ และสุดท้ายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นวิญญาณไม่รู้ดับ
วิญญาณไม่รู้ดับ หรือที่เรียกกันภายในสำนักแห่งความมืดว่าราชันวิกาล ก็เป็นประหนึ่งราชันเทวะของตระกูลไม่รู้สิ้นในวันนี้
และเต๋าของตระกูลไม่รู้สิ้น แตกต่างจากสำนักแห่งความมืดโดยสิ้นเชิง กล่าวไปแล้วพวกเขาก็โดดเดี่ยวไปทั้งชาติ ไร้ซึ่งภพที่แล้ว ไร้ซึ่งภพหน้า เพียงเพื่อสามารถอยู่ชั่วกาลนานในภพนี้ เต๋านี้เป็นเต๋าทรงอำนาจ ไม่ย้อนกลับจักรวาล เพียงไขว่คว้าและช่วงชิงไม่หยุดหย่อน ในการขุดแต่ฝ่ายเดียว ในการเวียนว่ายตายเกิดครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ฝึกตนที่เดินทางมาถึงขั้นวิญญาณไม่รู้ดับ ย่อมเหนือกว่ายุคของสำนักแห่งความมืดเป็นธรรมดา
แต่กลับมีเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่มากมาย อายุขัยของทั้งจักรวาล สุดท้ายด้วยไม่อาจก่อเป็นวัฏจักรได้ จึงเสื่อมสลายไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันหวังเป่าเล่อได้คาดเดาไว้ก่อนหน้าแล้ว พวกที่ตายแล้วเกิดใหม่เหล่านั้น อาจซ่อนเรื่องราวภายในบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ ความคิดของหวังเป่าเล่อยังไม่ชัดเจนนักว่ามันคืออะไร
แต่นี่ไม่กระทบต่อการกำหนดบททดสอบสิบวันสิบชาตินี้ของเขา
“ยุคของตระกูลไม่รู้สิ้น ไม่มีชาติก่อน!” หวังเป่าเล่อพึมพำอยู่ในใจ สายตาแสดงความสงสัย เพราะตามการกำหนด บททดสอบนี้ไม่มีคุณค่าแต่อย่างใด และก็จะไม่มีผู้มาเข้าร่วม ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะมีศิษย์ของราชันเทวะตระกูลไม่รู้สิ้นมาอวยพรวันฉลองอายุ
“เว้นแต่…เรื่องนี้จะมีคำอธิบายอื่น ท่านพี่ผู้สูงส่งอาจไม่รู้กฎโดยละเอียด เพียงแค่คิดขึ้นมาแล้วรอวันอวยพรฉลองอายุ หลังจากประกาศบททดสอบแล้ว ย่อมมีผู้เสนอเรื่องสงสัยและคำอธิบาย” ขณะหวังเป่าเล่อไตร่ตรองอยู่ในใจ งูยักษ์ที่อยู่ใต้ร่าง ก็กำลังปีนลง เข้าสู่ภายในเมฆหมอกบริเวณยอดเขา สายฟ้าฟาดผ่านทั่วสารทิศ เสียงฟ้าร้องก้องกังวาน ในที่สุดงูตัวนี้ก็ได้นำคนทั้งหมดมาถึงยอดเขาดารานิรันดร์
สถานที่แห่งนี้คือวงแหวนปากปล่องภูเขาไฟขนาดมหึมา ภายในปากปล่องภูเขาไฟมีไอร้อนสูงกระจายออกมา ขณะเดียวกันก็ก่อความผันผวน และมีเสียงดังก้องราวเสียงคำรามของอสูรร้ายสะท้อนอยู่ภายในภูเขา
และเมื่องูยักษ์มาถึงปล่องภูเขาไฟ ที่รอบด้านของมัน อสูรยักษ์ที่มีลักษณะประหลาดแตกต่างกันอีก 38 ตัว ต่างก็ปรากฏขึ้นทั้งหมด ในนั้นมีมังกรเผือกยักษ์ มีเต่ามังกรสลับสีเขียวดำ และยังมีนกฟีนิกซ์หลากสีสันไปทั่วร่าง ตอนนี้ได้ปรากฏออกมาทั้งหมด ล้อมรอบปล่องภูเขาไฟ ส่งเสียงร้องคำรามอยู่เหนือปล่องภูเขาไฟอย่างพร้อมเพรียง
เสียงร้องคำรามนี้สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทำให้ชั้นเมฆแตกกระจายออกไปท่ามกลางความผันผวน หวังเป่าเล่อรวมทั้งอสูรยักษ์ทั้งหมด และผู้ที่มาอวยพรวันฉลองอายุ ณ ที่แห่งนี้ ต่างเงยหน้าขึ้นมองบนฟ้า ท่ามกลางสายตาของพวกเขา เมื่อเมฆกระจายออกไปก็สะท้อนให้เห็นลูกปัดขนาดใหญ่ลูกหนึ่งออกมาอย่างชัดเจน
ขนาดของลูกปัดนี้เทียบได้กับจันทร์เต็มดวง ภายนอกดูแวววาวสดใส และอยู่ในสภาพกึ่งโปร่งใส ลอยอยู่เหนือปล่องภูเขาไฟ ขณะที่ถูกคนนับหมื่นจับตามอง ทุกคนเห็นว่าภายในลูกแสงมีเกาะมากมายนับไม่ถ้วนลอยอยู่
เกาะเหล่านี้ล้อมรอบไปทุกทิศทาง ตรงกลางของพวกมัน… มีแท่นบูชาขนาดใหญ่ลอยอยู่ แท่นบูชามีลักษณะเป็นรูปหอคอย มีทั้งหมด 19 ชั้น แต่ละชั้นแกะสลักเป็นอสูรวิหคมากมายนับไม่ถ้วน รวมทั้งภาพวาดสัญลักษณ์ที่แปลกประหลาดเป็นฉากๆ!
หากดูให้ละเอียด ก็จะเห็นว่าภายในภาพวาดเหล่านี้ ที่ชั้นล่างสุด สลักภาพตระกูลไม่รู้สิ้นที่มีสามหัวหกแขน และในชั้นต่อไป ภาพสลักเป็นร่างสวมชุดยาวสีดำคลุมร่าง เหยียบอยู่บนเรือ มีเงาของวิญญาณที่ดับสูญนับไม่ถ้วนลอยอยู่เบื้องหลัง
ชั้นต่อไป มีความคลุมเครืออยู่บ้าง หวังเป่าเล่อเห็นเพียงภายในคล้ายมีภาพวาดเหล่ายักษ์ ยักษ์เหล่านี้ดูดุร้าย มีเขาบนศีรษะ มีสิ่งก่อสร้างและอสูรร้ายนับไม่ถ้วนราวกับมดอยู่ต่อหน้าพวกเขา
นอกจากนี้ยังมีรูปภาพอีกมากมาย แต่บางทีอาจเป็นเพราะปัญหาเหลี่ยมมุมหรือสาเหตุของระดับการฝึกตน ทำให้หวังเป่าเล่อมองเห็นไม่ชัดเจนนัก เขาเห็นเพียงแท่นบูชาที่ขจรขจายกลิ่นอายเก่าแก่ที่มียักษ์สี่ตนยกมันขึ้นสูง
ยักษ์ทั้งสี่นี้ เป็นผู้ที่อยู่ในภาพวาดที่นับย้อนไปชั้นที่สามนั้น เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าแต่ละตนไม่เหมือนกัน แต่หวังเป่าเล่อกลับรู้สึกว่ามันเกือบจะคล้ายคลึงกันเลยทีเดียว
ฉากนี้ทำให้จิตใจของหวังเป่าเล่อสั่นสะท้าน มีเสียงอันน่าเกรงขามส่งมาจากลูกปัดขนาดเท่าดวงจันทร์ และก้องอยู่ในหูของเหล่าผู้ฝึกตนบนอสูรยักษ์ทั้ง 39 ตนที่อยู่โดยรอบ
“ยินดีต้อนรับสู่ดาวชะตา!”
“ทุกท่านล้วนเป็นรุ่นของมหาศิษย์แห่งเต๋าของจักรวาล งานวันเกิดของท่านอาจารย์ครานี้ ขอขอบคุณการมาของพวกท่าน งานฉลองวันอวยพรฉลองอายุจะเริ่มเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ขอให้อดใจรอก่อน”
เมื่อเสียงนั้นเปล่งออกมา ผู้ฝึกตนบนสัตว์ยักษ์ทั้งหมดที่อยู่โดยรอบ ต่างค้อมศีรษะลง ขณะเดียวกันก็ตอบรับอย่างสุภาพ หลายเสียงแฝงความสดใส กังวานไปทั่วทิศ
“แต่ผู้อาวุโสคุนหลิงจื่อ? ผู้น้อยหลิงหลัน อาจารย์ทราบกฎของท่านประมุข เป็นการไม่ดีหากมาด้วยตนเอง ดังนั้นจึงสั่งให้ผู้น้อยล่วงหน้ามาอวยพรฉลองอายุ เคยได้ยินมาว่าชื่อของผู้อาวุโส ก็เป็นประมุขกฎสวรรค์ตั้งให้ ยังขอให้ผู้อาวุโสคุนหลิงจื่อ ฝากความห่วงใยไปถึงท่านประมุขแทนผู้น้อยด้วย ขอให้ท่านประมุขอายุยืนหมื่นปี โชควาสนานิจนิรันดร์” หวังเป่าเล่อหันมองตามเสียงทันที ทันใดนั้นก็เห็นผู้ฝึกตนอายุน้อยสวมชุดขาว อยู่บนหลังอสูรมังกรขาวจากไกลๆ
เนื่องจากเป็นระยะทางไกล และความบิดเบือนของความว่างเปล่าโดยรอบ จึงทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก ทว่าร่างที่มีพลังผันผวนของดาวพระเคราะห์ขั้นมหาวัฏจักร รวมทั้งแรงดึงของดาวบรรพกาล ทำให้หวังเป่าเล่อเข้าใจสถานะของคนผู้นี้ในทันที
“ที่แท้เป็นศิษย์คนที่เก้าของราชันเทวะไกก้า ตาเฒ่าจะนำคำอวยพรของเจ้าส่งไปยังอาจารย์” ภายในลูกแสง เสียงอันอ่อนโยนเมื่อครู่ ดังก้องกังวานขึ้นอีกครั้ง
“ผู้อาวุโสคุนหลิงจื่อ ผู้น้อยเฉินหันรบกวนผู้อาวุโสฝากความห่วงใยไปให้ท่านประมุข ขอให้ท่านประมุขเป็นอมตะนิรันดร์ สุขภาพสมบูรณ์”
“สหายเต๋าเฉินเกรงใจไปแล้ว ตาเฒ่าจะบอกแทนให้ อย่างไรก็ตามระหว่างข้าและสหายเต๋า เป็นรุ่นเดียวกัน มิต้องเรียกขานเช่นนั้น” เสียงอ่อนโยนดังขึ้นอีกภายในลูกแสง
“หลังจากคืนชีพและปฏิบัติใหม่ หากยังคงยึดติดกับอดีต จะออกมาเส้นทางใหม่ได้เช่นไร ผู้แซ่เฉินเริ่มต้นอีกครั้ง ย่อมเป็นผู้น้อยเป็นธรรมดา!” ผู้พูดด้วยอยู่ไกลเกินไป หวังเป่าเล่อมองไม่เห็น ได้ยินเพียงแต่เสียงเท่านั้น แต่จากการสนทนานี้ เขาพอเดาได้ถึงตัวตนของคนผู้นี้
“สหายเต๋าเฉินมีจิตใจเช่นนี้ ช่างมีน้ำใจ!” เสียงที่อ่อนโยนคล้ายจะเจือด้วยรอยยิ้ม และหลังจากคำพูดนั้น ยังมีอีกหลายคนที่ทักทายต่อไป
ผู้ที่มากล่าวคำทักทาย ล้วนเป็นผู้โดดเด่นที่มาอวยพรในครานี้ นอกจากผู้ฝึกตนลำดับที่สิบเจ็ดแห่งเต๋าเก้ารัฐแล้ว ยังมีผู้ฝึกตนสำนักอื่น แม้กระทั่งหลังจากหวังเป่าเล่อ เซี่ยอวิ๋นเถิงพร้อมด้วยเหล่าอสูรยักษ์ที่มาก่อนหน้า ก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
เมื่อเห็นว่าต่างกล่าวคำอวยพรกันไปเจ็ดแปดคนแล้ว และยิ่งนานขึ้นง คำกล่าวก็ยิ่งเกินจริง แต่ละคนแสดงฟ้าดินของตนอย่างสุดความสามารถ หวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบๆ ยืดร่างขึ้นตรง ก่อนจะประสานหมัดไปทางลูกแสง กล่าวเสียงดัง
“ผู้น้อยหวังเป่าเล่อ มาในนามอาจารย์ปรมาจารย์แห่งไฟ กล่าวทักทายต่อผู้อาวุโสคุนหลิงจื่อ และถามสารทุกข์ท่านประมุข รบกวนท่านผู้อาวุโสถ่ายทอดแทนด้วย ผู้น้อยคำนับท่านประมุขครั้งที่หนึ่ง ขอให้ท่านประมุขสมบูรณ์ดั่งทะเลดาว รุ่งเรืองราวจักรวาล”
“คำนับท่านประมุขครั้งที่สอง ขอให้ท่านประมุขมีโชควาสนายาวนาน จิตเต๋าสุขนิรันดร์!”
“คำนับท่านประมุขครั้งที่สาม ขอให้ท่านประมุข มีความสุขตลอดกาลนาน!”
หวังเป่าเล่อเสียงดังกังวาน และคำพูดของเขาก็ได้คำนับ 3 ครั้งในคราเดียว การกระทำและวาจาของเขานั้น ยามนี้ได้กลบเจ็ดแปดคนก่อนหน้าไปแล้วทั้งสิ้น ถูกสายตารอบด้านจับตามองทันที
เสียงที่อ่อนโยนภายในลูกแสง เวลานี้ได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมา
“ที่แท้ก็เป็นศิษย์ของสหายเก่า หลานที่ดีมีน้ำใจแล้ว ตาเฒ่าต้องบอกท่านประมุขให้อย่างแน่นอน”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส และขอให้การเดินทางของท่านผู้อาวุโสในโลกอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงดารานี้ สมดังตั้งใจ ไร้ซึ่งอุปสรรค!” หวังเป่าเล่อกล่าวพลาง โค้งต่ำคำนับอีกครั้ง!
………………………