หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1047 ปราณกังวานเก้าส่วน!
ไม่ใช่เพียงหวังเป่าเล่อที่มีความคิดเช่นนี้ แท้จริงแล้วยามนี้ท่ามกลางจุดไฟมากมาย มหาศิษย์แห่งเต๋าบนระดับอีกแปดปราณกังวานที่ได้รับประโยชน์มหาศาลกจากการรู้แจ้งเช่นเดียวกับเขา ยังมีอีกสามคน จากการสังเกตเมื่อโอกาสในครานี้กำลังจะสิ้นสุดลง ล้วนตั้งเป้าหมายไว้ที่แหล่งกำเนิดของกฎเกณฑ์ใยตะกอนทั้งหมดนั้น…บนแหล่งแสงทั้ง 91 กลุ่ม!
แหล่งแสง 91 กลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม 89 ที่อยู่ด้านนอก หรือกลุ่มที่อยู่พื้นที่ตรงกลาง ล้วนกว้างใหญ่เหมือนทะเลดาราย่อส่วน กฎเกณฑ์นั้นยิ่งใหญ่ถึงขีดสุด ถึงขั้นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
เพียงแต่… หากเปรียบกับแหล่งแสงตรงส่วนกลางที่เป็นของประมุขกฎสวรรค์ พวกมันทั้งหมดล้วนเรียกได้ว่าเป็นดาราแห่งค่ำคืน มีเพียงแหล่งแสงที่ประมุขกฎสวรรค์เสกสรร จึงจะเป็นดั่งดวงจันทร์ที่สว่างไสว และหากมองดูให้ดี จะสามารถเห็นได้ว่าภายในแหล่งแสงของประมุขกฎสวรรค์ ยังมีหนังสือเล่มหนึ่งส่องประกายอยู่!
แม้ไม่อาจเห็นได้อย่างชัดเจน สามารถเห็นได้เพียงโครงร่าง แต่ทันทีที่ได้เห็นหนังสือเล่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นหวังเป่าเล่อหรือผู้อื่น ต่างก็รู้ได้โดยพลันว่านี่คือ…สมุดแห่งโชคชะตา!
สัญชาตญาณที่ราวกับมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณโดนดึงดูด ทำให้ทุกคนรวมทั้งหวังเป่าเล่อ ยามที่ได้เห็นสมุดเล่มนั้น ต่างเกิดความต้องการที่จะพลิกดูอย่างแรงกล้า แต่ก็เป็นได้เพียงความคิด เพราะความรู้สึกวิกฤตที่ยิ่งรุนแรง ก็จะยิ่งแผ่ออกจากแหล่งแสงของประมุขกฎสวรรค์ไม่หยุด ทำให้ผู้ที่ปรารถนาจะเข้าใกล้ทั้งหมด ต่างต้องละทิ้งความต้องการ
“ไม่มีสิทธิ์ ก็ไม่ได้รับอนุญาตหรอกหรือ…” หวังเป่าเล่อใคร่ครวญ จากนั้นจึงเรียกสติคืนมองไปทางแหล่งแสงประมุขกฎสวรรค์ หลังจากกวาดตามองไปด้านข้างรวมทั้งแหล่งแสงอื่นที่อยู่ภายนอก ฉับพลันจิตสำนึกเทพของเขาก็หยุดนิ่งอยู่บนแหล่งแสงกลุ่มหนึ่ง
ภายในแหล่งแสงนี้มีกฎแห่งไฟที่สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ซึ่งคล้ายคลึงกับกับกฎเวท ทำให้จิตใจของหวังเป่าเล่อสั่นไหว จุดไฟจำแลงเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และพุ่งตรงไปยังแหล่งแสงนี้
ในเวลาเดียวกัน จุดแสงจำแลงของอีกสามมหาศิษย์แห่งเต๋าก็เป็นเช่นเดียวกัน เข้าใกล้ไปยังแหล่งแสงที่ต่างเลือกไว้อย่างรวดเร็ว ยามที่พวกเขาทั้งสี่ใกล้เข้ามา ก็รับรู้ถึงสถานะของกันและกัน!
หนึ่งในนั้นคือสวี่อินหลิง!
และยังมีอีกผู้หนึ่ง คือศิษย์อันดับเก้าของราชันเทวะไกก้า หลิงหลัน!
คนสุดท้ายไม่ใช่เฉินหานที่กลับชาติสร้างใหม่ของเต๋าเจ็ดวิญญาณผู้นั้น แต่เป็น…สำนักแรกที่มาจากจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ผู้ฝึกตนเต๋าลำดับเจ็ดแห่งเต๋าเก้ารัฐ คนผู้นี้มิใช่คนรูปงาม แม้ดูแล้วแสนจะธรรมดา แต่ดวงตาของเขากลับพิเศษยิ่ง ไร้รูม่านตา มีเพียงพื้นสีดำสนิท
พวกเขาทั้งสี่ร่วมกับหวังเป่าเล่อกลายเป็นจุดแสงบินออกไปอย่างรวดเร็ว บินไปนอกแหล่งแสงที่แต่ละคนเลือกทันที ระเบิดศักยภาพทั้งหมดที่นั่น ดูดรับพลังแห่งกฎอย่างบ้าคลั่ง
จุดไฟจำแลงของหวังเป่าเล่อสั่นอย่างรุนแรง แม้ในเวลานี้ร่างจะนั่งขัดสมาธิอยู่บนอสูรร้าย ทว่ากลับสั่นอย่างรุนแรงตามกฎแห่งไฟที่ดูดรับมา เป็นเหมือนไฟสวรรค์ดวงหย่อมๆ หล่นใส่ร่างของตนไม่หยุด จนทำให้ตนค่อยๆ จมลง
วิกฤตแห่งความตายเพิ่มขึ้นอย่างมากตามการจมดิ่งลงในจิตใจของหวังเป่าเล่อ เปลวเพลิงที่อยู่รอบด้านสูงกว่าอุณหภูมิทั้งหมดที่หวังเป่าเล่อเผชิญ แม้แต่ดาราจักรไฟก็ยังไม่เทียบเท่า
แต่ข้อดีก็ชัดเจนเช่นกัน เพราะในชั่วอึดใจนี้ เขาและปราณกังวานเพลิงก็เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งจากหกส่วนก่อนหน้า ขึ้นไปจนถึงเจ็ดส่วน และหากสามารถยืนหยัดต่อไปได้ ปราณกังวานก็จะยังเพิ่มขึ้นอีก ทว่ายามนี้ หวังเป่าเล่อรับไม่ไหวแล้ว เขารู้ดีว่าตนได้มาถึงขีดสุดแล้ว และหากยังไม่กลับไป เกรงว่าวิญญาณเทพของตนคงจะสลายไปในเปลวเพลิง
แท้จริงแล้วย่อมเป็นเช่นนั้น ไม่เพียงแต่เขา ทว่าสามคนนั้นก็ถึงขีดสุดของตนด้วยเช่นกัน ขณะนี้พวกเขาต่างล่าถอยกำลังจะจากไป ทางด้านหวังเป่าเล่อเองก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย จุดแสงจำแลงกำลังจะล่าถอย…
ทว่าในเวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงชราดังเข้ามาในหูของหวังเป่าเล่อ!
“เจ้ารู้ไหมว่า เพลิงคือสิ่งใด”
คำพูดนั้นก้องอยู่ในใจของหวังเป่าเล่อราวกับไม่ต้องการคำตอบกลับ และทันทีที่กล่าวจบ เสียงนี้ก็ยังคงดังต่อไป
“ให้โอกาสเจ้าผู้เดียวได้เห็นแก่นแท้ของเปลวไฟ…”
เมื่อเสียงดังขึ้น ไฟสวรรค์นับไม่ถ้วนแผ่ซ่านเข้าไปในจิตสำนึกของหวังเป่าเล่อ ในประสาทสัมผัสของเขา เพียงอึดใจทั้งหมดก็โปร่งแสงไปกึ่งหนึ่ง และโปร่งแสงไปทั้งหมดทันทีหลังจากนั้นราวกับพวกมันได้สลายไป!
“นี่…” หวังเป่าเล่อตกตะลึง
แต่ในทางตรงข้าม หลังจากทะเลเพลิงสลายไปแล้ว สัมผัสวิกฤตที่อุณหภูมินำมากลับรุนแรงขึ้นไม่รู้กี่เท่า ระเบิดก้องอยู่ในจิตสำนึกหวังเป่าเล่อ ภายใต้การระเบิดนี้เขาได้ปราณกังวานไปถึงแปดส่วน…นี่คือขีดสูงสุดของดาวบรรพกาล ภายใต้พรดาวเคราะห์เต๋าของหวังเป่าเล่อ ปราณกังวานนี้ยังคงสามารถเพิ่มขึ้นได้
ทันทีที่ถึงเก้าส่วนแล้ว มันจึงหยุดลง แรงผลักมหาศาลก็เพิ่มตามขึ้นด้วย นำสติของหวังเป่าเล่อออกจากทะเลเพลิงไร้สี เมื่อมองจากภายนอกพิภพ จุดแสงจำแลงของหวังเป่าเล่อ เวลานี้ได้ม้วนกลับ สว่างมืดไม่แน่นอน เหมือนเส้นขอบพังทลาย เคลื่อนออกจากแหล่งแสงอย่างรวดเร็ว
และในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงเมื่อครู่ก็ดังก้องขึ้นภายในจิตของเขาอีกครั้ง
“หินหล่นสู่ผิวน้ำ แล้วเกิดระลอกขึ้น ไฟ…ก็คือระลอกนั้น เป็นเพียงรูปลักษณ์ สิ่งที่เจ้าจะเสาะหา คือผิวน้ำหรือจะเป็นหิน หรือที่ลึกซึ้งกว่านั้นเล่า?”
การปรากฏของเสียงนี้ ทำให้จิตใจของหวังเป่าเล่อเกิดเสียงร้องอย่างรุนแรง ความคิดเห็นในด้านนี้ เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย!
ขณะที่หวังเป่าเล่อรู้สึกประหลาดอยู่ในใจ จุดแสงจำแลงของเขาก็ล่าถอยอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่เขาที่เป็นเช่นนี้ จุดแสงอีกสามดวงก็เป็นเช่นกัน ต่างราวกับจะเป็นเช่นเดียวกับเขา ได้ยินเสียงในทำนองเดียวกันภายในแหล่งแสงที่แต่ละคนเข้าใกล้ และรู้สึกตระหนกในแบบเดียวกัน
เวลาเดียวกันนั้น เมื่อจุดแสงจำแลงทั้งสี่ของพวกเขาม้วนกลับ กฎใยตะกอนทั้งหมดภายในอาณาบริเวณแห่งนี้ ก็คืนกลับในทันที หลังจากหลอมรวมกับแหล่งแสงของตนแล้ว โลกการรับรู้ที่แปลกประหลาดนี้ก็ดูเหมือนจะปิดลง แล้วสลายไปโดยพลัน
ขณะที่สลายหายไป คนทั้งหมดบนร่าง 39 อสูรร้าย สะดุ้งไปทั่วกาย ล้วนพากันลืมตาตื่นขึ้น มีสี่คนในบรรดาเหล่านั้น ทันทีที่ตื่นขึ้นต่างก็กระอักเลือดสดๆ ออกมา ร่างกายโซเซถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าซีดขาว
หวังเป่าเล่อคือหนึ่งในนั้น!
“กฎแห่งไฟ!” หลังจากที่กระอักเลือดออกมา หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้นทันทีและมองไปที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ฉายเงาภายในลูกแสงเหล่านั้น เขาไม่สามารถแยกแยะได้ว่าผู้ใดที่เขาเพิ่งสัมผัสไป แต่อีกฝ่ายไม่ได้สื่อสาร คล้ายกับเสียงที่ตั้งใจถ่ายทอดออกมา ยังคงทำให้สั่นสะเทือนราวทะเลอยู่ภายในใจเขา!
ความสั่นสะเทือนนี้พลิกผันอย่างรุนแรง ยังไม่ทันที่หวังเป่าเล่อจะกดมันลง การสนทนาเต๋าภายในลูกแสงก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว เสียงที่มาจากประมุขกฎสวรรค์ส่งออกมาอีกครั้งและกระจายออกไปทั่ว
“สหายน้อยทุกท่านมาอวยพรวันฉลองอายุให้ตาเฒ่า ช่างมีน้ำใจแล้ว ร่องรอยเต๋าเมื่อครู่ พวกเจ้าเองสามารถเก็บเกี่ยวได้เท่าใด ก็ขึ้นอยู่กับวาสนาของแต่ละคน”
เสียงนี้ดูเหมือนจะใช้เพื่อความสงบ เมื่อมันได้ถูกถ่ายทอดสู่ทุกคน ก็หลอมละลายความผันผวนที่เกิดขึ้นในจิตใจพวกเขาทั้งหมดอย่างรวดเร็วในทันที บาดแผลที่เกิดขึ้นในสติของหวังเป่าเล่อ เวลานี้ได้รับการเยียวยาโดยตรง เขาตอบสนองอย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกัน ประสานหมัดเพื่อขอบคุณ
“ขอบคุณท่านประมุข!”
“การตระหนักรู้ในคราวนี้ อาจเรียกได้ว่าสร้างโอกาสสวรรค์ ขอบคุณท่านประมุข!”
“ท่านประมุขจิตใจกว้างใหญ่ไพศาล สนับสนุนพวกเราผู้น้อย บุญคุณในคราวนี้ ยากจะลืมไปตลอดชีวิต!”
ในการขอบคุณอย่างต่อเนื่อง หวังเป่าเล่อยังสูดหายใจเข้าลึกๆ และประสานหมัดคำนับ จากนั้นแต่ละคนก็มอบของขวัญวันอวยพรฉลองอายุที่เตรียมไว้ ของขวัญวันอวยพรฉลองอายุของหวังเป่าเล่อ ล้วนเป็นการจัดเตรียมของเซี่ยไห่หยาง หลังจากต่างก็ส่งมอบแล้ว เสียงอันพิศวงจากฟากฟ้าก็ดังขึ้น มองเห็นภาพลวงตาที่ไม่ชัดเจนปรากฏอยู่บนท้องนภา ขณะร่ายรำมีเสียงเพลงโบราณก้องกังวาน
เสียงเพลงนี้หมายถึงความเป็นสิริมงคล เมื่อกระจายไปทั่วทุกสารทิศต่อหน้าทุกคน ก็มีลูกท้อที่รวบรวมประกอบขึ้นจากทำนองเพลงนับไม่ถ้วน จากมายาสู่ความเป็นจริง จนทำให้สีหน้าของทุกคนตื่นตะลึงอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าถูกกระตุ้นด้วยพลังเทพที่น่าประหลาด
หวังเป่าเล่อก็เป็นเช่นนี้ การเดินทางมาดาวชะตาในครั้งนี้ มีเรื่องน่าตระหนกมากเกินไป แปลกประหลาดมากเกินไป และกว้างใหญ่เกินไป ทำให้เขาคล้ายกับได้เปิดโลกใหม่บนความรู้และประสบการณ์ของตน
ยามที่ลูกท้อวันอวยพรฉลองอายุกำลังเปลี่ยนแปลง ในการพลิ้วไหวของเสียงดนตรี ดูเหมือนประมุขกฎสวรรค์จะกล่าวบางอย่างกับคนรับใช้เฒ่าที่อยู่ข้างกาย จากนั้นผู้เฒ่าร่างงองุ้มจึงพยักหน้าแล้วเดินออกมา เพียงก้าวเดียวก็ถึงภายนอกลูกแสง สายตากวาดไปรอบทิศ ก่อนจะถ่ายทอดเสียงอ่อนโยน
“เต๋าสวรรค์สลับเปลี่ยน เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงของอำนาจเก่าใหม่ การสลับกันของสวรรค์เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงของความเป็นเจ้าของเก่าและความเป็นเจ้าของใหม่ มิใช่เป็นการเริ่มหรือสิ้นสุดของยุคสมัย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสำนักแห่งความมืดในอดีต หรือว่าจะเป็นตระกูลไม่สิ้นสุดในตอนนี้ ต่างก็เป็นเพียงสิ่งที่ดำรงอยู่ในยุคสมัยนี้”
“และทั้งจักรวาลก่อนยุคนี้ อย่างน้อยก็ยุคที่ 89 ก็มีอยู่มาก่อน ส่วนจะมีมากเท่าใด ท่านประมุขก็ไม่ทราบได้”
“แต่ที่อาจยืนยันได้ ก็คือวิญญาณระดับข้า มีบางคนที่แท้จริงแล้วถือกำเนิดในยุคใหม่ และมีบางคน…กลับดำรงอยู่ในยุคก่อน ปรากฏการณ์นี้ ถูกเรียกว่า…อดีตชาติ!”
“ยิ่งเป็นมหาศิษย์แห่งเต๋า ความเป็นไปได้ในการมีอดีตชาติก็ยิ่งมาก ดังนั้นในคราวนี้ท่านประมุขตัดสินใจ…มอบโอกาสให้ทุกท่านได้ตระหนักถึงภพก่อน ในงานฉลองวันอวยพรอายุนี้ สิบวัน สิบชาติ!”
“สุดท้ายผู้ที่ตระหนักรู้ถึงชาติที่ 10 จะได้รับสิทธิ์พลิกสมุดแห่งโชคชะตา!”
“หากไม่มี ก็ไร้ผู้มีสิทธิ์ หากทุกคนต่างก็มี เช่นนั้นทุกคนล้วนได้รับสิทธิ์!”
จุดยอด
………………………