หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1048 บททดสอบเริ่มต้น!
ภายนอกลูกแสง ชายชราร่างงองุ้ม ดวงตาสงบนิ่ง จ้องมองไปยังผู้ฝึกตนนับแสนบนร่างอสูรดึกดำบรรพ์ 39 ตัวที่อยู่รอบด้าน
“อีกอย่างหนึ่ง หวังว่าพวกเจ้าจะรู้ไว้ ไม่ใช่ว่ามีอดีตชาติก็จะสามารถตระหนักรู้สิ่งที่ปรากฏได้ ทั้งหมดต้องอาศัยศักยภาพรวมทั้งปัญญาของตน สิ่งที่ท่านประมุขทำได้ เป็นแต่เพียงการช่วยเหลือพวกเจ้า นำความตระหนักรู้และศักยภาพของพวกเจ้า ขยายผลในการทดสอบเท่านั้น”
“ดังนั้นจะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวพวกเจ้าเอง และอีกสักครู่ ตาเฒ่าจะเริ่มการทดสอบ และในพื้นที่ทดสอบ กระแสของเวลาแตกต่างจากโลกภายนอก สิบวันภายในนั้น เทียบกับโลกภายนอกก็เป็นเพียงเวลาหนึ่งก้านธูป”
“วิธีการเช่นนี้ การสร้างสรรค์เช่นนี้ ท่านประมุขไม่เคยใช้มาก่อน ดังนั้นในครั้งนี้…ขอให้ทุกคนรักษามันไว้ และขอให้พวกเจ้าสามารถตระหนักรู้อดีตชาติของตน และได้เพิ่มระดับพลังแห่งตน แต่มีอีกอย่างหนึ่งเช่นเดียวกับก่อนหน้านั้น มีเพียงระดับดาวพระเคราะห์ที่จะสามารถเข้าร่วมการทดสอบ ดารานิรันดร์นั้นไม่ได้!” “คำพูดของชายชราดังก้อง ผู้คนรอบด้านรับฟัง ทำให้ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ของที่แห่งนี้ต่างมีท่าทีเปลี่ยนไป
เห็นได้ชัดว่าบททดสอบในครั้งนี้ ต่างจากที่พวกเขาคิดไว้ก่อนหน้านั้นอย่างสิ้นเชิง และยังแตกต่างอย่างยิ่งจากบันทึกในอดีต การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ในระดับหนึ่งทำให้สิ่งที่พวกเขาเตรียมไว้ล่วงหน้าล้วนสูญเปล่า
แม้จะเป็นเช่นนี้แล้ว หากแต่ในคำพูดของชายชรายังแฝงความหมายเอาไว้ ทำให้จิตใจของทุกคนล้วนสั่นไหว ในเวลาเดียวกันก็หายใจไม่ทั่วท้อง อีกทั้งในส่วนลึกของใจต่างรู้สึกสั่นสะท้าน
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีท่าทางเป็นปกติ เรื่องนี้ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพียงแต่นัยน์ตาเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ข่าวเกี่ยวกับบททดสอบครั้งนี้มาก่อน ไม่มากก็น้อยจากช่องทางต่างๆ ดังนั้นเวลานี้ในใจจึงเต็มไปด้วยการรอคอย
ในหมู่พวกเขา ศิษย์ลำดับที่สิบเจ็ดของเต๋าเจ็ดวิญญาณผู้นั้น เวลานี้อยู่ๆ ร่างก็เหาะไปกลางอากาศประสานหมัดคำนับ กล่าวคำพูดออกมา
“ผู้อาวุโส ข้าผู้ฝึกตนที่ฝึกฝนมาทั้งชีวิต แม้จะเป็นเรื่องของโอกาส แต่หากกล่าวถึงการคัดสรรตามธรรมชาติ เกรงว่าผู้ที่มาทดสอบในครานี้จะมีมากกว่าแสนคน เมื่อเป็นเช่นนี้…แม้จะสามารถเห็นได้ว่าผู้ใดมีอดีตชาติมากกว่า แต่ในระดับหนึ่ง…ก็สูญสิ้นความหมายในการแข่งขันต่อกัน!”
“ไม่ผิด ท่านผู้อาวุโส ผู้น้อยก็มีความสงสัยเช่นนี้ หากพวกเรานับแสนคนทดสอบด้วยกัน เช่นนั้นก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการเกิดความขัดแย้งขึ้นได้ เกิดการรบกวนการตระหนักรู้กันและกัน พฤติกรรมเช่นนี้อนุญาตหรือไม่”
“แล้วหากทุกคนมีโอกาสตระหนักรู้อดีตชาติ เช่นนั้นโอกาสนี้…สามารถส่งต่อให้ผู้อื่นได้หรือไม่” ต่อจากนั้น ผู้ฝึกตนที่ทราบการทดสอบล่วงหน้าจำนวนหนึ่งต่างเหาะออกมา เอ่ยถามข้อสงสัย
คนเหล่านี้ แต่ละคนมีระดับการฝึกตนที่ไม่ธรรมดา วาจาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ชัดเจนว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือนำการตระหนักรู้ครั้งนี้เพื่อให้ได้รับการเปลี่ยนแปลงที่สูงสุด ดังนั้นจึงต้องถามรายละเอียดของกฎต่างๆ ล่วงหน้าไว้ก่อน
หวังเป่าเล่อก็เช่นกัน คำถามเหล่านั้นผุดขึ้นในใจเขา เมื่อเห็นผู้อื่นซักถาม เขาจึงมองไปทางชายชราที่ด้านนอกลูกแสงในทันที
“สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเท่าเทียมกัน และโอกาสก็เช่นกัน จะสำเร็จหรือไม่ มิได้ขึ้นกับผู้อื่น ล้วนขึ้นอยู่กับตนเอง ไม่ดีหรอกหรือ หรือว่าพวกเจ้าต้องการแย่งชิงโอกาสกันให้ได้” ชายชราที่อยู่นอกลูกแสงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวช้าๆ
“ท่านผู้อาวุโส เดิมทีผู้ฝึกตนเช่นข้าก็มิได้ปฏิบัติตามกฎ หากทุกอย่างเป็นไปตามกฎ ชีวิตจะมีสีสันได้เช่นไร!”
“สิ่งที่เรียกว่าความเท่าเทียมนั้น ก็เป็นเพียงแต่พื้นผิว หากตัวข้าโดดเด่น พยายามให้มากขึ้น ความโดดเด่นก็จะเพิ่มขึ้น เช่นนั้นจะไปเท่าเทียมกับผู้ไม่โดดเด่น ไม่มีข้อได้เปรียบ และไม่พยายามเพื่อสิ่งใด”
“ยังขอให้ท่านผู้อาวุโสได้อนุญาตให้การทดสอบในครั้งนี้ โอกาสทั้งหมดต้องมีการแย่งชิง เช่นนั้น..จึงนับว่ายุติธรรม!” ผู้ที่เอ่ยตอบชายชรา คือศิษย์ลำดับที่สิบเจ็ดของเต๋าเจ็ดวิญญาณ ยังมีเต๋าลำดับที่เจ็ดแห่งเต๋าเก้ารัฐ และยังมีศิษย์ลำดับเก้าของราชันเทวะไกก้าผู้นั้น
แม้หวังเป่าเล่อไม่ได้พูด แต่เขาก็เห็นด้วยต่อเรื่องนี้ เวลานี้จึงจ้องไปทางชายชราที่ด้านนอกลูกแสงเงียบๆ
ชายชราเงียบเสียง สุดท้ายจึงหันไปมองทางประมุขกฎสวรรค์ที่อยู่บนแท่นบูชาภายในลูกไฟ ค้อมคำนับกายลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังรอการตัดสินใจของท่านประมุข
ประมุขกฎสวรรค์ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นบูชา เวลานี้นัยน์ตาฉายแววลึกซึ้ง หลับตาลงครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ก็ส่งคำพูดเก่าแก่ออกมา
“ผู้เฒ่าเองไม่ขอสิ่งใดตอบแทน เพียงเพื่อความสมบูรณ์พูนสุขของสรรพสัตว์…แต่ก็เพิกเฉยต่อความต้องการแข่งขันของพวกเจ้าไปจริงๆ เอาเถอะ…การตระหนักอดีตภพ ต้องการความช่วยเหลือจากแสงแห่งการดึงดูด ผู้ทดสอบที่เข้าร่วมแต่ละคน ต่างมีแสงแห่งการดึงดูด ยิ่งแสงนี้มีมาก พลังดึงดูดก็ยิ่งมาก สัดส่วนความสำเร็จของการตระหนักรู้ก็จะยิ่งสูงขึ้น!”
“ท่านประมุขเลิศล้ำ!” ทันทีที่เขากล่าวออกมา พวกมหาศิษย์แห่งเต๋าที่ออกปากก่อนหน้า ต่างประสานหมัดคำนับในทันที
“แต่มีอย่างหนึ่ง” ท่านประมุขไม่ได้กล่าวต่อไปอีก ผู้ที่กล่าวคือชายชราที่อยู่นอกลูกแสง เขากวาดตามองฝูงชนและกล่าวช้าๆ
“งานฉลองวันอวยพรอายุท่านประมุข ไม่ชมชอบการนองเลือด ดังนั้นการทดสอบในครานี้…ผู้สังหาร ต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
ทันทีที่คำพูดนี้ดังออกมา ผู้คนรอบด้านต่างมีท่าทีเปลี่ยนไป บ้างขมวดคิ้ว บ้างถอนหายใจ และบ้างก็เก็บความปราถนาในการสังหารเอาไวเ
“ช่างแตกต่างจากการทดสอบที่ข้าเคยประสบมาก่อน…” หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง เมื่อได้ฟังคำพูดของชายชราที่อยู่นอกลูกแสง การทดสอบครั้งก่อนๆ ก็ปรากฏขึ้นในใจ หากทุกอย่างที่อีกฝ่ายแสดงนั้นเป็นจริงแล้ว นี่เป็นโอกาสอันเป็นสิริมงคลแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างแท้จริง
เพราะเขามองจุดประสงค์ของอีกฝ่ายไม่ออก แท้จริงแล้วตั้งแต่พวกตนเองมา กระทั่งถึงเวลานี้ อาจกล่าวได้ว่าต่างก็ได้รับของขวัญ
ไม่ว่าจะเป็นการตระหนักรู้ร่องรอยเต๋าก่อนหน้า หรือการทดสอบในวันนี้ แม้จะมีวิกฤตอยู่บ้าง แต่ผลที่ได้ก็ยิ่งใหญ่นัก และเห็นได้ชัดว่าอย่างหลังเหนือกว่าครั้งก่อน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อตระหนักถึงภพที่สิบแล้ว ก็จะได้พลิกสมุดแห่งโชคชะตา มีสิทธิ์ได้เห็นถึงภาพอนาคต ทุกอย่างทั้งหมดนี้ ทำให้ใสายตาของหวังเป่าเล่อฉายประกายความเลื่อมใส น้อมศีรษะรับคำ
ขณะที่ทุกคนต่างก็ทำเช่นนี้ ชายชราร่างงองุ้มด้านนอกลูกแสงก็เอ่ยเสียงก้องราวสายฟ้า เกิดพลังแผ่ขยายไปทั่วสารทิศในทันที
“การทดสอบอดีตชาติ เริ่มได้!”
ทันทีที่คำพูดดังออกมา เขายกมือขวาขึ้นโบกสะบัด ทันใดนั้นเกิดเสียงดังก้องขึ้นภายในปากปล่องภูเขาไฟใต้ลูกแสง และไอหมอกจำนวนมากลอยขึ้นมาจากภายใน สุดท้ายที่ช่องว่างระหว่างใต้ลูกไฟและปล่องภูเขาไฟ กระแสวนขนาดใหญ่ได้ก่อตัวขึ้น หมุนวนขึ้นมาไม่หยุด
“พวกเจ้า ยังไม่เข้าไปอีก!” คำพูดที่แผ่วเบาของชายชราหลังค่อม ดังก้องอยู่ในใจทุกคน ทันใดนั้นเงาแต่ละสายจากบนร่างสัตว์ดึกดำบรรพ์ของตนก็พุ่งออกมาอย่างรีบเร่ง ในบรรดาคนเหล่านั้นศิษย์คนที่เก้าของราชันเทวะไกก้า มีระดับความเร็วสูงสุด พุ่งออกมาเป็นผู้แรก แล้วหายไปในกระแสวนทันที
สำหรับผู้ฝึกตนเต๋าอันดับเจ็ดของเต๋าเก้ารัฐ รวมทั้งศิษย์ลำดับที่สิบเจ็ดแห่งสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณ ต่างก็เข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว ยังมีเจ้าอ้วนน้อยรวมทั้งมหาศิษย์แห่งเต๋าอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ ล้วนหายเข้าไปในกระแสวนทีละคน
ในบรรดาคนเหล่านั้น ซิงจิงจื่อที่สวมชุดคลุมยาวสีดำ แบกกระบี่ด้ามใหญ่เอาไว้ ทั้งร่างเต็มไปด้วยไอเย็นยะเยือก ก็เป็นเช่นนี้ ยังมีสวี่อินหลิงและคนอื่นๆ ตามหลังไป
ภายในเวลาชั่วครู่ อย่างน้อยมีเงากว่าแสนร่างรวมเข้าสู่กระแสวน เมื่อเห็นว่าส่วนใหญ่เข้าไปแล้ว เซี่ยไห่หยางที่อยู่ด้านหลังหวังเป่าเล่อ ดวงตาก็เกิดประกายแวววาว
“อาจารย์อา พวกเราก็ไปกันเถอะ?”
หวังเป่าเล่อคลำกระเป๋าคลังเก็บ ในนั้นมีลูกปัดที่ประมุขกฎสวรรค์มอบให้ ขณะนี้แววตาส่องประกาย หลังจากได้ฟังคำก็พยักหน้า เพียงชั่วแวบเดียวก็จากไป เซี่ยไห่หยางติดตามอย่างใกล้ชิด สองคนพุ่งตรงไปยังกระแสวน และหายเข้าไปในทันที
ทันทีที่เขาเข้าไปได้ ภายในขอบเขตจิตสำนึกของหวังเป่าเล่อ ไร้ร่องรอยของเซี่ยไห่หยาง ตัวเขาเองถูกพลังมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้ ดึงดูดเข้าไปภายในนั้น ราวกับโดนเคลื่อนย้ายถ่ายเท ลากตรงเข้าไป
โชคดีที่กระบวนการทั้งหมดนั้นสั้นมาก ในชั่วพริบตาจิตสำนึกและร่างกายของหวังเป่าเล่อก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ปรากฏอยู่ในหมอกทึบ ยามนี้สถานที่ที่เขาอยู่นั้นมีอาณาบริเวณเพียง 10 จั้ง
ภายใน 10 จั้ง ไร้ไอหมอก ทว่าระยะ 10 จั้ง ด้านนอกกลับมีไอหมอกพลุ่งพล่าน ขวางกั้นจิตสำนึกไว้ แต่ร่างของหวังเป่าเล่อทดลองก้าวเข้าไปกลับพบว่า ไอหมอกนี้ไม่ได้ขวางกั้นร่างของผู้ฝึกตน
เพียงแต่ว่าไร้สัมผัสของทิศทางภายในนั้น จิตสำนึกก็ไม่อาจกระจายออกได้
หวังเป่าเล่อไม่ได้เข้าลึกต่อไปอีก หลังจากล่าถอยไปเป็นบริเวณ 10 จั้งอย่างรวดเร็ว ขณะนี้เองเขาก็เห็นว่าภายนอกร่างของตน ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นแสงสีขาวจางๆ
หลังจากที่หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ ท่าทีก็เปลี่ยนไป ในแสงสีขาวนี้ เขาสังเกตได้ถึงร่องรอยของกลิ่นอายที่ทำให้จิตวิญญาณสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและปลอดภัย
“แสงแห่งการดึงหรือ?”
หวังเป่าเล่อสังเกตได้เช่นนั้น จึงพึมพำออกมาแผ่วเบา ตอนนั้นเองที่เสียงน่าเกรงขามหนึ่ง ดังก้องขึ้นมาภายในจิตใจของผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่กว่าแสนแห่งในพิภพไอหมอกนี้
“วันที่หนึ่ง ชาติที่หนึ่ง!”
…………………………