หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1103 จากไป!
ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว” แววตาของหวังเป่าเล่อเลื่อนลอยเล็กน้อย ผ่านไปนานเขาถึงค่อยมองไปยังประมุขกฎสวรรค์
“เจ็ดสิบเก้าวัน” แววตาของประมุขกฎสวรรค์ยากจะปกปิดความอ่อนล้า ขณะที่เลือดเจิ่งนอง กลิ่นอายบนร่างก็สั่นไหวไม่แน่นอน บวกกับใบหน้าซีดขาว ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าการให้หวังเป่าเล่อตระหนักรู้ถึงอดีตชาติครั้งนี้กินพลังเขาไปมากเพียงใด
ผู้รับใช้เฒ่าของประมุขกฎสวรรค์ที่อยู่ด้านข้างอ่อนแรงยิ่งกว่า ตอนนี้เขานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นแล้วหลับตาลงบำเพ็ญตน เห็นได้ชัดว่าการอาศัยแค่ประมุขกฎสวรรค์ผู้เดียวไม่อาจทำให้หวังเป่าเล่อตกอยู่ในภวังค์ได้โดยสมบูรณ์ การระลึกอดีตชาติครั้งนี้พวกเขาสองคนต้องทุ่มพลังร่วมกัน
ยังมีสมุดแห่งโชคชะตานั่นอีก มันหรี่แสงลงจนถึงขีดสุด ดูแล้วไม่ได้สว่างไสวอย่างที่เคย กลายเป็นของธรรมดาสามัญ จำต้องใช้เวลานานมากจึงจะฟื้นฟูอย่างช้าๆ
แม้ว่า…การระลึกอดีตชาติเช่นนี้ เขาจะใช้เพียงสมุดแห่งโชคชะตาเป็นสื่อกลาง และใช้กำลังของตนเป็นแรงผลักดันแรกเริ่ม ดังนั้นส่วนใหญ่จึงเป็นพลังจากตัวของหวังเป่าเล่อเอง แต่ก็ยังทำให้เขาแทบจะประคองต่อไปไม่ไหว
อดีตชาติครั้งที่สองถึงครั้งที่เจ็ดสิบเก้ายังไม่เท่าไร แต่ชาติแรกนั้น…เพราะเกี่ยวพันกับการมีอยู่ของบางอย่างที่ไม่อาจคาดคิด ดังนั้นการที่มันยังดำเนินไปจนกระทั่งหวังเป่าเล่อตื่นขึ้นมาก็เป็นปาฏิหาริย์แล้ว
ทั้งหมดนี้ ถึงแม้หวังเป่าเล่อจะไม่รู้รายละเอียด แต่ก็เข้าใจได้พอประมาณ ชั่วขณะต่อมาดวงตาของเขาจึงแสดงความซาบซึ้งใจ เขาสูดลมหายใจแล้วยืดตัวขึ้น มองไปยังประมุขกฎสวรรค์ มองไปยังผู้รับใช้เฒ่าที่นั่งหลับตาอยู่ข้างๆ มองไปยังสมุดแห่งโชคชะตา ก่อนจะประสานหมัดคารวะสามครั้ง!
การคารวะสามครั้งนี้ไม่อาจแสดงความซาบซึ้งทั้งหมดของเขาได้ เพราะการระลึกอดีตชาติครั้งนี้ให้กำไรกับหวังเป่าเล่อมากเหลือเกิน ทำให้ความทรงจำทั้งหมดของเขาหลอมรวมเข้าด้วยกัน รับรู้อดีต รับรู้ปัจจุบัน และยิ่งรับรู้ถึงความจริงมากกว่าครึ่ง
สิ่งนี้ทำให้กลิ่นอายทั่วร่างของเขาเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิม แทบจะในชั่วขณะที่หวังเป่าเล่อหยัดตัวคำนับสามครั้ง พลังฝึกปรือบนร่างของเขาก็ผันผวนและระเบิดออก
การระลึกอดีตชาติทั้งหมดและการตกตะกอนทางวันเวลาแผ่ซ่านอยู่ในร่างของหวังเป่าเล่อในชั่วขณะนี้เอง ส่งเสริมให้การบำเพ็ญของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทะลวงระดับดาวพระเคราะห์สูงสุดไปยัง…ระดับพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยก็ว่าได้!
สาเหตุที่บอกว่าพิเศษก็เพราะก่อนหน้าเขา ไม่เคยมีผู้ฝึกตนระดับดาวพระเคราะห์คนใดสามารถบรรลุถึงระดับสูงเช่นนี้มาก่อน ระดับสูงเช่นนี้ปรากฏอยู่บนเก้าดาวเคราะห์บรรพกาลของหวังเป่าเล่อและยิ่งปรากฏอยู่บนดาวเคราะห์เต๋าของเขาด้วย!
ดาวเคราะห์บรรพกาลส่งเสียงก้องกังวาน ขณะที่การรับรู้อดีตชาติหวนกลับมา เก้าดาวเคราะห์บรรพกาลและเก้ากฎเกณฑ์ก็บรรลุถึงระดับก้องกังวานทันที มันเพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท้ายที่สุดก็หยุดลงที่ระดับเก้าสู่เก้า!
ระดับเช่นนี้ใช้คำว่าดาวเคราะห์บรรพกาลมาอธิบายคงไม่เหมาะนัก พวกมัน…สมควรจะถูกเรียกว่า กึ่งดาวเคราะห์เต๋า!
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เบิกเนตรหวังเป่าเล่อให้บรรลุถึงระดับที่ไม่มีใครเทียบได้ ทำให้พลังยุทธ์ของเขายกระดับจากระดับสูงสุดแบบเดิมเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง และการเปลี่ยนแปลงอันน่าตะลึงนี้ก็อยู่ที่ดาวเคราะห์เต๋าของเขา!
ดาวเคราะห์เต๋าดวงนั้น ตอนนี้ส่องสว่างเจิดจรัสอยู่ในดวงวิญญาณเทพของหวังเป่าเล่อ การเปลี่ยนแปลงที่แสดงให้เห็นชัดมากที่สุดก็คือขนาดของมิติ!
ดาวเคราะห์เต๋าดั้งเดิมนั้นถึงแม้ตำแหน่งของมันจะสูงอย่างยิ่ง แต่ก็เป็นเพียงดาวพระเคราะห์เท่านั้น ทว่าตอนนี้…ถึงจะเป็นดาวพระเคราะห์เหมือนกัน แต่ขนาดของมันกลับใหญ่ยิ่งกว่าดารานิรันดร์ทั่วไปแล้ว!
อย่างน้อยดารานิรันดร์ทั้งหมดที่หวังเป่าเล่อเคยเห็นมาจนถึงตอนนี้ก็เทียบกับดาวเคราะห์เต๋าของตนดวงนี้ไม่ได้เลย พลังทั้งหมดที่แฝงอยู่ในภายในดาวพระเคราะห์ขนาดมหึมาเช่นนี้ ทำให้จิตใจของหวังเป่าเล่อสั่นสะท้านเมื่อได้สัมผัสกับมัน
ถ้าหากเทียบการฝึกฝนดาวพระเคราะห์เป็นทะเลสาบผืนหนึ่ง หลังจากบรรลุถึงระดับดารานิรันดร์และเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพแล้ว น้ำในทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็ง และพลังยุทธ์ก็ทะลวงระดับเพราะเหตุนั้นด้วย เช่นนั้นหวังเป่าเล่อในตอนนี้ แม้จะยังอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ แต่น้ำในนั้นของเขาก็ไม่ใช่ทะเลสาบแล้ว แต่เป็น…มหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาลผืนหนึ่ง!
มหาสมุทรนี้กว้างใหญ่กว่าทะเลสาบของดารานิรันดร์ แม้คุณภาพจะไม่เท่ากัน แต่ความน่ากลัวด้านปริมาณก็ได้เสริมทั้งหมดแล้ว การปะทะกับมหาสมุทรกว้างใหญ่ แม้ว่าทะเลสาบน้ำแข็งจะแข็งแรง แต่ก็ต้องถูกทำลายล้างอย่างเลี่ยงไม่ได้!
แท้จริงแล้วตัวเขาแข็งแกร่งขนาดไหน หวังเป่าเล่อวิเคราะห์ได้ไม่ง่าย แต่เขารู้ว่า…การบำเพ็ญ ไม่ใช่ไม้ตายของเขา ไม้ตายของเขาคือความรู้เกี่ยวกับโลก และ…เงาของอดีตชาติ!
ดังนั้นถึงได้บอกว่าภายในโลกแผ่นหินของเขาคือระดับดาวพระเคราะห์ที่พิเศษที่สุดเท่าที่เคยมีมา!
และสิ่งที่ได้รับทั้งหมดนี้จะขาดการช่วยเหลือจากประมุขกฎสวรรค์ไม่ได้เลย ดังนั้นหลังจากคำนับสามครั้งแล้ว หวังเป่าเล่อก็เงยหน้ามองประมุขกฎสวรรค์ผู้อ่อนล้า แล้วเอ่ยเสียงเบา
“ขอบคุณ”
เขาไม่ได้ให้สัญญาอะไร แต่ประโยคขอบคุณจากก้นบึ้งหัวใจก็เพียงพอจะแสดงใจจริงของเขาได้แล้ว ประมุขกฎสวรรค์ย่อมเข้าใจ ใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มบางออกมา
“รักษาตัวด้วย”
หวังเป่าเล่อพยักหน้า เขาเงยหน้ามองไปรอบๆ สัมผัสสวรรค์ของเขาแผ่ครอบคลุมดาวเคราะห์ชะตา หลังจากมองดูที่นี่อยู่พักหนึ่ง นัยน์ตาของเขาก็เผยความสนใจต่ออนาคต หลังจากคำนับให้ประมุขกฎสวรรค์อีกครั้ง หวังเป่าเล่อก็ตัวสั่น คนทั้งคนกลายเป็นสายรุ้งยาวทอดไปยังท้องฟ้าแล้วระเบิดพุ่งไป!
เมื่อร่างของเขาพุ่งขึ้นฟ้า ก็มีเก้ากฎเกณฑ์เลือนรางจากกึ่งดาวเคราะห์เต๋าห้อมล้อมทันที ขณะเดียวกับที่รอบข้างเปลี่ยนแปลง ทั่วร่างของเขาส่องสว่างจากอิทธิพลของพลังดาวเคราะห์เต๋าอันกว้างใหญ่ไพศาล ความว่างเปล่าก่อตัวเป็นลวดลายปริศนามงคลสายแล้วสายเล่าอยู่ตรงหน้าเขา ทำให้เขาที่บินขึ้นไปบนฟ้าดูคล้ายเป็นจุดศูนย์กลางของท้องนภา
จนกระทั่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ แววตาของประมุขกฎสวรรค์ก็ฉายแววยินดี เอ่ยพึมพำเสียงเบากับตัวเอง
“อันที่จริง ควรเป็นข้าที่ต้องขอบคุณเจ้า เจ้าก็ทำให้ข้า…เข้าใจที่มาที่ไปของโลกใบนี้ด้วย”
ประโยคนี้บินขึ้นไปยังหวังเป่าเล่อบนท้องฟ้า เขาได้ยินเช่นกันจึงชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็เร่งความเร็วขึ้น ขณะที่พุ่งตรงไปยังจักรวาล สมองของเขาก็กำลังใคร่ครวญถึงปัญหาข้อหนึ่ง
“ข้า แท้จริงแล้วข้ามาจากที่ไหน…” ด้านหน้าของหวังเป่าเล่อมีวังน้ำวนที่นำไปสู่สถานที่ปริศนาในความทรงจำผุดขึ้นมา เขาอยากรู้มากจริงๆ ถึงขั้นมีความรู้สึกเลือนรางบางอย่างว่า สถานที่ปริศนาในวังน้ำวนคล้ายจะมีอะไรบางอย่างร้องเรียกหาตนอยู่ตลอด
ครู่ใหญ่ เมื่อบินมายังจักรวาลและมองเห็นเรือรบที่จอดทิ้งไว้ตรงนั้น หวังเป่าเล่อจึงระงับความคิดนี้ลงไป ร่างกายสั่นไหว แล้วตรงไปยังเรือรบที่อยู่ด้านหน้าสุดทันที
สัมผัสสวรรค์ของเขาเข้าปกคลุมโดยไม่สนใจการป้องกันของเรือรบ มองเห็นเซี่ยไห่หยางและพวกเฉินหานแล้ว ทั้งยังมองเห็นองครักษ์เต๋าระดับดารานิรันดร์เหล่านั้นจากดาราจักรไฟด้วย หลังจากนั้นประมาณไม่กี่อึดใจที่สัมผัสสวรรค์ของเขากวาดไป สีหน้าของแต่ละคนก็เปลี่ยนแปลงยกใหญ่
“นั่นใคร!” เสียงตะโกนดังเป็นทอดๆ ทันใดนั้นองครักษ์เต๋าดารานิรันดร์ที่คุ้มครองหวังเป่าเล่อและเซี่ยไห่หยาง และยังมีองครักษ์ที่ติดตามเฉินหานต่างก็รีบออกมาจากภายในเรือรบ พวกเขามองไปยังหวังเป่าเล่อที่มาถึงด้านนอกเรือรบราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
ดารานิรันดร์ทั้งหมดสามสิบกว่าคน ที่นี่นอกจากสองคนที่เป็นดารานิรันดร์ระดับอำพันแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นดารานิรันดร์ระดับทั่วไป ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ตอนนี้เมื่อดารานิรันดร์เหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น พลานุภาพบนร่างและความผันผวนที่แผ่ออกมายังคงมีมหาศาล
ทว่าถึงแม้จะมีพลานุภาพมหาศาล แต่พวกเขากลับมีสีหน้าเปลี่ยนไปทีละคนๆ แล้วจดจ้องไปยัง…เงาน่าสะพรึงที่พุ่งออกมาจากภายในดาวเคราะห์ชะตา
สิ่งที่พวกเขาเห็นในสายตาไม่ใช่ร่างจริงของหวังเป่าเล่อ ราวกับว่าเป็นเพราะอุปสรรคทางปัญญาของทั้งสองฝ่าย ทำให้ดวงตาของพวกเขามองเห็นทุกอย่างของหวังเป่าเล่อได้ไม่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นอายหรือร่างกาย ก็ล้วนมองไม่ชัดทั้งนั้น
สิ่งที่มองเห็น…มีเพียงดวงดาราเลือนรางที่เหนือล้ำเกินกว่าดารานิรันดร์ไปแล้ว มันปรากฏตัวกะทันหันอยู่ด้านนอกดาวเคราะห์ชะตาด้วยพลานุภาพที่ทรงพลังอย่างที่สุด ก่อนจะเคลื่อนเข้ามาใกล้พวกเขาที่นี่
เห็นชัดว่ามันไม่ใช่ดารานิรันดร์ แต่เป็นดาวพระเคราะห์ ทว่าอานุภาพที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวกลับทำให้พวกเขาผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ล้วนตื่นตระหนกและตกตะลึง โดยเฉพาะเมื่อพวกเขามองเห็นว่าด้านนอกดวงดาวเลือนรางขนาดมหึมานี้กลับยังมีดวงดาวเก้าดวงล้อมรอบเหมือนกับดาวบริวาร ทำให้พลานุภาพของมันน่าสะพรึงขึ้นไปอีก นี่จึงทำให้ดารานิรันดร์เหล่านี้ต่างก็เริ่มแสดงพลังเทพออกมาตามสัญชาตญาณ
และตอนนี้ แววตาของเซี่ยไห่หยางและเฉินหานก็เผยความเคร่งเครียด โชคดีที่หวังเป่าเล่อก็สังเกตเห็นสภาพของตนในทันทีซึ่งคล้ายจะทำให้คนคุ้นเคยเหล่านี้ล้วนมองตนไม่ชัด ดังนั้นหลังจากร่างกายหยุดชะงักชั่วครู่ เขาก็เอ่ยออกมา
“ข้าเอง”
ขณะที่คำพูดของเขาดังก้อง ดาวเคราะห์เต๋าและกึ่งดาวเคราะห์เต๋าด้านนอกร่างกายของเขาก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็วจากการกดข่มโดยเจตนาของหวังเป่าเล่อ จนกระทั่งสุดท้ายก็ถูกเก็บเอาไว้ภายในร่างทั้งหมด ทั้งยังใช้ประโยชน์จากมายากลดั้งเดิมมาทำให้รูปลักษณ์ของตนหักเหแสงเข้าไปในสายตาของคนอื่นๆ เงาร่างของเขา…ในที่สุดก็ปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคน
“นายน้อย!”
“อาจารย์อาเป่าเล่อ!”
“ท่านพ่อ!”
ผู้ฝึกตนดารานิรันดร์จากดาราจักรไฟ และยังมีเซี่ยไห่หยางกับเฉินหาน ตอนนี้แต่ละคนต่างเบิกตากว้าง เผยความไม่อยากเชื่อออกมา พวกเขามองจ้องไปยังหวังเป่าเล่อที่ปรากฏอยู่ในสายตาแน่นิ่ง
ถึงแม้จะรู้ว่าหวังเป่าเล่อกำลังทดสอบพลังฝึกปรืออยู่ในดาวเคราะห์ชะตา ได้ผลประโยชน์มากมาย และจะแสดงออกมายามงานเลี้ยงวันอวยพรฉลองอายุ แต่เมื่อเห็นดวงดาราไร้ที่สิ้นสุดเมื่อครู่กับตาตัวเองอย่างวันนี้ และสภาวะแปลกประหลาดที่คล้ายจะไม่อาจมองเห็นได้ชัดเช่นนั้น ในใจของพวกเขาก็เกิดคลื่นลูกใหญ่ซัดสาดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
…………………………