หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1110 เสมือนเทพ!
แทบจะในชั่วพริบตาที่หวังเป่าเล่อเอ่ยออกมา…
ดวงดาราพิเศษนับหมื่นก็เข้าประจำที่ทีละดวงและผสานแสงดาวทั้งหมดเข้ากับดาวเคราะห์เต๋า!
เมื่อหวังเป่าเล่อหยัดตัวยื่นแขนทั้งสองข้างออกไป แผนที่ดวงดาวขนาดมหึมาที่ด้านหลังของเขาก็เปลี่ยนแปลงทันที!
แผนที่ดวงดาวแห่งนี้เป็นรูปวัวตัวหนึ่ง แรกเริ่มยังเล็กมาก แต่พอมันขยายตัวก็ใหญ่ขึ้นทันที ทุกคนที่ได้เห็นต่างก็พากันตะลึงงัน สุดท้ายท่ามกลางเสียงแผดร้องคำราม ขอบเขตของแผนที่ดวงดาวก็แผ่ปกคลุมท้องฟ้าไปกว่าครึ่ง ทำให้นอกจากดวงดาราพิเศษนับหมื่นที่ผสานเข้าไปแล้ว กลุ่มดาวที่เหลือก็จำต้องล่าถอยเพื่อเหลือพื้นที่ว่างให้พวกมัน จนทุกคนที่มองอยู่ถึงขนาดรู้สึกว่าแผนที่ดวงดาวได้เข้าแทนที่ท้องฟ้าไปแล้ว
มีเพียงดาวเคราะห์เต๋าของหวังเป่าเล่อเท่านั้นที่เป็นแกนกลางของแผนที่ดวงดาว เหมือนกับเตาหลอมขนาดยักษ์ที่กำลังเผาไหม้ลุกโชน!
เมื่อแผนที่ดวงดาวเริ่มหลอมรวมดวงดาราพิเศษนับหมื่น มันก็ได้ฉุดดึงดวงดาราพิเศษเข้ามาในแผนที่ดวงดาวคล้ายกลับมาประจำที่ พวกมันจัดเรียงกันตามกฎเกณฑ์บางอย่างจนทำให้วัวตัวนี้ส่องประกายเจิดจรัสในชั่วพริบตา คล้ายพ้นจากสามัญสู่ความศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นเทพวัว เพียงแต่มองเห็นไม่ชัดเจน ทว่าเลือนรางเล็กน้อย!
เทพวัวตัวนี้หลับตาอยู่ ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา คล้ายกำลังหลับใหล แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ บนร่างของมันก็ยังแผ่กลิ่นอายที่ทำให้ทั่วทั้งสุสานดวงดาราสั่นสะเทือน!
นั่นคืออำนาจยิ่งใหญ่ นั่นคือความห้าวหาญของเทพเจ้า ยิ่งกว่านั้นคือทันทีที่ลืมตาขึ้นมาก็ทรงพลังจนน่าตกใจ!
“นี่คือ…” ดวงตาของจักรพรรดิดาวตกองค์แรกหดเกร็ง จักรพรรดิองค์ปัจจุบันของดาวตกที่อยู่ข้างกายเขาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นแผนที่ดวงดาวรูปเทพวัวนี่
“พลานุภาพทรงพลังเช่นนี้…นี่คือร่างฉายของระดับจักรพิภพหรือ!” ทั้งสองมองหน้ากันและกัน ต่างก็มองเห็นความตกใจในแววตาของอีกคนได้
แต่ความตกใจของพวกเขายังไม่สิ้นสุด การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่เกิดขึ้นอีกครั้ง ขณะที่สายตาของหวังเป่าเล่อฉายแววคาดหวังแรงกล้า เวทผนึกดาวในร่างของเขาก็เคลื่อนไหวขึ้นมากะทันหัน จากชั้นแรกไปเป็นชั้นสามอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เป็นชั้นสี่ หลังหยุดไปครู่หนึ่ง ก็ทะลวงไปถึงชั้นที่ห้าในทันที!
ทุกครั้งที่ทะลวงหนึ่งชั้น ประกายแสงของเทพวัวก็จะเจิดจ้าขึ้นสามส่วน!
ทั้งกระบวนการนี้ แผนที่ดวงดาวเทพวัวขนาดใหญ่ก็เปลี่ยนจากเลือนรางเป็นชัดเจนอย่างรวดเร็ว เมื่อเวทผนึกดาวของหวังเป่าเล่อเคลื่อนมาจนถึงขีดสุด ดวงดาราพิเศษนับหมื่นก็เข้าแทนที่สะเก็ดดาวที่เดิมมีอยู่ในแผนที่ดวงดาวเทพวัว มันเข้าแทนที่ดาวเคราะห์ทั่วไปและเข้าครอบคลุมดาวเคราะห์อมตะทั้งหมดที่อยู่ในนั้น ทำให้แผนที่ดวงดาวเทพวัวเปล่งประกายแสงบาดตาน่าตะลึงออกมาในชั่วขณะนี้เอง
แสงนี้ทำให้จักรวาลสิ้นสีสัน ทำให้สรรพสิ่งหม่นหมอง ทำให้ทุกสายตาที่จ้องมองคล้ายจะเปลี่ยนเป็นนิรันดร์ ถึงขั้นปกคลุมแสงของดาวเคราะห์เต๋าที่เหมือนกับเตาหลอมข้างในนั้นไปด้วย!
ทำให้ทั่วทั้งสุสานดวงดาราล้วนถูกห่อหุ้มอยู่ในประกายแสงของมัน!
หวังเป่าเล่อตัวสั่นสะท้าน สำหรับเขาแล้วการผลักดันเวทผนึกดาวเทพวัวที่เกิดมาจากดวงดาราพิเศษนับหมื่นด้วยกำลังของคนคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะตอนนี้เวทผนึกดาวได้ถูกเขาใช้โอกาสนี้ทะลวงไปถึงชั้นที่ห้าได้สำเร็จแล้ว
แต่หลังจากสัมผัสดู หวังเป่าเล่อยังคิดว่าเพียงเท่านี้ยังไม่พอหนุนนำดาวเคราะห์เต๋าที่มีน้ำหนักหนักมากยิ่งกว่าเดิมของตนได้ อยากจะเลื่อนขั้น….ยังต้องไปต่ออีกก้าว!
“ตามการคาดการณ์ของข้า เวทผนึกดาวยังมีชั้นที่หกอยู่!!” แววตาของหวังเป่าเล่อฉายประกายแปลกประหลาด หลังจากสูดหายใจเข้าลึกอยู่บนฟ้า เขาก็เคลื่อนไหวดาวเคราะห์เต๋าที่กลายเป็นแกนกลางของแผนที่ดวงดาวทันที ทำให้ตอนนี้ ดาวเคราะห์เต๋าสะเทือนเสียงดังสนั่น พลังแห่งกฎจักรวาลที่อยู่ในนั้นแผ่กระจาย ดาวบริวารรอบๆ ก็ยิ่งระเบิดกฎเกณฑ์ออกมารวมกัน
การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ สุดท้ายก็ทำให้แสงของดาวเคราะห์เต๋าส่องแสงเจิดจรัสขึ้นอีกครั้ง มันสว่างยิ่งกว่าแผนที่ดวงดาวเทพวัวทันที เหมือนเพิ่มแหล่งกำเนิดแสงแห่งใหม่ลงไปในแผนที่ดวงดาว ทำให้ประกายแสงของแผนที่ดวงดาวเพิ่มพูนเจิดจ้าขึ้นมาด้วย
มันผลักดันให้เวทผนึกดาวเคลื่อนไหวอีกครั้งในทางอ้อม!
เวทผนึกดาวลอยขึ้นสูงอีกครั้งท่ามกลางสภาวะบาดตาน่าตะลึงดั้งเดิม ยืมพลังจากดวงดาราพิเศษนับหมื่นและดาวเคราะห์เต๋าของตนมาบรรจบกันทั้งหมดราวกับจะบุกโจมตี ทำให้ประกายแสงของแผนที่ดวงดาวเทพวัวส่องสว่างจนถึงที่สุด และสุดท้ายก็ระเบิดออกมาทันที!
ทะลวงขีดสุด บรรลุไปถึงระดับชั้นที่ไม่เคยมีมาก่อน…ชั้นที่หก!
เสียงดังสนั่นราวกับอัสนีสวรรค์ระเบิดอย่างต่อเนื่องราวกับจะระเบิดสายธารดวงดาวให้ได้ บริเวณระหว่างฟ้าดิน ในใจของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในสุสานดวงดาราส่งเสียงกู่ก้องอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นหนึ่งเดียว
แทบจะในชั่วพริบตาที่เวทผนึกดาวเลื่อนขั้นถึงชั้นที่หก เทพวัวก็สั่นสะเทือนรุนแรง ดวงตาพลันเบิกโพลงขึ้นมาท่ามกลางการโจมตีครั้งนี้ เผยให้เห็นแสงเจิดจ้าถึงขีดสุดสองดวงที่เกิดจากแสงดาวนับไม่ถ้วนมาบรรจบกัน
แสงนี้สะท้อนเข้าไปในดวงตาของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในสุสานดวงดาราทุกตน ทำให้กระดาษรูปมนุษย์ทั้งหมดตัวสั่นเทิ้ม และขณะที่พวกเขาตัวสั่นสะท้านอยู่ตรงนี้ เทพวัวที่ลืมตาขึ้นมาก็เงยหน้าส่งเสียงคำรามกู่ก้องไปทั่วโลกา!
มอ!!
ราวกับ…มีชีวิต!
ขณะเดียวกันนั้น ด้านนอกสุสานดวงดารา ในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ในดาราจักรไฟ ที่ร่างดั้งเดิมของเทพวัวซึ่งหลับใหลอยู่ในจักรวาลนอกดาวเอกเพลิง เมื่อเทพวัวในสุสานดวงดาราร้องคำราม ร่างกายของมันก็สั่นไหวรุนแรง มันเบิกตามองไปยังจักรวาลอันไกลโพ้น แววตาฉายแสงแปลกประหลาดออกมาพร้อมกัน ส่วนข้างกายของเขา ปรมาจารย์แห่งไฟก็ปรากฏตัวขึ้นในพริบตา แล้วมองไปยังที่ไกลๆ เช่นกัน
“คิดไม่ถึงเลยว่าลูกศิษย์คนนี้ของข้าจะเลื่อนระดับเร็วขนาดนี้!” เสียงแปรปรวนที่ไม่รู้ว่ามาจากปรมาจารย์แห่งไฟหรือเทพวัวดังสะท้อนไปทั่วทุกทิศทางพร้อมกัน ศิษย์พี่เหล่านั้นของหวังเป่าเล่อบนดาวเอกเพลิงก็เงยหน้าทอดมองไปยังจักรวาล ราวกับสายตาสามารถทะลุผ่านความว่างเปล่าไปยังวังน้ำวนยิ่งใหญ่ที่มาบรรจบกันนอกสุสานดวงดาราในตอนนี้ได้
วังน้ำวนนั่นถูกการเลื่อนขั้นของหวังเป่าเล่อดึงดูดมา ควบแน่นขึ้นจากความว่างเปล่า แล้วพันวนรอบท้องฟ้าอย่างไร้สุ้มเสียง ทำให้พวกเซี่ยไห่หยางใจสั่นสะท้าน ถึงจะไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ก็เดาได้ว่าฉากนี้อาจเกี่ยวข้องกับหวังเป่าเล่อ
“แค่เลื่อนขั้นเป็นดารานิรันดร์ ไม่จำเป็นต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ก็ได้…” เซี่ยไห่หยางสูดลมหายใจพึมพำ
“หุบปาก พลังเทพของท่านพ่อใช่สิ่งที่พวกเจ้ามนุษย์ธรรมดาจะรู้จักได้หรือ ฮึ มนุษย์ เดิมทีเจ้าก็ไม่รู้ที่มาของท่านพ่ออยู่แล้ว พูดออกมาก็กลัวว่าเจ้าจะตกใจตาย เพราะท่านพ่อของข้าน่ะ…เป็นบิดาของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล!” ถึงแม้เฉินหานจะตัวสั่นสะท้านเช่นกัน แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่หยาง ยามนั้นเขาก็ไม่สนใจอีกต่อไป เขาเอ่ยปากอย่างภาคภูมิใจ องครักษ์เต๋าเหล่านั้นด้านหลังของเขาก้มหน้าลงทีละคน ราวกับคิดว่าหลังจากนายน้อยกลับมาจากดาวเคราะห์ชะตาก็คล้ายจะเปลี่ยนเป็นคนละคน คำพูดคำจามักจะทำให้คนรู้สึกละอาย…
“พ่อของเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ เจ้ามาประสบสอพลอเช่นนี้มีประโยชน์อะไร!” เซี่ยไห่หยางจับจ้องเฉินหานด้วยความไม่พอใจ
“มนุษย์นี่นะ!” เฉินหานกอดอก แค่นเสียงออกมา ราวกับไม่สนใจจะอธิบายอีก
ส่วนตอนนี้ชงอี้จื่อที่รออยู่ที่เดิมโดยที่ทุกคนไม่รู้ก็ตกตะลึงจากไกลๆ เขารีบหันหน้ามองไปทางวังน้ำวนที่ขยายตัวไปทั่วอย่างช้าๆ และมองทางเข้าสุสานดวงดาราที่หวังเป่าเล่อหายไปก่อนหน้านี้ สีหน้าเผยความประหลาดใจ และมีความรู้สึกว่าท่าไม่ดีอยู่รางๆ
“นี่มันกลิ่นอายของหายนะ…เกิดอะไรขึ้น!”
โลกภายนอกสั่นสะเทือนพร้อมๆ กัน และภายในสุสานดวงดาราก็เป็นเช่นเดียวกัน ฟ้าดินแปรผัน เมฆลมม้วนกลับ ท่ามกลางเสียงกู่ร้องรอบทิศ จักรพรรดิดาวตกองค์แรกหายใจติดขัด
“การทะลวงดาวพระเคราะห์ ก็สามารถดึงดูดปราณหายนะได้หรือ…เร็ว ตั้งขบวน!”
เมื่อคำพูดของเขาดังออกมา จักรพรรดิดาวตกและขุนนางทั้งหมดต่างปล่อยพลังฝึกปรือออกมาด้วยใจสั่นไหว ยิ่งกว่านั้น วงแหวนปราณของจักรวรรดิก็เคลื่อนไหวในทันทีเช่นกัน ทำให้ทั่วทั้งสุสานดวงดารามีม่านแสงสีขาวหลายชั้นเพิ่มขึ้นมาปกคลุมอยู่นอกท้องฟ้า
ส่วนหวังเป่าเล่อ ตอนนี้พลานุภาพทั้งร่างของเขามาถึงขีดสุดแล้ว การเตรียมการทั้งหมดก็พร้อมแล้ว ดังนั้นหลังจากเงียบงันไปหลายอึดใจ หวังเป่าเล่อก็พลันเงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยเสียงทุ้มต่ำออกมา
“หนุนนำดาวเคราะห์เต๋าของข้า…ทลายความว่างเปล่า เลื่อนขั้นเป็นดาวแห่งดารานิรันดร์!!”
ทันทีที่เอ่ยออกมา มือของหวังเป่าเล่อก็โบกขึ้นโดยแรง ทันใดนั้นดาวเคราะห์เต๋าและดาวบริวารทั้งเก้าดวงของเขาก็พุ่งออกมาจากภายในร่างของเทพวัวทันที สุดท้ายก็มาลอยอยู่บนศีรษะของเทพวัว!
ส่วนเทพวัวก็เงยหน้าขึ้น แววตาส่องแสงเจิดจรัส มันคำรามขึ้นฟ้าด้วยพลานุภาพมหาศาลจนดังก้องไปทั่วทุกทิศอีกครั้ง ในเสียงคำรามนี้มีความองอาจทรงพลังอันดุเดือดไร้ใดเปรียบ หลังจากร่างกายสั่นสะท้าน มันก็ผลักดันดาวเคราะห์เต๋า หนุนนำตัวหวังเป่าเล่อให้เคลื่อนไปยังนภากาศ ไปยังระดับขั้นที่มองไม่เห็น ราวกับปลากระโดดข้ามประตูมังกร…พุ่งไปอย่างห้าวหาญ!
จากที่ไกลๆ ภาพนี้ได้สะท้อนเข้าไปในดวงตาของทุกคนในสุสานดวงดารา ชั่วชีวิตนี้ของพวกเขาล้วนไม่มีวันลืม!
ภาพนี้…ความองอาจของเทพวัว พลานุภาพใหญ่โตโอฬาร ทรงพลังไร้ขอบเขต ดาวเคราะห์เต๋าน่าตะลึงที่อยู่บนหัวคล้ายจะกลายเป็นดวงอาทิตย์สีแดงชาด พุ่งทะยานอย่างบ้าคลั่งไปยังสุดขอบฟ้าในคราวเดียว!
และที่หลังของมัน หวังเป่าเล่อในชุดขาว ผมยาวปลิวไสว สีหน้าราบเรียบ แววตานิ่งสงบ มือไพล่หลัง ช่างเหมือนกับ…เทพ!
…………………