หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1118 ขวานศึกดารานิรันดร์!
เมื่อเอ่ยออกมา ทันใดนั้นอักขระวงแหวนปราณที่กลายเป็นทะเลกระดาษก็มีคลื่นยักษ์สะเทือนสวรรค์โหมซัดขึ้นมา อักขระกระดาษจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งชนกันอย่างรุนแรงจนสะเทือนเลื่อนลั่น!
จากตาเปล่าก็มองเห็นได้ว่า เมื่ออักขระกระดาษเหล่านั้นพุ่งเข้ามาชนกันก็พังทลายลง แล้วกลายเป็นเศษกระดาษ กระบวนการนี้กินพลังของหวังเป่าเล่ออย่างมหาศาล อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเคล็ดวิชาลับของชงอี้จื่อ ถึงแม้เขาจะเป็นดารานิรันดร์ระดับพิภพ เทียบกับระดับเต๋าของหวังเป่าเล่อแล้วยังมีช่องว่างอยู่สองขั้น แต่…พลังฝึกปรือระดับดารานิรันดร์ชั้นปลายก็ยังสามารถลดช่องว่างนี้ได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่อาจอยู่เหนือกว่า แต่ความยิ่งใหญ่ที่แสดงออกมาก็ยังทำให้หวังเป่าเล่อต้องเปลืองแรงอย่างมาก!
ดังนั้นเมื่อหวังเป่าเล่อโคจรพลังฝึกปรือทั้งหมด ดาวเต๋านิรันดร์ในแผนที่ดวงดาวด้านหลังของเขาก็ดำมืดยิ่งขึ้น เขาอยากรู้มากว่าดาวเคราะห์เต๋าของตนที่เข้าสู่นิรันดร์นั้น แท้จริงแล้วในจักรพิภพไม่รู้สิ้นนี้ มันอยู่ระดับไหนในบรรดาพวกที่อยู่ขั้นเดียวกัน!
“สยบให้ข้า!” ท่ามกลางการพุ่งชนกันของอักขระกระดาษนับไม่ถ้วนรอบด้าน จนมีเศษกระดาษกระจัดกระจาย สองมือของหวังเป่าเล่อก็ผนึกมุทราแล้วโบกขึ้นอีกครั้งพร้อมคำรามเสียงต่ำออกมา
เหมือนกับว่าเอ่ยแล้วเป็นจริงตามนั้น พริบตาที่ทั่วทั้งทะเลกระดาษสะเทือนเลื่อนลั่น เศษกระดาษนับไม่ถ้วนก็รวมเข้าด้วยกันแล้วก่อตัวเป็นดาบกระดาษเล่มแล้วเล่มเล่าทันที ก่อนจะพุ่งไปหาชงอี้จื่อที่ตอนนี้หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่พร้อมเสียงแผดร้องลั่น!
มองจากที่ไกลๆ ภาพนี้ช่างสะเทือนฟ้า สะเทือนดิน สะเทือนขวัญนัก ดาบกระดาษนับไม่ถ้วนครอบครองทั้งอวกาศ เสียงแผดร้องตอนนี้คล้ายจะแฝงอานุภาพยิ่งใหญ่เอาไว้ มันกำลังจะเข้าใกล้ชงอี้จื่อแล้ว
และในตอนนี้เอง สายตาของชงอี้จื่อก็ฉายประกายแสงแรงกล้าออกมา ขณะที่สองมือผนึกมุทรา ดารานิรันดร์ด้านหลังก็ระเบิดลั่นในพริบตา ราวกับหัวใจดวงใหญ่ดวงหนึ่ง ทำให้ทุกคนรู้สึกใจเต้นหนักหน่วง ขณะที่ทุกคนใจสั่นไหว ดาบกระดาษนับไม่ถ้วนรอบๆ ที่เข้ามาถึงแล้วก็ถูกมันโจมตีทันที ดาบแถวแรกที่เข้าใกล้พลันแตกสลาย แล้วเปลี่ยนจากกระดาษกลับมาเป็นปกติ!
กลายเป็นอักขระวงแหวนอีกครั้ง เพียงแต่เพราะว่าก่อนหน้านี้มันพังทลายภายใต้สภาวะกระดาษ ถึงแม้ตอนนี้จะกลับมาเป็นปกติ แต่ก็เสียพลังไปแล้ว!
ดวงตาของหวังเป่าเล่อหดเกร็งอย่างรวดเร็ว เขาสะกดกลั้นแรงสะท้อนกลับที่โหมซัดอยู่ในร่าง แสงในดวงตาแรงกล้าฉับพลัน เขายกมือขวาขึ้นมากดลงไปอีกครั้ง ทันใดนั้นแสงของแผนที่ดวงดาวด้านหลังของเขาก็เจิดจ้าขึ้นอีกรอบ ดาบกระดาษจำนวนมหาศาลกลุ่มที่สองและกลุ่มที่สามพุ่งไปหาชงอี้จื่อด้วยความเร็วและอานุภาพที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
ถึงแม้จะเป็นดารานิรันดร์อย่างชงอี้จื่อก็ยังใจสั่นรุนแรง เขาทำลายดาบกระดาษแต่ละกลุ่ม แต่ดาบกระดาษที่นี่มีมากเกินไปจริงๆ ทั้งยังใส่พลังของดารานิรันดร์เพิ่มไปด้วย จึงยิ่งร้ายกาจหาใดเปรียบ ทำให้ในที่สุดก็มีดาบกระดาษจำนวนไม่น้อยพุ่งเข้ามาใกล้ในช่วงที่ชงอี้จื่อใจสั่นสะเทือนได้!
“หวังเป่าเล่อ!!” ดวงตาของซงอี้จื่อแดงก่ำขึ้นมาในตอนนี้เอง เขาไม่สนใจการคุยโวและการทำท่าทางเหมือนก่อนหน้าอีก แต่ละครั้งความแข็งแกร่งของหวังเป่าเล่อทำให้เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างแรงกล้า โดยเฉพาะกระบวนเวทแปลงกระดาษ นั่นยิ่งยุ่งยากเป็นที่สุด
ดังนั้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของวิกฤตนี้ ชงอี้จื่อก็พลันคำรามลั่น ร่างกายถอยร่นพร้อมยกมือขวาขึ้น ในดวงตามีความบ้าคลั่งส่องวาบ เขายกมือขวา ตัดผ่านความว่างเปล่าไปยังดารานิรันดร์ด้านหลังตน แล้วคว้าจับเอาไว้!
“เก้าเต๋า นิรันดร์เปลี่ยน!” ขณะร้องคำราม ดารานิรันดร์ด้านหลังของชงอี้จื่อก็บิดเบี้ยวอยู่ภายใต้การคว้าจับของเขาทันที ดูจากตาเปล่าก็จะเห็นว่ามันเปลี่ยนรูปทรงอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าตอนนี้มือขวาของชงอี้จื่อได้กลายเป็นหลุมดำจริงๆ ก่อนดูดกลืนดารานิรันดร์เข้ามาหาโดยตรง!
ภาพนี้พูดแล้วยาว แต่ความจริงล้วนเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา ขณะที่ชงอี้จื่อร้องคำราม ดารานิรันดร์ของเขาพลันบิดเบี้ยว พร้อมกับเข้ามารวมตัวกันบนมือขวาของชงอี้จื่อโดยตรง เพียงชั่วพริบตา…มันก็กลายเป็นขวานศึกสีแดงชาด!
ขวานศึกด้ามนี้เมื่อเทียบกับหอกยาวสีทองที่เขาใช้ในตอนแรก ไม่ว่าจะเป็นด้านพลานุภาพหรือกลิ่นอายก็ล้วนเหนือกว่า ยิ่งในพริบตาที่ถูกชงอี้จื่อจับเอาไว้ก็คล้ายกับจับเอาดารานิรันดร์มาไว้ในมือ ดวงตาของเขาสาดประกายบ้าคลั่งออกมา แล้วพุ่งตรงไปยังดาบกระดาษนับไม่ถ้วนที่เข้ามาใกล้ตรงหน้า ก่อนจะ…ขว้างขวานลงมาอย่างแรง!
ขวานนี้รวบรวมดารานิรันดร์ทั้งดวง พลังฝึกปรือทั้งมวล และพลังต่อสู้ทั้งหมดของเขาเอาไว้ จึงเหมือนกับว่าทั้งหมดของเขาถูกบีบอัดจนเหลือเพียงจุดเดียว เมื่อมันพุ่งออกมาตอนนี้ก็ราวกับก้อนหินสั่นสะเทือนสวรรค์ ทำให้อวกาศแตกร้าว ส่งเสียงกึกก้องดังไปทั่ว ราวกับมีคลื่นยักษ์แยกฟ้า มีเทพมารต้องการจะฉีกทำลายทุกสิ่งอย่าง!
ถึงขั้นที่หากดูจากพลานุภาพแล้ว มันไม่ด้อยไปกว่าอานุภาพทหารอาฆาตที่หวังเป่าเล่อใช้ออกมาก่อนหน้านั้นเลย ชั่วขณะที่มันร่วงตกลงมา ดาบกระดาษทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้าก็สั่นสะเทือนกะทันหันแล้วแตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกัน ก่อนกลายเป็นควันเถ้าสลายหายไปราวกับกวาดใบไม้แห้ง!
ไม่เพียงแค่ด้านหน้าเท่านั้น ยังมีรอบตัวของเขาด้วย ดาบกระดาษในทุกทิศทางคล้ายจะทนรับไม่ไหว ชั่วขณะที่ขวานศึกตกลงมา แต่ละชั้นก็พังทลาย ทำให้อวกาศสั่นสะเทือนและบิดเบี้ยวรุนแรงยิ่งกว่าเดิม จนกระทั่งดาบกระดาษทั้งหมดพังทลายลงแล้ว สีหน้าของหวังเป่าเล่อก็ซีดขาว จ้องเขม็งไปยังชงอี้จื่อ โดยเฉพาะขวานศึกด้ามนั้นในมือ!
ขวานศึกที่รวมตัวขึ้นจากดารานิรันดร์ของตัวเขา เห็นได้ชัดว่ากระบวนวิชานี้เป็นกระบวนเวทขั้นสูงของชงอี้จื่อ ทำให้ร่างกายของเขากำลังสั่นไหว แต่ต่อสู้มาจนถึงบัดนี้ เขาไม่อาจถอยกลับได้แล้ว จำเป็นต้องสู้ต่อ ทั้งต้องตัดหัวหวังเป่าเล่อให้ได้ ครั้งสุดท้าย…ต้องทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส!
ไม่อย่างนั้นล่ะก็ หากดารานิรันดร์ชั้นปลายพ่ายแพ้ให้กับดารานิรันดร์ชั้นต้น ถึงแม้ระหว่างทั้งคู่ คนหนึ่งจะเป็นระดับพิภพ อีกคนเป็นระดับเต๋า แต่ในฐานะที่เป็นเซียนเต๋าของเต๋าเก้ารัฐ เขาก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี มันจะต้องทิ้งปมในใจแล้วกระทบไปถึงการทะลวงระดับของเขาแน่!
ดังนั้นเมื่อขวานแรกตกลงไปแล้วทำลายดาบกระดาษในอวกาศแล้ว เส้นเลือดในแววตาของชงอี้จื่อก็ยิ่งมีมากกว่าเดิม เขากระโจนขึ้นอย่างคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิมแล้วยกขวานศึกในมือขึ้นฟันไปยังหวังเป่าเล่อเป็นขวานที่สอง!
ความเร็วสูงมาก ไม่ปล่อยโอกาสให้หวังเป่าเล่อโจมตีกลับใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อขวานที่สองตกลงมากะทันหัน ท้องฟ้าก็ฉีกขาด ร่างแยกกึ่งดาวเคราะห์เต๋ารอบตัวหวังเป่าเล่อล้วนสั่นสะท้านกันหมด ประคองต่อไปไม่ได้นาน เมื่อไม่อาจรักษาร่างแยกไว้ได้ พวกมันจึงกลายเป็นกึ่งดาวเคราะห์เต๋าอีกครั้งแล้วถอยหลังไปพร้อมกัน ก่อนจะผสานเข้าไปในร่างแท้ของหวังเป่าเล่อ
ส่วนร่างแท้ของเขา ตอนนี้ต้องแบกรับพลังของขวานศึกไปเสียครึ่งหนึ่ง ขณะที่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว มุมปากก็มีเลือดไหลออกมา เขาถอยอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งถอยหลังไปได้หลายพันจั้งจึงหยุดลง ร่างกายและอวัยวะภายในคล้ายจะฉีกขาดให้ได้ แผนที่ดวงดาวด้านหลังยิ่งสั่นไหว แต่แทนที่สีหน้าจะย่ำแย่ หวังเป่าเล่อกลับเผยความตื่นเต้นออกมาเสียอย่างนั้น!
“ชงอี้จื่อ แบบนี้สิถึงค่อยดูมีอะไรหน่อย คุ้มให้ข้าใช้พลังต่อสู้สี่ส่วนแล้ว!”
“หวังเป่าเล่อ เจ้าเงียบปาก จนถึงตอนนี้เจ้ายังทำเป็นเล่นอยู่อีกหรือ คุยโวแบบแม่เจ้าใครจะทำไม่ได้บ้าง ดูข้านี่ ไม่ต้องใช้พลังฝึกปรือเลย แค่ขวานลอยไปก็ฟันเจ้าได้แล้ว!” ในใจของชงอี้จื่อทนไม่ไหวแล้วจึงโพล่งออกมา และในตอนนี้เองกลิ่นอายทั่วร่างของเขาก็ระเบิดออก ทันทีที่เปล่งเสียง…เขาก็เหมือนกับบอลลูนที่มีลมรั่ว มือยกขวานขึ้น หยุดเล็กน้อย จากนั้นประกายแสงก็อ่อนลงทีละนิด
เมื่อหวังเป่าเล่อมองเห็นเช่นนี้ ประกายแสงในดวงตาก็ส่องวาบ ฉวยโอกาสโคจรพลังฝึกปรือ พร้อมกับที่มีเงาร่างขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้ากะทันหัน เงาร่างนี้มีอานุภาพพลังมหาศาล ในมือถือเปลวเพลิง นั่นก็คือ…เงาร่างในอดีตชาติของเขา เผ่าเทพอัคคี
เงาร่างสูงใหญ่ของเผ่าเทพอัคคีพุ่งตรงไปยังชงอี้จื่อในพริบตาที่เขาปรากฏตัว ส่วนตอนนี้ชงอี้จื่อก็สะกดกลั้นแรงสะท้อนกลับของร่างกายตนเอาไว้ หน้าผากผุดเหงื่อชุ่ม เขากระตุ้นพลังที่เหลือในร่างของตนฟันขวานที่สามไปทางหวังเป่าเล่อ!
พริบตาเดียว ขวานที่สามก็ปะทะเข้ากับเผ่าเทพอัคคีของหวังเป่าเล่อ เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ขวานศึกสั่นไหว เงาร่างเผ่าเทพอัคคีถูกฉีกกระชากโดยพลัน ความเกลียดชังมหาศาลระเบิดออกมาอย่างกะทันหันจากภายในนั้น มันคือเงาร่างอดีตชาติอีกร่างหนึ่งของหวังเป่าเล่อ เขาโจมตีขวานโดยไม่หยุดชะงักเลยสักนิด
ขวานศึกสั่นสะเทือนอีกครั้ง ชงอี้จื่อกระอักเลือดออกมา แต่ภายใต้การระเบิดอย่างบ้าคลั่งนี้ เงาร่างอดีตชาติร่างที่สองของหวังเป่าเล่อก็ฉีกเป็นชิ้นๆ เช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้ชงอี้จื่อคิดไม่ถึงก็คือ ภายในเงาร่างอดีตชาติร่างที่สองนี้ กลับยังมีเงาร่างอดีตชาติร่างที่สาม!
นั่นก็คือ…กวางขาวน้อย!
พริบตาที่มันปรากฏตัวขึ้น กวางขาวน้อยก็พุ่งหัวไปชนกับขวานศึกของชงอี้จื่ออย่างแรงในทันที!
พริบตาเดียวก็ปะทะเข้ากับขวานศึก!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป เงาร่างอดีตชาติของหวังเป่าเล่อปรากฏขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ในใจของชงอี้จื่อสั่นสะท้าน โดยเฉพาะเมื่อกวางขาวน้อยพุ่งเข้ามาปะทะ ถึงขั้นทำให้เขาเกิดความรู้สึกว่าไม่อาจต้านทานได้ ส่วนขวานศึกของเขา ในที่สุดตอนนี้ก็มาถึงขีดสุดของมันแล้ว ดังนั้นเมื่อเสียงอึกทึกเลื่อนลั่นไปทั่วด้าน ขวานศึกกับกวางขาวน้อย…ก็พังทลายไปด้วยกัน กระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศ!
ส่วนชงอี้จื่อก็กรีดร้องออกมา ขณะที่กระอักเลือด พลังฝึกปรือและกลิ่นอายในร่างพลันลดลง ร่างกายราวกับว่าวสายขาด พลังโจมตีจากทุกสารทิศม้วนขึ้นมาแล้วโยนตัวเขาไปยังที่ไกลๆ แต่ถึงแม้เขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่หลังจากกรีดร้องลั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้แล้ว เขากลับยกยิ้มออกมา
“หวังเป่าเล่อ ข้ารู้ว่าเคล็ดวิชาลับของกลุ่มเพลิงอัคคีของเจ้าเป็นคำสาปที่ต้องใช้พลังชีวิตแลกเปลี่ยน แต่เต๋าเก้ารัฐของข้า…ก็สาปเก่งพอกัน วันนี้ดูท่าแล้ว เจ้ากล้าเดิมพันด้วยชีวิตหรือไม่ ข้าบาดเจ็บแลกกับเจ้าบาดเจ็บ เก้าเต๋า…สาปร่วมชะตา!!”
………………………