หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1123 กลับ!
ขณะที่ศึกระหว่างเฉินชิงจื่อและจักรพรรดิสวรรค์เดือนแยกดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุด และดึงดูดความสนใจจากทั่วทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น หวังเป่าเล่อก็กลับมาถึงชายแดนของดาราจักรไฟโดยมีเซี่ยไห่หยางและเฉินหานติดตามมาด้วย
การเดินทางราบรื่นมาก ไม่ได้พบอันตรายใดๆ ขณะเดียวกันหวังเป่าเล่อก็ได้รู้เรื่องภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นผ่านทางเซี่ยไห่หยางและเฉินหานมาไม่น้อย
เขารู้ว่าปรมาจารย์แห่งไฟอาจารย์ของตนไปยังเต๋าเก้ารัฐ และต่อสู้กับผู้อาวุโสทั้งสี่ของเต๋าเก้ารัฐก็เพราะตน ขณะที่อาจารย์ไปขอคำอธิบายจากทางนั้นก็ได้ช่วยกำจัดข้อพิพาทที่ตามมาให้กับตนด้วย
เรื่องนี้ทำให้หวังเป่าเล่อซาบซึ้งมาก เขายอมรับอาจารย์ผู้นี้โดยสมบูรณ์จากก้นบึ้งของหัวใจเลยทีเดียว
แล้วยังมีเรื่องศึกระหว่างเฉินชิงจื่อและเดือนแยกที่คล้ายจะมาถึงตอนจบซึ่งหวังเป่าเล่อก็รู้เรื่องแล้ว ขณะที่มีความคิดมากมายเกิดขึ้นในหัวใจ เฉินหานก็บอกลากับหวังเป่าเล่อที่ชายขอบของดาราจักรไฟ
เฉินหานไม่อยากจากไปสุดหัวใจ แต่ระหว่างทางสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณของเขาได้ออกคำสั่งสำนักหลายฉบับมาให้อย่างต่อเนื่อง บอกให้เขารีบกลับไปทันที ดังนั้นหลังจากที่หวังเป่าเล่อมาถึงพรมแดนของดาราจักรไฟแล้ว เฉินหานจึงกอดขาหวังเป่าเล่อเอาไว้แน่น สีหน้ามีแต่ความไม่ยินยอม พร้อมตะโกนเสียงดัง
“ท่านพ่อ ข้าจำเป็นต้องกลับสำนัก ช่วงที่ข้าไม่อยู่ข้างกายท่าน ท่านพ่อต้องรักษาตัวให้ดีนะขอรับ ห้ามลืมข้าเด็ดขาด ยังมีเซี่ยไห่หยางผู้นี้ แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี ท่านพ่อต้องระมัดระวังนะขอรับ!”
“แล้วก็ ต่อไปถ้าท่านพ่อเจอท่านตาข้า ให้ทักทายเขาแทนข้าด้วย เมื่อพลังฝึกตนของข้าแข็งแกร่งขึ้นอีกหน่อยแล้วจะไปเป็นองครักษ์เต๋าให้ท่านและรักษาความสงบให้ท่านตาด้วยตัวเองขอรับ!” เมื่อเฉินหานเอ่ยจบ เขาก็ไม่หันไปมองหน้าดำมืดของเซี่ยไห่หยาง แต่ถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนคุกเข่าโขกหัวคำนับเต็มพิธีการให้กับหวังเป่าเล่อ จากนั้นจึงค่อยๆ จากไปไกลด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์ท่ามกลางสายตารักใคร่ของหวังเป่าเล่อ
“อาจารย์อา เฉินหานผู้นี้มีจิตใจไม่ซื่อ เจ้าเล่ห์หลายเหลี่ยม เป็นถึงมหาศิษย์แต่กลับไม่สนใจหน้าตาของตนเช่นนี้…คนแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เคารพรักอาจารย์อาดุจฟ้าดินและเห็นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดจริงๆ ก็คง…เป็นคนร้ายกาจที่ต่อหน้าบอกรักลับหลังเอามีดแทงนะขอรับ!” เมื่อเซี่ยไห่หยางเห็นเฉินหานจากไป ในใจก็แค่นเสียงออกมาแล้วเอ่ยเสียงเบากับหวังเป่าเล่อ
เขารู้ว่าเฉินหานมองเขาอย่างขัดหูขัดตา เช่นเดียวกัน เขาก็ขัดหูขัดตาเฉินหานด้วย ที่ก้นบึ้งจิตใจของเซี่ยไห่หยาง คนที่เป็นภัยคุกคามต่อสถานะในใจอาจารย์อาของเขาล้วนแต่เป็นศัตรูทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อศึกระหว่างเฉินชิงจื่อและจักรพรรดิสวรรค์เดือนแยกใกล้จะจบลง มันทำให้เซี่ยไห่หยางเอาใจใส่หวังเป่าเล่ออย่างยิ่ง!
หวังเป่าเล่อกระแอมไอ มองไปยังทิศที่เฉินหานจากไป เขาก็ทอดถอนใจเช่นกัน สำหรับลูกชายที่ได้มาอย่างง่ายดายเช่นนี้ ในช่วงนี้เขารู้สึกคุ้นเคยด้วยแล้ว ตอนนี้เมื่ออีกฝ่ายจากไป จึงไม่มีใครมาเรียกขานเขาว่าท่านพ่ออีก ดังนั้นจึงรู้สึกปรับตัวไม่ค่อยได้เล็กน้อย
“เมื่อลูกเติบใหญ่ สุดท้ายก็จะบินจากไปเอง” หวังเป่าเล่อทอดถอนใจพลางลูบคางที่ไร้เครา แล้วหันไปมองเซี่ยไห่หยาง เอ่ยบางอย่างปลอบใจเขา ก่อนจะก้าวอาดๆ พาทุกคนเข้าไปยังดาราจักรไฟ
อุณหภูมิร้อนระอุแผ่กระจายและอวกาศที่คุ้นเคย ทั้งหมดนี้ทำให้หวังเป่าเล่อมึนงงเล็กน้อย เห็นอยู่ชัดๆ ว่าตั้งแต่จากไปจนกระทั่งกลับมาไม่ได้ใช้เวลานานนัก แต่ในความรู้สึกของเขากลับคล้ายว่าวันเวลาผ่านไปไม่รู้จบ
ก่อนที่จะจากไป เขาเป็นดาวพระเคราะห์ เมื่อกลับมา ก็กลายเป็นดารานิรันดร์แล้ว!
ก่อนจากไป เขายังมึนๆ งงๆ เรื่องจักรพิภพไม่รู้สิ้น เมื่อกลับมา เขากลับเข้าใจจักรพิภพไม่รู้สิ้นอย่างถ่องแท้
ก่อนจากไป เขาคิดว่าตัวเขาก็คือตัวเขา เมื่อกลับมา เขากลับระลึกอดีตชาติทั้งหมดได้และรู้ที่มาที่ไปของตนเอง
กล่าวได้ว่าการเดินทางครั้งนี้ได้ส่งอิทธิพลและมีความหมายต่อหวังเป่าเล่อมากมายเหลือเกิน จนทำให้ตอนนี้เขาตกอยู่ในความมึนงง กระทั่งมาถึงดาวเอกเพลิง หลังจากมองเห็นเทพวัวจากที่ไกลๆ เขาก็ฟื้นสติคืนมาอย่างช้าๆ ก่อนประสานหมัดคำนับ
“คารวะผู้อาวุโสเหยียนหลิง!”
เทพวัวพ่นลมออกจากปาก ค่อยๆ พยักหน้า สายตากวาดมองหวังเป่าเล่อ ก่อนส่งเสียงหัวเราะออกมา
“เปลี่ยนไปมาก กลับมาแล้วก็ดี”
หวังเป่าเล่อคลี่ยิ้ม กำลังจะกล่าวบางอย่าง แต่เงาร่างร่างหนึ่งก็แล่นมาหาจากภายในดาวเอกเพลิงอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้เข้ามาใกล้ ก็มีเสียงดังมาก่อนแล้ว
“เจ้าสิบหกน้อย เจ้ากลับมาได้สักที ศิษย์พี่คิดถึงจะตายแล้ว” ผู้พูดก็คือศิษย์พี่ลำดับสิบห้าหน้าตาเหมือนถั่วงอกผู้นั้นของหวังเป่าเล่อ
“คารวะศิษย์พี่สิบห้า!” หวังเป่าเล่อก็ยิ้มออกมาเช่นกัน ขณะเดียวกันก็กวาดตามอง เขาเห็นว่าด้านหลังของศิษย์พี่สิบห้ายังมีศิษย์พี่คนอื่นๆ อยู่ด้วย
ถึงแม้ศิษย์พี่หญิงใหญ่จะไม่ได้มา แต่ในรอยยิ้มของศิษย์พี่ที่มาเหล่านี้ล้วนมีความห่วงใยดังเดิม ทำให้ภายในใจของหวังเป่าเล่อมีความอบอุ่นแพร่กระจาย ไม่นานก็หลอมรวมเข้าไปในกลุ่มอย่างรวดเร็วแล้วเข้าไปยังดาราจักรไฟ พูดคุยหัวเราะกับเหล่าศิษย์พี่ไปตลอดทาง
หลังจากคุยเรื่องอดีตพักหนึ่งแล้ว หวังเป่าเล่อก็น้อมส่งศิษย์พี่ที่มารับเขา จากนั้นจึงไปคารวะศิษย์พี่หญิงใหญ่ ในถ้ำที่พักของศิษย์พี่ใหญ่นั้น สีหน้าของหวังเป่าเล่อเคารพนอบน้อม ใบหน้าของศิษย์พี่ใหญ่ก็มีรอยยิ้มประดับอยู่ เอ่ยชี้แนะการฝึกตนระดับดารานิรันดร์เล็กน้อย จากนั้นหวังเป่าเล่อก็เอ่ยขอตัว แล้วไปหา…ศิษย์พี่รอง
แต่น่าเสียดาย ศิษย์พี่รองที่ฝึกฝนวิชาเต๋าเครื่องหอมคล้ายจะหลับอยู่ หวังเป่าเล่อรออยู่ด้านนอกถ้ำที่พักของเขาครู่หนึ่ง ครั้นไม่มีเสียงตอบรับ เขาก็คำนับแล้วจากมา สุดท้าย…ก็เข้าไปคารวะปรมาจารย์แห่งไฟ
ภายในตำหนักหลักของปรมาจารย์แห่งไฟ เมื่อเห็นปรมาจารย์แห่งไฟนั่งขัดสมาธิ นอกร่างคล้ายมีทะเลเพลิงพวยพุ่งอยู่ พลานุภาพของคนทั้งคนราวกับจะปกคลุมทั่วทั้งจักรพิภพได้ หวังเป่าเล่อก็สูดลมหายใจลึก ยกชุดคลุมขึ้นแล้วคุกเข่าคำนับ
“ศิษย์คารวะท่านอาจารย์!”
ขณะที่หวังเป่าเล่อกล่าว ปรมาจารย์แห่งไฟที่นั่งขัดสมาธิอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาช้าๆ พริบตาที่ดวงตาของเขาปิดและเปิดขึ้นมา ทั่วทั้งดาราจักรไฟก็สะเทือนกึกก้อง ราวกับดวงจิตเทพเปิดดวงตา!
“โชคชะตามีความรู้สึก ดาวเคราะห์เต๋าเลื่อนเป็นนิรันดร์ ไม่เลว เป่าเล่อ…เจ้าไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวัง ดีมาก!” เสียงนั้นดังสนั่นราวกับสายฟ้า ก้องกังวานไปทั่วทุกสารทิศและตกอยู่ในจิตใจของหวังเป่าเล่อ ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว อาการบาดเจ็บทางวิญญาณเทพที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้กับซงอี้จื่อหายเป็นปลิดทิ้งในพริบตา!
ขณะเดียวกับที่ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ก็มีเสียงแตกร้าวดังขึ้น ปราณสีม่วงจำนวนน้อยแผ่ซ่านออกมาทั่วร่างของเขา นี่คือร่องรอยคำสาปที่เหลืออยู่ของชงอี้จื่อ และตอนนี้ก็ได้สลายหายไปจนหมดสิ้นพร้อมกับเสียงของปรมาจารย์แห่งไฟแล้ว
ถ้าหากเขาไม่ลงมือ หวังเป่าเล่อก็สามารถฟื้นฟูได้ด้วยตนเอง แต่ก็ต้องเสียเวลานานสักหน่อย ทว่าตอนนี้เขาหายเป็นปลิดทิ้งในทันที ความรู้สึกแจ่มจัดชัดเจนแพร่กระจายไปทั่วร่าง ทำให้หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจลึกแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ขอบคุณท่านอาจารย์ขอรับ! อาจารย์…ทางด้านเต๋าเก้ารัฐ…”
“ไม่ต้องกังวล เต๋าเก้ารัฐไม่กล้ามาพัวพันอีกต่อไปแล้ว! เรื่องนี้เจ้าทำได้ไม่เลว ต่อไปเมื่อพบเจอคนที่ชอบมาแส่หาเรื่องเช่นนี้ให้ฟันมันทิ้งทันที กลุ่มอัคคีของข้าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยกลัวสิ่งใด คำสาปอยู่ในมืออาจารย์มาโดยตลอด ข้าจะดูซิว่าจักรพรรดิสวรรค์ระดับจักรวาลหน้าไหนกล้ามาฆ่าตัวตายไปพร้อมข้าบ้าง!” ปรมาจารย์แห่งไฟเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าเผยความหยิ่งยโสออกมา
ความรู้สึกมีที่พึ่งพาทำให้หัวใจของหวังเป่าเล่ออบอุ่นยิ่งนัก ดังนั้นเขาจึงยกมือขวาขึ้นโบกแล้วนำวิญญาณที่เหลืออยู่ของชงอี้จื่อออกมา
“อาจารย์ วิญญาณนี้…”
“นี่เป็นเรื่องเล็ก ตัวเจ้าจะจัดการอย่างไรก็ให้จัดการตามนั้นเถอะ” ปรมาจารย์แห่งไฟไม่ได้ให้ความสนใจ แต่หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว ดวงตาของเขาก็ฉายแววล้ำลึก ก่อนมองไปยังหวังเป่าเล่อ
“ได้ยินเรื่องของศิษย์พี่เฉินชิงจื่อของเจ้าหรือไม่ เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อ”
หวังเป่าเล่อเงียบงัน ความจริงหลังจากได้ยินเรื่องเกี่ยวกับศิษย์พี่ระหว่างทางกลับ ในใจก็มีความคิดอยู่แล้ว หลังจากครุ่นคิดดู หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าตอบ
“ศิษย์ตั้งใจจะไปสนามรบระหว่างศิษย์พี่กับจักรพรรดิสวรรค์เดือนแยกขอรับ”
“ไปดูศิษย์พี่ของเจ้าหรือ” ปรมาจารย์แห่งไฟเลิกคิ้ว
“ในเมื่อไปต้อนรับการออกมาของศิษย์พี่ ก็ต้องไปดูดซับการตระหนักรู้ที่นั่นด้วยขอรับ พยายามทำให้พลังฝึกปรือของตนก้าวหน้าอีกครั้งให้ได้!” หวังเป่าเล่อกล่าวเสียงเบา นี่คือความคิดที่แท้จริงของเขา
“เจ้าเพิ่งจะทะลวงระดับมา…รีบร้อนขนาดนี้เชียวหรือ” ปรมาจารย์แห่งไฟครุ่นคิดพักหนึ่งแล้วจึงเอ่ยเสียงต่ำ
“อาจารย์ ศิษย์เห็นเรื่องบางอย่างตอนที่ระลึกอดีตชาติ…จึงต้องการแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมให้เร็วที่สุดขอรับ!” หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจลึกแล้วเอ่ยเสียงเบา
ปรมาจารย์แห่งไฟเงียบงัน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถอนหายใจ
“สนามรบระหว่างเฉินชิงจื่อและจักรพรรดิสวรรค์เดือนแยกแปรปรวนเกินไป ถึงแม้ความเห็นของสายเลือดราชวงศ์ภายในตระกูลไม่รู้สิ้นจะยังไม่เป็นเอกฉันท์โดยสมบูรณ์ แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ไม่อาจปล่อยให้จักรพรรดิสวรรค์เดือนแยกแตกดับเช่นนั้นได้”
“หรือพูดให้ชัดเจนกว่านี้ก็คือ ไม่อาจให้แตกดับโดยที่ไม่ได้ทุ่มเทก่อนได้”
“ในตระกูลไม่รู้สิ้น มีคนต้องการให้เดือนแยกตาย และก็มีคนต้องการให้เดือนแยกรอด แต่ส่วนใหญ่นั้น…ต้องการให้เขากับเฉินชิงจื่อตายไปด้วยกัน”
“ขณะเดียวกัน สำนักแห่งความมืดที่ซ่อนตัวมานานหลายปีก็ไม่อาจนิ่งดูดาย จะต้องลงมือแน่นอน”
“ดังนั้น ถึงแม้ที่นั่นจะมีโอกาสยิ่งใหญ่สะเทือนสวรรค์อยู่ แต่ก็อันตรายและวุ่นวายนัก แม้ตระกูลและสำนักทุกแห่งจะเคยส่งมหาศิษย์ไปแล้ว แต่ผู้ที่ไป…ล้วนไม่ใช่ศิษย์คนสำคัญในสำนัก”
“ที่แห่งนั้น…มีโอกาสยิ่งใหญ่อยู่ และก็มีโอกาสถึงฆาตอย่างมาก เป่าเล่อ เจ้าคิดจะไปจริงๆ หรือ”
……………………