หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1128 สังหาร!
ผู้ฝึกตนวัยกลางคนที่ชื่อว่าลั่วจือผู้นี้รวดเร็วมากจนเหมือนกับสายฟ้าฟาด พริบตาเดียวก็กระโจนข้ามระฆังหมอกดำ กลายเป็นภาพเงาติดตาพุ่งเข้ามาหาหวังเป่าเล่อแล้ว ในขณะที่เขาพุ่งเข้ามา ดารานิรันดร์ชั้นกลางขั้นสูงสุดของเขาก็ระเบิดโพล่งออกมาทันที
ทั่วทั้งร่างคล้ายจะกลายเป็นดารานิรันดร์ ทั้งยังแผ่ปราณออกมาเป็นกลุ่มๆ ทำให้อวกาศโดยรอบบิดเบี้ยว ส่งเสียงดังสะเทือนไปทั่วทั้งแปดทิศ สองมือของเขาผนึกมุทราอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลายเป็นรอยประทับทับซ้อนกันรอยแล้วรอยเล่า ทำให้พลานุภาพของตัวเขาระเบิดออกมาอีกครั้ง เห็นได้รางๆ ว่าภายในดารานิรันดร์ที่อยู่ด้านหลังของเขามีเงามายาปรากฏขึ้น
นั่นคืออสูรยักษ์ราวกับกิ้งก่าตัวหนึ่ง มันเงยหน้าขึ้นฟ้าราวกับจะร้องคำรามคล้ายจะกลืนกินปราณฟ้าดิน พลานุภาพของมันราวกับสายรุ้งที่คล้ายจะกลืนกินอวกาศลงไปได้
สัตว์อสูรตนนี้คืออสูรฉันปราณ หนึ่งในสัตว์อสูรบรรพกาลที่แข็งแกร่ง ปัจจุบันได้หายสาบสูญไปแล้ว
ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์และรูปสลักประจำสำนักฉันปราณ ทุกๆ อย่างของสำนักนี้ล้วนมาจากสัตว์อสูรตนนี้!
สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาของสำนักฉันปราณจนถึงระดับที่ทำให้เงามายาของอสูรฉันปราณปรากฎขึ้นได้ ก็เห็นแล้วว่าพรสวรรค์ของผู้ฝึกตนวัยกลางคนผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย แม้จะไม่ใช่มหาศิษย์ระดับสูงสุดของสำนักฉันปราณ แต่ก็เป็นบุคคลสถานะระดับหนึ่ง
เมื่อกลิ่นอายระเบิดออกมาและสั่นสะเทือนไปทั่วอวกาศ เงาร่างของผู้ฝึกตนวัยกลางคนก็เสมือนเป็นดารานิรันดร์และเสมือนเป็นอสูรฉันปราณบรรพกาล เขาคำรามร้องสะเทือนขวัญทุกคนออกมา แล้วเข้าใกล้หวังเป่าเล่อที่หันกายจะกลับไปยังเทพวัว
ภาพนี้ดึงดูดความสนใจของสำนักและตระกูลที่อยู่รอบด้านแทบจะทั้งหมดทันที แต่ขณะที่ทุกคนกำลังจดจ่ออยู่นั้น พริบตาที่ผู้ฝึกตนวัยกลางคนเข้ามาใกล้หวังเป่าเล่อ หวังเป่าเล่อก็หยุดฝีเท้าไว้แล้วหันหน้ากลับมาพร้อมประกายแสงเย็นเยียบส่องวาบในตา ก่อนยกมือขวาชี้ไป
“อึดใจแรก!”
เมื่อเอ่ยออกมา ด้านหลังของหวังเป่าเล่อพลันเกิดเสียงดังสนั่น ดวงตามหึมาดวงหนึ่งปรากฏขึ้นกะทันหันด้วยอานุภาพสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน สั่นสะท้านไปทั้งสี่ทิศ ดวงตาดวงนั้นเป็นสีดำ เดิมทีปิดตาอยู่ แต่เพียงอึดใจที่มันปรากฏขึ้นมาก็เบิกตาโพลงทันใด เผยให้เห็นนัยน์ตาที่แทบจะแปลกพิสดารอยู่ภายใน มันทอดมองไปยังร่างของผู้ฝึกตนวัยกลางคน
นี่ก็คือ…วิชาดวงเนตรปีศาจ!
ทันทีที่ใช้วิชานี้ออกมา พริบตาที่ดวงตาปิดและเปิด สายตาก็เปลี่ยนเป็นพันธนาการ มันสยบจิตใจของผู้ฝึกตนวัยกลางคนโดยพลัน ทำให้ร่างกายของคนผู้นี้สั่นสะท้าน สีหน้ายิ่งย่ำแย่ จิตใจกู่ร้องก้อง ในความรู้สึกของเขา สายตานี้ราวกับจะกลายเป็นของจริง มันควบรวมกับการแช่แข็ง ทำให้ในชั่วขณะนี้ วิญญาณเทพของตนราวกับถูกแช่เอาไว้
และทำให้ตอนนี้สมองของเขาตกอยู่ในความว่างเปล่าราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะ
“ไม่ดีแล้ว!” พริบตาที่สูญเสียสติ สีหน้าของผู้ฝึกตนวัยกลางคนก็เปลี่ยนไปโดยพลัน ไม่ทันได้คิดอะไรมาก ก็ใช้สติที่ยังเหลืออยู่ระเบิดพลังเทพของตนจนทำให้เงามายาอสูรฉันปราณที่อยู่ในดารานิรันดร์ด้านหลังตัวเขาระเบิดออกมาเองในพริบตา ขณะที่เกิดเสียงดังสนั่น มันก็ก่อตัวกันเป็นคลื่นซัดสาดรุนแรงพุ่งเข้ามาโจมตี ทำให้จิตใจที่สูญเสียสติสัมปชัญญะในชั่วพริบตาฟื้นตัวกลับมา
คนผู้นี้จะฟื้นสติได้หรือไม่ หวังเป่าเล่อไม่สนใจ และไม่ได้สังเกตดูด้วย แต่หลังจากที่เปิดใช้วิชาดวงเนตรปีศาจแล้ว แววตาของเขาก็มีประกายความเยือกเย็น จากนั้นก็ชี้นิ้วลงไปอีกครั้ง
“อึดใจที่สอง!”
เมื่อนิ้วชี้ลงไป ดวงดาวเต๋านิรันดร์ด้านหลังของหวังเป่าเล่อก็เปลี่ยนแปลงกะทันหัน ยิ่งกว่านั้นคือมีกึ่งดาวเคราะห์เต๋าทั้งเก้าดวงปรากฏขึ้น รวมถึงดวงดาราพิเศษนับหมื่นล้วนส่งเสียงดังสนั่นสะเทือนขวัญปรากฏออกมา เมื่อมันระเบิดพร้อมกัน กฎเกณฑ์ไร้รูปนับไม่ถ้วนก็กลายเป็นเส้นใยราวกับจับต้องได้ แล้วไปปรากฏอยู่ข้างกายผู้ฝึกตนวัยกลางคนทันที ก่อนจะสยบร่างของเขาเอาไว้โดยพลัน!
วิชาดวงเนตรปีศาจสะเทือนจิตใจสยบวิญญาณ กฎเกณฑ์หมื่นดารากลายเป็นเส้นใยสยบกายเนื้อ!
ตอนนี้ได้สยบไว้ทั้งสองด้านแล้ว ผู้ฝึกตนวัยกลางคนไม่อาจต่อต้านได้เลย ถึงแม้จิตใจจะฝืนฟื้นฟูขึ้นมาได้ แต่กายเนื้อยังถูกพันธนาการสยบไว้อยู่ ภาพนี้ทำให้ดวงตาของสำนักและตระกูลที่อยู่รอบๆ หดเกร็ง ชายชราด้านนอกระฆังหมอกดำก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
ไม่แปลกที่ตอนนี้เขาจะตกใจ ความจริงแล้วจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นใหญ่มากนัก ยังนับว่าพอรู้เรื่องราวในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายหรือจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้สิ้นอยู่บ้าง แม้ข่าวจะล่าช้าไปหน่อยก็ตาม แต่ตอนนี้ขณะที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปและกายเนื้อของผู้ฝึกตนวัยกลางคนถูกกฎเกณฑ์นับหมื่นเข้ามาพัวพัน นิ้วมือของหวังเป่าเล่อก็ชี้ลงไปเป็นครั้งที่สาม!
“อึดใจที่สาม!”
เมื่อเอ่ยออกมาพร้อมชี้นิ้วลง ดวงดาราพิเศษนับหมื่นในแผนที่ดวงดาวด้านหลังของหวังเป่าเล่อก็เรียงตัวกันในพริบตาโดยมีดาวเต๋านิรันดร์เป็นใจกลาง มีกึ่งเต๋าเก้าดวงรองลงมา พริบตาก็รวมตัวกันกลายเป็นรูปลักษณ์ของเทพวัว เทพวัวตัวนี้เงยหน้าขึ้นทันใดแล้วส่งเสียงคำรามสะเทือนขวัญผู้คนทั้งหมดออกมา จากนั้นก็เคลื่อนไหวฉับพลัน พุ่งเข้าไปอยู่เหนือร่างของหวังเป่าเล่อทันที
รวดเร็วเหนือล้ำ สั่นคลอนฟ้าดิน มองจากไกลๆ เทพวัวที่กลายมาจากแผนที่ดวงดาวนั้นไม่ได้แตกต่างจากตัวจริงนัก พลานุภาพยิ่งบรรลุไปถึงขีดสุดของดารานิรันดร์ เปลวไฟทั่วร่างพวยพุ่งราวกับสามารถเผาผลาญทุกสิ่งอย่างได้ มันพุ่งเข้าไป ใช้หัวจู่โจมผู้ฝึกตนวัยกลางคนทันที!
ภาพนี้ทำให้ผู้ที่มองเห็นทั้งหมดหน้าเปลี่ยนสีไปตามๆ กันอีกครั้ง สีหน้าของชายชราที่อยู่นอกระฆังหมอกดำยิ่งเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ตัวสั่นไหวคิดจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ทางฝั่งปรมาจารย์แห่งไฟกลับหัวเราะยาวออกมา มือขวาพลันยกขึ้นโบก
ทันใดนั้น พลังไร้รูปก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าชายชราที่แปลงมาจากระฆังหมอกดำโดยตรง มันก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์และตบลงไปที่ชายชรา ทั่วร่างของชายชราสั่นสะท้าน กระอักเลือดออกมาแล้วถอยหลังทันใด
การถอยหลังของเขาทำให้การช่วยเหลือไม่อาจดำเนินต่อไปได้ ดังนั้นในสายตาของทุกคนที่อยู่รอบด้านจึงมองเห็นเทพวัวที่แปลงมาจากแผนที่ดวงดาวของหวังเป่าเล่อได้อย่างชัดเจน ขณะที่เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นในตอนนี้เอง บนร่างของผู้ฝึกตนวัยกลางคนของสำนักฉันปราณที่มีนามว่าลั่วจือก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา
ร่างของผู้ฝึกตนวัยกลางคนไม่อาจมีแรงต่อต้านใดๆ ได้ ภายใต้การถูกสยบทั้งจิตใจและกายเนื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้ กายเนื้อของเขาก็ถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน วิญญาณยากจะหลีกหนีเคราะห์ตาย พริบตาเดียวก็ถูกเปลวไฟลบหายไปด้วย
ร่างวิญญาณถูกทำลายสิ้น!
สำนักและตระกูลรอบด้านตะลึงงัน ตอนนี้สายตาทั้งหมดล้วนรวมกันอยู่ที่ร่างของหวังเป่าเล่อพร้อมกัน ความจริงการลงมือของหวังเป่าเล่อสะอาดปราดเปรียวยิ่ง ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนสังหาร รวมสิ้นแล้วเป็นเวลาสามอึดใจเต็มๆ!
สามอึดใจ ด้วยพลังฝึกปรือระดับดารานิรันดร์ชั้นต้นก็สังหารดารานิรันดร์ชั้นกลางได้ เรื่องนี้ย่อมสั่นคลอนจิตใจของคนทุกผู้คน ถึงแม้ตระกูลและสำนักในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายจะเคยได้ยินเรื่องการต่อสู้ของหวังเป่าเล่อกับชงอี้จื่อ แต่ก็ยังตกใจเพราะภาพตรงหน้าอยู่ดี
ถึงอย่างไร…การได้เห็นกับตาตัวเองและการได้ยินมาก็ไม่เหมือนกัน และการเอาชนะชงอี้จื่อกับการสังหารดารานิรันดร์ชั้นกลางเพียงสามอึดใจก็ย่อมไม่เหมือนกันด้วย!
“เป็นศัตรูแกร่ง!”
“ดาวเคราะห์เต๋าหรือ…ข้าเหมือนจะเคยได้ยินว่าในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายมีผู้ที่เลื่อนขั้นดาวเคราะห์เต๋าคนหนึ่ง คล้ายจะชื่อว่า…หวังเป่าเล่อ”
“ดาวเคราะห์เต๋าดารารานิรันดร์…น่าสนใจ น่าสนใจ!”
ขณะเดียวกัน มหาศิษย์ของตระกูลและสำนักระดับสูงเหล่านั้นที่อยู่ตรงขอบเขตของอวกาศสีเทาต่างก็จดจ่อตั้งสมาธิแล้วจดจำเงาร่างของหวังเป่าเล่อเอาไว้ในใจอย่างล้ำลึก
ในบรรดาผู้คนเหล่านี้ มีคนที่ร่างกายแผ่กลิ่นอายของธาตุทั้งห้าอยู่ และมีคนที่ทั่วร่างสวมเกราะน่าสะพรึงอยู่ ยิ่งกว่านั้นก็คือผู้ฝึกตนที่มุกโลหิตและปราณโลหิตลอยอวดโอ่อยู่รอบกาย
และยังมีผู้ที่มีรูปร่างเดี๋ยวจริงเดี๋ยวมายายากจะแยกแยะชัดเจน ขณะเดียวกันก็มีผู้ฝึกตนคนหนึ่งคล้ายจะครอบครองรัศมีแบบจิตเทพอยู่ด้วย แค่คนนอกชำเลืองมองคราหนึ่งก็แสบตาแล้ว
สำนักและตระกูลที่อยู่รอบๆ มีมากยิ่งนัก มหาศิษย์แต่ละคนก็ยิ่งมีจำนวนไม่แน่ชัด แต่มองเห็นได้ชัดว่าผู้ใดก็ตามในที่นี้ที่ถูกเรียกว่ามหาศิษย์ได้ล้วนไม่ใช่ผู้อ่อนแอ ไม่มากก็น้อยย่อมมีพลังต่อสู้ที่เหนือล้ำ
แต่ตอนนี้เงาร่างของหวังเป่าเล่อนับว่าได้เข้ามาอยู่ในสายตาของพวกเขาอย่างแท้จริงโดยสมบูรณ์ ทำให้พวกเขาทุกคนรู้สึกหวาดกลัว
เพราะหวังเป่าเล่อเอาชนะได้อย่างง่ายดายเกินไป ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขามีเคล็ดวิชาลับมากมายแค่ไหนกันแน่
ท่ามกลางสายตาจดจ้องของทุกคน สีหน้าของหวังเป่าเล่อเป็นปกติ เขาหันไปมองอาจารย์ปรมาจารย์แห่งไฟของตนแล้วประสานหมัดคำนับ
“อาจารย์ ศิษย์ทำภารกิจสำเร็จลุล่วงขอรับ”
“ศิษย์ดี สังหารได้เยี่ยมยอด ปีนั้นศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเจ้าก็ถูกผู้เฒ่าสำนักฉันปราณหมารับใช้แห่งตระกูลไม่รู้สิ้น…ทำให้บาดเจ็บหนัก” สายตาของปรมาจารย์แห่งไฟเย็นเยือก กล่าวช้าๆ
หวังเป่าเล่อได้ยินแล้วก็เงยหน้า ดวงตาสาดประกายเย็นเย็ยบ เขารู้ดียิ่ง ที่บอกว่าบาดเจ็บหนัก น่าจะเป็น…ถูกสังหาร
ดังนั้นท่ามกลางความเงียบงัน หวังเป่าเล่อก็หันกายกลับอีกครั้งแล้วมองไปยังชายชรานอกระฆังหมอกดำที่มีสีหน้าย่ำแย่ ผู้ฝึกตนที่เหลืออยู่บนระฆังด้านหลังของเขาเขาล้วนมีสีหน้าซีดขาวและกรุ่นโกรธ หวังเป่าเล่อกวาดตามอง แล้วหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มผู้มีพลังฝึกตนระดับดารานิรันดร์อีกคน ก่อนยกมือชี้หน้า
“ข้าก็ไม่ชอบสายตาของเจ้าด้วย มานี่ สองอึดใจ ข้าจะสังหารเจ้า”
ชายหนุ่มที่ถูกหวังเป่าเล่อชี้หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่
“ผู้น้อย เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอกนะ!” ชายชรานอกระฆังหมอกดำตะโกนเกรี้ยวกราด
“อาจารย์ เจ้าเฒ่าผู้นี้ข่มขู่ข้า” หวังเป่าเล่อเลิกคิ้วพร้อมเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง ปรมาจารย์แห่งไฟกระแอมไอแล้วยกมือขวาขึ้นโบก ทันใดนั้นเสียงลมพายุก็ดังสนั่น ร่างของชายชราผู้นั้นล้มลงไปอีกครั้ง ตัวสั่นเทา ดวงตาแดงก่ำแล้ว
หวังเป่าเล่อไม่สนใจชายชราตาแดงผู้นั้น ในเมื่ออาจารย์ไม่กลัว อีกอย่างความแค้นก็จะได้ถูกปลดปล่อยออกมา เช่นนั้นตนก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวแล้ว อย่างมาก…แค่เข้าไปหาศิษย์พี่ก็แค่นั้น
ดังนั้นเขาจึงยกมือชี้ไปยังศิษย์สำนักฉันปราณบนระฆังหมอกดำ
“ไม่กล้าหรือ เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งหมดก็เข้ามาพร้อมกัน แบบนี้ข้าจะได้สังหารง่ายๆ หน่อย”
“เจ้า!!” ผู้ฝึกตนหลายสิบคนบนระฆังหมอกดำพากันลุกขึ้นยืน โทสะแผ่ซ่าน แต่ก็แค่มีโทสะเท่านั้น ทว่าไม่กล้าเข้าไป!
……………………………