หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1134 ของข้า!
ปลาสีดำตัวนี้ไม่ได้สังเกตเลยว่า ในกระเป๋าคลังเก็บของของหวังเป่าเล่อนั้น มีเจ้าลาน้อยที่ไม่รู้หลับใหลไปนานเท่าไร แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ตื่น แต่จมูกของมันกลับกระตุกตามสัญชาตญาณหนึ่งที ราวกับว่าได้กลิ่นบางอย่างที่ทำให้มันรู้สึกว่าอร่อยไร้ใดเปรียบ…
สำหรับสิ่งนี้ หวังเป่าเล่อยังไม่กระจ่างนัก เขาในตอนนี้กำลังหมกมุ่นอยู่กับความสุขที่ฝักกระบี่เจ้าชะตากลืนเส้นไหมแห่งเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นเหล่านั้น
เขามองดูฝักกระบี่เจ้าชะตาของตัวเองดูดซับเส้นไหมแห่งเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นที่เข้าสู่ร่างกายของตนอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นาน ก็ถึงเวลาที่ฝักกระบี่เจ้าชะตาระเบิด เสมือนเป็นการตอบสนอง มันปล่อยร่องรอยพลังงานที่สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับชั้นกายเนื้อของตนเองออกมาอีกครั้งและเข้าสู่ทั้งกาย
ความรู้สึกสดชื่นแบบนี้ทำให้หวังเป่าเล่อกระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่สังเกตเห็นว่าชั้นกายเนื้อของตัวเองแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
“ข้าเข้าใจแล้ว ฝักกระบี่เจ้าชะตาของข้า ต้องดูดซับกฎแตกกระจายก่อน จากนั้นจึงจะสามารถดูดซับเส้นไหมเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นได้ ในนี้อาจมีสัดส่วนอยู่… ยิ่งกลืนกฎแตกกระจายเข้าไปมากเท่าไร คาดว่าปริมาณเส้นไหมที่สามารถดูดซับได้ก็มากขึ้นเท่านั้น”
“มันสมบูรณ์แบบมากแล้ว แต่สิ่งเดียวที่เสียใจก็คือไอมรณะที่นี่…” หวังเป่าเล่อกะพริบตาและมองไปรอบๆ จากนั้นสลายเพลิงดำอย่างรุนแรง และสูบเต็มกำลัง
ทันใดนั้น ไอมรณะรอบด้านก็เดือดพล่านขึ้นมา ราวกับว่าหวังเป่าเล่อในตอนนี้ได้กลายเป็นหลุมดำเล็กๆ และกลืนไอมรณะจำนวนไม่น้อยรอบๆ เข้าไปในร่างกายในพริบตา หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจเส้นไหมเกือบ 200 เส้นที่ถูกดึงดูดมาจากการกลืนอย่างบ้าคลั่งเกินไป ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หนีไปอย่างไว หยุดหายใจ และระงับเพลิงดำ
ด้วยวิธีนี้ แม้จะถูกเส้นไหมเกือบ 200 เส้นนั้นไล่ตามอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่นานหวังเป่าเล่อก็สลัดมันทิ้งได้ และหลังจากที่ปลอดภัยโดยแล้ว หวังเป่าเล่อที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในจักรวาลสีเทานั้นไม่สามารถปกปิดสีหน้าภาคภูมิใจของตนได้เลย
“ถือว่าข้าฉลาด ข้ากินแล้วก็วิ่งหนี เจ้าจะทำอะไรข้าได้!” หวังเป่าเล่อหัวเราะฮ่าๆ ดวงตาเป็นประกาย และเริ่มมองหาวังวนต่อไป เพียงแต่พื้นที่ว่างเปล่าด้านหลังเขาได้ปรากฏร่างจำแลงของปลาสีดำตัวนั้นในตอนนี้ ความคับข้องใจในดวงตาเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง มันจับจ้องไปที่หวังเป่าเล่อราวกับกำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หากสามารถอ่านริมฝีปากของมันออก ตอนนี้จำต้องเป็นคำจำพวกหัวขโมย ไร้ยางอาย โจร อะไรทำนองนั้น
ในเวลาเดียวกัน… ภายในกระเป๋าคลังเก็บของหวังเป่าเล่อ เจ้าลาน้อยที่ยังคงหลับตาเงียบๆ มาจนถึงตอนนี้ จมูกของมันกระตุกบ่อยขึ้น…
ด้วยเหตุนี้ การเดินทางแห่งการเสาะหาจุดบ่มเพาะของหวังเป่าเล่อ ได้เริ่มขึ้นแล้ว
เขารวดเร็วมาก เดินทางไปยังวังวนแห่งแล้วแห่งเล่า โดยพื้นฐานหลังจากไปถึงเขาไม่ได้สนใจขนาดของวังวน ล้วนแต่พุ่งเข้าไปโดยตรง ปราบด้วยวิชาดวงเนตรปีศาจก่อน จากนั้นโจมตีด้วยเงาแห่งเทพวัว ฆ่าได้ฆ่า ฆ่าไม่ได้ก็ล้วนแต่ถูกขับไล่ออกไป น่าสะพรึงกลัวเสียจนไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า
แค่นี้ยังไม่พอ เมื่อหวังเป่าเล่อเห็นว่าคนที่ถูกตัวเองขับไล่ ยังไปวนเวียนอยู่รอบๆ ก็ออกไปไล่สังหาร ดังนั้นจึงมีเสียงดังมาอย่างต่อเนื่อง แต่วังวนทุกแห่งที่เขาเคยไปนั้น ล้วนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
จึงทำให้เขาสามารถดูดซับกฎแตกกระจายและเส้นไหมสีเขียวแห่งเต๋าสวรรค์ในวังวนได้อย่างรวดเร็ว และในขณะที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับชั้นกายเนื้อของตัวเองนั้น หวังเป่าเล่อก็ดูดซับไอมรณะเป็นครั้งคราว
ดังนั้น ในไม่ช้าภายในจักรวาลสีเทาแห่งนี้ หวังเป่าเล่อก็เป็นเหมือนปลาดุกตัวหนึ่ง เคลื่อนไหวตลอดเวลา ดูดซับอย่างไม่หยุดหย่อนและก่อความวุ่นวายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขอบเขตก็กระจายกว้างขึ้นเรื่อยๆ
แต่ท้ายที่สุดแล้วก็มีมหาศิษย์แห่งเต๋าบางส่วนที่หัวแข็งดื้อรั้น ต่อให้ถูกขับไล่ ก็ร่วมมือกันและกลับมา แม้พวกเขาจะไม่เคยเข้าไปใกล้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการเห็นว่าหวังเป่าเล่อดูดซับอย่างไรกันแน่ เพราะว่าวังวนที่เขาเคยครอบครอง ล้วนแต่จะหายไปหลังจากเขาจากไป
สำหรับคนเหล่านี้ หวังเป่าเล่อไม่มีอารมณ์ที่จะไปให้ความสนใจมากนัก จึงแสดงพลังแห่งดาวเคราะห์เต๋าออกมาโดยตรง หลังจากครอบครองวังวนก็ปิดล้อมทันที และปิดทุกอย่างเอาไว้
แม้ว่าหากต้องการที่จะปกปิดมันยิ่งกระจ่างชัด แต่ก็สามารถปิดกั้นแนวสายตาได้ โดยมากก็แค่ทำให้เกิดการคาดเดาต่างๆ นานา ด้วยเหตุนี้… หวังเป่าเล่อจึงไม่สนใจอีกต่อไป
“ข้างนอกมีท่านอาจารย์ที่อดทนกับคำสาปแช่งมานานหมื่นปี และข้างในยังมีศิษย์พี่ที่แม้แต่จักรพรรดิสวรรค์ก็ยังสังหารไม่ได้ ข้าจะกลัวใครอีก?”
“ที่นี่ ก็คือจุดบ่มเพาะที่ศิษย์พี่ของข้าเตรียมไว้ให้ข้าเป็นพิเศษ คนอื่นๆ ที่มาที่นี่ ล้วนถือว่ามาแย่งของข้า!” ในขณะที่หวังเป่าเล่อดูภาคภูมิใจและมั่นใจ ท่าทางดังกล่าว ก็ยิ่งทำให้เขาสูงส่งยิ่งขึ้น
สำหรับมหาศิษย์แห่งเต๋าที่ต่างสำนักต่างตระกูลเหล่านั้น แม้ว่าพวกเขาต่างโกรธและสงสัย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อยู่ที่นี่พวกเขาล้วนถูกไอมรณะกดขี่ ทำให้ยิ่งอ่อนแอลง ส่วนหวังเป่าเล่อที่เดิมทีก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว ก็ยังดูเหมือนถูกกดขี่ด้วย แต่ก็ดีกว่าพวกเขาอยู่มาก
สิ่งหนึ่งดับลงอีกสิ่งหนึ่งก็เกิดขึ้นมา ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวังเป่าเล่อ ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงหยิ่งผยองมากขึ้นในจักรวาลสีเทาแห่งนี้ ในเวลาเดียวกันนั้น พลังแห่งชั้นกายเนื้อของเขาก็แข็งแกร่งกว่าเดิมหลังจากที่ฝักกระบี่เจ้าชะตาดูดซับเส้นไหมสีเขียวแห่งเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้น ซึ่งได้ค่อยๆ พุ่งสูงขึ้นทะลุระดับฝึกฝน ทะลุดารานิรันดร์ชั้นกลางแล้ว
และในการดูดซับไอมรณะนั้นก็นำประโยชน์มากมายมาสู่หวังเป่าเล่อ แม้ระดับดวงจิตจะเท่าเดิม แต่วิญญาณเทพของเขากลับแข็งแกร่งกว่าเดิมและสูงกว่าผู้ที่อยู่ระดับเดียวกันไปมากทีเดียว
ด้วยโอกาสและวาสนานี้ ทำให้หวังเป่าเล่อตาร้อนตาไฟยิ่งขึ้นไปอีก ไม่นานวังวนขนาดเล็กเหล่านั้นก็ไม่เข้าตาเขาอีกต่อไป และเริ่มมองหาวังวนขนาดใหญ่
วังวนในจักรวาลสีเทานี้ ล้วนแปลงมาจากผู้เสียชีวิตที่เป็นกองกำลังในบังคับบัญชาของจักรพรรดิสวรรค์เดือนแยก และกองกำลังในบังคับบัญชาที่แข็งแกร่งที่สุด ก็คือราชันสวรรค์!
“ต้องดูดซับวังวนขนาดใหญ่ ขนาดใหญ่อร่อยกว่า!”
ขณะหวังเป่าเล่อกำลังตื่นเต้น ก็ไปยังส่วนลึกของจักรวาลสีเทาอย่างรวดเร็ว ตลอดระหว่างทาง วังวนขนาดเล็กไม่เข้าตาเขาเลย วังวนขนาดกลางเขาจึงจะชายตามองสักครั้งสองครั้ง และในขณะที่ทำการดูดซับ ก็มองหาวังวนขนาดใหญ่
ส่วนข้างหลังของเขานั้น ปลาสีดำยังคงแอบไล่ตามมา ประหนึ่งสะใภ้น้อยที่เจอกับขโมย ขณะรู้สึกคับข้องใจก็ไม่กล้าที่จะลงมือจริงๆ แต่จะให้เดินจากไป ก็ไม่เต็มใจ ดังนั้นจึงทำได้เพียงไล่ตามอยู่ข้างหลัง แล้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างต่อเนื่อง
และในทางด้านของเจ้าลาน้อย เห็นได้ชัดว่ามีการขยับจมูกเร็วกว่าเดิม แม้แต่ตาที่ปิดอยู่ก็เริ่มสั่นเล็กน้อย ราวกับพยายามตื่นขึ้นตามสัญชาตญาณ…
ด้วยเหตุนี้ ตามการล่วงผ่านของกาลเวลา ภายในจักรวาลสีเทาก็วุ่นวายมากขึ้นเรื่อยๆ จากการปรากฏตัวของหวังเป่าเล่อ ไอมรณะสูญหายไปมาก เส้นไหมสีเขียวแห่งเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นก็สูญสิ้นไปเร็วกว่าเดิม
ขณะไม่ทันสังเกต ตระกูลไม่รู้สิ้นที่อยู่ภายนอกก็ได้รับรู้แล้ว แต่เนื่องจากสูญสิ้นไปไม่มากนักเมื่อเทียบกับจำนวนทั้งหมด ดังนั้นถึงแม้จะสังเกตเห็นก็ไม่ได้ใส่ใจ
จนกระทั่ง… หลายชั่วยามต่อมา หวังเป่าเล่อซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในจักรวาลสีเทาที่เข้าถึงส่วนหวงห้ามด้านใน มองเห็นวังวนหนึ่ง… ทำให้ร่างกายของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ดวงตาเปล่งแสงจ้า!
ขนาดของวังวนนั้น ใหญ่กว่าวังวนก่อนหน้านี้ที่หวังเป่าเล่อเคยดูดซับทั้งหมดรวมกันด้วยซ้ำ และไม่สามารถมองเห็นระยะขอบด้วยตาเปล่า เพียงกวาดตา เขาก็ได้เห็นภายในวังวนนี้ มีผู้ฝึกตนอย่างน้อยสามสิบคนกำลังดูดซับความตระหนักรู้ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน
และภายใต้การแบกรับความตระหนักรู้ของผู้คนมากมายของวังวนนี้ ยังคงทรงพลังมีพลานุภาพเช่นเดิม จะเห็นได้ว่าสถานะและระดับดวงจิตของผู้ตกอับในสถานที่แห่งนี้มีความพิเศษอย่างยิ่ง!
“ต้องเป็นราชันสวรรค์ผู้เป็นกองกำลังในบังคับบัญชาของเดือนแยก และไม่ใช่ราชันสวรรค์ธรรมดาเสียด้วย!” หวังเป่าเล่อตื่นเต้นขึ้นมาทีเดียว ฝักกระบี่ในร่างกายต่างก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในเวลานี้ ราวกับแสดงความปรารถนา
หลังจากที่ฝักกระบี่นี้ได้ดูดซับเส้นไหมสีเขียวแห่งเต๋าสวรรค์และกฎแตกกระจายจำนวนมาก ตอนนี้มีด้ายเลือดกระจัดกระจายอยู่ทั่วร่างกาย เมื่อมองไปเหมือนว่าได้กลายเป็นสีแดงก่ำไปเสียส่วนใหญ่ รัศมีก็ได้ต่างไปจากเดิม ครั้นเจตนาฆ่าถูกปลดปล่อยออกมา จะต้องสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
“ของข้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของข้า!” หลังจากที่รับรู้ถึงความปรารถนาของฝักกระบี่เจ้าชะตาในร่างกายของตนเองแล้ว หวังเป่าเล่อเองก็เริ่มโหยหาเช่นกัน เขารู้สึกว่าผู้คนที่อยู่ในวังวนตอนนี้ ล้วนแต่เป็นโจรทั้งสิ้น!
“ไร้ยางอาย โจร หัวขโมย ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ศิษย์พี่ของข้าเก็บไว้ให้ข้า!” หวังเป่าเล่อตะโกนในใจและพุ่งออกไปอย่างบ้าคลั่ง ปลาสีดำที่แอบไล่ตามอยู่ข้างหลังเขานั้น ในเวลานี้ก็เริ่มสั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่ากำลังตะโกนคำว่าไร้ยางอาย โจร หัวขโมยอยู่เช่นกัน ในขณะเดียวกันก็เป็นกังวลมากด้วย จากนั้นก็หายตัวไป เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง… ก็อยู่ในเตาหลอมศูนย์กลางของจักรวาลสีเทา ข้างๆ เฉินชิงจื่อ
ทันทีที่ปรากฏตัว ปลาสีดำก็ส่งเสียงคำรามอันคับข้องใจ ราวกับกำลังฟ้องร้อง ในเวลาเดียวกันร่างกายของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นและเล็กลงอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าขณะร้องทุกข์นั้น ก็ได้บรรยายถึงขนาดของวังวนแต่ละแห่งที่หวังเป่าเล่อดูดซับด้วย…
เฉินชิงจื่อในเวลานี้ กำลังเตรียมจะหยัดกายขึ้น และเดินไปยังที่ที่จักรพรรดิสวรรค์เดือนแยกถูกทะเลแห่งความมืดปกคลุม การปรากฏตัวของปลาสีดำ ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากฟังไปครู่หนึ่ง เขาก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เห็นด้วย
“ศิษย์น้องคนนั้นของข้า ข้ารู้จักเขาดี วางใจเถอะ เรื่องแค่ไหนกันเชียว การดูดซับของเขามีจำกัด”
ปลาสีดำยังคงเปล่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง ขณะเศร้าสลดอย่างมากนั้น ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว คราวนี้ดูเหมือนว่าต้องการบรรยายถึงวังวนขนาดมหึมาที่หวังเป่าเล่อไปในตอนนี้
เฉินชิงจื่อถอนหายใจและแอบพึมพำว่าเต๋าสวรรค์น้อยแห่งสำนักแห่งความมืดนี้ขี้เหนียวเกินไปแล้ว ก็แค่กลืนร่องรอยพลังงานไปเพียงเล็กน้อยไม่ใช่หรอกหรือ เรื่องแค่ไหนกันเชียว ดังนั้นจึงไม่ได้รออีกฝ่ายขยายตัวไปตามเรื่องราวจนจบ ก็ตรงไปยังผนึกกด และส่งเสียงพูดในเวลาเดียวกัน
“เอาล่ะๆ ข้าไปเพิ่มผนึกกดให้กับเดือนแยกก่อน ออกมาแล้วจะบอกให้เขาหยุด พอใจหรือไม่”
ปลาสีดำที่มีขนาดร่างกายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มองไปยังพื้นที่หมอกที่เดือนแยกอยู่อย่างคับข้องใจ และมองไปยังทิศทางที่หวังเป่าเล่ออยู่อย่างโกรธเกรี้ยว พร้อมกับเปล่งเสียงคำราม คล้ายกับกำลังก่นด่าคน…
…………………………………………….