หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1136 เสวียนหัวผู้นิ่งสงบ!
“แต่… ช้าก่อน!” เจ้าเต่ายักษ์สูดหายใจเข้า มองดูสีเขียวรอบๆ กาย ก่อนจะเผยสีหน้าเคร่งขรึม
“เกิดอะไรขึ้น!” ผู้ฝึกตนกึ่งรูปงามกึ่งอัปลักษณ์สั่นรุนแรงไปทั้งกาย มองไปยังพื้นที่ว่างเปล่านอกวังวน พลันสังเกตเห็นเส้นไหมสีเขียวเหล่านั้น
“เส้นไหมแห่งเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้น!” ในชั่วพริบตา พวกเขาก็จำสิ่งนี้ได้ แววตาต่างเผยให้เห็นถึงความหวาดหวั่น พวกเขารู้ว่าในจักรวาลสีเทาแห่งนี้ ของตกแต่งบางอย่างของตระกูลไม่รู้สิ้นนั้น ก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเส้นไหมสีเขียวในบางสถานการณ์ที่พิเศษ และมีการสัมผัสในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ดังนั้นจึงเข้าใจได้ว่าเส้นไหมสีเขียวนี้แข็งแกร่งมาก ทุกเส้นต่างมีอานุภาพทำให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัสได้ แลหากมันมีมากเกินไป พวกเขาจำต้องย่อยยับ
ทว่ายังโชคดี ตราบใดที่พวกเขาไม่ริเริ่มคิดจะไปยั่วยุมัน เส้นไหมสีเขียวแห่งเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นเหล่านี้ก็จะไม่คุกคาม ดังนั้นมหาศิษย์แห่งเต๋าที่อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้จึงค่อยๆ คุ้นชินกับการดำรงอยู่ของเส้นไหมสีเขียว
แต่ฉากตรงหน้าที่เส้นไหมปรากฏขึ้นพร้อมกันนับร้อยเส้นนั้น ผู้ฝึกตนทั้งสองเพิ่งเคยประสบเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้มากสุดที่พบเจอมีเพียงสายสองสายเท่านั้น ดังนั้นหัวใจจึงสั่นไหว ต่างลุกขึ้นยืนทันที
ระหว่างที่ยังคงตื่นตกใจ ปราณกระบี่เจ้าชะตาในวังวนแห่งก็แดงก่ำขึ้นตามการดูดซับของหวังเป่าเล่อ ฝักกระบี่เจ้าชะตาที่ไหลเข้าสู่ร่างของหวังเป่าเล่อจำนวนมากตามกฎแตกกระจาย ส่งเสียงฟู่ฟ่าไม่หยุด และมีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน
ร่องรอยพลังงานจำนวนมากที่ส่งกลับ ทำให้ชั้นกายเนื้อของหวังเป่าเล่อตอนนี้ปริออกอย่างต่อเนื่อง ระหว่างนั้น… จำนวนเส้นไหมสีเขียวที่รวมตัวมาจากทั่วสารทิศก็ทะลุหลักพันจากหลักร้อยก่อนหน้า!
ฉากนี้ทำให้เจ้าเต่ายักษ์และผู้ฝึกตนกึ่งรูปงามกึ่งอัปลักษณ์ตกอยู่ความหวั่นวิตกทันที แววตาไม่เพียงเผยความสับสน แต่ยังเต็มไปด้วยความหวาดผวา
“นี่มันอะไรกันแน่!”
“หลักพัน…” ทั้งสองรหวาดกลัวอย่างยิ่ง อยากจะเดินจากไป ทว่าเส้นไหมสีเขียวที่อยู่บริเวณรอบ หนาแน่นมากเสียจนพวกเขาไม่กล้าขยับ แต่ไม่นานพวกเขาก็ต้องเสียใจภายหลัง…
เพราะเส้นไหมสีเขียวพวกนั้น ในระยะเวลาอันสั้น จากหลักร้อยทบทวีกลายเป็นหลักพัน และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดวงวิญจิตเทพของทั้งสองสั่นสะท้าน หันมองไปทางหวังเป่าเล่อทันที เห็นชัดว่าได้ตระหนักรู้แล้วว่าคนผู้นี้ต่างหาก…ที่เป็นต้นเหตุ
“เจ้านี่ทำอะไรลงไป!”
“บ้าไปแล้วหรือ ไม่กลัวตายรึ!” ร่างของเจ้าเต่ายักษ์สั่นเทิ้ม พลันร่างกายหดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็กลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง พุ่งออกนอกเขตวังวนไป เขาคิดดีแล้ว หากยังไม่รีบจากไปตอนนี้ เกรงว่าเส้นไหมสีเขียวที่นี่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น อีกอย่างเขายังสัมผัสได้ว่าเส้นไหมสีเขียวแห่งเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นเหล่านั้น คล้ายจะหงุดหงิดมาก
ราวกับว่า… พร้อมจะกระโจนเข้าใส่ในพริบตาเดียว นั่นน่ากลัวนัก…
ผู้ฝึกตนกึ่งรูปงามกึ่งอัปลักษณ์ก็รู้สึกหวั่นกลัวเช่นกัน เขากระอักเลือด แปลงกายเป็นไอหมอกโลหิต หลังจากลดขนาดลงอย่างต่อเนื่องก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้ ผู้ฝึกตนกึ่งรูปงามกึ่งอัปลักษณ์และเจ้าเต่ายักษ์ที่ใช้วิธีแตกต่างกันก็ลอดผ่านเส้นไหมสีเขียวเหล่านั้นออกไปอย่างระแวดระวัง โชคดีที่เป้าหมายของเส้นไหมสีเขียวเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นคือหวังเป่าเล่อ ทำให้ทั้งสองสามารถหลบหนีออกไปได้อย่างราบรื่นภายใต้ความรู้สึกประหม่า เวลาเดียวกันกับที่ทั้งสองหลบหนีออกไป จำนวนเส้นไหมสีเขียวในสถานที่แห่งนี้ก็ได้เพิ่มขึ้นถึงห้าพันกว่าเส้นแล้ว
หลังจากหนีออกไปได้ ผู้ฝึกตนทั้งสองไม่ได้จากไปทันที ทว่ากลับทอดสายตามองจากระยะไกลด้วยใจหวาดหวั่น อยากรู้ว่าเจ้าบ้านั่นจะทำอะไรกันแน่ และจะถูกกำจัดโดยตรงหรือไม่
จังหวะที่พวกเขามองกลับไปนั่นเอง ภายในวังวนที่หวังเป่าเล่ออยู่นั้นก็เปล่งเสียงคำรามก้องกังวานไปทั่วทุกหนทุกแห่ง วังวนขนาดใหญ่แห่งนี้ หลังจากถูกหวังเป่าเล่อดูดซับอยู่นาน ในที่สุดก็ถูกสูบพลังงานจนหมดสิ้นแล้ว กฎแตกกระจายทั้งหมด ล้วนถูกดูดซึมเข้าสู่ฝักกระบี่เจ้าชะตาในร่างกายของหวังเป่าเล่อ
ฝักกระบี่เจ้าชะตานั้น หลังจากดูดซับอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นเสมือนดินแห้งกร้าน ต้องถ่วงสมดุลเอาไว้จึงจะสามารถดูดซับได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นในชั่วพริบตาถัดมา ขณะที่วังวนส่งเสียงคำรามจนกลายเป็นหลุมดำ เส้นไหมสีเขียวเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นนับพันรอบด้านก็ระเบิดขึ้นโดยพลัน พุ่งตรงไปวังวนท่ามกลางเสียงคำราม และเสียงกรีดร้อง
มองจากระยะไกล ฉากนี้ทำเอาอกสั่นขวัญหายและสะท้านฟ้าสะเทือนดินมากทีเดียว เพราะหลุมดำในวังวนนี้มีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นในทางที่ไกลออกไปก็มีเส้นไหมสีเขียวเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นถูกดึงดูดมาอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าเต่ายักษ์และผู้ฝึกตนกึ่งรูปงามกึ่งอัปลักษณ์ใจสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม
ทันใดนั้นเอง… ฉากที่ทำให้พวกเขาต้องตะลึงยิ่งกว่าก็ปรากฏ!
เส้นไหมสีเขียวนับพันพุ่งลงไปท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ล้วนเจาะเข้าไปในร่างกายของหวังเป่าเล่อ ทว่าหวังเป่าเล่อกลับไม่ได้แตกสลายเหมือนที่ผู้ฝึกตนทั้งสองคิด ตรงกันข้าม… กลับมีร่องรอยพลังงานอันแรงกล้าสายหนึ่งระเบิดออกมาตามการซึมซับเข้าไปของเส้นไหมสีเขียว ทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน!
นั่นคือพลังแห่งชั้นกายเนื้อ!
ฝักกระบี่เจ้าชะตาในร่างของหวังเป่าเล่อ ปล่อยร่องรอยพลังงานจำนวนมากกลับคืนมาตามการดูดซับเส้นไหมสีเขียว ความรู้สึกแห้งกร้านได้รับการแก้ไข ผสมผสานไปกับความชุ่มชื้น ทำให้ขณะที่ชั้นกายเนื้อของหวังเป่าเล่อแผดเสียงคำราม ก็ได้ทะลุระดับการฝึกฝนไปสู่ดารานิรันดร์ชั้นกลางโดยตรง
ยังไม่จบ ระดับขั้นยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ เส้นไหมสีเขียวโดยรอบซึมซับเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเอง เส้นไหมสีเขียวห้าพันเส้นก็ถูกหวังเป่าเล่อดูดซับ จากนั้นเส้นไหมจำนวนมากขึ้น ก็เข้ามาพร้อมเสียงคำรามจากรอบด้าน จำนวนมากจนอาจถึงหลักหมื่นเลยทีเดียว
เวลานี้ เจ้าเต่ายักษ์และผู้ฝึกตนกึ่งรูปงามกึ่งอัปลักษณ์ต่างตกตะลึง แววตาเผยความงุนงง ทั้งสองชะงักไปชั่วครู่ หันสบตากัน ราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“ข้าตาฝาดไปหรือไม่ เจ้านี่… กำลังดูดซับพลังแห่งเต๋าสวรรค์?”
“น่าจะเป็นภาพลวงตา ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามนุษย์สามารถดูดซับพลังแห่งเต๋าสวรรค์ได้ ต้องถึงระดับจักรพรรดิสวรรค์ก่อน จึงจะสามารถดูดซับเพื่อให้ไปช่วยในการฝึกฝน นี่เป็นความรู้ทั่วไป… อะไรกัน… หรือเขาจะเป็นร่างจำแลงของจักรพรรดิสวรรค์?”
ทั้งสองสั่นสะท้าน แววตาที่มองหวังเป่าเล่อไม่ใช่ความเฉยชาอีกต่อไป ทว่ากลับเปลี่ยนแปลงราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น โดยเฉพาะหลังจากสังเกตเห็นว่าแรงดึงดูดของวังวนลดลง และเส้นไหมสีเขียวเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นในระยะไกลก็ไม่ถูกลากมาแล้ว เจ้าเต่ายักษ์ก็ตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม ก่อนจะหนีไปอย่างรวดเร็ว
เขากลัวแล้วจริงๆ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะดูดซับด้วยวิธีการพิเศษหรือเป็นร่างจำแลงของจักรพรรดิสวรรค์หรือไม่ ก็ไม่ใช่คนที่เขาสามารถยั่วยุได้ และหากยังอยู่ดูต่อไป เกรงว่าจะถูกกำจัด
ผู้ฝึกตนกึ่งรูปงามกึ่งอัปลักษณ์ก็เช่นเดียวกัน รีบหนีไปทันทีโดยไม่หันกลับมามอง
ขณะที่ทั้งสองหนีไปอย่างรวดเร็ว… ปลาสีดำก็ปรากฏร่างจำแลงขึ้นข้างๆ บริเวณที่พวกเขาอยู่ก่อนหน้านี้อีกครั้ง ร่างกายของมันบวมเป่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แววตาเผยความกังวล ปากส่งเสียงฟ่อๆ ราวกับ… ลูกสุนัขที่กำลังกระวนกระวายใจเมื่อเห็นอาหารของตัวเองถูกแย่งชิง
ดูเหมือนท้ายที่สุดมันจะทนไม่ไหวอีกแล้ว ขยับตัวพุ่งออกไปทันที กัดกินเส้นไหมสีเขียวเหล่านั้นนอกวังวน กัดกินคำละเส้นด้วยความบ้าคลั่ง ราวกับว่ากำลังแข่งขันกับหวังเป่าเล่อ
ขณะกำลังกัดกินอยู่นั่นเอง จู่ๆ ปลาสีดำตัวนี้ก็กะพริบตา มันกินพลางมองเข้าไปในวังวน เวลานี้เส้นไหมสีเขียวเจาะเข้าไปในร่างกายของหวังเป่าเล่ออย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร แต่มันเองก็รู้สึกว่าแบบนี้ดีแล้ว
ก่อนหน้านี้เส้นไหมสีเขียวเหล่านี้เป็นเหมือนแมลง คล่องแคล่วมาก ทันทีที่สัมผัสถึงตัวมันก็รวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ราวกับต้องการกลับมาแว้งกัด เพราะตัวมันเองก็หวาดกลัวเช่นกัน ดังนั้นจึงทำได้เพียงแอบกินทีละน้อย และต้องเอาใจคนไร้ยางอายอย่างเฉินชิงจื่อด้วย เพราะเฉินชิงจื่อสามารถจับเส้นไหมสีเขียวเหล่านี้ให้ตนได้
แต่ตอนนี้… เส้นไหมสีเขียวต่างไม่สนใจมันอีก ในเวลาอันสั้น มันจึงกินเข้าไปได้หลายร้อยเส้น
“ดูเหมือนว่า… เจ้าหัวขโมยคนนี้จะดีกว่าเฉินชิงจื่อเสียอีก?” เมื่อปลาสีดำคิดแบบนี้ ก็มีความสุขขึ้นมาทันที ปากก็พลันกัดกินได้เร็วกว่าเดิม
ขณะที่กำลังกลืนกินเส้นไหมสีเขียวขนาดเล็กใหญ่อย่างต่อเนื่อง ภายนอกจักรวาลสีเทาแห่งนี้ที่ถูกปกคลุม ตระกูลหมื่นสำนักมองไม่เห็นท้องฟ้าของจักรวาลสีเทา เรือรบของตระกูลไม่รู้สิ้นนับแสนที่ลอยอยู่บนท้องนภาต่างสั่นสะท้าน ปราณหมอกแห่งเส้นไหมสีเขียวที่ปล่อยออกมาบางเบาลง
ฉากนี้ดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิสวรรค์เสวียนหัวอีกครั้ง เขานั่งขัดสมาธิอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่า พลันลืมตาขึ้น ก่อนจะมองไปทางจักรวาลสีเทา ที่แห่งนั้นเต๋าสวรรค์วุ่นวาย จึงทำให้มองเห็นไม่ชัด สัมผัสได้เพียงว่าภายในวังวนแห่งหนึ่งกำลังกลืนกินเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นอย่างต่อเนื่อง
“เต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืด… กล้ากลืนกินอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้เชียว… ดีเหมือนกัน หากสามารถกินจนจุกตายได้ ค่ายกลที่นี่ก็จะแตกออกในทันที”
“น่าสนใจ แค่เต๋าสวรรค์อ่อนหัด ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะสูบได้เท่าไรกันเชียว!”
“ทุกคนฟังคำสั่ง เพิ่มการไหลเข้าของร่องรอยพลังงานเต๋าสวรรค์ ทำให้สำนักแห่งความมืดนี้จุกตายไปเสีย!” เสวียนหัวสีหน้านิ่งสงบ กล่าวอย่างเรียบเฉย
……………………………………………………….