หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1139 ตกตะลึง!
ระหว่างที่ดูดกลืนอยู่นั้น หวังเป่าเล่อก็พยายามควบคุมระดับกำลังไม่ให้ดูดกลืนมากเกินไป เขาพยายามดึงกลิ่นอายแห่งความตายเข้ามา เพื่อฟื้นคืนดวงวิญญาณเทพของตน จนเริ่มรู้สึกสบายเนื้อสบายตัวขึ้น
ในส่วนของเส้นไหมสีเขียวที่ติดมากับปราณแห่งความตายด้วยนั้น ยามนี้ร่างเนื้อของหวังเป่าเล่อแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย ในใจก็คิดไปถึงเจ้าลาน้อยและอู๋น้อย ดูท่าสองคนนี้สามารถดูดกลืนเส้นไหมสีเขียวโดยตรงได้ หากว่าถึงเวลาคับขันจริงๆ ก็โยนทั้งสองออกไปก็สิ้นเรื่อง
ดูจากความสามารถของเจ้าสองตัวนี้ เกรงว่าคงไม่ตายหรอก
ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่ได้รีบดูดกลืนด้วยพลังคราใหญ่ และสาเหตุที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ…การล่อปลา ไม่อาจกระทำการอย่างโจ่งแจ้ง ต้องค่อยๆ จุดไฟต้มน้ำ ยืดเวลาให้นานเสียหน่อย ให้อีกฝ่ายเสียชะล่าใจ จึงค่อยลงมือจู่โจมจนตกปลาได้ในที่สุด
“ข้าล่ะอยากจะเห็นนัก ว่าปลาตัวไหนที่ใจกล้าถึงขนาดนี้ บังอาจมาขโมยของของข้า!” หวังเป่าเล่อคำรามในใจ ระหว่างดูดกลืนกลิ่นอายแห่งความตายอยู่นั้น เขาค่อยๆ เพิ่มแรงมากขึ้น ทำให้กลิ่นอายแห่งความตายในบริเวณโดยรอบถูกดูดกลืนมากกว่าเก่า
ส่วนดวงวิญญาณเทพของเขานั้น สั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้นภายใต้การเติมเต็มของปราณแห่งความตายมหาศาล ความรู้สึกสบายปลอดโปร่งแจ่มชัด ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกว่าดวงวิญญาณเทพนั้นเริ่มคืนพลังฝึกตนกลับให้ระหว่างที่มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ระดับการฝึกตนของเขาทะยานสูงขึ้น
สำหรับเหล่าผู้ฝึกตนแล้ว พลังฝึกตน ดวงวิญญาณเทพ ร่างเนื้อ ทั้งสามส่วนนี้แม้จะแยกจากกันแต่คือหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นแล้วหากดวงวิญญาณเทพและร่างเนื้อพัฒนา ย่อมทำให้พลังฝึกปรือพัฒนาตามขึ้นมาในจังหวะเดียวกัน
เพียงแต่ว่าหวังเป่าเล่อไม่ได้มุ่งพัฒนาพลังฝึกตนเพียงอย่างเดียว ดังนั้นแล้วการวิวัฒน์ที่ว่าจึงค่อนข้างล่าช้าอยู่บ้าง แต่ก็ดำเนินอย่างต่อเนื่อง และในยามที่หวังเป่าเล่อเพิ่มระดับพลังขึ้นก็ทำให้การโหมเข้ามาของพลังปราณความมืดรอบด้านค่อยๆ ก่อรูปเป็นวังวนปราณแห่งความมืดขึ้นมา ขณะเดียวกันในระยะห่างจากเขาไปไม่ไกลนัก ปลาดำกำลังสับสน
มันคิดหวังจะกินหวังเป่าเล่อนับร้อยครั้งแล้ว แต่การถูกกัดเมื่อครู่ทำให้ในใจของมันหวาดหวั่น ไม่กล้าเข้าใกล้ แต่หากไม่เข้าใกล้…เวลานี้ปราณแห่งความตายรอบทิศก็ถูกหวังเป่าเล่อดูดเข้าไปไม่หยุด ในใจจึงบ้าคลั่งขึ้นมาอีกรอบ
ปราณแห่งความตายเหล่านี้ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของร่างมัน สำหรับมันแล้วหวังเป่าเล่อในยามนี้ไม่ได้กินปราณแห่งความตาย แต่กำลังกินเลือดเนื้อของมันต่างหาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ อารามขัดแย้งในตัวของเจ้าปลาดำยิ่งทวีสูง ราวกับว่าในสมองปรากฏเจตจำนงสองอย่าง ทางหนึ่งบอกให้ตนพุ่งเข้าไป ส่วนอีกทางพยายามปลอบให้ตนอดทน
“ไปไม่ได้นะ ก่อนหน้านี้หมอนี่ดูดปราณของข้า อย่างมากมันก็คงกินไปอีกหน่อยก็หยุดแล้ว อดทนไว้!” สุดท้ายแล้วในสมองของเจ้าปลาดำ ความคิดที่จะอดทนก็เป็นฝ่ายชนะ หยุดความหุนหันของมันลงได้
ด้วยเหตุนี้ท่ามกลางท้องฟ้าสีเทาพลันปรากฏสภาวะคุมเชิงระหว่างหวังเป่าเล่อและปลาดำขึ้น หวังเป่าเล่อรออยู่ตรงนี้ครู่ใหญ่ ก็พบว่าเจ้าปลาดำกลับไม่ยอมปรากฏตัว ส่วนเส้นไหมสีเขียวรอบด้านนั้น ยามนี้หมุนกลับมารวมตัวกันไม่น้อย กระทั่งว่าพวกมันเคลื่อนตัวกลับมาหาตนทั้งหมด
“ท่านพ่อ จะทำอย่างไรดี ไม่เช่นนั้นอีกสักครู่ท่านดูดให้มากกว่านี้หน่อยได้หรือไม่ เกรงว่าปลาตัวนั้นอาจจะไม่ยอมมา!”
“อียอววว!” ทั้งอู๋น้อยและเจ้าลาน้อยเองก็เริ่มกังวลแล้ว โดยเฉพาะเจ้าลาน้อยมันน้ำลายไหลแบบควบคุมตัวไม่ได้
“พวกโง่ จะตกปลาน่ะห้ามรีบร้อน!” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงเย็น เขาไม่สนใจอู๋น้อยและเจ้าลาน้อย กลับหันกายเคลื่อนไปยังที่ห่างไกลรวดเร็ว พลางหลีกหนีเหล่าเส้นไหมสีเขียว เวลาเดียวกันก็เริ่มดูดกลืนปราณแห่งความมืดจำนวนมากอีกครั้ง
ในพริบตานั้นปราณแห่งความมืดรอบด้านถูกดูดเพิ่มเข้ามาบางส่วน ส่วนตัวหวังเป่าเล่อเองก็รีบเร่งเดินทางไปไกล ทำให้เส้นไหมสีเขียวจำนวนมากลอยตามเขาไปด้วย เขาพลันเอ่ยขึ้นในใจอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าทั้งสองคน จับได้ไหมว่าปลาตัวนั้นตามมา?”
“ท่านพ่อ ปลาตัวนั้นยังอยู่ ข้ารู้สึกได้ว่ามันอยู่รอบๆ พวกเรา!” อู๋น้อยรีบเอ่ยปาก เจ้าลาน้อยเองพยักหน้ารัวเร็ว ทันใดนั้นหวังเป่าเล่อก็ตั้งจิตให้สงบ ในใจนิ่งคิด เจ้าปลาหน้าเหม็นตัวนี้ช่างขี้ระแสงเสียจริง
“ข้าไม่กลัวว่าเจ้าระแวดระวังตัวหรอก กลัวแต่เจ้าจะหนีไป!” หวังเป่าเล่อยิ้มบางพลางเร่งจังหวะมากขึ้น เขาตั้งหน้าดูดกลืนปราณแห่งความตายต่ออีกทั้งอาณาเขตการดูดกลืนของเขาก็ยิ่งทวีความกว้างและรวดเร็วมากขึ้น ทำให้ปลาดำที่ตามมาข้างหลังนั้น เกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมากว่าเก่า
“ยังไม่เสร็จอีกหรือ?!”
“สมควรตาย ยังไม่จบสักที!!” ดวงตาของเจ้าปลาดำกลายเป็นสีแดง ในสมองปรากฏความคิดสองอย่างขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นความคิดนี้ก็ตีกันบ้าคลั่งไปมาส่งผลให้ตัวของมันสะท้านไม่หยุด คราวนี้ดูท่าจะทนไม่ไหวอีกแล้ว เจ้าหัวขโมยชั่วช้าเบื้องหน้าตัวน้อยไม่ได้ดูดกลืนเป็นพักๆ แล้วหยุดเหมือนก่อนหน้า แต่กลับดูดกลืนอย่างต่อเนื่อง…
ตอนนี้เกรงว่าคงดูดกลืนไปได้ไม่น้อยแล้ว ไร้ท่าทีว่าจะจบโดยง่ายด้วย นี่ทำให้มันคลั่งกว่าเก่า มันคิดกลับไปหาเฉินชิงจื่อ แต่เฉินชิงจื่อที่อยู่ตรงนั้นไม่ได้สนใจที่มันแวะเวียนไปหาเลยสักนิด ดวงตาของเจ้าปลาดำพลันทอประกายสีแดงฉานเผยแววโหดเหี้ยม
“กินอีกสิ ข้าจะกินเจ้าเสีย!!” ในเวลาเดียวกันที่มันกรีดร้องอยู่ในใจนั้น ร่างก็พุ่งทะยานเข้าหาหวังเป่าเล่อที่ตอนนี้ด้านหลังมีเส้นไหมสีเขียวจำนวนมากรวมตัวกัน และยังดูดกลืนปราณแห่งความมืดไม่หยุดหย่อน
เพียงแต่ว่า…หน้าผากของเขามีเหงื่อท่วมแล้ว ในใจของหวังเป่าเล่อสั่นสะท้าน กระทั่งตัวอู๋น้อยและเจ้าลาน้อยยังเริ่มขวัญกระเจิง เพราะว่าเส้นไหมสีเขียมที่ไล่ตามพวกเขามีจำนวนมากเกินไป มันมากเกินไปจริงๆ ส่วนเจ้าปลาดำก็ยังไม่ปรากฏตัว กระทั่งตัวอู๋น้อยและเจ้าลาน้อยยังคิดว่าตนตัดสินใจผิดเสียแล้ว
ในใจหวังเป่าเล่อกำลังก่นด่า จะให้มายอมแพ้เอาตอนนี้เขาไม่ค่อยยินดีเท่าไรนัก อีกอย่าง…แม้ว่าเส้นไหมสีเขียวด้านหลังจะมากขึ้น แต่เพราะดูดกลืนปราณแห่งความมืดไปมาก ดวงวิญญาณเทพของเขาจึงทวีความแข็งแกร่งขึ้น
กล่าวได้ว่า ตัวเขาในยามนี้ กำลังขัดแย้งระหว่างความปวดร้าวและสุขใจอย่างไรชอบกล
“ยังไม่มาอีกหรือ? ยังไม่มาอีก!!”
ระหว่างที่หวังเป่าเล่อเป็นกังวล ดวงตาของเขาก็เผยแววบ้าคลั่ง เขาคิดว่าเจ้าปลาดำอาจจะถึงขีดจำกัดแล้วเหมือนกัน และสาเหตุที่มันยังไม่โผล่มาเสียที เพราะกำลังรอจังหวะอยู่
ทว่า ขืนปล่อยให้รอต่อไป อาจเป็นเขาเองที่จะทนได้ไม่นานดังนั้นแล้ว…ยามนี้ตนควรจะสร้างโอกาสให้อีกฝ่ายสิถึงจะถูก
คิดถึงตรงนี้แล้ว หวังเป่าเล่อก็พลันตะโกนดุเสียงดังขึ้นมาในใจ เขาใช้มือทั้งสองประสานท่ามุทราเปิดออก เปลวไฟสีดำภายในร่างพลันแผดเผากลายเป็นพลังดูดกลืนขนาดมหึมา แล้วกลืนกินปราณแห่งความตายรอบด้านไปภายในคำเดียว!
คราวนี้ เขาใช้เปลวไฟสีดำทั้งหมดที่มีในร่างและปล่อยพลังฝึกตนทั้งหมดพยายามกลืนกินให้หมดสิ้น ตอนนั้นเองก่อเกิดเสียงดังสนั่น ทำให้เหล่าปราณสีดำที่อยู่รอบด้านระเบิดออกแล้วตรงเข้ามาหาเขาด้วยความรวดเร็วรุนแรง
มองจากระยะไกล ปริมาณทั้งหมดของปราณสีดำซึ่งหวังเป่าเล่อดูดกลืนในครั้งนี้ยังมีจำนวนมากกว่าทั้งหมดก่อนหน้าที่เขาดูดด้วยซ้ำ ครั้นเห็นเช่นนี้ก็สมควรแล้วที่เจ้าปลาดำจะเจ็บแค้นและบ้าคลั่งกว่าเก่า มันส่งเสียงร้องทันที ราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้ ความคิดหุนหันพลันแล่นเข้าครอบงำจิตใจหมดสิ้น
ในพริบตาราวกับว่าแรงดึงดูดนี้ยังคงไม่มากพอ หลังจากดูดกลืนปราณแห่งความตายแล้ว และหลังจากเส้นไหมสีเขียวรอบด้านทวีจำนวนจนถึงเจ็ดแปดหมื่นเส้น หวังเป่าเล่อก็คล้ายกับกำลังเล่นกับไฟ ท่ามกลางอาการอกสั่นขวัญแขวนของอู๋น้อยและเจ้าลาน้อย ฉับพลันร่างของเขาระเบิดออก กรีดร้องทรมานและกระอักเลือดออกมากองโต
ท่าทางราวกับว่า…ดูดกลืนจนสำลัก
การหยุดชะงักของเขากระทบต่อความเร็ว ดังนั้นเส้นไหมทั้งหมดจึงค่อยๆ ล่าช้าลงในพริบตา ดวงหน้าของหวังเป่าเล่อยามนี้เปลี่ยนสีครั้งใหญ่ คล้ายกับคิดจะหนีให้เร็ว…
ตอนนั้นเอง ดวงตาของเจ้าปลาดำก็เผยประกายโหดเหี้ยมทะลุฟ้า มันขยับร่างหายไปในพริบตา แล้วพลันปรากฏตัวอยู่ข้างหลังหวังเป่าเล่อ กำลังจะอ้าปากเตรียมกินคำโต!
ทว่า แทบจะทันทีที่มันปรากฏตัวและเตรียมอ้าปากนั่นเอง อู๋น้อยและเจ้าลาน้อยที่อยู่ในจิตใจของหวังเป่าเล่อพลันตะโกนอย่างตื่นเต้น
“ท่านพ่อ มันอยู่ข้างหลัง!”
“ฮี้! อียอวว!!”
หลังจากคำพูดนี้ดังก้องในสมอง พริบตานั้น…ในดวงตาของเจ้าปลาดำ ก็เห็นเงาร่างของลาน้อยตัวหนึ่ง แล้วยังมองเห็นผู้เยาว์ท่าทางต่ำช้าคนหนึ่ง รวมถึงเจ้าหัวขโมยตัวจ้อยที่สำลักเมื่อครู่นี้ด้วย
ทั้งสาม ดวงตาเป็นประกายทันทีด้วยความดีใจ ล้วนแต่อ้าปากกัดมาที่เขา!
กระทั่งเจ้าลาน้อยที่เคยลิ้มรสชาติหวานล้ำมาแล้ว ในยามนี้มันอ้าปากกว้าง ราวกับว่าใช้พลังทั้งหมดเข้าไปควบคุมรูปร่างของปากให้กลายเป็นเสมือนถ้ำดำมิด ส่วนอู๋น้อยกลับใหญ่กว่านั้น ร่างกายหายไปแล้วเหลือเพียงแค่ปากที่มีน้ำลายไหลย้อยอยู่ อ้าปากกินเข้าไปเหมือนกัน
และที่เล่นใหญ่ที่สุด…คงเป็นเจ้าหัวขโมยนั่น เจ้าหมอนี่คล้ายกับเปลี่ยนร่าง ในพริบตาพลันปรากฏเงาร่างนับหมื่นสาย ทุกร่างอ้าปากคำโตเข้ามาเพื่อกินมัน กระทั่งเจ้าปลาดำถึงขั้นมองเห็นผีดิบตนหนึ่ง ดาบเล่มหนึ่ง เงาร่างที่เต็มไปด้วยความแค้น และเงาร่างของกวางสีขาวที่มีปากใหญ่ยักษ์อ้าเข้ามา
ฉากนี้ ทำให้เจ้าปลาดำถึงกับเหม่อลอยไปในชั่วเวลานั้น มันผงะ ท่าทางตกตะลึง ร่างกายเริ่มสั่นสะท้าน
หรือว่าแท้จริงแล้ว…เจ้าหมอนี่ที่อยู่เบื้องหน้า โหดเหี้ยมกว่ามันมากนัก!
………………………………………………………………..