หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1142 ใหญ่มาก!
หวังเป่าเล่อกะพริบตา มองเจ้าปลาดำที่มีท่าทีสบายหลังจากเขาลูบตัวมัน แต่ครั้นมันหันไปมองอู๋น้อยและเจ้าลาน้อยก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทันที หวังเป่าเล่อนิ่งไปสักพักหนึ่ง ทันใดนั้นก็เรียกขานในใจ
“ศิษย์พี่…”
เฉินชิงจื่อที่อยู่ใจกลางเตาหลอมนั้นไม่คิดอยากพูดจา แต่ศิษย์น้องเล็กเรียกตนจะไม่ตอบก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงขานรับอย่างฝืนทน
“มีอะไรหรือ”
ได้ยินศิษย์พี่ตอบกลับมา หวังเป่าเล่อก็สะดุ้ง รีบส่งเสียงกลับ
“ศิษย์พี่ เกรงว่าไม่ถูกต้องกระมัง นี่คือเต๋าสวรรค์ของพวกเราเผ่าความมืดหรือ? เจ้าหมอนี่โง่เง่าไปหรือไม่ รู้จักแต่กิน…แต่สมองกลับมีปัญหา อีกหน่อยจะถูกคนหลอกเอาได้”
เฉินชิงจื่อนวดคิ้ว หลังจากนั้นก็ถอนหายใจ
“มันยังเป็นเด็ก…หากคำนวณอายุตามวิธีของสหพันธรัฐพวกเจ้า น่าจะอายุประมาณสามถึงห้าขวบได้ เจ้าหวังให้เด็กอายุสามขวบห้าขวบฉลาดเท่าไรกัน? มันอายุแค่นี้ แน่นอนว่าต้องรู้จักแค่กิน”
“เอาล่ะ เจ้าก็อย่ารังแกมันอีกเลย…” เฉินชิงจื่อไม่คิดจะต่อความแล้ว เก็บกระแสจิตพลางส่ายหน้า หันมาทุ่มสมาธิกับการหลอมจักรพรรดิเดือนแยกต่อ
ด้านหวังเป่าเล่อนั้น ยามนี้กระแอมไอคราหนึ่ง ในใจนั้นไม่มากน้อยยังคงรู้สึกผิดอยู่บ้าง ความรู้สึกเช่นนี้ราวกับเขาไปรังแกเด็กน้อยที่มีลูกอมอยู่ในมือ
“อู๋น้อยและเจ้าลาน้อย พวกเจ้าทั้งสองทำเกินไปจริงๆ!” หวังเป่าเล่อถลึงตามองก่อนจะรุดเข้าไปเตะคราหนึ่ง ทำให้อู๋น้อยและเจ้าลาน้อยได้รับความไม่เป็นธรรมมากยิ่งกว่าเก่า พวกมันจ้องหวังเป่าเล่อด้วยความกังวล แต่ภายในใจกลับด่าทอตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าก็เท่านั้น
ด้านหวังเป่าเล่อเองก็รู้ไส้รู้พุงอย่างดี เขายกมือขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเก็บทั้งสองลงกระเป๋าคลังเก็บ ตาไม่เห็นหูไม่ได้ยินก็ไม่ทำให้เขาปวดหัว แม้ว่าหลังจากล่อเจ้าปลาดำสำเร็จแล้วนั้น เขาคือคนที่กินมากที่สุด
ในส่วนของเจ้าปลาดำ เวลานี้ความรู้สึกท่วมท้นเป็นอย่างมาก มันมองหวังเป่าเล่อดวงตาฉายประกายสนิทชิดเชื้อ กระทั่งยังยอมว่ายวนรอบหวังเป่าเล่อถึงสี่ครั้ง ท่าทางดีอกดีใจ
“เจ้าเด็กนี่…” หวังเป่าเล่อสีหน้าพิลึก หลังจากกระแอมไอจึงค่อยเผยรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว
“ปลาน้อยเป๋าเป่า มา พี่ชายจะพาเจ้าไปหาอะไรอร่อยๆ กิน”
หลังได้ยินคำพูดของหวังเป่าเล่อ เจ้าปลาดำดีใจอย่างมาก ยิ่งว่ายวนรอบหวังเป่าเล่อถึงสี่ห้ารอบ ท่าทางรวดเร็วกว่าเก่า ส่วนหวังเป่าเล่อกะพริบตาปริบๆ คราวนี้จึงเอ่ยอีกครั้ง
“ปลาน้อยเป๋าเป่า เจ้ารู้หรือไม่ว่าวังวนที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ไหน?” หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายย่อมคุ้นเคยพื้นที่แห่งนี้มากกว่าตนเอง อีกทั้งตัวเขาก็เสาะหาของในดาวเคราะห์สีเทามาได้สักพักแล้ว ยังไม่เห็นร่องรอยวังวนอื่น ดังนั้นจึงลองถามออกไป
เงาร่างของเจ้าปลาดำชะงัก ดวงตาฉายแววใคร่ครวญ หลังจากนั้นนัยน์ตามันก็พลันสว่างวาบ พริบตาที่มองหวังเป่าเล่อมันก็ขยายตัวใหญ่ขึ้น เปลี่ยนไปจากร่างเดิมที่เคยเป็นทำให้หวังเป่าเล่อตกตะลึง ผ่านไปชั่วครู่ เขามองดูปลาดำที่เปลี่ยนขนาดเป็นมโหฬาร กระทั่งใหญ่กว่าวังวนทั้งหมดที่เขาเคยพบเจอมาเบื้องหน้า ดวงตามันเผยประกายยินดี
“เจ้าจะบอกข้าว่า เจ้ารู้จักวังวนหนึ่ง ใหญ่ขนาดนี้สินะ ?”
เจ้าปลาดำตัวยักษ์รีบร้อนพยักหน้า หลังจากนั้นร่างกายมันก็โอนเอนเล็กน้อย ก่อนจะฟื้นกลับดังเดิม ว่ายวนไปยังเส้นทางแห่งหนึ่งคล้ายกำลังจะนำทาง หวังเป่าจึงเล่อตามติดไปด้วยความยินดี
เห็นได้ชัดว่าศิษย์พี่ใหญ่ไม่อยากให้เขากลืนกินปราณแห่งความตายอีก ดังนั้นหากอยากดูดเส้นไหมสีเขียวให้ได้มากกว่าเก่า มีทางเดียวคือต้องหาวังวนที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ร่วงหล่น อีกทั้งกลางวังวนนั้น ฝักกระบี่เจ้าชะตาของเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่ง เช่นนั้นแล้วก็จะยิ่งส่งประโยชน์ในการบ่มเพาะความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อให้เขาอีกด้วย
ในส่วนของการกลืนเส้นไหมสดๆ เมื่อครู่นั้น แม้ว่าหวังเป่าเล่อจะกินเข้าไปไม่น้อย แต่กลับไม่รู้สึกว่ามีผลอะไร อย่างมากก็คือรู้สึกว่ารสชาติไม่เลว อีกทั้งหลังจากกินเข้าไปแล้ว ก็ยังโดนฝักกระบี่เจ้าชะตาดูดไปอีกด้วย
สืบสาวเรื่องราวแล้ว หวังเป่าเล่อยังคงรู้สึกว่า การหาวังวนนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก ในยามนี้เขาจึงเร่งเดินทาง ภายใต้การชี้นำของเจ้าปลาดำ หนึ่งคน หนึ่งปลาพลันเหาะเหินไวว่อง เพียงแต่ว่าบางทีเจ้าวังวนแห่งนั้นคงจะอยู่ไกลอย่างมาก เจ้าปลาดำจึงรู้สึกว่าความเร็วของหวังเป่าเล่อยังช้าเกินไป
ดังนั้นแล้วมันจึงหยุด แล้วหันมาส่งเสียงเรียกหวังเป่าเล่อ เวลาเดียวกันก็หมุนร่างกลับมามองหลายรอบ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าจะไม่เข้าใจความคิดของมัน แต่หวังเป่าเล่อนั้นคุยกับเจ้าลาน้อยมาหลายปีแล้ว ดังนั้นจึงมีประสบการณ์อยู่บ้าง หากลองคาดเดาจากท่าทาง เขาย่อมเข้าใจ
“เจ้าจะพาข้าบินหรือ?” ครั้นหวังเป่าเล่อเอ่ยปาก เจ้าปลาดำก็รีบบินเข้าใกล้
“เด็กดี!” หวังเป่าเล่อส่งเสียงหัวเราะ ก่อนจะขยับร่างไปอยู่บนหลังของเจ้าปลาดำ ทันใดนั้น มันก็พุ่งตัวไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วทันที เป็นความเร็วที่เหนือกว่าก่อนหน้านี้หลายสิบเท่า ทำให้ดวงตาของหวังเป่าเล่อพร่างพราย และพริบตาถัดมา…ราวกับว่าถูกเจ้าปลาดำน้อยพาทะลุมิติอย่างไรอย่างนั้น ไม่นานเขาก็ปรากฏตัวอยู่ในเขตที่กลิ่นอายความตายรุนแรงอย่างยิ่งแห่งหนึ่ง!
เบื้องหน้าของหวังเป่าเล่อ มีวังวนขนาดมหึมาน่าอัศจรรย์ใจแห่งหนึ่ง วังวนนี้เมื่อเทียบกับที่เจ้าปลาดำอธิบายแล้วยังน่าตกใจยิ่งกว่า กระทั่งว่าใหญ่กว่าวังวนที่หวังเป่าเล่อเคยดูดกลืนก่อนหน้าหลายสิบเท่า
โดยรวมแล้ว เมื่อมองสุดลูกหูลูกตา นี่ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นเต้นยินดี โดยเฉพาะที่นี่ไม่มีเงาร่างของผู้ใดนอกจากพวกเขา
หวังเป่าเล่อดวงตาทอประกาย สภาวะจิตของเขานั้นกระจายไปรอบด้านทั้งสี่ทิศ ผ่านไปไม่นานดวงตาของเขาก็ฉายแววเข้าใจกระจ่าง
ที่นี่ก็คือท้องฟ้าสีเทา แต่ก็ไม่ใช่ท้องฟ้าสีเทาเสียทีเดียว เพราะแม้มันจะอยู่ในขอบเขตของท้องฟ้าสีเทา แต่เหมือนจะเป็นอีกอาณาเขตหนึ่งคล้ายกำลังทับซ้อนกันอยู่
วังวนที่ทำให้คนตื่นตะลึงเบื้องหน้า หวังเป่าเล่อพอจะคาดเดาได้ว่าเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ที่ตาย ณ ที่แห่งนี้ เกรงว่าจะแข็งแกร่งชนิดพลิกฟ้าคว่ำพิภพ เกินกว่าระดับจักรพิภพทั่วไป ดังนั้นแล้วการตายของคนผู้นี้จึงสะกดทับความว่างเปล่า เบิกสร้างดินแดนที่เป็นอัตลักษณ์นี้ออกมา
เป็นเพราะเหตุนี้มันจึงยากจะถูกพบเห็น ดังนั้นแล้วเหล่าผู้ฝึกตนของตระกูลหมื่นสำนักจึงไม่เข้ามาที่นี่
แท้จริงแล้วหากไม่มีเจ้าปลาดำน้อยนำทาง อาศัยแค่ตัวหวังเป่าเล่อเอง ก็ยากจะหาพบ
“ดีกว่าเก่าแล้ว!”
หวังเป่าเล่อพุ่งเข้าไปทันทีด้วยความลิงโลด ขยับเข้าใกล้วังวนเบื้องหน้า ตอนนั้นเองเขารู้สึกถึงกระแสพลังขจัดแห่งกฎทำลายล้างที่ค่อยๆ แผ่ออกมาเป็นทีละชั้น ขจรขจายอย่างรุนแรงประหนึ่งจะพลิกฟ้าคว่ำสมุทรพุ่งออกมาจากผืนวังวนข้างใน
ทว่า ยิ่งเป็นเช่นนี้ หวังเป่าเล่อกลับตื่นเต้นยินดีกว่าเก่า ฝักกระบี่เจ้าชะตาของเขาถูกกระตุ้นในชั่วพริบตามันดูดกลืนอย่างรุนแรง หวังเป่าเล่อค่อยๆ สาวเท้าเข้าไป ด้านหนึ่งดูดกลืน อีกด้านหนึ่งพยายามฝืนต้านแรงเอาไว้ ขยับก้าวเข้าสู่วังวนข้างในก่อนจะนั่งขัดสมาธิ ปิดตาทั้งสอง แล้วทุ่มสมาธิทั้งหมดเพื่อผลักดันฝักกระบี่เจ้าชะตา
ด้านฝักกระบี่เจ้าชะตาของเขา ยามนี้ตื่นเต้นระริกระรี้ แสงสีโลหิตแผ่ซ่าน ราวกับว่ามันกำลังสำแดงพลังแห่งความหิวกระหายออกมา เหนี่ยวนำกฎแห่งการทำลายล้างรอบด้านเข้าสู่ร่างกายของมันไม่หยุด
เวลาก็ล่วงเลยไปทีละน้อย เวลานี้ภายในวังวนเต็มไปด้วยกฎแห่งการทำลายอันน่าสะพรึง วิ่งตรงเข้าสู่ฝักดาบเจ้าชะตาของหวังเป่าเล่อ ในเวลาอันรวดเร็วก็มีจำนวนเท่ากับพลังงานในที่นี่จำนวนหนึ่งเท่า สองเท่า สามเท่า…
ในที่สุดสีของฝักกระบี่เจ้าชะตาก็กลายเป็นสีม่วง กระทั่งค่อยๆ ก่อเกิดสีดำขึ้นทีละน้อย ส่วนปราณที่อยู่ภายในนั้น ยามนี้น่าสะพรึงขั้นสยบฟ้าทีเดียว
จนกระทั่งรอบด้านทั่วทั้งสี่ทิศ กฎแห่งการทำลายล้างในวังวนค่อยๆ ลดจำนวนลง จนเริ่มแสดงสัญญาณของการพังทลายระดับหนึ่ง ทำให้เส้นไหมสีเขียวที่ถูกดูดเข้ามาด้วยพลังมหาศาลเพิ่มจำนวนมากขึ้น พริบตานั้นถึงขั้นหลายหมื่นเส้น และไม่มีทีท่าว่าจะจบ มันยังคงทบทวีอย่างต่อเนื่อง
เจ้าปลาดำเองก็ยินดียิ่งนัก มันมองเส้นไหมสีเขียวเหล่านั้น ท่าทางไม่อาจยับยั้งน้ำลายที่ไหลออกมาได้ ส่วนเจ้าลาน้อยและอู๋น้อยในยามนี้ก็ค่อยๆ ย่องออกมา พวกมันเป็นเช่นเดียวกับเจ้าปลาดำ มองเส้นไหมสีเขียวเหล่านั้นแล้วน้ำลายก็ไหลออกมา
…………………………………………………………………