หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1147 หนังศีรษะชา!
“ใครโง่กัน…” องค์ชายไม่รู้สิ้นหรี่ตา ยังไม่ทันได้ตอบสนอง แม้แต่อารมณ์ก็ยังไม่ทันได้ปรากฏ แทบจะทันทีที่เปลวไฟจากร่างหวังเป่าเล่อกวาดไปทุกทิศทาง องค์ชายไม่รู้สิ้นพลันส่งเสียงคำรามออกมา
ขณะส่งเสียงคำราม ดารานิรันดร์ของเขา และร่างไม่รู้สิ้นจำแลง ก็ยังไม่สามารถช่วยหยุดยั้งร่างที่กำลังกลายเป็นกระดาษได้ ทำได้เพียงยืดเวลาออกไปเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้ร่างของเขากลายเป็นกระดาษไปครึ่งหนึ่งแล้ว นั่นคือส่วนศีรษะและแขนทั้งสาม!
ทว่า เขาเองก็เป็นคนโหดเหี้ยมคนหนึ่ง ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้อีกสองหัวกัดลิ้นตน ก่อนจะพ่นเลือดออกมา เลือดพวกนี้สาดกระเซ็นรวมกันจนกลายเป็นกริชโลหิตเล่มหนึ่ง มันไม่ได้ตวัดไปยังหวังเป่าเล่อ แต่เป็นตัวเขาเอง!
หยาดเลือดทะยานขึ้นฟ้าในพริบตา กริชโลหิตแทงลงบนร่างขององค์ชายไม่รู้สิ้น จากนั้นจึง…ตัดร่างกายส่วนที่กลายเป็นกระดาษทิ้งทั้งหมด!
หนึ่งหัวกับอีกสามแขนแยกออกจากร่างของเขาโดยพลัน!
เลือดสาดกระจาย องค์ชายไม่รู้สิ้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เมื่อร่างตัดส่วนที่เป็นกระดาษออกไปแล้ว เขาก็ผ่อนคลายลงและถอยร่นในทันที ขณะกำลังล่าถอยร่นก็ได้หยิบเอาโอสถบำรุงออกมา ดื่มเข้าไปจำนวนมาก ร่างแท้ที่แห้งเหี่ยวไปอย่างรวดเร็ว และหัวกับแขนอีกสามข้างที่สูญเสียไปงอกออกมาใหม่ จากนั้นจึงฟื้นกลับมาได้ในที่สุด
ทว่า สีหน้ากลับซีดเผือด ร่องรอยพลังงานอ่อนแอ ท้ายที่สุดเขาก็ถือว่ายังรักษาชีวิตไว้ได้ ส่วนคนอื่นๆ…เมื่อไม่มีเคล็ดวิชาและความเด็ดขาดขององค์ชายไม่รู้สิ้น กอปรกับเปลวไฟของหวังเป่าเล่อระเบิดออกมาอย่างรวดเร็ว ในสายตาขององค์ชายไม่รู้สิ้นและผู้คนรอบข้างจึงเห็นเปลวไฟลุกลามใหญ่โต กลายเป็นพายุเศษกระดาษลุกไหม้
ตอนนั้นเองที่ผู้พิทักษ์กฎตระกูลไม่รู้สิ้นสิบกว่าคนล้วนแตกฮือ ทันทีที่ร่างของพวกเขากลายเป็นกระดาษ เปลวไฟก็พุ่งเข้าไปห่อหุ้มร่างกาย จากนั้นจึง…แผดเผาร่างให้กลายเป็นขี้เถ้าลอยฟุ้ง!
ผู้พิทักษ์กฎสิบกว่าคนไม่มีใครรอดพ้นจากการถูกทำลายจนมอดไหม้!
“หวังเป่าเล่อ!!” องค์ชายไม่รู้สิ้นไม่สุขุมเหมือนอย่างเคยแล้ว ผมเผ้ากระเซิงไปหมด อับอายถึงขีดสุด ครั้งนี้มันมากเกินไปสำหรับเขาจริงๆ
ผู้พิทักษ์กฎทั้งหมดสิ้นชีพ ตัวเขาเองก็เกือบจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ ขณะเดียวกันบาดแผลจิตวิญญาณพวกนั้นก็มากขึ้น เขาคิดว่าตนเป็นฝ่ายคิดบัญชีคนอื่น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตนจะเป็นฝ่ายที่ถูกคิดบัญชีเสียเอง
ไร้เหตุผลรึ?ร สะเพร่ารึ? ล้วนโกหกทั้งเพ!
ตั้งแต่ต้นจนจบ หวังเป่าเล่อตรงหน้าก็หลอกล่อเขา วางท่าทีหนักแน่น จุดประสงค์เพื่อทำให้เขาติดกับ
เช่นนี้อีกฝ่ายจึงสามารถบดขยี้เขาได้โดยไม่ต้องออกแรงมากนัก ต่อให้เป็นการจับคู่อย่างเท่าเทียม แต่ทันทีที่เข้าโรมรันก็ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่อื่นๆ ได้
ฉับพลันองค์ชายไม่รู้สิ้นก็เข้าใจทั้งหมด แต่ยิ่งเข้าใจมากเท่าไร เขาก็ยิ่งขุ่นเคืองและโกรธแค้นมากเท่านั้น
เพราะเขาสูญเสียมากเกินไป ไม่ใช่เสียเพียงผู้พิทักษ์กฎ ร่างกายบาดเจ็บ ร่องรอยพลังงานอ่อนแอลงมาก แม้แต่ฐานการฝึกฝนก็ยังถูกทำร้ายจนลดต่ำ ไม่ใช่ดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักรอีกแล้ว แต่กลายเป็นดารานิรันดร์ชั้นปลาย
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจพลาดเพียงครั้งเดียว!
ณ เวลานี้ไม่ใช่เขาที่โกรธแค้นและหวาดหวั่น ทว่าผู้ฝึกตนทั้งหมดที่ได้เห็นฉากนี้กับตาตนเองต่างเกิดคลื่นยักษ์ขึ้นในใจ การลงมือของหวังเป่าเล่อโหดร้ายเกินไปจริงๆ!
การแย่งชิงเตาหลอมก่อนหน้านี้เรียกได้เพียงว่าครอบงำ แต่ไม่ถึงขั้นโหดร้าย ทว่าการต่อสู้กับองค์ชายไม่รู้สิ้นนั้นโหดเหี้ยมอำมหิตมาก นั่นทำให้ทุกคนสูดหายใจเข้าลึกๆ ขณะเดียวกันก็เกิดความกลัวต่อหวังเป่าเล่อมากยิ่งขึ้น
“ฐานการฝึกฝนแข็งแกร่ง แผนการล้ำลึก…”
“ครอบงำจนมืดมนและโหดร้าย…”
“จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายถือกำเนิดคนชั่วร้ายเช่นนี้ออกมา!!”
ไม่ใช่แค่คนที่แย่งชิงเตาหลอมเท่านั้นที่ตกตะลึง อีกสามกองกำลังในเตาหลอมหลักต่างมีท่าทีราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจจนจิตใจสั่นสะท้าน
ในกองกำลังที่มีร่างมายาของมังกรเงินนั้น มันกำลังจ้องมองหวังเป่าเล่อ เตาหลอมด้านล่างพลัน ปรากฏเงาร่างของสตรี รูปร่างสูงสง่าคนหนึ่งกำลังมองไปทางหวังเป่าเล่อ
ภายในเตาหลอมที่มีพลังหมุนเวียนธาตุทั้งห้าเป็นกระบี่โบราณห้าเล่มก็เช่นกัน จะเห็นได้ว่าเด็กหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างใน และตอนนี้เขาได้ลืมตาขึ้นแล้ว
สุดท้ายคือเตาหลอมที่ตระกูลไม่รู้สิ้นครอบครอง ข้างในนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งดูจากอารมณ์และร่องรอยพลังงานแล้วคาดว่าจะเป็นองค์ชาย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันกับคนที่ถูกหวังเป่าเล่อทำร้าย
หวังเป่าเล่อไม่สนใจสายตาทุกคนรอบด้าน ตอนนี้ดวงตาของเขากวาดไปยังองค์ชายไม่รู้สิ้นผู้ซึ่งสีหน้าซีดเซียว ดวงตาฉายแววโกรธเกรี้ยวและกัดฟันเรียกชื่อของเขาเบาๆ
“เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงเอ่ยชื่อข้า!” ขณะที่กล่าว ร่างของหวังเป่าเล่อสั่นไหววูบหนึ่ง ก่อนจะหายวับ สีหน้าองค์ชายไม่รู้สิ้นเปลี่ยนไปอีกครั้ง จากนั้นจึงถอยหลังเร็วจี๋โดยไม่ลังเล เป้าหมายคือจุดที่องค์ชายไม่รู้สิ้นอีกผู้หนึ่งอยู่
แต่เขาก็ยังเร็วไม่เท่าหวังเป่าเล่อ ไม่ทันได้จากไปไหนไกล อากาศข้างกายก็พลันบิดเบี้ยว หวังเป่าเล่อก้าวออกมาแล้วยกเขาด้วยมือขวา!
“เจ้าคิดจะฆ่าข้าหรือ” หวังเป่าเล่อกล่าวเสียงเรียบ ออกหมัดกระแทกองค์ชายไม่รู้สิ้นผู้นี้ด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนเกิดรอยแตกบนร่าง เลือดสาดกระเซ็น และไม่รอให้องค์ชายไม่รู้สิ้นส่งเสียงร้อง หวังเป่าเล่อก็เหวี่ยงหมัดชกเข้าอีกครั้ง!
“เจ้ายังจะด่าข้าว่าโง่อีกหรือไม่” หมัดนี้กอปรกับพลังแห่งความเร็วแล้วรุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้า เสียงกระแทกดังขึ้นพร้อมกับร่างองค์ชายไม่รู้สิ้นที่กระเด็นขึ้นไปในอากาศ ร่างกายมีรอยร้าว แม้แต่กระดูกก็แตกละเอียด ทั่วทั้งร่างราวกับกำลังจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
“เจ้ายังจะกล้าเรียกชื่อข้าอีกหรือไม่” จิตสังหารสว่างวาบในดวงตาหวังเป่าเล่อ ร่างกายไล่ตามไปจนทัน กำลังจะยกเท้าเหยียบองค์ชายไม่รู้สิ้น
ทว่า ตอนนั้นเองก็มีเสียงเย็นชาจากองค์ชายไม่รู้สิ้นผู้นั้นที่อยู่ในเตาหลอมดังขึ้น
“สหาย ทำร้ายได้ แต่สังหารไม่ได้”
หวังเป่าเล่อไม่แม้แต่จะเหลือบมอง แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ส่วนคนผู้นั้นก็เพียงแค่เอ่ยปาก ไม่ได้ขัดขวาง เห็นได้ชัดว่า…เพียงแค่กล่าวไปตามหน้าที่ในฐานะเพื่อนร่วมตระกูล หากแต่การลงมือขัดขวางไม่ใช่หน้าที่เขา
เรื่องนี้ย่อมไม่อาจรอดพ้นสายตาหวังเป่าเล่อ ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายก็ควรจะลงมือตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งความจริงนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่หวังเป่าเล่อลงมือรุนแรงโดยที่ไม่คิดมากตั้งแต่เริ่ม
ดังนั้นเขายังคงกระแทกเท้าลงไปเสียงดังสนั่น องค์ชายไม่รู้สิ้นถูกโจมตีติดกันจนทั้งร่างกาย เลือดเนื้อ และกระดูกแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้านวิญญาณเทพนั้นไม่รู้ว่าใช้เคล็ดวิชาใด ในพริบตาที่กายเนื้อแตกละเอียดก็แผ่พลังรุนแรงออกมา จนร่างของหวังเป่าเล่อกระเด็นออกไปอย่างแรง
วิญญาณเทพขององค์ชายส่งเสียงกรีดร้อง ก่อนจะถูกพลังปราณมืดม้วนตลบพาควบหนีไปไกล ไม่นานก็พุ่งออกจากใจกลางจักรวาลสีเทา หลบหนีไปแล้ว
“หวังเป่าเล่อ!!” เสียงเรียกดังขึ้น วิญญาณเทพขององค์ชายไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าจุดที่เขาพุ่งไปตอนนี้มีปลาสีดำตัวหนึ่ง ลาตัวหนึ่ง และผู้เยาว์ที่คล้ายกับพวกหัวขโมยกำลังเหาะเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็วด้วยดวงตาที่ไร้ความปรานี
ไม่ใช่แค่เขาที่ไม่ได้สังเกตเห็น ในที่แห่งนี้นอกจากหวังเป่าเล่อและดารานิรันดร์ทุกคนแล้ว ก็ไม่มีใครเห็นฉากนี้ทั้งสิ้น ตอนนี้พวกเขาต่างกำลังตกตะลึงกับการลงมือของหวังเป่าเล่อ
หวังเป่าเล่อเองไม่ได้สนใจผู้ที่หนีอีกต่อไป เขาเคลื่อนย้ายร่างร่างขึ้นไปบนเตาหลอมที่เด็กสาวจากสำนักแห่งความมืดอยู่ มองลงมาก่อนจะโบกมือขวา ทันใดนั้นผนึกก็ปลดออก เด็กสาวที่ติดอยู่ข้างในพลันพุ่งขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตาฉายแววชื่นชม ก่อนจะส่งเสียงโห่ร้อง
“ท่านอาเก่งที่สุด!”
“ข้าไม่ใช่ท่านอาของเจ้า!” หวังเป่าเล่อกวาดตามองเด็กสาว เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสำนักแห่งความมืดบนตัวอีกฝ่าย แต่ในใจยังมีความระแวงอยู่เล็กน้อย และเริ่มร้องเรียกศิษย์พี่ของตนในใจ
“ศิษย์พี่ เจ้าลูกหมีนี่เป็นใครกัน?”
“ลูกอะไร” ไม่นานดวงจิตเทพของหวังเป่าเล่อพลันมีเสียงแปลกใจของเฉินชิงจื่อดังกลับมา
“หืม? เด็กสาวจากสำนักแห่งความมืดตรงหน้าข้าน่ะ” หวังเป่าเล่อชะงัก
“ตรงหน้าเจ้า? ตรงหน้าเจ้าไม่มีอะไร…” ทันทีที่ได้ยิน ดวงตาหวังเป่าเล่อพลันหดแคบ เมื่อหันไปมองเด็กสาวอีกครั้ง นางก็…หายไปแล้ว!
หวังเป่าเล่อใจเต้นแรง หันมองรอบกายอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าทุกคนต่างไม่มีทีท่าประหลาดใจแม้แต่น้อย ราวกับว่า…พวกเขามองไม่เห็นเด็กสาวคนนั้นตั้งแต่แรก ราวกับว่าทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นภาพลวงตาของเขาเอง!
……………………………………………………….