หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1162 ความเป็นเจ้าของ!
ความเป็นเจ้าของ นี่เป็นคำจำกัดความที่คลุมเครือมาก
บางทีอาจมีความหมายพิเศษบางอย่าง สำหรับคนที่รู้สึกขาดความปลอดภัย
หวังเป่าเล่อเคยรู้สึกปลอดภัยมาก่อน นับตั้งแต่เขาก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกตน เขาก็มีความสุขดี แต่ยิ่งเดินไปบนเส้นทางนี้ เขาก็ยิ่งเข้าใจความจริงของโลก ยิ่งฐานการฝึกฝนของตนเพิ่มขึ้น ยิ่งได้รับรู้ที่มาของตนความสุขก็เริ่ม…จางหายไป
โดยเฉพาะ…ศิษย์พี่ที่เปลี่ยนไปตรงหน้าทำให้หัวใจหวังเป่าเล่อสับสนและจมดิ่งลงเรื่อยๆ
เขาไม่ชอบศิษย์พี่ในตอนนี้เลย แม้สายตาคู่นั้นจะยังอ่อนโยน แต่หวังเป่าเล่อก็ยังสัมผัสได้ถึงความเย็นชาจากก้นบึ้งหัวใจ
เต๋าสวรรค์ ไร้ความรู้สึก
หวังเป่าเล่อเคยได้ยินประโยคนี้ และตอนนี้ก็ได้ประจักษ์แก่สายตาแล้ว
ชั่วขณะหนึ่งหวังเป่าเล่ออยากออกไปจากสำนักแห่งความมืดที่ตนเพิ่งมาถึง อยากกลับไปที่ดาราจักรไฟหรือไม่ก็กลับไปที่สหพันธรัฐ กลับไปที่โลก กลับไปหาบิดาและมารดา
แต่เขาก็เข้าใจดีว่านอกจากเขาจะยอมแพ้ เขาก็ยังต้องเดินไปบนเส้นทางนี้ต่อไป เพราะเขามีห่วง มีความกังวล
ได้เห็นว่าโลกใบนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า สิ่งดีงามทั้งหลายจะกลายเป็นเถ้าถ่าน อีกทั้งตัวเขายังมีโอกาสไม่ใช่ตัวเขาอีกต่อไป
หวังเป่าเล่อไม่อยากเห็นภาพนั้น จึงทำได้เพียงพยายามดิ้นรนและเปลี่ยนแปลงมัน
“ดูเหมือน…กระบี่จะแยกโลกออกจากกัน!! เรื่องใหญ่สิ้นสุดลง ปัญหาต่างๆ ก็พลอยสิ้นสุดลงไปด้วย ทุกอย่างจะแจ่มชัด!” เสียงถอนหายใจดังมาจากก้นบึ้งหัวใจหวังเป่าเล่อ ราวกับติดอยู่ในใยแมงมุมยักษ์ เขาตั้งใจจะฉีกทุกอย่างออกจากกัน ทว่าตอนนี้เขายังไม่แข็งแกร่งพอ
ขณะที่อารมณ์แผ่ซ่าน หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้สนใจคนที่ส่งสายตาเกลียดชังมาให้ เพราะเขากำลังคิดถึงอาจารย์ในสำนักแห่งความมืดของตน คิดถึงทุกอย่างในนิมิตมืด
“ดูอีกที ดูอีกที…อย่าด่วนตัดสินใจ ถึงอย่างไรสำหรับผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดที่นี่ ข้าก็คือคนนอกที่เพิ่งมาถึง ความเกลียดชัง ความไม่เห็นชอบเป็นเรื่องธรรมดา” หวังเป่าเล่อพึมพำในใจ และเหาะตามเฉินชิงจื่อกับผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดที่มาต้อนรับไปยังดวงดาวแห่งความมืด
ระหว่างทางผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดส่วนใหญ่ต่างเหลือบตามองมาทางหวังเป่าเล่อ เรื่องตัวตนของหวังเป่าเล่อนั้นหากพวกเขาไม่รู้มาก่อน แต่เปลวไฟสีดำอันเข้มข้นบนร่างของเขาในขณะนี้ คนของสำนักแห่งความมืดทุกคนย่อมไม่มีทางไม่รู้สึกถึงมันและไม่มีทางที่จะไม่รู้ความหมายของเปลวไฟสีดำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหวังเป่าเล่อเหยียบเข้ามาในพื้นที่ของแม่น้ำแห่งความมืด จู่ๆ แม่น้ำทั้งสายก็เกิดคลื่นปั่นป่วนส่งเสียงคลื่นดังสะท้อนไปทั้งความว่างเปล่าราวกับกำลังต้อนรับการมาถึงของหวังเป่าเล่อ ขณะเดียวกันบนหว่างคิ้วของเขาก็ค่อยๆ ปรากฏตราประทับขึ้น
นั่นคือตราประทับบุตรแห่งความมืด!
การปรากฏของตราประทับนั้นไม่อาจควบคุมได้ หวังเป่าเล่อลูบหว่างคิ้วของตน แต่ไม่ได้กล่าวอะไร ผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดโดยรอบต่างก็นิ่งเงียบเช่นกัน เหล่าคนหนุ่มสาวที่มองเขาอย่างเกลียดชังก่อนหน้านี้ยิ่งทวีความเกลียดชังมากขึ้นไปอีก
เฉินชิงก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน
หวังเป่าเล่อค่อยๆ ตามทุกคนข้ามแม่น้ำแห่งความมืดไปเงียบๆ และค่อยๆ เข้าใกล้ดวงดาวแห่งความมืดที่แผ่พลังปราณโบราณดวงนั้น
บางทีอาจเป็นเพราะแม่น้ำแห่งความมืดหรืออาจเป็นเพราะดวงดาวแห่งความมืด ไอมรณะในที่แห่งนี้จึงยิ่งเข้มข้นและยังมีเกราะคุ้มกันไว้อีกด้วย
เกราะคุ้มกันนี้ต้องใช้เคล็ดวิชาเฉพาะถึงจะเข้าไปได้ ซึ่งผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดเหล่านั้นย่อมมีอยู่แล้วจึงไม่ได้ถูกกีดขวาง เฉินชิงจื่อในฐานะเต๋าสวรรค์ก็เช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าหวังเป่าเล่อไม่มี
ดังนั้นหลังจากทุกคนเข้าไปในเกราะคุ้มกันจนหมด ร่างของหวังเป่าเล่อจึงถูกขวางไว้ข้างนอก
เขายืนอยู่ตรงนั้น มองดูทุกคนข้างในผ่านเกราะคุ้มกัน ไม่มีใครเอ่ยอะไร พวกเขากำลังมองหวังเป่าเล่ออยู่
หวังเป่าเล่อหันมองเฉินชิงจื่ออีกครั้ง ทว่าเฉินชิงจื่อยังคงทำหน้าปกติ หลังจากสบตาหวังเป่าเล่อแล้ว จู่ๆ หวังเป่าเล่อก็เผยยิ้ม เขาเข้าใจความจริงบางอย่างแล้ว
ศิษย์พี่…เป็นเต๋าสวรรค์มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
เต๋าสวรรค์ไร้ความรู้สึก นี่เป็นส่วนหนึ่งของกฎ เช่นเดียวกัน…เต๋าสวรรค์ยุติธรรม นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของกฎ มาถึงสำนักแห่งความมืดแล้วจะยืนหยัดได้หรือไม่ จะเป็นบุตรแห่งความมืดที่ได้รับการยอมรับจากพวกเขาได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตน
แต่พวกเขาไม่รู้ว่าการยอมรับหวังเป่าเล่อในฐานะบุตรแห่งความมืดนี้ มาจากอาจารย์ในนิมิตมืดและอดีตศิษย์พี่ของเขา
เขาไม่สนใจสำนักแห่งความมืดและนอกจากสองคนนี้ เขาก็ไม่ได้มีความทรงจำที่ซาบซึ้งอะไรกับที่นี่อีกแล้ว
“ดูอีกที…ดูอีกที…” สายตาหวังเป่าเล่อสงบนิ่ง มือขวายกขึ้น พลังแห่งกายเนื้อพลันปะทุขึ้น เปลวไฟสีดำในร่างกายส่งเสียงคำราม ตราประทับบนหน้าผากเปล่งแสงเจิดจ้า ก่อนที่เขาจะกดลงบนเกราะคุ้มกันตรงหน้าเบาๆ
ทันใดนั้นเกราะคุ้มกันพลันบิดเบี้ยว จากนั้นจึงค่อยๆ อ่อนลง หวังเป่าเล่อก้าวเข้าไป หลังจากเขาเหยียบเข้ามาได้อย่างราบรื่น เหล่าผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดต่างหรี่ตาลง ไม่กล่าวอะไร เพียงแค่หันไปก้มหัวให้เฉินชิงจื่อและเดินทางต่อไป
เฉินชิงจื่อพยักหน้าให้หวังเป่าเล่อ หวังเป่าเล่อสีหน้าไร้อารมณ์และเดินตามหลัง ระหว่างทางเขาก็ได้เห็นภาพรวมของดวงดาวแห่งความมืดในที่สุด พื้นดินเป็นสีเทา ท้องฟ้าเป็นสีดำ สีของโลกทั้งใบนี้มืดมนนัก
ในโลกอันแสนมืดมนมีหอวิจิตรตระการตาอยู่ทุกหนแห่ง หอใหญ่เหล่านี้จัดวางไว้ด้วยกันเพื่อสร้างเป็นวงแหวนปราณขนาดใหญ่
วงแหวนปราณนี้มีอยู่ทุกที่ และทุกอย่างในที่แห่งนี้…หวังเป่าเล่อไม่รู้สึกแปลกตาแต่อย่างใด นี่คือสำนักแห่งความมืดที่เขาเห็นในนิมิตมืด
เขายังเห็นวังที่เขาเคยอยู่ในนิมิตมืด และเห็นผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดที่อัดแน่นอยู่ในจัตุรัสสำนักแห่งความมืดขณะนี้
มีจำนวนประมาณ 1,000,000 คน
ขณะเดียวกันบนแผ่นดินของสำนักแห่งความมืดยังมีรูปปั้นแกะสลักขนาดมหึมาเก้าชิ้น หวังเป่าเล่อเหลือบมอง จ้องมองรูปปั้นแกะสลักตัวที่เก้าที่เด่นสะดุดตาที่สุดเป็นเวลานาน ก่อนจะหยุดฝีเท้าและประสานมือคำนับพร้อมพึมพำในใจ
“อาจารย์”
รูปปั้นแกะสลักนั้นก็คืออาจารย์ในนิมิตมืดของเขา ผู้อาวุโสคนที่เก้าของสำนักแห่งความมืด หมิงคุนจื่อ
หวังเป่าเล่อจำสิ่งที่อาจารย์พูดกับตนขณะที่นิมิตมืดสิ้นสุดลงได้เสมอ
“ทุกสิ่งเป็นดั่งใจก็ดี”
เขาหลับตาลง ยามที่ลืมขึ้นอีกครั้งก็มองไปยังเฉินชิงจื่อที่อยู่ไกลๆ เฉินชิงจื่อเองก็กำลังมองหวังเป่าเล่ออยู่เช่นกัน หลังจากทั้งสองสบตาแล้ว อีกฝ่ายก็หลบตาหวังเป่าเล่อ
“เป่าเล่อ คำตอบที่เจ้าต้องการนั้นข้ายังต้องคิดดูก่อนถึงจะบอกเจ้าได้”
“ไม่ว่าจะเพื่อศิษย์พี่หรือเพื่อตัวข้าเอง ข้าก็สามารถเหยียบเข้าไปในแม่น้ำแห่งความมืดสายนี้ได้ทั้งนั้น ดังนั้นศิษย์พี่ไม่ต้องรีบตอบหรอกขอรับ ไว้ก่อนที่ข้าจะเข้าไปในที่แห่งนั้น ท่านค่อยตอบย่อมได้” เขาประสานมือ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา ไม่มีอารมณ์จะไปสนใจคนของสำนักแห่งความมืดรอบด้านที่ดูเหมือนจะไม่ยอมรับเขา ร่างพลันกะพริบและพุ่งตรงไปยังประตูภูเขาสำนักแห่งความมืดข้างหน้า
ผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดบางคนพลันขมวดคิ้วมุ่นราวกับไม่พอใจที่หวังเป่าเล่อเป็นฝ่ายบุกเข้าไป แต่หลังจากมองเฉินชิงจื่อแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไร ในนั้นยังมีผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดบางคนกำลังยิ้มเยาะ
เพราะ…วงแหวนปรากฏคุ้มกันของสำนักแห่งความมืดไม่ใช่แค่ข้างนอกดวงดาวเท่านั้น ข้างในประตูภูเขายังมีค่ายกล นับพัน ต่อให้เป็นบุตรแห่งความมืด หากไม่คุ้นชินกับมัน อีกทั้งยังไม่มีเคล็ดวิชาที่ถูกต้องก็ย่อมอับอายเป็นแน่
แต่ในพริบตาก็เกิดภาพที่ทำให้ผู้คนต้องตกอกตกใจไม่น้อย หวังเป่าเล่อเหาะไปตามทาง และทันทีที่เหยียบย่างเข้าไปในเขตประตูภูเขา วงแหวนปราณคุ้มกันที่ควรจะปรากฏขึ้นกลับสลายไปเองด้วยผนึกมุทราจากมือข้างเดียว ร่างของเขาที่เหาะเหินไปตามทางนั้นดูคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้มาก เพิกเฉยต่อวงแหวนปราณทั้งหมดราวกับกลับมาบ้านตนเอง พุ่งเข้าไปในประตูภูเขาและพุ่งไปยัง…หอบุตรแห่งความมืดในสำนักแห่งความมืด!
นั่นก็คือหอใหญ่ที่ไม่มีใครเคยย่างกรายเข้าไปตั้งแต่สร้างขึ้น ขณะที่หวังเป่าเล่อเข้าไปใกล้ เหล่าผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ของสำนักแห่งความมืดก็ยิ่งทวีความเกลียดชัง เวลาเดียวกันความสงสัยใคร่รู้ก็ก่อเกิด…เพราะดูจากการกระทำของหวังเป่าเล่อแล้ว เขาดูคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ดีราวกับเคยอยู่มานานอย่างไรอย่างนั้น
“ที่นี่เคยเป็นบ้านของเขา” เฉินชิงจื่อจ้องมองแผ่นหลังของหวังเป่าเล่อ ความเย็นชาในดวงตาผสมปนเปไปกับความอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆ สลายไปอีกครั้งและกลายเป็นเย็นชาดังเดิม
“อีกหนึ่งเดือนแม่น้ำแห่งความมืดจะเปิดออก พวกเจ้าต้องทำภารกิจนี้…กอบกู้ซากจักรพรรดิโลกันตร์…ขึ้นมา!”
“มีเพียงการควบคุมแม่น้ำแห่งความมืดเท่านั้นที่สำนักแห่งความมืด จะเป็นจุดยุทธศาสตร์ของโลกนี้และผนึกทุกสิ่ง!”
……………………………