หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1181 ทอดถอนใจแห่งความรัก
นี่คือความจริงที่หมิงคุนจื่อไม่ได้บอกหวังเป่าเล่อ
หมิงคุนจื่อที่อยู่ตรงนี้ไม่ใช่ชั้นกายเนื้อ แท้จริงแล้วในการต่อสู้คราวนั้น หมิงคุนจื่อได้ดับสูญไปแล้ว เพียงแต่ว่าระหว่างเขาและจักรพรรดิแห่งความมืดมีความสัมพันธ์บางอย่างที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ดังนั้นเขาจึงอยู่ที่นี่เพื่อฟื้นตัว
ด้วยเหตุนี้จึงได้เกิดนิมิตมืดขึ้นมา และเรื่องรับหวังเป่าเล่อไว้เป็นศิษย์ ทุกสิ่งย่อมมีค่าตอบแทน หมิงคุนจื่อที่ฟื้นตัวอยู่ที่นี่เป็นเพียงร่างวิญญาณ ภารกิจของเขาไม่ใช่เรื่องการเวียนว่ายของสำนักแห่งความมืดแทนเต๋าสวรรค์อีกต่อไป หากแต่ภารกิจของเขา…คือปกป้องสุสานจักรพรรดิแห่งความมืด
สุสานจักรพรรดิแห่งความมืดไม่อนุญาตให้ผู้ใดมารบกวน แม้จะเป็นศิษย์สำนักแห่งความมืดก็เช่นกัน หากมาที่นี่ เป็นการไม่ให้ความเคารพ
ดังนั้น…หากคิดจะนำซากศพจักรพรรดิแห่งความมืดไป สิ่งที่ต้องทำก็คือทำให้หมิงคุนจื่อดับสูญไปอย่างแท้จริง หากเขาดับสูญอย่างสมบูรณ์แล้ว โลงศพจักรพรรดิแห่งความมืดจะเปิดออกได้เอง
หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นมาที่แห่งนี้ ไม่อาจได้ซากศพจักรพรรดิแห่งความมืดไปอย่างแน่นอน แม้หมิงคุนจื่อจะเป็นร่างวิญญาณ แต่ก็เคยเป็นเก้าผู้อาวุโสสำนักแห่งความมืดมาก่อน ระดับฝึกตนของเขาเทียมฟ้า พลังล้ำลึกยากที่จะหยั่งได้ ไม่ต้องกล่าวถึงสำนักแห่งความมืดตอนนี้ แม้จะเป็นจักรพรรดิสวรรค์หลายท่านของตระกูลไม่รู้สิ้นอยู่ที่นี่ ก็จนปัญญา
เฉินชิงจื่อแม้จะเป็นศิษย์ของเขา แต่ก็นำไปไม่ได้เช่นกัน เพราะ…นี่คือหลักการและภารกิจของหมิงคุนจื่อ เขาจะไม่ละเว้น และไม่ยินยอม ทว่ามีเพียง…หวังเป่าเล่อเท่านั้น ที่เป็นจุดอ่อนของเขา
เขาสำนึกเสียใจที่รับหวังเป่าเล่อไว้เป็นศิษย์ เพราะเห็นความทนทุกข์ของหวังเป่าเล่อ เห็นแรงกดดันที่หวังเป่าเล่อได้รับ และขณะที่ทุกข์ใจ เขาก็ชื่นชมหนทางเต๋าของหวังเป่าเล่อ ชื่นชมที่หวังเป่าเล่อไม่เปลี่ยนความตั้งใจเดิม
แต่สุดท้าย…ก้นบึ้งของหัวใจยังรู้สึกผิด ดังนั้นมีเพียงหวังเป่าเล่อที่จะสามารถทำให้เขาสะท้อนใจได้ ทำให้เขาไม่สามารถปฎิเสธได้ และเลือกฝ่าฝืนเส้นทางของตนเอง เลือก…ที่จะเติมเต็มศิษย์ของตนผู้นี้
ทั้งหมดนี้ เฉินชิงจื่อรู้ดี หากเปลี่ยนเป็นก่อนหน้าที่ยังไม่หลอมรวมเต๋าสวรรค์ บางทีเฉินชิงจื่อคงทำเรื่องเช่นนี้ไม่ได้ แต่หลังจากหลอมรวมเต๋าสวรรค์แล้ว…เขาเป็นเต๋าสวรรค์ก่อน จากนั้นจึงเป็นเฉินชิงจื่อ
ดังนั้น จึงได้มีการมาของหวังเป่าเล่อ
นี่เป็นแผนการ แผนที่หมิงคุนจื่อไม่ยอมบอก เฉินชิงจื่อเลือกใช้แผนการล้ำลึก
ร่างหวังเป่าเล่อสั่นเทา สิ่งที่ขวดปรารถนานำมาให้เขา ไม่เพียงเป็นสายตาทะลวงความจริง ซ้ำยังทะลวงความคิดของแผนการ แม้จะภายในชั่วเวลาสั้นๆ ก็มีคำตอบมากมายผุดขึ้นในก้นบึ้งของหัวใจ
ในขณะที่คำตอบนี้ผุดขึ้น ฉับพลันนั้นก็ปรากฎริ้วเลือดขึ้นในดวงตาของเขา หวังเป่าเล่อแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เขา…ใช้สายตาเช่นนี้มองไปที่นั่น…ร่างที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้า!
แม้ในสำนักแห่งความมืด หวังเป่าเล่อจะถูกขับไล่ แม้นอกแม่น้ำแห่งความมืด หวังเป่าเล่อจะถูกต่อต้าน เขาไม่เคยแยแส ทว่า ตอนนี้…ฟางเส้นสุดท้ายของเขาได้มาถึงแล้ว สายตาของเขามีความกรุ่นโกรธ มีความไม่อยากเชื่อ มีการต่อสู้ ก่อนจะคำรามเสียงต่ำออกมา
“ศิษย์พี่ นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”
เฉินชิงจื่อนิ่งเงียบ
หวังเป่าเล่อยิ้มขื่น และถอยกลับในทันที เสียงชราของหมิงคุนจื่อ ดังก้องไปทั่วทิศ
“เป่าเล่อ!”
หวังเป่าเล่อชะงักฝีเท้า มองไปทางอาจารย์ ในใจเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม เต็มไปด้วยความสูญเสียที่ระบายออกมาไม่ได้
“เมื่อครู่เจ้าถามอาจารย์ เหตุใดจึงกล่าวว่าเต๋าของเจ้ายังไม่สมบูรณ์ ตอนนี้อาจารย์จะให้คำตอบแก่เจ้า” หมิงคุนจื่อกล่าวออกมาช้าๆ สีหน้ายังคงอบอุ่น สายตาแห่งความรักและเมตตายิ่งล้ำลึก
“การตระหนักรู้เต๋าของเจ้าในครั้งแรก แม้จะสำเร็จ แต่หลักของเต๋ายังไม่มั่่นคง ด้วยเหตุนี้วิญญาณทั้งหมด ต่างก็เป็นภาพลวง มิใช่แท้จริง…ดังนั้น หากต้องการทำให้เต๋าของเจ้าก่อขึ้นอย่างแท้จริง เจ้าต้อง…ทำให้ดวงวิญญาณที่แท้จริงพ้นทุกข์”
“และข้า ก็คือดวงวิญญาณนี้ ดวงวิญญาณที่เตรียมไว้ให้เจ้า ทำให้อาจารย์พ้นทุกข์เถอะ เจ้าข้าอาจารย์ศิษย์ เริ่มจากนิมิตอันยิ่งใหญ่ สุดท้ายจบลงที่สุสานนี้”
หวังเป่าเล่อร่างกายสั่นสะท้าน ดวงตาแดงก่ำ ร่างกายของเขาขยับถอยหลังอีกครั้งมองไปที่อาจารย์ ดวงตาเผยให้เห็นถึงความแน่วแน่ จากนั้นจึงค่อยๆ ส่ายหน้า
พ้นทุกข์ นี่เป็นวิธีกล่าวของสำนักแห่งความมืด ในความเป็นจริงก็คือดับสูญ แม้จะวาดใบหน้าซากศพใหม่ ลิขิตชะตากรรมใหม่ เข้าสู่การเวียนว่ายใหม่ แต่…ผู้นั้นหลังจากการเวียนว่าย ไม่ใช่อาจารย์ของตนอีกต่อไป
คนนอกอาจไม่ได้เข้าใจเช่นนั้น แต่หวังเป่าเล่อในฐานะที่เป็นบุตรแห่งความมืด เหตุใดเขาจะไม่รู้ว่า หลังจากการเวียนว่าย แม้จะมีต้นกำเนิดเดียวกัน แต่ก็มิใช่ร่างเดิม
ในโลกนี้ เดิมทีก็ไม่มีดอกไม้ใดที่เหมือนกันทุกประการ
เขาวาดใบหน้าซากศพให้ผู้อื่นและส่งกลับไปเวียนว่ายตายเกิด หวังเป่าเล่อทำเรื่องพวกนี้ได้ด้วยอารมณ์มั่นคง แต่หากลงมือให้อาจารย์พ้นทุกข์ด้วยตนเอง เขาย่อมทำไม่ได้ ด้วยเพราะอาจารย์ในเวลานี้ เดิมอายุยืนยาวไร้ที่สิ้นสุด และที่เรียกว่าพ้นทุกข์นั้น ก็ไม่ต่างอะไรไปกับการ…สังหารอาจารย์
“ท่านอาจารย์ ซากศพจักรพรรดิแห่งความมืด ข้าไม่เอาแล้ว!” เส้นเลือดที่หน้าผากหวังเป่าเล่อนูนขึ้น คำรามเสียงต่ำแล้วถอยกลับไปอีกครั้ง แต่ขณะที่เขาถอยกลับ ผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดที่เฝ้าดูอยู่ในที่ไกลๆ เหล่านั้น ตอนนั้นเองก็มีร่างสิบกว่าร่างพลันปรากฏขึ้น พุ่งตรงเข้ามาที่นี่ในทันที
ในบรรดาคนเหล่านี้ ผู้ที่อ่อนแอที่สุดต่างเป็นดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักร และยังมีสามท่านเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จักรพิภพ เวลานี้พวกเขารีบเร่งเข้ามา เป้าหมายไม่ใช่หวังเป่าเล่อ แต่เป็น…โลงศพ
พวกเขาต้องการดับโคมวิญญาณที่มองไม่เห็นบนโลงศพนั้น แม้จะไม่รู้วิธี แต่ก็พอตัดสินได้ เมื่อเปิดโลงแล้ว ตะเกียงก็จะดับเอง หากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่นที่หมิงคุนจื่อไม่ยินยอม แน่นอนว่าย่อมไม่อาจทำสำเร็จ แต่ยามนี้…หมิงคุนจื่อเลือกที่จะยอมจำนน
ทันใดนั้น เงาร่างเหล่านี้ก็เข้ามาใกล้ แววสังหารในดวงตาหวังเป่าเล่อปะทุขึ้นครั้งแรกในดาราจักรโลกันตร์ ระดับฝึกตนของเขาหมุนเวียน พลังแห่งกายเนื้อชั้นดาราจักรก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น ดวงวิญญาณเทพของดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักร ดูเหมือนต่างกำลังตะโกนก้อง ร่างกายก่อตัวเป็นซากเงานับสิบสาย ตรงเข้าไปขัดขวางการมาของผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดเหล่านั้น
ขณะเสียงร้องก้องดังขึ้ย ทั้งสองฝ่ายก็ตรงเข้าปะทะกันทางด้านบนของโลง นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเป่าเล่อระเบิดออกในที่แห่งนี้ พลังขณะนั้นเทียมฟ้า ผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดกว่าสิบคน เกือบทั้งหมดหลังจากปะทะกับซากเงาของหวังเป่าเล่อต่างกระอักเลือดและกลิ้งกลับไป สีหน้าแสดงถึงความประหลาดใจ
แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ดาราจักรสามคนนั้น ถึงจะไม่ได้กระอักเลือดออกมา แต่ร่างกายก็สั่นไหวรุนแรง เห็นได้ชัดว่าถูกหวังเป่าเล่ออาศัยพลังของชั้นกายเนื้อและดวงวิญญาณเทพ บังคับให้ถอยไปเจ็ดแปดจั้งโดยตรง
“อย่าได้บังคับให้ข้าต้องสังหาร” ผมของหวังเป่าเล่อปลิวกระจาย เลือดสดๆ ไหลออกทางมุมปาก ยามนี้เผชิญหน้ากับคนมากมายเช่นนี้ แม้จะรับไหวก็ยังได้รับบาดเจ็บ แต่แววตาสังหารของเขากลับยิ่งรุนแรง
จากที่ต้องการได้ซากศพจักรพรรดิแห่งความมืดให้ศิษย์พี่ จนถึงตอนนี้ขัดขวางสำนักแห่งความมืดไม่ให้ได้ไป อย่างแรกคือความมัวเมา อย่างหลัง…ยิ่งเป็นความมัวเมา
ใจมีความมัวเมา จึงนับว่าเป็นการฝึกตน หากไร้ความมัวเมา แม้จะอยู่ร่วมห้วงดารา จะสามารถทำสิ่งใดได้
หวังเป่าเล่อระเบิดการฝึกตนอีกครั้ง ยกมือขวาขึ้นสะบัด ทันใดนั้นแผนที่ดวงดาวด้านหลังก็กลายเป็นภาพลวงตา อาวุธเวทนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่รอบตัวเขา พร้อมกันนั้นก็ส่งประกายสะดุดตา หมิงคุนจื่อถอนใจบางเบา ก่อนจะแหงนหน้ามองเงาร่างของศิษย์อีกผู้หนึ่งของตนบนท้องฟ้า
“เจ้า..ที่แท้แล้วคิดเช่นไร”
ผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดถูกบังคับให้ถอยออกไปจากรอบด้าน ทั้งหมดต่างมีสีหน้าสับสน
“บุตรแห่งความมืด เหตุใดท่านจึงต้องเป็นเช่นนี้…” หนึ่งในจักรพิภพ ในที่สุดก็ยอมรับสถานะของหวังเป่าเล่อ เวลานี้กล่าวอย่างขมขื่น
“พวกข้าทราบว่าท่านลำบาก แต่ทั้งหมดนี้ ล้วนเพื่อการเติบโตของสำนักแห่งความมืดเรา และผู้อาวุโสลำดับเก้าก็เห็นด้วย…”
“บุตรแห่งความมืด โปรดอนุญาตให้พวกเราช่วยท่านบรรลุมหาเต๋า เรื่องหลังจากนี้ พวกเราถือว่าบุตรแห่งความมืดเป็นผู้นำ” ผู้เยี่ยมยุทธ์ดาราจักรทั้งสาม ต่างกล่าวเช่นนี้ออกมา
“ไม่ได้” หวังเป่าเล่อยกมือขวาขึ้นผนึกมุทรา ทันใดนั้นแผนที่ดวงดาวด้านหลังก็ส่งเสียงร้องก้อง เงาแห่งเทพวัวจำแลง ร่องรอยพลังงานระเบิดขึ้นอีกครั้ง สั่นสะเทือนไปรอบด้านทันที เสียงหนึ่งร้องโหยหวนส่งมาแต่ไกล
เสียงที่ส่งออกมานี้ เป็นของคนสองคน หนึ่งคือสตรีที่ซ่อนพลังไว้ผู้นั้น สองคือรักษาการบุตรแห่งความมืดชายผู้นั้น ทั้งสองเวลานี้เหาะมาจากที่ไม่ไกลนัก กลายเป็นสายรุ้งสองสาย ชั่วอึดใจต่างใกล้เข้ามาและเริ่มหลอมรวม
สายรุ้งกำลังหลอมรวม ร่างของพวกเขากำลังผนึกกายและการหลอมรวมนั้นอยู่ได้ไม่นาน เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สายรุ้งก็รวมเป็นหนึ่ง หยินหยางรวมเป็นหนึ่งแล้ว ผู้ที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าหวังเป่าเล่อนั้นไร้เพศ มองระดับการฝึกตนไม่ออก ระดับฝึกตนของมันขณะนี้ ทะลวงผ่านดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักรและตรงไปถึงระดับจักรพิภพ อีกทั้งกลิ่นไอยังน่าหวาดผวากว่าสามผู้เยี่ยมยุทธ์จักรพิภพนั้น
หลังจากปรากฏตัว คนผู้นี้ก็ไม่ชะงักแม้แต่น้อย ตรงไปที่หวังเป่าเล่อ
“สำนักแห่งความมืดรุ่งเรือง ไม่อาจสูญสลาย หวังเป่าเล่อ…เจ้าเสียทีเป็นถึงบุตรแห่งความมืด ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ข้าจะมารับความยิ่งใหญ่ของสำนักแห่งความมืดแทนเจ้าเอง!”
…………………………