หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1210 ยังไม่ได้สติ?
ห้วงเหวย้อนกลับแห่งนี้ มีวงแหวนนับสิบวงที่ก่อตัวขึ้นจากดวงดาวต่างๆ บนท้องนภา เมื่อมองแล้วจะเห็นว่ากว้างใหญ่ไพศาล ภายในวงแหวนทุกๆ วงเกิดขึ้นจากฝุ่นละอองซากปรักพังจำนวนมหาศาล ส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปเปล่งแสงสีม่วงแดงออกมา ยามแสงนี้ตกสู่สายตาจะทำให้ดวงตาทั้งสองข้างเจ็บปวดรวดร้าวจนระเบิด
เหตุเพราะในแสงที่ดูเหมือนสีม่วงแดงนั้น แท้จริงแล้วประกอบด้วยสีที่เกินกว่าสิ่งมีชีวิตสามัญธรรมดาจะมองได้ ขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยกาลเวลาอันยาวนานไร้ที่สิ้นสุด ดังนั้นต่อให้เป็นระดับจักรพิภพจ้องมองมัน แม้จะไม่ตกตายแต่จิตใจก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
ทว่า สำหรับหวังเป่าเล่อ สิ่งเหล่านี้นับเป็นอะไรได้ เขาเพียงแค่หรี่ตาลง กวาดตามองห้วงเหวย้อนกลับแห่งนี้ ขณะที่แผ่กระแสเต๋าไปทั่ว ยืนอยู่ด้านนอกเสาะหาสิ่งที่น่าสงสัยภายใน
ในช่วงเวลาเดียวกับที่หวังเป่าเล่อมาถึง ศูนย์กลางของห้วงเหวย้อนกลับ ภายในเขตสีม่วงแดง ดวงตาของจื่อเยว่พลันหดลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเผยความหวาดผวาตกตะลึงอย่างควบคุมไม่ได้ในทันที
ที่นางตกตะลึงก็คือพลังปราณของหวังเป่าเล่อ ไม่ว่าอย่างไรนางก็คาดไม่ถึงว่าพลังปราณของหวังเป่าเล่อจะพัฒนาได้รวดเร็วเช่นนี้ ความรู้สึกของนางในตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกอันตรายอย่างรุนแรง
และสิ่งที่ทำให้นางพรั่นพรึงยิ่งกว่านั้น ก็คือคิดไม่ถึงว่าการปรากฏตัวของหวังเป่าเล่อจะทำให้เกิดปฏิกิริยาที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ได้ในห้วงเหวย้อนกลับ ต้องรู้ก่อนว่าห้วงเหวย้อนกลับจะรุนแรงเช่นนี้ก็ต่อเมื่อเกิดพายุทำลายล้าง ส่วนช่วงเวลาอื่นๆ ล้วนสงบเงียบไร้ใดเปรียบ
ทว่าเวลานี้…ความวุ่นวายยุ่งเหยิงในนั้นคล้ายกับสูญเสียการควบคุมบางอย่างไปช่วงหนึ่ง และสาเหตุทั้งหมดก็มาจากการมาเยือนของหวังเป่าเล่อ
“เจ้าหวังเป่าเล่อนี่เป็นปราณอะไรกันแน่ เขา…เขาจำอดีตชาติได้แล้วหรือ?” จื่อเยว่ร่างกายสั่นสะท้าน ความทรงจำในอดีตชาติที่นางฟื้นคืนมาได้มีไม่มีนัก แต่ฉากเหตุการณ์ในนั้น เป็นสิ่งที่นางไม่มีทางลืมได้ลง
นั่นก็คือ…ในอดีตชาติแรกๆ ณ ริมแม่น้ำ ขณะที่นางอยากจับปลาวิญญาณตัวหนึ่ง ก็ถูกสายตาหนึ่งจับจ้องจากอากาศ สายตานั้นทำให้นางหวาดกลัวมาจนถึงทุกวันนี้
ความทรงจำนั้น หลังจากที่นางฟื้นคืนมาแล้วก็พินิจพิจารณาอยู่นาน ถึงขนาดใช้กฎพิเศษบางอย่างมาช่วยวิเคราะห์ตัดสิน รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าสายตาของคนผู้นั้นก็น่าจะเป็นหวังเป่าเล่อ
ดังนั้น ยามนั้นนางจึงให้ซงอี้จื่อลองลงมือหยั่งเชิงดู น่าเสียดายที่ตั้งแต่เริ่มจนจบก็ไม่ได้ข้อยืนยันพิสูจน์ จนกระทั่งครั้งนั้นเมื่อถูกหวังเป่าเล่อใช้กระแสเต๋าจับไว้ จื่อเยว่ถึงแอบรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าบางทีอาจจะเป็นหวังเป่าเล่อ
ทว่า ตอนนี้หลังจากได้เห็นด้วยตาตนเอง จื่อเยว่ก็ได้คำตอบในใจแล้ว ดังนั้นสีหน้าจึงยิ่งซีดเผือด รู้สึกว่าวิชาสามชีวิตของตนยังไม่ดีพอ ดังนั้นจึงไหวร่างครั้งหนึ่ง กำลังจะล่าถอย
ตอนนั้นเอง…หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่นอกห้วงเหวย้อนกลับแห่งนี้ก็เอ่ยเสียงเบาออกมา
“หนวกหู!”
ตอนที่เสียงของเขาเปล่งออกมา พลันเกิดเสียงสะท้อนในห้วงเหวย้อนกลับผืนนี้นับไม่ถ้วน!
เสียงสะท้อนเหล่านี้เกิดขึ้นในทุกๆ วงแหวน ยิ่งขณะที่มันสะท้อน ในแต่ละวงแหวนล้วนมีเงามายาลอยขึ้นมาเรื่อยๆ เงาเหล่านี้ส่วนมากล้วนเป็นแผ่นไม้ดำ มีบางเงาเป็นอดีตชาติของหวังเป่าเล่อ
เผ่าเทพ ดาบปีศาจ ความเคียดแค้น ผีดิบ กวางขาวน้อย…เงาร่างเหล่านี้เอ่ยซ้ำคำพูดของหวังเป่าเล่อพร้อมๆ กัน ฉับพลันนั้นวงแหวนที่โคจรในที่รกร้าง รวมทั้งกฎเกณฑ์และข้อบังคับที่สับสนอย่างบ้าคลั่งพลันหยุดลงในพริบตา ราวกับเมื่ออยู่ต่อหน้าหวังเป่าเล่อ ความสับสนวุ่นวายทั้งหมด ณ ที่แห่งนี้ล้วนต้องสงบลง!
เพราะเต๋าของหวังเป่าเล่อนั้นเป็นอิสระ ไร้ข้อผูกมัด!
เพราะวิญญาณของหวังเป่าเล่อได้ผ่านอดีตชาติมาหมดแล้ว ตั้งแต่จักรวาลนี้ถูกสร้างขึ้นจนกระทั่งตอนนี้ มันทั้งหนาทั้งหนัก ยอดเยี่ยมอย่างที่สุด!
เพราะจักรวาลผืนนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ในทุกๆ ชาติล้วนมีเงาร่างของหวังเป่าเล่อ!
ทั้งหมดนี้จึงทำให้หวังเป่าเล่อสามารถใช้เงาร่างในทุกชาติสะกดรอบด้านได้ ใช้ประสบการณ์อันโชกโชนขย่มขวัญ ใช้เต๋าของเขาบดทลายความวุ่นวาย
สรรพสิ่งที่ถูกขจัดจากกฎเกณฑ์และข้อบังคับของเต๋าสวรรค์ล้วนรวมอยู่ที่แห่งนี้ แต่การดำรงอยู่กับเต๋าของเขาไม่ใช่สิ่งที่เต๋าสวรรค์สามารถขจัดออกไปได้ ดังนั้น ณ ที่แห่งนี้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดเขาล้วนอยู่สูงสุด!
ไม่ว่าที่แห่งนี้จะสับสนสุ่นวายเพียงไร เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ต้องว่านอนสอนง่าย นี่เป็นสาเหตุจากความสามารถเฉพาะตัว เป็นการกดดันของวิญญาณเทพ!
หลังจากการสะกด ห้วงเหวย้อนกลับก็สงบเงียบ ส่วนกระแสเต๋าของหวังเป่าเล่อ หลังจากห้วงเหวย้อนกลับสงบลง ก็สัมผัสได้ถึง…กระแสคลื่นเพียงหนึ่งเดียวจากภายใน!
กระแสคลื่นนี้ไม่ได้มาจากชั้นกายเนื้อ แต่มาจากสัมผัสสวรรค์ ภายใต้กระแสเต๋าของหวังเป่าเล่อ กระแสคลื่นของสัมผัสสวรรค์ไม่มีทางหลุดรอดไปได้ ถูกเขาสัมผัสได้ในพริบตา สัมผัสได้ว่าในศูนย์กลางของเขตสีม่วงแดงนั้นมีดวงจิตเทพที่เป็นเป้าหมายของตน
“เจอแล้ว” หวังเป่าเล่อเอ่ยเบาๆ พลางก้าวเดินไปข้างหน้า ก้าวย่างนี้ราวกับย่อส่วนดาวลง เพียงพริบตาก็ข้ามผ่านวงแหวนทั้งหมด ปรากฏตัวขึ้นในเขตศูนย์กลาง ตรงหน้าจื่อเยว่ที่กำลังซ่อนตัวอยู่
แทบจะในพริบตาที่หวังเป่าเล่อปรากฏตัวขึ้น จื่อเยว่ส่งเสียงกรีดร้อง ร่างกายถอยหลังโดยพลัน ขณะมือทั้งสองผนึกมุทรา เส้นใยแต่ละสายก็ประสานรวมกันด้านหน้าฉีกทึ้งอากาศพุ่งเข้าโอบล้อมหวังเป่าเล่อ
เส้นใยเหล่านี้มีมากนับแสนสาย เบียดเสียดแน่นขนัดไปทั้งบริเวณดุจตาข่ายฟ้า!
แต่ละเส้นล้วนมีเงาของดวงดาราปรากฏให้เห็น และในพริบตา ภายในศูนย์กลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย จักรพิภพสำนักเสริม ทั้งสามเขตแดนใหญ่ ล้วนมีผู้คนไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนแต่ละสำนักหรือมหาศิษย์แห่งเต๋าหรือผู้อาวุโส ทั้งหญิงทั้งชาย ทั้งสูงวัยทั้งเยาว์วัย นับแสนคน ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ร่างกายล้วนสั่นขึ้นฉับพลัน
นั่งขัดสมาธิลงพร้อมกัน ใบหน้าขึ้นสีแดง ตอบสนองต่อทางด้านจื่อเยว่อย่างลับๆ พวกเขา…ล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์ดาราของจื่อเยว่ทั้งสิ้น!
ยังมีบางเส้นใยที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับทั้งสามโลก แต่เป็นฝุ่นละอองซากปรักพักในแต่ละวงแหวนของห้วงเหวย้อนกลับแห่งนี้!
จื่อเยว่เวลานี้สู้สุดตัวแล้ว ยามลงมือก็เป็นเคล็ดวิชาลับ ขณะที่ใช้วิชาเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋า คู่ต่อสู้ของหวังเป่าเล่อก็ราวกับเป็นคนจำนวนนับแสน และในเวลาเดียวกันภายในเส้นใยเหล่านี้ยังกอปรด้วยเต๋าจำนวนกว่าครึ่งอยู่ภายในที่แฝงด้วยกฏเกณฑ์และข้อบังคับจำนวนมาก ทั้งชาตินี้และชาติก่อน ตั้งแต่จักรวาลนี้เริ่มต้นขึ้นใหม่นับหลายครา
อานุภาพของมันได้ก้าวล้ำจักรพิภพไปแล้ว ถึงขนาดที่ในบางด้านเต๋าของจื่อเยว่ ในมหาเต๋าของโลกศิลาที่ไม่สมบูรณ์ ก็นับว่าค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว แม้ยังเทียบจักรพรรดิสวรรค์ไม่ได้แต่ก็ยังมีส่วนที่ทำให้จักรพรรดิสวรรค์หวาดกลัว
ยามระเบิดพลังนี้ ดวงตาหวังเป่าเล่อก็ค่อยๆ หรี่มอง แต่ก็เพียงมองเท่านั้น…หากเปลี่ยนสนามต่อสู้เป็นที่อื่น บางทีหวังเป่าเล่ออาจจะอยากสะกดจื่อเยว่ จำเป็นต้องหลอมรวมร่างเข้าด้วยกัน ต้องทุ่มเทสุดกำลังเท่านั้นถึงจะได้
แต่ที่แห่งนี้ เขาไม่จำเป็น
แม้ที่แห่งนี้จะเหมาะสมต่อจื่อเยว่ ทว่ามันกลับเหมาะสมต่อหวังเป่าเล่อยิ่งกว่า
เพราะบนประวัติศาสตร์ของโลกศิลา หวังเป่าเล่อนั้นมาก่อนจื่อเยว่ และที่แห่งนีั…สิ่งที่ใช้ทดสอบกันก็คือความหนักหน่วงที่กาลเวลาแบกรับ เหมือนกับขอบเขตอำนาจ!
“สะกด!” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงเรียบ มือขวายกกดไปทางด้านหน้า ฉับพลันนั้นห้วงเหวย้อนกลับส่งเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ภายในปรากฏเงาร่างของหวังเป่าเล่อทั้งหมด ล้วนยกมือขึ้น สะกดลงพร้อมกัน
และด้านหลังหวังเป่าเล่อ ภายใต้การโคจรดังสนั่นของวงแหวนทั้งหมดในที่แห่งนี้ ร่างหลักแผ่นไม้ดำของหวังเป่าเล่อก็ปรากฏขึ้นราวกับภาพลวงตา อีกทั้งขนาดยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ น่าทึ่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน สะกดลงตามมือที่ลดระดับลงของเขา
เพียงพริบตา จื่อเยว่ส่งเสียงกรีดร้องเสียดแทง กระแสเต๋านับแสนสายด้านหน้านางเริ่มพังทลาย แต่ละสายที่พังทลาย ทำให้ดวงดาวบนนั้นดับสลายลงด้วย ในดินแดนทั้งสามด้านนอก คนที่ถูกนางสร้างเมล็ดพันธุ์ต่างกระอักเลือก ร่างกายกลายเป็นเถ้าธุลี
เพราะพวกเขาต่างเสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่ถูกจื่อเยว่ใช้วิชาเมล็ดพันธุ์ทำให้มีชีวิตราวกับหุ่นเชิดเพียงเท่านั้น
ส่วนพวกที่ไม่ได้กลายเป็นเถ้าธุลี ตอนนี้ก็แห้งเหี่ยวลง ลมปราณทั้งหมดล้วนถูกจื่อเยว่เก็บกลับคืน จื่อเยว่ในเวลานี้ สีหน้าดุร้าย ระเบิดลมปราณทั่วร่างปลดปล่อยแสงสีม่วงออกมา ฝ่ามือของหวังเป่าเล่อราวกับกลายเป็นสวรรค์ตรงหน้านางที่นางปรารถนาจะลุกขึ้นต่อกร
ทว่า…ท้ายที่สุดก็ยังคงไม่ไหว!
ฝ่ามือหวังเป่าเล่อประทับติดต่อกันลงมาไม่หยุด เส้นใยพังทลายลงเรื่อยๆ ขณะที่เสียงกรีดร้องของจื่อเยว่ยิ่งน่าเวทนาขึ้นทุกขณะ ทั้งๆ ที่ร่างของนางยืนอยู่ในอากาศ แต่อากาศที่อยู่เบื้องล่างราวกับเป็นพื้นมั่นคงไม่แตกร้าว ทำให้นางไร้หนทางหนี ไม่สามารถหลบได้ ร่างกายเลือนรางพังทลาย
ใบหน้าร่างวิญญาณจำนวนมหาศาลในนั้น ปรากฏขึ้นบนร่างนางในพริบตา แต่กลับตายติดต่อกันไป จวบจนกระแสทั้งแสนสายพังครืนลงทั้งหมด เมื่อลมปราณของจื่อเยว่อ่อนแอลงอย่างถึงที่สุด พริบตาที่ความกลัวและความหวาดผวาก่อตัวขึ้นในดวงตา ฝ่ามือของหวังเป่าเล่อก็หยุดอยู่ที่ศีรษะนาง
“จิ้งจอกน้อย เจ้ายังไม่ได้สติอีกรึ?”
ร่างกายจื่อเยว่สั่นสะท้าน พยายามเงยหน้าขึ้น สายตามองลอดฝ่ามือมองหวังเป่าเล่อ หวังเป่าเล่อในเวลานี้ดูพร่ามัวในสายตานาง เปี่ยมไปด้วยมหาเต๋าดุจผู้ควบคุมโลกหล้าและลึกลับน่าเกรงขามในเวลาเดียวกัน นางเห็นใบหน้าไม่ชัด เห็นเพียงดวงตาคู่นั้น…ที่เหมือนกับในความทรงจำอย่างกับแกะ
ความหวาดกลัวในชาติก่อนผุดขึ้น ศีรษะของจื่อเยว่ราวกับจะระเบิด คล้ายกับฟื้นความทรงจำบางส่วนขึ้นมาอีก ราวกับตัวเองอยู่ในห้องเด็กหญิงผู้หนึ่ง ถูกวางอยู่บนชั้น ดูภาพวาดของเด็กหญิงผู้นั้นอย่างสนอกสนใจ
จวบจนวันหนึ่ง นางเห็นคนตัวเล็กคนหนึ่งบินออกมาจากภาพวาด เด็กหญิงตัวน้อยผู้นั้นพาคนตัวเล็กเดินไปทางประตู ตัวเองคล้ายกับอยากรู้อยากเห็น จึงออกแรงทีหนึ่ง หล่นลงมาจากชั้นวางใส่หัวเด็กหญิงตัวน้อย
ชนกันครั้งนี้ นางเห็นเด็กหญิงตัวน้อยอย่างชัดเจน
ชนกันครั้งนี้ ราวกับเข้าสู่อีกชาติ
……………………