หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา - บทที่ 1232 ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สหพันธรัฐ!
หวังเป่าเล่อต้องการคำอธิบายอะไร เยาถงไม่รู้และก็ไม่กล้าถาม นางรู้แค่เพียงในใจตนคาดหวังต่อเรื่องนี้อยู่บ้าง…ถึงอย่างไรตนก็เป็นกึ่งระดับจักรวาลไม่ใช่ธรรมดาๆ หากผู้อาวุโสไม่รู้สิ้นลงมือ บางทีอาจทำให้ตนหลุดพ้นสภาวะที่ยากลำบาก กลับไปเป็นอิสระดังเดิมได้
แต่นางก็ไม่มั่นใจ เพราะแก่นสำคัญของนาง…อยู่ในกำมือหวังเป่าเล่อ
ดังนั้นในเวลานี้เยาถงจึงไปพร้อมกับความคิดซับซ้อนต่างๆ นาๆ และวินาทีที่นางหายไป หวังเป่าเล่อเงยหน้ามองด้วยแววตาเรียบเฉย ดวงตาหรี่ลงน้อยๆ
เขาไม่ได้เจาะจงสิ่งใดเป็นค่าตอบแทน คิดจะเอาสิ่งบรรจุเต๋าธาตุไม้อันล้ำค่าที่ตนสัมผัสได้มาจากมือของตระกูลคงกระพัน เรื่องนี้ไม่ใช่ง่ายๆ
ต้องวางแผนอย่างรัดกุมเท่านั้น…ดังนั้น หลังจากที่เขาไปใจกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น สิ่งแรกที่หาเจอก็คือตี้ซาน ในเวลาเดียวกันนี่ก็คือเหตุผลที่ตอนสุดท้ายเขาไม่ไล่ตามไป ปล่อยตี้ซานไปอย่างฉลาดหลักแหลม
เต๋าของตี้ซาน คือภูเขา!
และภูเขากับดิน คล้ายกับ…หากสาวถึงต้นตอก็เป็นเต๋าธาตุดินอย่างหนึ่ง
‘’บาดเจ็บสาหัสจนเหลือแค่ดวงวิญญาณเทพ หาเปลี่ยนเป็นตอนอื่นก็ยังพอทำเนา ทว่าเวลานี้รบรากับสำนักแห่งความมืด เสียจักรพรรดิสวรรค์เป็นค่าตอบแทน…ตระกูลคงกระพันทนรับไม่ได้ เช่นนั้น…คิดจะฟื้นฟูมันกลับมาก็มีแค่เพียง…ผสานรวมสมบัติล้ำค่าที่ใกล้เคียงกับเต๋าของมันเท่านั้น ‘’แววตาหวังเป่าเล่อเป็นประกาย!
เรื่องนี้ หากมีใครสามารถมองใจหวังเป่าเล่อได้อย่างทะลุปรุโปร่งก็คงจะหวาดกลัวสุดขีด หากเขาได้วางแผนจากความคิดในใจของซวนฮว๋าตั้งแต่แรกจริง เช่นนั้นการที่ซวนฮว๋าบุกเข้ามา หวังเป่าเล่อโมโหบุกเข้าไปในใจกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น เหตุเพราะซวนฮว๋าถือสันโดษ ดังนั้นจึงลงมือต่อตี้ซานอย่างหนัก เผยพลังต่อสู้ที่แท้จริงของตนออกมา
เหตุการณ์ต่างๆ นี้…สำหรับการเดาใจคน สำหรับการวางแผนการณ์ต่างๆ ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!
หวังเป่าเล่อยิ้มน้อยๆ เลิกหรี่ตา เรื่องนี้จะเป็นการวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ ของเขา หรือมาถึงจุดนี้อย่างจวนตัว นอกเสียจากตัวเขาเองก็ไม่มีใครล่วงรู้
และความจริงคืออะไรก็ไม่สำคัญอีกแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือ…จุดประสงค์ของหวังเป่าเล่อลุล่วงไปครึ่งหนึ่งแล้ว ดังนั้นเขาก็ไม่ค่อยจะใส่ใจสักเท่าไรว่าเยาถงจะได้ค่าตอบแทนอะไรกลับมา
เพราะไม่ว่าตระกูลคงกระพันจะส่งอะไรมาเป็นค่าตอบแทน เขาก็จะใช้มันเป็นข้ออ้าง แสดงออกว่าไม่พอใจ จากนั้น…ก็ใช้ความเป็นกลางในก่อนหน้า เปลี่ยนเป็นหัวรุนแรงสักเล็กน้อย
“จากการสู้รบของสำนักแห่งความมืดกับตระกูลคงกระพันที่ดูเหมือนไม่เคยเลิกลาแต่กลับไม่เคยล้ำเส้นกัน ช่างเหมาะสมที่จะให้ข้าล้ำเส้นตระกูลคงกระพันสักนิดเหลือเกิน…
คิดได้ดังนี้ หวังเป่าเล่อจึงหลับตาเข้าฌาณต่อ ส่วนร่างของเขากลับอยู่ที่บนโลก ลืมตาทั้งสองข้าง ลุกเดินไปทางที่อาจารย์ปรมาจารย์แห่งไฟอยู่
เรื่องราวต่อจากนี้ เขาจำเป็นต้องปรึกษากับอาจารย์ ในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากหารือกับอาจารย์เรียบร้อยแล้ว สหพันธรัฐก็เปิดประชุมพันธมิตร เหล่าชนชั้นสูงจากอารยธรรมต่างๆ ในระบบสุริยะก็ทยอยมารวมตัวกันที่ดาวโลก
เวลาผ่านไปช้าๆ ระหว่างการประชุมของพันธมิตร เยาถงกลับมาถึงแล้ว ตลอดทางในใจนางรู้สึกหดหู่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ก็ไร้หนทาง การเดินทางไปตระกูลคงกระพันครั้งนี้ นางไม่ได้พบกับผู้อาวุโสไม่รู้สิ้นผู้นั้น บางทีอาจจะไม่อยู่จริงๆ หรือบางที…ก็ไม่อยากขัดใจกับหวังเป่าเล่อไปมากกว่านี้เพราะนาง
ดังนั้นท้ายที่สุด นางจึงได้แต่พาความซับซ้อนกลับมายังระบบสุริยะ ในเวลาเดียวกันยังนำแหล่งทรัพยากรจำนวนมากที่ตระกูลคงกระพันมอบให้กลับมาด้วย พวกนี้…ก็คือค่าตอบแทนที่ตระกูลคงกระพันมอบให้
ตี้ซานปราชัยให้หวังเป่าเล่อ เรื่องนี้ทำให้หวังเป่าเล่อมีคุณสมบัติพอควร โดยเฉพาะการคงอยู่ของสำนักแห่งความมืด ดังนั้นตระกูลคงกระพันจึงทำได้เพียงอดกลั้นต่อเรื่องนี้ ถึงอย่างไรหวังเป่าเล่อก็มีหลักการอยู่ระดับนึง
และหลักการนี้…ส่วนมากแม้จะไม่ค่อยมีผลต่อผู้ที่อ่อนแอนัก แต่สำหรับชนชั้นสูง…มักจะมีผลที่คาดไม่ถึงเสมอ อีกทั้งบวกกับการเชื้อเชิญของผู้อาวุโสตระกูลเซี่ยและการสนับสนุนจากจักรพิภพสำนักเสริมและปรมาจารย์เต๋าเจ็ดสำนัก ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นนี้ก็ปรากฏแววแตกแยกขึ้นมาลางๆ แล้ว
ดังนั้นในเวลานี้ หากไม่สามารถปราบได้อย่างทรงพลังเช่นนั้นก็ได้แต่กล้ำกลืน ยืดเวลาออกไป
เห็นได้ชัดว่า…อย่างแรกไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ทั้งต้องการพละกำลังพอสมควร ทั้งยังต้องใช้ความแข็งแกร่งที่มากพอ ตระกูลคงกระพัน…นอกเสียจากจะเป็นผู้อาวุโสออกคำสั่ง ไม่เช่นนั้นจักรพรรดิสวรรค์คนอื่นๆ ก็ไม่กล้าเสี่ยง
ดังนั้นจึงมีเหตุการณ์เช่นนี้ออกมา
เมื่อความคิดเหล่านี้ผุดขึ้นมาในหัว วันที่เจ็ดที่เยาถงเดินทางกลับ ภายใต้การแนะนำของปรมาจารย์แห่งไฟ การประชุมกลุ่มพันธมิตรระบบสุริยะก็ได้มติที่ตรงกันสำหรับเรื่องนี้
ระบบสุริยะ…พ้นจากจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ยิ่งพ้นจากนามพันธมิตรตระกูลคงกระพัน เพิ่มคำว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เข้าไป เป็นกลางจากในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นตลอดไป
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสหพันธรัฐ!
และประกาศต่อทั่วทั้งจักรวาล ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เปิดต้อนรับทุกอารยธรรมทุกตระกูลทุกสำนักให้เข้าร่วม
เมื่อมตินี้ออกมา ก็เกิดการเคลื่อนไหวในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นทันที ทำให้สำนักตระกูลจำนวนมากใจสั่นสะท้านไปตามๆ กัน เริ่มแรกก็รู้สึกเหลือเชื่อ เพราะหลายปีมานี้ เรื่องการแยกตัวเห็นได้น้อยมากเหลือเกิน
แต่ลองคิดดูดีๆ …ก็เหมือนว่าสหพันธรัฐในตอนนี้ก็มีคุณสมบัติเช่นนี้อยู่จริงๆ ในสภาพแวดล้อมปัจจุบันนี้ สหพันธรัฐมีหวังเป่าเล่อที่ติดอันดับแถวหน้าสุดยอดชนชั้นสูงในจักรพิภพเต๋า ทั้งยังมีระดับจักรวาลอย่างปรมาจารย์แห่งไฟกับเยาถง อีกทั้งยังมีสมบัติล้ำค่าอย่างแผ่นเลื่อนโลกา
พลังอำนาจเช่นนี้ แยกตัวจากวังวนของตระกูลคงกระพันก็เหมือนอยู่ในความคาดหมาย!
เพียงแต่แม้เรื่องนี้จะก่อเกิดความสั่นสะเทือน และก็มีตระกูลสำนักเล็กๆ จำนวนไม่น้อยมาแอบหารือกับสหพันธรัฐเพื่อจะเข้าร่วม แต่สุดท้ายตระกูลสำนักส่วนมากในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายก็ยังคงเฝ้าสังเกตด้วยความลังเล
เห็นได้ชัดว่าอิทธิพลอำนาจอันเนิ่นนานของตระกูลคงกระพันทำให้สำนักตระกูลเหล่านี้ไม่กล้าตัดสินใจง่ายๆ หากตระกูลคงกระพันโกรธเพราะเรื่องนี้จนเกิดศึกล้างตระกูลขึ้นมา พวกเขารับไม่ไหว
ในเวลาเดียวกัน สำนักใหญ่จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายอย่างเต๋าเก้ารัฐก็ลังเลต่อเรื่องนี้เช่นกัน แต่ในเวลาสั้นๆ ปรมาจารย์เต๋าเก้ารัฐรู้สึกราวกับคว้าโอกาสได้ ก่อนจะถ่ายทอดคำสั่งออกไปในทันที ประณามการกระทำของสหพันธรัฐนี้อย่างรุนแรง
สำนักใหญ่อื่นๆ ก็ทยอยกันขานรับ ในเวลาเดียวกันใจกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ ต่อเรื่องนี้ แต่…จักรพรรดิสวรรค์กวงหมิงเป็นผู้นำตระกูลคงกระพันมาด้วยตัวเอง ที่นอกสนามรบที่เปิดศึกกับสำนักแห่งความมืด เลือกผู้ฝึกของตระกูลจำนวนหนึ่งปักหลักอยู่ที่ในเขตแดนจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย
ในเวลาเดียวกันก็มีแรงบีบคั้นดวงจิตเทพที่เรียกได้ว่าน่ากลัวอาจหาญดวงหนึ่งแผ่กระจายออกมาจากตระกูลคงกระพัน กวาดไปทั่วจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย ทำให้ขณะที่สรรพสิ่งสั่นคลอน สุดท้ายดวงจิตเทพนี้ก็ร่อนลงที่นอกระบบสุริยะ ก่อนแผ่แรงกดดันไปทางระบบสุริยะในทันที
สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งระบบสุริยะราวกับจะถล่ม ธรรมกายของหวังเป่าเล่อเงยหน้าลืมตามองไปทางท้องฟ้าที่ดวงจิตเทพแผ่ออกมา ขณะที่ดูเลือนราง ราวกับว่าเขาเห็นปลายทางของท้องฟ้านั่น ในเมืองหลวงของตระกูลคงกระพัน มีดวงจิตเทพดวงหนึ่งกำลังมองมาที่ตนด้วยความเยียบเย็น
“ผู้อาวุโสไม่รู้สิ้น”หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงพลางเอ่ยเสียงเบา
“หวังเป่าเล่อ อย่าให้มากไป เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าจะไม่มีปัญญาแบ่งใจมาทำลายเจ้าได้? !”เสียงแค่นเย็นชาที่แฝงความน่าเกรงขามลอยออกมาจากดวงจิตเทพก่อนสลายหายไป
แม้ตระกูลคงกระพันจะไม่แสดงท่าทีออกมา แต่ไม่ว่าจะเป็นการตั้งมั่นของจักรพรรดิสวรรค์กวงหมิง หรือดวงจิตเทพของผู้อาวุโสไม่รู้สิ้น ต่างก็ทำให้ตระกูลอารยะธรรมที่ในใจลึกๆ กำลังโลดแล่นขึ้นมาเหล่านั้นไม่กล้าติดต่อกับสหพันธรัฐต่อไปตามๆ กัน
และสหพันธรัฐในเวลานี้ ราวกับกำลังรับบทแสดงอยู่คนเดียว แต่อันที่จริง…สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในความคาดหมายของหวังเป่าเล่อทั้งสิ้น
“คำเตือนนี้…ดูท่าจะยังไม่ล้ำเส้นสินะ”หวังเป่าเล่อหรี่ตา นัยน์ตาฉายแววลึกล้ำ
…………………………